ขอบคุณพี่ศักดิ์สำหรับบทความรีวิวเรื่องชุดช่วงล่างใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของพี่ศักดิ์เป็นอย่างดีและขอแสดงความยินดีด้วยครับที่ได้ชุดช่วงล่างที่ถูกใจ ในราคาสบายกระเป๋า
ขอแสดงความคิดเห็นต่อจากโพสของพี่ศักดิ์เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองนะครับ1. ราคาที่จ่ายไปกับสิ่งที่ได้มาผมพอใจครับพี่ ผมไม่ทราบว่าของแพงกว่านี้จะดีขนาดไหน ของไทยยี้ห้อนี้ก็สามารถทำได้ไม่แพ้ของนอกแบบ EMUและของไทยยี้ห้อนี้ก็ยังทำส่งออก
ตอบด้วย คหสต : หากพี่ศักดิ์ได้ติดตามเรื่องราวการทดสอบและการรีวิวของแก๊งค์กระเป๋าแหกที่เคยทำกันมานั้นอาจจะมองเห็นอีกภาพหนึ่ง คือสิ่งแรกที่พวกเราขอไม่รับรู้และสนใจคือ ยี้ห้อกับราคา เราขอทดสอบและขอข้อมูลเรื่องการออกแบบพร้อมสเปคของแต่ละยี้ห้อเพื่อใช้เป็นข้อมูลกัน โดยเป้าหมายคือเลือกไปเลยว่าที่ลองใช้แล้วพอใจคือชุดไหน แล้วสุดท้ายมันคือยี้ห้ออะไร แล้วราคาเท่าไหร่ เทียบกับตลาดแล้วในราคาเท่านี้มีตัวเลือกกลุ่มไหนบ้างเพื่อเอามาrecheck กันอีกครั้ง และสุดท้ายก็คือเรื่องการรับประกัน รวมไปถึงร้านที่จะบริการ เพราะฉะนั้นโจทย์นี้ สวนทางกับการทดสอบของพวกเราปามาเนียครับ (เรายอมรับของไทยมากกว่านั้นอีก ถึงขนาดถอดสเปคตัวที่ใช่ส่งโรงงานใส่ของที่ทำในประเทศมาลองกันอีกรอบก็มี ) 2. ผมเองว่าแกนโช้คยิ่งใหญ่ยิ่งทำให้รถนิ่งเหมือนกับเสาบ้านเพราะตัวถังรถวางอยู่บนเสาสี่เสานี้ ทำให้เบรคดีขึ้นผู้โดยสารไม่กระเด็นไปกองอยู่ข้างหน้าผมว่าโช้คดีมีผลต่อการหยุดการสะเทือนของตัวรถทุกทิศทาง บนล่าง(ย้วย) ขวาซ้าย(โคลง) หน้าหลัง
ตอบด้วย คหสต : โช๊คไม่ได้ช่วงแก้อาการเรื่องยวบ หยาบ ย้วยหรือโคลงนะครับ แต่ถ้าบอกว่าช่วยหน่วง ช่วยลด ช่วงประคองการเกิดของอาการ แบบนี้ใช่ครับ สปริงต่างหากที่จะเป็นตัวรับน้ำหนักและแก้อาการดังกล่าวแต่ทั้งนี้ด้วยความแข็งของสปริงที่มีมากขึ้นเพื่อรองรับน้ำหนักการกดของตัวรถในลักษณะต่างๆได้แล้ว ยังจำเป็นต้องมีโช๊คที่มีแรงดัน ต้านแรงดึงที่สูงมาช่วยประคองการรับน้ำหนักของสปริงด้วยเพื่อให้เกิดความนุ่มนวนหรือหนึบแน่น ในลักษณะต่างๆกันไป การเปลี่ยนแต่โช๊คไม่เปลี่ยนสปริงรถก็จะมีอาการย้วยโคลงแบบเดิมเพียงแต่โช๊คจะหน่วงไว้ทำให้เกิดอาการช้าๆ แต่ก็ยังเกิดอยู่ และถ้าเป็นการบังคับเกิดอาการแบบว่ามีความเร็วมีน้ำหนักมีแรงเหวี่ยง เจอแบบนี้สปริงรับไม่ไหว โช๊คหน่วงอยู่อาการก็เหมือนรถทัวร์เข้าโค้งยาวๆ กว้างๆ ผู้โดยสารก็จะเอนตามแรงไป แต่อาจจะคืนตัวช้าหน่อยเมื่อเข้าทางตรง สปริงที่เราเล่นๆกันมานั้นมีหลากหลายรุ่น หลากยี้ห้อ และสุดท้ายมาจบที่สปริงชนิดโปรเกรสซีฟของEMU คือสปริงที่มีระยะทำงานตามน้ำหนักกดแบบต้านเพิ่มตามระยะกด คล้ายๆกับสปริงของบางค่ายที่ทำสปริง 2 ชั้น มีชั้นบนเส้นเล็กกว่าบาง และมีชั้นล่างเส้นหนากว่าแข็ง เวลาน้ำหนักกดน้อยจะนิ่มเวลาน้ำหนักกดเยอะจะแข็ง แต่จะต่างกับพวกโปรเกรสซีฟที่ระยะต้านแรงต่อเนื่องกว่าไม่มีรอยต่อของแรงสปริงให้รับรู้ได้
ส่วนเรื่องโช๊คที่มีการปรับได้กับปรับไม่ได้นั้น ที่เราลองกันมาสุดท้ายเลือกปรับที่พอใจอยู่1เบอร์ที่รองรับได้ หรือแบบที่เป็น Subtank ก็จะเติมแรงดันเข้าไปที่กี่PSI เพื่อให้ได้ความนุ่มที่เหมาะสมแบบเดียวกับปรับค่าหรือหมุนแต่ใช้ลมเติม หรือแบบโช๊คไฟฟ้าที่มี control panel ในรถคอยสั่งปรับ สุดท้ายมีโช๊คยี้ห้อหนึ่งที่ผลิตออกมาเป็นระบบวาว์ล IAS [ intelligent auto value system]และจดลิขสิทธิ์ด้วย ยี้ห้อนี้ผมชอบมากและทุกวันนี้ยังใช้อยู่เลยกับคันอื่น แต่เป็นรุ่น Subtank พร้อม IAS คือหลักการทำงานจะทำงานตามสภาวะแรงกระแทกของล้อและน้ำหนักโดยสาร แทนการปรับหมุนตั้งค่าของโช๊คหรือที่แรกว่าโช๊คอัตโนมัติปรับตามสภาพถนน คือเมื่อไม่มีแรงกระแทกโช๊คจะแน่นเฟริม์แต่พอมีแรงกระแทกที่ล้อและส่งมาที่โช๊คมากเกิน ระบบวาวล์ในโช๊คจะเปิดให้น้ำมันไหลผ่าน โช๊คเลยนิ่มขึ้นในจังหวะนั้นและหากมีแรงดึงทันทีทันใดของแกนโช๊ค วาวล์จะปิดแกนจะหนืดไว้เพื่อรั้ง แบบนี้เวลาเข้าโค้งแรงๆเข้าไปเลย โช๊คข้างหนึ่งยืด โช๊คอีกข้างยุบ ถ้าจังหวะเร็วโช๊คจะล๊อกวาว์ลทั้ง2ข้าง เราก็จะควบคุมรถได้ง่ายมากๆ พอแรงกระทำลดลงระบบจะคืนค่าปกติ เราก็กลับมาใช้งานด้วยแรงดันเป้ามายปกติของโช๊คได้เช่นเดิม ไม่ต้องไปปรับครับ
3. โปรเฟนเดอร์ปรับ 4 ระดับตัวนี้ก่อนก็น่าสนใจครับกับราคาค่าตัว 11,500 บาทประกันหนึ่งปีเต็มทุกสภาพการใช้งานปรับระดับได้ 4 ระดับตามสภาพการใช้งานเป็นกรณีๆไปเทียบกับ Old Man Emu 42,000 บาทประกันสามปีปรับระดับไม่ได้ซื้อมาเกิดไม่ชอบต้องทนใช้ในทุกสภาวะการใช้งาน ราคานี้สามารถเปลี่ยนโปรเฟนเดอร์ปีละหนึ่งครั้งได้สามปีติดๆกันหากมีปัญหา
ตอบด้วย คหสต : EMU Sport ที่เป็นข้อสรุปของเรา ราคาอยู่ที่ 21500 – 24500 บาทแล้วแต่ช่วงราคา (บางที 19800 บาทก็มี) ด้วยประกัน 36 เดือน ราคาเฉลี่ยใช้งานต่อเดือน 600บาท+/- เทียบกับของพี่ศักดิ์ 11500/12 = 950 บาท+/- หากคิดแบบนี้ลองพิจารณาดูนะครับว่าตัวไหนต้นทุนการใช้งานต่ำกว่า
การรับประกันสินค้าในแง่การผลิตทั่วไปแบ่งเป็น 3-4 อย่าง
แบบ 1. ทั่วไปอย่างน้อยในการผลิตก็ควรให้การรับประกัน 1 ปี
แบบ 2 มีการทดสอบ มีการQC จึงกล้าการรับประกัน 2 ปี
แบบ 3. มีการทดสอบ มีการQC มีการควบคุมที่ดี เพื่อความมั่นใจProduct ให้การรับประกันถึง 3 ปี
แบบ 4. แบบ LT. คือกลุ่ม lifetime warrant กลุ่มนี้ฟังดูดีป่ะ แปลให้ดีคือการผลิตที่มีโอกาสผิดผลาดเยอะ เพื่อลดต้นทุน จึงต้องเปิดความเสี่ยงเป็น lifetime warrant หรือ lifecycle warranty หรือการรับประกันตลอดเมื่อสินค้ายังผลิตอยู่ ไม่ใช่แปลว่า “เคลมฟรี ไปจนพัง” และทางด้านการขายสินค้ากลุ่มนี้จะถูกแยกให้ชัดเจนหรือสวยหรูก็มีเพื่อกลไกการตลาดที่แท้จริง
เช่น
4.1 สินค้าราคาพิเศษ ไม่มีประกัน ....แบบนี้ ขายยาก โอกาสขายได้น้อย
4.2 สินค้าราคาพิเศษ ประกัน 7 วัน ....แบบนี้ โอกาสขายง่ายกว่า คนแห่ซื้อ รีบทดสอบ
4.3 สินค้า ประกัน 5 ปี ....แบบนี้ ขายได้เรื่อยๆ ชนะคู่แข่งได้ เสียก็มาเคลม
4.4 สินค้า ประกัน LT ....แบบนี้ขายได้ตลอด ลูกค้าเชื่อมั่น มั่นใจ ชนะคู่แข่งเพราะประกันตลอดชีพ (ความจริงแล้วคือการให้การรับประกันแบบป้องกันปัญหาการ complain จากลูกค้าหากสินค้ามีปัญหาเยอะ ก็เปลี่ยนให้เลยลูกค้าไม่ด่าแน่นอน หรือหากไม่มีของเปลี่ยนก็แนะนำของใหม่ทดแทนเลย เป็นการเปิดโอกาสการขายของใหม่ที่ดีกว่า)
** ถ้าเป็นผมเลือกแบบ 2 (หรือบางจังหวะอาจวัดดวงที่แบบ 1 ได้ราคาถูกจริงๆ) 4. Old Man Emu เป็นของออสเตรเลียผู้ซื้อต้องจ่ายแพงเพื่อบวกค่าภาษีนำเข้าอุปกรณ์ตบแต่งรถซึ่งสูงมากแพงเหมือนซื้อรถยุโรปนำเข้าแต่โปรเฟนเดอร์ผลิตในไทยส่งออกต่างประเทศด้วยราคาจึงถูกกว่า เทคโนโลยีไม่น่าจะซับซ้อนเกินความสามารถของวิศวกรไทย
ตอบด้วย คหสต : จริงแล้วเคยหาคำตอบแต่มันเป็นเรื่องเทคโนโลยีการผลิต และการทดสอบและคุณภาพของสินค้ามากกว่าที่ทำให้สินค้ามีคุณภาพ(พี่หยกมีเอา clip มาลงให้ดูครับ) การนำเข้ามาก็มีหลากหลายช่องทางที่ทำให้เกิดกันแข่งขันด้านราคา หากตัดเรื่องยี้ห้อออกก่อน ที่ผ่านมาเราทดลองกันจนว่ามีอะไรอีกไหมที่ทำได้แบบตัวนี้ในราคาถูกกว่า มีร้านค้าย่านหนองมนเอาโช๊คตัวต้นแบบที่ทดสอบแล้วใช่มาทดสอบหาค่าแรงดึงแรงดันและสั่งแบนด์เมื่อไทยชื่อดังที่ทำส่งออกให้ผลิตและนำกลับมาใช้งานพบว่าทำได้ดีใกล้เคียงสิ่งที่เราต้องการในราคาที่ต่ำลง แต่พอใช้ไปค่าต่างๆกลับลดลงตามเวลาและมีอการรั่วซึใของแรงดันที่สูงเพราะอุปกรณ์บางตัวเทียบไม่ได้ รวมถึงขั้นตอนการทดสอบต่างๆต่างกันอีก และก็มีอีกรุ่นที่ย้ายโรงงานเป็นอีกทีเพื่อทำแบบนุ่มนวลสุดท้ายก็คำตอบเดิม ทำได้ดีใกล้เคียงกันแต่อยู่ได้ไม่ทนไม่ดีเช่นกัน และหากจะทำให้ดีเท่ากันราคาต้นทุนการทำก็คงไม่หนีกันเท่าไหร่ สุดท้ายยอมและเข้าใจว่าทำไมต้องซื้อของที่แพงกว่าและใช่มากกว่ากับรถของเรา(สามารถเลือกอ่านและทำความเข้าใจกับข้อมูลเก่าๆได้ครับ เรามีไว้หมดแล้วhttp://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,50.0.html )
http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,392.0.html**สำหรับสมาชิกปามาเนีย อ่านข้อมูลกันแล้วก็พิจารณาจากข้อมูลและเนื้อหาหรือหาข้อมูลอื่นๆประกอบก่อนตัดสินใจนะครับ โช๊คที่ผมว่ามา “ EMU Sport + Spring Progressive EMU [set5 , set5+] อาจจะไม่ใช้โช๊คที่ดีที่สุดสำหรับPajero sport ก็ได้ แต่ในเวลานี้ยังไม่มีตัวไหนที่ใส่แล้วชอบมากกว่า ข้อเสียของ EMU ก็คือกระด้างตึงตังเมื่อขับช้าและไม่มีน้ำหนักบรรทุกบ้าง(กระด้างแค่ไหน ต้องลองนั่งครับ) แต่เมื่อรถมีความเร็ว หรือมีผู้โดยสารสัก 3 คนขึ้นไปรับรองว่า บนความเร็วมากกว่า 100 คุณสามารถขับรถได้นิ่งและควบคุมรถได้ง่ายบนถนนเมืองไทย และลุยได้มันส์ในทางแบบครอส คันทรี่ และยิ่งดีเมื่อโดยสารกัน 4-5 คน
“ ผมยังแนะนำแบบเดิมนะครับ ว่าให้แต่งรถให้เข้ากับบุคลิกของรถและคนมีหน้าที่ปรับตัวเข้าหา ควบคุมรถเท่านั้น “