Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > Performance Talks & Engine Modifications

นำส่วนผสม...กล่องข้าวน้อย2 มาพักไว้ก่อน (รอพี่อ๊อดมาปรุงใหม่)

<< < (4/14) > >>

พี่นะ [Na ratchada]:



Smart Gauge จำเป็นหรือไม่  จะใส่หรือไม่ใส่....หรือยังไง ??????
จริงแล้วมันคือเครื่องมือในการวัดค่าต่างๆของรถยนต์เช่น  วัดบูส   วัดความร้อน  วัดแบต  วัดแรงดัน  และอื่นๆอีกมากมาย  รวมไปถึงการตรวจสอบค่าไฟโชว์รูปเครื่องยนต์พร้อมฟังชั่นการลบ code ที่ทำให้ไฟโชว์ได้   

**ลำพังคุณสมบัติเท่านี้  จึงทำให้ตัดสินใจกันลำบากว่า  ตกลงแล้วมันจำเป็นหรือไม่   หรือมีก็ได้ไม่มีก็ได้  แต่ถ้ามีไว้ก็ดี  ผมว่าปัญหานี้  หนักหัวสำหรับเพื่อนสมาชิกที่สนใจ ว่า  กระเป๋าจะแหกทั้งที่ต้องให้ได้ของดีๆ ซิครับ   555555 

งั้นเรามาฟังทางนี้  ผมกำลังจะพาพวกท่านแหกกระเป๋าซื้อใช้ไว้ในรถกัน  ด้วยเหตุผลไม่กี่ประการ  สำหรับ  Pajero Sport คันงามของพวกเรา   สำหรับข้อดีที่มีมาให้สำหรับ Smart Gauge รุ่นที่ทำมาสำหรับ Pajero Sport  เด่นๆ  ดังนี้
1.ใช้สำหรับวัดค่าทั่วไป (จะดูหรือไม่ดูก็ได้  อย่างน้อยเปิดทิ้งไว้ที่ display วัดความร้อนเครื่องยนต์)
2.มีสัญญานเตือนเมื่อความร้อนสูง  แบตต่ำ  เหยีบบเค้นมากเกินไป   และไฟโชว์ต่างๆ
3.ตรวจสอบเคลียค่า ไฟเครื่องยนต์โชว์สีส้มได้   จากความผิดผลาดต่างๆ
4.เป็นระบบกันขโมยตัดสตาร์ท  คือต้องใส่ รหัส ก่อนทุกครั้งที่จะสตาร์ท (กรณีเราสั่ง lock ระบบ เท่านั้น)
5.หลังจากปรับจูน mode หรือ step เป็นที่เรียบร้อยแล้ว   หากเรามีเจ้าตัวนี้เราสามารถปรับ mode การขับขี่หลากหลายรูปแบบ   ตามการตอบสนอง  ในแบบต่างๆ ด้วยนิ้วจิ้มๆ  เช่น
           5.1 mode 1: ขับขี่คนเดียว  มันส์คนเดียว   อัตราตอบสนอง  ปรู๊ดปราด 
           5.2 mode 2: ขับแบบทางยาว   ปลายไหลเร็ว   รอบไม่สูง
           5.3 mode 3: บรรทุกหลายคน  ต้องการแรงบิด แรงม้า  แบบค่อยๆเพิ่ม  ค่อยๆไหล
           5.4 mode  4: ขับขี่บนภูเขา ท่องเที่ยว  เร่งทันใจ  ไต่ยาวๆ
           ***หรือบางท่าน ต้องการเพียง  1-3 mode  หรือแค่  1 กับ 2 ก็จัดให้ได้   ถ้าเรามีเจ้าตัวนี้


**ประมาณว่า  ถ้าชอบขับ mode เดียวก็ไม่ต้องซื้อครับ แต่ lock กันขโมย ตัดสตาร์ท ก็น่าสนนะครับ 5555

พี่นะ [Na ratchada]:
(เครดิตพี่อ๊อด ราชรี)
ทำความเข้าใจกับกล่องข้าวที่เรากินให้ดีขึ้น ตอนที่ 1 สถานะแบตเตอรี่ (BATT)

เนื่องด้วยว่าเจ้ากล่องข้าวน้อยของเรา รวมทั้งเจ้าคู่หู Smart Gauge มันรับประทานไฟผ่านขั้ว OBD-II (โอ-บี-ดี-ทู)
ที่อยู่ข้างใต้ ข้างๆที่เปิดฝาถังน้ำมัน อีกทั้งยังเป็นช่องทางให้ Smart Gauge อ่านค่าต่างๆของรถไปแสดงที่หน้าจอ



และเมื่อมันใช้ไฟผ่านขั้ว OBD-II นี้เอง ทำให้ทั้งกล่องข้าวน้อยและ Smart Gauge กินไฟในรถของเราตลอดเวลา
ถึงแม้จะดับเครื่องถอดกุญแจแล้วก็ตาม

ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้กล่องข้าวน้อยของเราอุ่นตลอดเวลาเมื่อเอามือไปสัมผัส
มันเป็นอะไรที่ทำให้ผมกังวลมากๆในช่วงแรกๆที่ได้ใช้งาน
แต่ก็ไม่ต้องตกใจ มันไม่รับประทานไฟจากแบตของเราหมดได้ในชั่วข้ามคืน
และก็ไม่ต้องตกใจว่าตัวกล่องจะมีปัญหาในอนาคต เพราะผมได้ลองสอบถามข้อมูลมาแล้ว
ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีปัญหา มั่นใจได้ในคุณภาพ ตัวกล่องไม่เอ๋อไม่แฮ้งค์กันง่ายๆ

แต่อีกหนึ่งปัญหาที่จะพบตามมาคือเรื่องของไฟในแบตเตอรี่ลดลง หากไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานๆหลายๆวัน
จากการที่เราเสียบกล่องข้าวน้อยและ Smart Guage ค้างไว้
ซึ่งจะเห็นผลชัดกันรถที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมหรือเริ่มเก็บไฟไม่อยู่ และจะเสี่ยงต่อการสตาร์ทไม่ติด

ในเมื่อเรามีของดีอยู่ในรถ เราก็ต้องรู้จักดูแลและใช้มันให้คุ้มค่า วันนี้ผมจึงอยากจะนำเสนอเรื่องการดูสถานะแบตเตอรี่ครับ

ที่หน้าจอ Smart Guage ให้ดูที่  BATT ขณะยังไม่ได้สตาร์ทรถ บิดกุญแจ on แล้วรอซักครู่


แต่หากสตาร์ทรถจะเห็นค่าที่เพิ่มขึ้น


สามารถเอามาตีความได้คร่าวๆตามภาพนี้ครับ


นั่นคือหากต้องการดูสุขภาพของแบตเตอรี่ของเรา ก็ให้ดูหลังจากที่ดับเครื่องแล้วซัก 4-5 ชั่วโมง
หรือถ้าให้ดีก็จอดรถข้ามคืนแล้วค่อยมาอ่านค่า ค่าของแบตเตอรี่ที่ปกติก็จะอยู่ระหว่าง 12-12.8 โวลท์

หากต่ำกว่า 12 โวลท์ แสดงว่าแบตเราเริ่มเก็บไฟไม่อยู่แล้ว เริ่มจะเสื่อมแล้ว แต่ก็ยังใช้ได้ ยังพอจะสตาร์ทรถได้
แต่ระวัง เพราะเรามีกล่องข้าวน้อยและ Smart Guage อยู่ในรถ มันอาจจะแอบกินไฟไปจนถึงจุดวิกิตได้

นั่นคือหากต่ำกว่า 11.5 โวลท์ลงมา หากจอดทิ้งไว้หลายวัน มีโอกาสจะสตาร์ทรถไม่ติดได้นะครับ

มาดูตอนสตาร์รถบ้าง เวลาที่สตาร์ทรถแล้ว จะดูสุขภาพของแบตเตอรี่ไม่ได้
แต่จะดูได้เพียงแค่ว่า ไดชาร์ท ของรถมีปัญหาหรือไม่ หากค่าที่อ่านได้อยู่ในช่วง 13.5 โวลท์ขึ้นไป
แสดงว่าไดชาร์ททำงานปกติ หากต่ำกว่านั่น แสดงว่าไดชาร์ทมีปัญหา เตรียมปรึกษาศูนย์ได้เลยครับ

 

พี่นะ [Na ratchada]:
**ทำ Switch on/off ตัดไฟเลี้ยง Smart gauge เพราะกินแบตเตอร์รี่หากจอดนานเกิน 5 วัน (ทดลองแล้ว)

ย้ำเตือนกันนิด :  การทำแบบนี้เป็นการสมัครใจเฉพาะนะครับ   และต้องระวังอย่างมาก    หากมีปัญหาขึ้นมาอาจจะมีผลกับเรื่องการรับประกันจากทีมงานได้     ถ้าจะดีขอเป็นการดึงหัวต่อ OBD ออกจะง่ายและดีกว่า  หากแน่ใจว่าต้องจอดรถนานกว่า  4-5 วัน
หรือถอดขั้วลบ ( - )   แบตเตอรี่จะง่ายกว่า   หรือซื้อหัวปลดขั้วแบตคู่ละประมาณ  6-700 บาท   ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่   

ข้อมูลที่จะเสริม  ดังนี้

หากเป็นตรง smart gauge สายไฟเลี้ยงคือเส้นสีส้มขวาสุด   สามารถใส่ switch ได้จุดนี้


ถ้าต้องการเนียนๆ  ก็ถอดขั้วมาติดต่อได้  โดยใช้เข็มเย็บผ้า  แทงเขี้ยว  ก็หลุดแล้ว


ตัวอย่าง


หากเป็นที่หัว OBD   สายไฟของกล่อง Smart guage คือสายสีส้ม ที่นำเอาสาย cat5e มาทำ แข็งไปหน่อย
**ส่วนสายสีเหลือง คือสายที่ไปเลี้ยงกล่อง Ifrit  อย่าผิดเส้นนะ

**ทำ Switch on/off ตัดไฟเลี้ยง Smart gauge เพราะกินแบตเตอร์รี่หากจอดนานเกิน 5 วัน (ทดลองแล้ว)




ขอลงแต่รูปไม่ลงรายละเอียดนะครับ สาธุ

เป็นงาน DIY ที่ผมและพี่อ๊อด ลำบากใจในการแนะนำ  จริงๆครับ











ประมาณนี้ครับ
Switch ใหญ่ตัดไฟ   กล่อง กับ  smart gauge               
Switch เล็กตัดไฟ    smart gauge  อย่างเดียว

****ถ้าไม่ได้ทำ  ใช้วิธี ถอดขั้ว ครับ  ตามผู้ผลิตแนะนำ  ถ้าจำเป็นต้องจอดนานหลายวัน

เรียบร้อย

พี่นะ [Na ratchada]:
(เครดิตพี่อ๊อด ราชรี)

มองไปเห็นโลโก้Happy Meal ที่พี่นะพูดถึงบ่อยๆ  :D



ผมก็เลยลองทำโปสเตอร์นี้มาให้ชม 555  :D :D :D


**ไม่ใช่การขายนะครับ  สื่อสารเพื่อการ relax เท่านั้น


ขวัญใจสนามบิน  อิ  อิ

พี่นะ [Na ratchada]:
(เครดิตพี่กอบ บางใหญ่)
ลอง Step 4  สุด  เสียว  ว้าว  ตัวโม  ;) ;)
 
ได้มีโอกาสลอง Step 4 สุด  เสียว  ว้าว    ผลการขับใช้งานสองสามวัน ตามความรู้สึกเป็นดังนี้ครับ
 - รอบกวาดเร็วกว่าเดิม
 - คันเร่งเบาเท้ากว่าเดิม ออกตัวดีขึ้น
 - บูสติดเท้าไวกว่าเดิม  ขากลับจากหนองมน กดเป็นมา
 - เสียงเครื่องเงียบลง รอบเดินเบา รอบนิ่งไม่สวิง (ไม่ได้เปิดแอร์นะ)  อาจจะใหม่ เลยมีผลทำให้ลื่นเงียบ

  สุด    = S
  เสียว  = C
  ว้าว   =  V     

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version