Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Welcome New Member / Talk Board
สอบถามเรื่่องการต่อประกันชั้น1 ปีที่2
แพะ@ระยอง:
พอดีรถจะเข้าปีที่2แล้ว ประกันที่แถมมาจะหมดแล้ว เลยอยากถามว่าถ้าเราซื้อผ่านตัวแทนกับไปซื้อที่บริษัทเลย ราคามันต่างกันมากไหมครับ พอดีที่ตั้งบริษัทมันอยู่ใกล้ๆบ้าน(วิริยะ) แล้วปกติถ้าไม่มีประวัติการเคลมจากที่เก่าแล้วเรามาซื้อประกันที่ใหม่เค้าจะมีส่วนลดให้ไหมครับหรือต้องต่อปีที่2ของที่เดิมแล้วไม่มีประวัติเคลมเขาถึงจะมีส่วนลดให้ แล้วปกติปีที่2นี่ค่าเบี้ยประกันควรอยู่ประมาณเท่าไหร่ครับ (ซ่อมห้างไม่ระบุคนขับ) รถผม 2.5 GT 2012ครับ ตอนนี้ที่มองไว้มีกรุงเทพกับวิริยะไม่ทราบมีใครใช้บ้างครับอยากทราบค่าเบี้ยว่าประมาณเท่าไหร่ และขอทราบราคาภาษีและพรบด้วยครับ จะหมดสิ้นเดือนหน้าแล้ว
:sd23:
สุภัทร (Pat):
ความเห็นส่วนตัว
1. ผ่านตัวแทนที่รู้จัก ที่เพื่อนๆ แนะนำ น่าจะดีกว่า ซื้อประกันเอง ส่วนลดไม่ต่างกัน เพราะบ.ประกันภัยต้องอาศัยรายได้จากตัวแทนมากกว่าประกันตรงอยู่แล้ว เวลาเคลมก็ให้ตัวแทน(ดีๆ) ช่วยตาม ช่วยเร่ง ช่วยควบคุมงานซ่อมกับอู่ได้ครับ
2. เรื่องส่วนลด ถ้าเปลี่ยนบริษัท ไม่น่านำมาต่อได้ แต่ตัวแทนอาจจะลดส่วนของตัวแทนให้ ซึ่งใกล้เคียงกับที่เราต่อประกันบริษัทเดิมครับ
3. รถที่บ้านใช้กรุงเทพฯ เคลมง่ายดีมาก อู่ก็เต็มใจรับ ไม่เคยมีปัญหาจุกจิก วิริยะ เคยใช้นานแล้ว ไม่ค่อยประทับใจ น้องปาใช้อาคเนย์ ผ่านตัวแทนครับ
4. เรื่องค่าเบี้ยตอบไม่ได้ครับ รถคนละCC ผม 3.2 ทุนประกัน 800,000 บาท เบี้ยประกัน 16,000 กว่าๆ ครับ
เป็นข้อมูลส่วนตัว รอท่านอื่นมาให้ข้อมูลต่อครับ
แพะ@ระยอง:
--- อ้างจาก: Pat ที่ 7 มิถุนายน 2013, 08:13:18 ---ความเห็นส่วนตัว
1. ผ่านตัวแทนที่รู้จัก ที่เพื่อนๆ แนะนำ น่าจะดีกว่า ซื้อประกันเอง ส่วนลดไม่ต่างกัน เพราะบ.ประกันภัยต้องอาศัยรายได้จากตัวแทนมากกว่าประกันตรงอยู่แล้ว เวลาเคลมก็ให้ตัวแทน(ดีๆ) ช่วยตาม ช่วยเร่ง ช่วยควบคุมงานซ่อมกับอู่ได้ครับ
2. เรื่องส่วนลด ถ้าเปลี่ยนบริษัท ไม่น่านำมาต่อได้ แต่ตัวแทนอาจจะลดส่วนของตัวแทนให้ ซึ่งใกล้เคียงกับที่เราต่อประกันบริษัทเดิมครับ
3. รถที่บ้านใช้กรุงเทพฯ เคลมง่ายดีมาก อู่ก็เต็มใจรับ ไม่เคยมีปัญหาจุกจิก วิริยะ เคยใช้นานแล้ว ไม่ค่อยประทับใจ น้องปาใช้อาคเนย์ ผ่านตัวแทนครับ
4. เรื่องค่าเบี้ยตอบไม่ได้ครับ รถคนละCC ผม 3.2 ทุนประกัน 800,000 บาท เบี้ยประกัน 16,000 กว่าๆ ครับ
เป็นข้อมูลส่วนตัว รอท่านอื่นมาให้ข้อมูลต่อครับ
--- End quote ---
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ช่วงนี้คงศึกษาหาข้อมูลไปเรื่อยๆก่อนประกันจะหมดสิ้นเดือนหน้า เพราะประกันโตเกียวที่แถมมาเห็นเค้าบอกกันว่าไม่ดีส่วนตัวผมก็ไม่เคยเคลมเลยไม่ค่อยรู้ว่าไม่ดีจริงหรือเปล่า เลยมองๆหาที่อื่นเผื่อเลือกไว้ครับ
ตูมตาม:
มาเสริมข้อมูลต่อจากพี่ภัทรให้พี่แพะซักนิดครับ
ที่บริษัทผมมีลูกค้าเป็นบริษัทประกันภัยอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน...ผมเลยได้มีโอกาสคุยกับฝ่ายบริหารของบริษัทพวกนี้อยู่เรื่อยๆครับ....โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายตัวแทนที่ต้องมาประชุมด้วยกันตลอด
1. จริงอย่างที่พี่สุภัทรว่าครับ....จะซื้อตรงกับบริษัท หรือจะซื้อผ่านตัวแทน ค่าเบี้ยส่วนใหญ่ต่างกันไม่มาก เพราะบริษัทต้องพึ่งตัวแทน จึงไม่ลดค่าเบี้ยให้มากนักหากลูกค้าเดินไปซื้อตรงๆ เพราะจะเป็นการตัดทางหากินของตัวแทนกลายๆครับ....ดังนั้นระหว่างซื้อตรงกับบริษัท กับซื้อผ่านตัวแทน ค่าเบี้ยก็ไม่แตกต่างกันครับ
2. ค่าเบี้ยประกัน...ขึ้นกับ condition หลายอย่างครับ.....เช่น ทุนประกัน เพศ อายุของเจ้าของรถ (ชื่อคนเอาประกันในกรณีระบุชื่อ) ประเภทรถ รวมไปถึง condition อื่นๆอีกที่เดี๋ยวนี้บริษัทประกันคิดออกมาเยอะแยะ....โดยรวมแล้วคือ condition พวกนี้ทำให้เบี้ยถูกลง แต่จะไม่รับประกันถ้าเกิดอุบัติเหตุใน condition นั้นๆ เช่น ระบุชื่อคนขับ (ไม่รับประกันถ้าคนขับไม่ใช่คนที่ระบุชื่อ) เมาไม่ขับ (คือถ้าเมาแล้วขับแล้วเกิดอุบัติเหตุไม่รับประกัน) และในอนาคตคงมีอีกหลาย condition ครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น.....condition พวกนี้บางทีตัวแทนไม่ได้บอกเรามาครับ....เราต้องสอบถามว่ามี condition พิเศษใดๆที่จะสามารถลดค่าเบี้ยให้ได้หรือไม่ให้เขาเสนอมา....condition พวกนี้แต่ละบริษัทมีไม่เหมือนกัน
3. ส่วนลดค่าเบื้ย....อย่างที่บอกในข้อ 2 ครับ....มันขึ้นกับ condition ที่เราเลือกด้วย....ส่วนเรื่องประวัตินั้นมีผลครับ...มีบ้างแต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน....เดี๋ยวนี้บริษัทประกันไม่ได้คำนึงถึงแค่ประวัติของเราเพียงคนเดียวนะครับในการพิจารณาลดเบี้ยประกันให้.....อีกอย่างนึงที่เขาคำนึงถึงคือ ประวัติการเกิดอุบัติเหตุ-โดยขโมย ของรถรุ่นนี้ยี่ห้อนี้ทั้งหมดครับ.....งงมั๊ยคับ....คือบริษัทประกันเดี๋ยวนี้เขามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน...รวบรวมว่ารถรุ่นไหนยี่ห้อไหน ที่ประสบอุบัติเหตุแรงๆ เยอะๆ หรือโดนขโมยประจำ (ง่ายๆคือที่ทำให้บริษัทประกันต้องจ่ายหนักๆแหละครับ) ค่าเบี้ยของรถรุ่นนั้นๆจะแพงครับ บางทีแพงกว่ารถรุ่นที่สูงกว่าอีก....เช่น Honda Civic นะครับ....โฉมก่อนหน้าตัวปัจจุบัน ตัวที่คนชอบเอามาแต่งกันเยอะๆ...รุ่นนั้นค่าเบี้ยประกันแพงพอๆกับ Honda Accord เลยครับ....เพราะ Civic รุ่นนี้วัยรุ่นชอบ ทั้งแต่ทั้งซิ่ง.....ชนยับเละประจำ...แบบนี้ค่าเบี้ยแพงครับ....ดังนั้นการมีประวัติเคลมบ้าง นิดหน่อย หรือไม่เคลมเลย ก็ไม่ได้ทำให้ค่าเบี้ยต่างกันมากหรอกครับ......เพราะมันดันมีการเอาประวัติรุ่นรถมาคำนวนด้วยแบบนี้แหละครับ
4. ตัวแทน......ปกติการเคลมประกันเวลาเกิดอุบัติเหตุ....ปัญหาหลักเลยคือช้า.....ที่ช้ามาจาก 3 สาเหตุหลักครับ...คือ 1. อู่ที่รับซ่อมคิวเต็ม รถเยอะ 2. อะไหล่ขาดตลาด ไม่สามารถหาอะไหล่มาทดแทนได้ และ 3. การอนุมัติล่าช้า......สาเหตุความล่าช้าในข้อ 2 นี่แก้ไขลำบากครับ...ยกเว้นจะวิ่งหาอะไหล่เอง ช่วยได้....แต่ข้อ 1 และ 3 นั้น ตัวแทนที่มี power ช่วยได้ครับ.....ย้ำนะครับต้องมี power ถึงจะช่วยได้ พวกตัวแทนธรรมดาช่วยอะไรไม่ได้มาก......โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 3 นั้นสามารถช่วยได้โดยตรงเลยครับ....พวกตัวแทนที่มี power นี่สามารถเดินเข้านอกออกในฝ่ายพิจารณาสินไหมได้เลยครับ.....คือประเภทเดินไปเคาะโต๊ะฝ่ายสินไหมให้เซ็นได้เลยก็มี......อันนี้ลัดขั้นตอนได้มากครับ....อย่าลืมนะครับการจ่ายค่าสินไหมนั้น บริษัทประกันไม่อยากจ่ายหรอกครับ มันดึงยังงัยก็ได้ให้ช้าที่สุด.....ดังนั้นถ้ารู้จักตัวแทนที่มี power ในบริษัท หรือพวก agent ที่มีอำนาจต่อรองเยอะหน่อย พวกนี้ช่วยได้ครับ....ฝ่ายสินไหมไม่กล้าดึงนาน.....ส่วนในข้อ 1 เรื่องของอู่นั้นพอช่วยได้ครับถ้ามี power จริง....อันนี้ต้องใหญ่มาก...เพราะสามารถเดินไปคุยกับฝ่ายที่ดูแลอู่โดยตรง ให้โทรคุยกับอู่เร่งรัดคิวให้ได้ครับ.....อู่เวลาซ่อมรถเสร็จ เบิกเงิน....เขาจะมีคนที่ดูแลเรื่องให้อู่พวกนี้ครับ...คอยเร่งรัดการจ่ายเงินให้อู่...ง่ายๆคือมีบุญคุณกันอยู่....และตัวแทนที่เก๋ามากๆ จะรู้ครับว่าถ้าจะคุยกับอู่นี้ต้องไปหาใคร......ดังนั้นตัวแทนที่มี power เยอะ....อำนวยความสะดวกได้ครับ
5. บริษัทประกัน.....บริษัทประกันที่ใหญ่ๆได้เปรียบบริษัทประกันเล็กๆเยอะครับ....นับตั้งแต่เรื่องการแจ้งเคลม...เวลารถชนแล้วต้องเรียกบริษัทประกัน....คนที่มาถ่ายรูปทำเรื่องเดี๋ยวนี้ไม่ใช่คนของบริษัททั้งหมดครับ...แต่จะมีบริษัทที่รับทำเรื่องนี้ให้บริษัทประกันอีกทีครับ....บริษัทใหญ่ๆเขาจะจ้างบริษัทพวกนี้กันไว้หลายบริษัท....ดังนั้นเวลาเรียกจะมาเร็วกว่า...ส่วนบริษัทเล็กๆไม่ค่อยอยากเปลืองเงินจ้าง ก็จ้างเด็กมอร์ไซด์มาไว้ในบริษัท ช่วงไหนเกิดอุบัติเหตุหลายรายก็มาช้า....นอกจากนั้นเรื่องอู่ก็เช่นกันครับ บริษัทใหญ่จ่ายเงินคล่อง...อู่ก็อยากเข้าไปร่วมเยอะ....ลูกค้ามาก็อยากทำให้ เพราะได้เงินไว....ส่วนบริษัทเล็กๆจ่ายเงินช้า....ต่อให้เข้าไปแล้วอู่บอกว่ารับทำของประกันนี้...ตัวอู่ก็ไม่อยากทำให้ครับ...เพราะได้เงินช้า....ดังนั้นการเลือกบริษัทก็สำคัญครับ....พวกบริษัทใหญ่ๆที่ได้ยินชื่อมาเยอะๆ วิริยะ กรุงเทพ อาร์คเนย์ เมืองไทย พวกนี้ใกล้เคียงกันครับ...หาอู่ง่าย อู่อยากซ่อมให้....แต่ถ้าจะเอาประกันชั้น1 ซ่อมห้าง...บริษัทเล็กหรือใหญ่ก็ไม่ต่างแล้วครับ....เพราะยังงัยก็เข้าศูนย์อยู่ดี....แต่จะต่างกันเยอะถ้าเป็นประกันซ่อมอู่
6. จะเลือกซ่อมอู่หรือซ่อมห้าง......ประกันชั้น1 ซ่อมศูนย์หรือห้าง...ฟังดูดี...แต่จะมีกี่ศูนย์หรือกี่ห้างกันที่รับซ่อมได้จริง.....โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิตซู.....ศูนย์ที่รับซ่อมงานประกันได้..คือทำเองจริงๆ ผมว่ามีแบบนับหัวได้เลย....นอกนั้นส่งออกไปให้อู่ข้างนอกทำให้ทั้งหมดครับ....ไม่เหมือน toyota กับ honda ที่มีนโยบายให้เจ้าของศูนย์ต้องมีแผนกรับซ่อมงานประกัน งานชน หรืออย่างน้อยก็ต้องไปเปิดอู่เอง ประมาณว่าเป็นเครือเดียวกันกับศูนย์มีเจ้าของเดียวกัน....แต่มิตซูยังไม่สามารถบีบเจ้าของศูนย์ได้แบบนี้ครับ....ดังนั้นศูนย์หลายๆที่เลยไม่มีการซ่อมงานชนด้วยตัวเอง....ผมเคยลองวิ่งหาย่านฝั่งธน....เจออยู่แค่ 2 ที่นะครับที่มีส่วนงานรับซ่อมงานชนในศูนย์...ที่เหลือ...ส่งอู่นอกวิ่งมารับไปทำให้ทั้งหมดครับ....ดังนั้นจะเลือกซ่อมศูนย์ หรือซ่อมอู่....ต้องดูด้วยครับว่าศูนย์ที่เราสะดวก หรือเราไปได้นั้นมันรับซ่อมหรือเปล่า...เพราะซ่อมอู่ยังงัยเบี้ยก็ถูกกว่าซ่อมศูนย์ครับ
รายละเอียดยังมีมากกว่านี้อีกเพียบครับ....เอาคร่าวๆประมาณนี้ก่อนนะครับพี่แพะ :L4399: :L4399:
ต๋อง Fuddy:
ของผมปีแรก ฟรี โตเกียว ไม่เคยเคลม ปีที่2ทำของไทยพาณิชย์ ไม่เคยเคลม ล่าสุดเข้าปีที่3 กรุงเทพประกันภัย ทุน 870,000.- จ่ายเบี้ย 18,000.- ทำกับตัวแทนครับ(ซ่อมห้างทั้ง3ปี) เหตุไม่ต่อประกันเดิมของปีที่2 เพราะ โปรกเกอร์ ห่วยขั้นเทพ :sd30: :sd30: :sd30:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version