การประยุกต์ใช้ รีเลย์ ต่อไฟ Daylight , สปอร์ต ไลท์

[พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์]

สืบเนื่องจากคำแนะนำจาก กระทู้ หาตำแหน่งสายไฟหน้า (พี่อ๊อด ชี้เป้าแล้ว) และ ไฟ Daylight ไม่สว่างเนื่องจากสายไฟที่พวกจากสวิทซ์ ON เล็กเกินไปทำให้กระแสไฟไม่พอ พี่ทศจึงแนะนำให้ส่งทำงานผ่านรีเลย์ ผมก็เลยมาลองรวบรวมข้อมูลเรื่องของรีเลย์ และการประยุกต์ใช้ ไว้เป็นฐานข้อมูลของบ้านปามาเนีย ครับ ไม่รู้จะถูกต้องมากน้อยแค่ไหน รบกวนพี่ ๆ เม้น ด้วยครับ เผื่อว่าจะมีประโยชน์ กับ สมช. บ้านปามาเนียเรา (ส่วนของความรู้น้อย ๆ อย่า่งผม) จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลจาก net....

รูปร่างหน้าตาเจ้ารีเลย์ 4 ขา หรือ 5 ขา
1.   รีเลย์ 4 ขา

   

2.รีเลย์ 5 ขา
2.1 รีเลย์ 5 ขา (87)

   

2.2 รีเลย 5 ขา (87a)



สัญลักษณ์บนตัวรีเลย์

สัญลักษณ์บนตัวรีเลย์

• ขา 30 (COM) เป็นขั้วสำหรับต่อสายไฟ + ที่รอเตรียมจ่ายกระแสไฟจากแบตเตอร์รี่ ควรต่อฟิวส์ก่อนเข้าขั้ว 30 นี้เพื่อป้องกันการลัดวงจรด้วย ซึ่งจะต้องเป็นสายไฟฟ้าที่ใหญ่มีกระแสไฟฟ้าจ่ายเพียงพอให้กับอุปกรณ์ที่ต่อได้เพียงพอ
• ขา 85 และ 86 เป็นขั้วของ + และ – ของ Coil ในรีเลย์ ต่อสลับสายได้ใช้ไฟ + จากสัญญาณที่จะสั่งให้ coil ใน รีเลย์ทำงาน โดย ขั้ว – ให้ต่อลงสายกราวด์ หรือตัวถังรถยนต์ซึ่งทำหน้าที่เป็นกราวด์อยู่แล้ว
• ขา 87 จำนวน 2 ขาในรีเลย์ 5 ขาแบบ (87) เป็นสายไฟ + จากตัวอุปกรณ์ที่ต้องการต่อ โดยขา 87 จำนวน 2 ขานั้นทำงานพร้อมกัน เช่น ต่อไฟสปอร์ตไลท์เพิ่มเติมก็แยกต่อ จาก 1 หลอด ต่อ ขา 87 จำนวน 1 ขา ส่วนในรีเลย์ 5 ขาแบบ (87a) จะมีขา 87a และ 87 โดยมีหลักการทำงานดังนี้
  
  • ขา 87a คือ NC (Normally Close) ในสภาวะที่ coil ในรีเลย์ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่าย ขั้วนี้จะปิด คือ มีกระแส ไฟจ่ายตัวอุปกรณ์ แต่หากในสภาวะที่ coil ในรีเลย์มีกระแสไฟฟ้าจ่าย ขานี้จะถูกเปิด คือ ไม่มีกระแสไฟฟ้า จ่ายให้กับอุปกรณ์ (ทำงานสลับ กับ ขา 87)
    
  • ขา 87 คือ NO (Normally Open) ในสภาวะที่ coil ในรีเลย์ไม่มีกระแสไฟฟ้าจ่าย ขั้วนี้จะเปิด คือ ไม่มีกระแสไฟจ่ายอุปกรณ์ แต่หากในสภาวะที่ coil ในรีเลย์มีกระแสไฟฟ้าจ่าย ขานี้จะปิด คือมีกระแสไฟฟ้าจ่ายให้กับอุปกรณ์ (ทำงานสลับ กับ ขา 87a)

ส่วนตัวขั้วลบของอุปกรณ์สามารถต่อลงกราวด์บนตัวถังรถยนต์ได้เลย หรือ จะพ่วงกับสายกราวด์ที่ต่อเข้ากับรีเลย์ก่อนแล้วค่อยต่อลงกราวด์ก็สามารถทำงานได้เช่นกัน เนื่องจากผลจากวงจรมีค่าเท่ากัน

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานรีเลย์ ในรถยนต์

• ใช้รีเลย์ 5 ขา (87a) ในการต่อไฟ Daylight ในรถยนต์ที่กำลังเป็นที่นิยม โดยหลักการทำงานของไฟ Daylight ที่เหมาะสมคือ ให้ทำงานในเวลากลางวัน นั่นหมายถึง ในเวลากลางคืนซึ่งเราจะต้องเปิดไฟหรี่ หรือ ไฟหน้ารถยนต์ ไฟ Daylight ก็ควรจะถูกปิดลง รีเลย์ที่เหมาะสมกับการใช้งานก็คือ รีเลย์ 5 ขา แบบมีขา 87 a ซึ่งไม่ทำงานเมื่อไฟหรี่ หรือ ไฟหน้าติดตัวอย่างการต่อสายเป็นดังนี้ครับ
  

  •   นำสายไฟ + และ – ของเจ้าไฟ daylight พ่วงเข้าด้วยกัน โดย + พ่วงกับ + และ – พ่วงกับ –
  •   นำสายไฟ + ที่พ่วงไว้แล้ว ต่อเข้ากับ ขา 87a ของรีเลย์
  •   นำสายไฟ – ที่พ่วงไว้แล้ว ต่อลงกราวด์ (ต่อกับตัวถังรถยนต์สะดวกที่สุด)
  •   สายไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่ต่อเข้า ขา 30 ของรีเลย์ สายไฟฟ้าเส้นนี้ควรจะต่อผ่านฟิวส์ที่มีขนาดเหมาะสม (ผมใช้แค่ 15 A) เพื่อป้องกันการลัดวงจร  ควรเป็นสายไฟฟ้าใหญ่ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าจ่ายให้กับไฟ Daylight ได้อย่างเพียงพอไม่เช่นนั้นกระแสไม่พอไฟ daylight เราก็จะริบหรี่ ๆ ไม่สว่าง จะเพิ่ม option ให้ปิดเปิดด้วยมือแบบตามใจฉัน ก็ต่อสวิทซ์ที่สายไฟเส้นนี้เลยครับ แต่ก็ยังมีข้อแม้ว่าเมื่อไฟหรี่ หรือ ไฟหน้า (แล้วแต่จะเลือกต่อ) ทำงาน ตัวไฟ daylight นี้ก็สามารถยังไม่ทำงานนะครับ เอาไว้ปิด-เปิด กัน ตำหนวด เค้ากวนเฉย ๆ ครับ
  •   สายไฟ + จาก ไฟหรี่ หรือ ไฟหน้า ต่อเข้ากับขา 85 หรือ 86 เข้าขาใดขาหนึ่ง ซึ่งจะเป็นตัวสั่งให้ coil ในรีเลย์ทำงาน ส่วนที่เหลืออีก 1 ขา ต่อลงกราวด์ ซึ่งเมื่อไฟหรี่ หรือ ไฟหน้าติด ก็จะมีกระแสไฟไปเลี้ยง coil ในรีเลย์ ขา 87a ที่ต่อกับไฟ daylight ไว้ก็จะมีสภาวะเป็นวงจรเปิดคือไม่มีกระแสไฟจ่าย ทำให้ไฟ daylight ของเราดับลงตามจุดประสงค์ที่ต้องการ
  

• ใช้รีเลย์ 5 ขา (87) ต่อไฟสปอร์ตไลท์ เพื่อเพิ่มความเท่ห์ และ แสงสว่างในถิ่นทุรกันดาร ใช้หลักการเดียวกันกับ ไฟ Daylight เลยครับ คือ
  

  •   สายไฟ + จากสปอร์ตไลท์ ต่อเข้าขา 87 ของรีเลย์ ควรจะแยกต่อ ขาละ 1 หลอด เนื่องจากมีมี 2 ขาก แต่ถ้าจะติดมากกว่า 2 หลอด ก็พ่วงสายเอาครับ
  •   สายไฟ – จากสปอร์ตไลท์ ต่อลงกราวด์
  •   สายไฟ + จากแบตเตอร์รี ต่อเข้ากับขา 30 ของรีเลย์ (เน้นสายไฟต้องมีขนาดเพียงพอที่จะจ่ายกระแสให้สปอร์ตไลท์ทำงานได้อย่างเต็มที่ด้วย)  อย่าลืมต่อผ่านฟิวส์เพื่อป้องกันการลัดวงจรด้วยนะครับ
  •   สายไฟ + จากสัญญาณ เข้า ขา 85 หรือ 86 ของรีเลย์ สั่งให้ coil ในรีเลย์ทำงาน ผมเลือกต่อจากไฟ ACC ของกุญแจครับเพื่อให้สามารถเปิดได้ในเวลาที่เราไม่บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON เพิ่มเติมอีกนิด ตรงนี้เพื่อป้องกันการลัดวงจรในรีเลย์ ผมใส่ต่อผ่านฟิวส์ตรงจุดนี้ด้วย (เผื่อไว้ก่อนตัวไม่กี่บาท) สายนี้ใช้ตัดต่อผ่านสวิทซ์เพื่อปิด-เปิด สปอร์ตไลท์ครับ
  •   ต่อสายไฟ – เข้ากับขาที่เหลือ ( 85 หรือ 86 ) ลงกราวด์
  

   
ภาพบางส่วนจาก  http://index.nouvothailand.com/index.php?option=com_kunena&func=view&catid=22&id=1424&Itemid=2

[พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์]

น่าจะแนบและแสดง file แบบ pdf ได้นะครับ จัดรูปลง จนงงเลย.... ทำไมรูปไม่ออกมาอย่างที่วาดไว้หว่า.... พยามอ่านนิดนึงนะครับ ถ้าท่านผู้รู้ผิดตรงไหนชี้แนะหน่อยนะครับ

[tod]

ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ชินที่ได้อ้างอิงแหล่งที่มา ถือว่าให้เครดิตกันในการคิด (ทำได้ถูกต้องแล้วครับ)
 
ส่วนเรื่องการใส่รีเลย์เป็นหลักการทั่วไปของการที่จะเอาอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดเพิ่มเข้ามาในตัวรถทียุ่งเกี่ยวกับไฟ
ตั้งข้อสังเกตุ
-ฟิวส์ทุกๆตัวที่อยู่ในตัวรถได้ออกแบบและจำกัดมาตามความเหมาะสมในวงจรในส่วนนั้นๆ
-การที่จะดึงไฟไปจ่ายส่วนอื่นๆยอมจะทำให้วงจรของฟิวส์นั้นๆรับกระแสหนักจนทำให้ตัวฟิวส์นั้นขาดได้
ดังนั้นการเพิ่มอุปกรณ์ไดๆก็ตามที่กินกระแสเกิน 3 แอมป์ขึ้นไปสมควรแยกวงจรในส่วนนั้นๆโดย
มีวงจรฟิวส์กับรีเลย์เข้ามาเสริมในส่วนของวงจรนั้นๆ 
***อย่าสุกเอาเผากินเห็นว่ามีไฟแล้วดึงเอาไปใช้เลย มีผลเสียมากกว่าดี****
ผมไม่ได้ว่าพี่ชินนะครับเดียวเข้าใจผิดกัน เป็นการเตือนกันทัวๆไปครับ
 

[พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์]

ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ชินที่ได้อ้างอิงแหล่งที่มา ถือว่าให้เครดิตกันในการคิด (ทำได้ถูกต้องแล้วครับ)
 
ส่วนเรื่องการใส่รีเลย์เป็นหลักการทั่วไปของการที่จะเอาอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดเพิ่มเข้ามาในตัวรถทียุ่งเกี่ยวกับไฟ
ตั้งข้อสังเกตุ
-ฟิวส์ทุกๆตัวที่อยู่ในตัวรถได้ออกแบบและจำกัดมาตามความเหมาะสมในวงจรในส่วนนั้นๆ
-การที่จะดึงไฟไปจ่ายส่วนอื่นๆยอมจะทำให้วงจรของฟิวส์นั้นๆรับกระแสหนักจนทำให้ตัวฟิวส์นั้นขาดได้
ดังนั้นการเพิ่มอุปกรณ์ไดๆก็ตามที่กินกระแสเกิน 3 แอมป์ขึ้นไปสมควรแยกวงจรในส่วนนั้นๆโดย
มีวงจรฟิวส์กับรีเลย์เข้ามาเสริมในส่วนของวงจรนั้นๆ 
***อย่าสุกเอาเผากินเห็นว่ามีไฟแล้วดึงเอาไปใช้เลย มีผลเสียมากกว่าดี****
ผมไม่ได้ว่าพี่ชินนะครับเดียวเข้าใจผิดกัน เป็นการเตือนกันทัวๆไปครับ
 

ว่าได้เลยครับพี่ทศ ผมถือว่าเป็นคำแนะนำอันมีคุณค่าเลยครับ จริง ๆ ผมกับไฟฟ้า เป็นอะไรที่แทบจะไปกันไม่ได้เลย ก็ตั้งแต่มาเป็นสมาชิกบ้านนี้นี่ละถึงได้เริ่มรื้อรถ ทำโน่น ทำนี่
ขอคำแนะนำพี่ทศเพิ่มเติมนิดนึงครับ ไฟเมนที่มาจากแบตเตอร์รี่เราจะหาได้จากที่ไหนถึงจะไม่กระทบวงจรอื่น แบบเอาในคอนโซลเลยนะครับ ไม่อยากพ่วงจากแบตเตอร์รี่ครับมันใช้สายยาวเกินไปน่ะครับ ขอบคุณครับ

[tod]

ตามโพยประมาณนี้ครับพี่ชิน
จุดสายเมนหลักอยู่ตำแหน่งนี้ครับ

ทั้งปลั๊กมีอยู่เส้นเดียว (ถ้ามีมิเตอร์ลองวัดดูครับเป็นไฟตรงมาจากแบตผ่านฟิวส์ 100 แอมป์ด้านหน้าห้องเครื่องมา)

[พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์]

ตามโพยประมาณนี้ครับพี่ชิน
จุดสายเมนหลักอยู่ตำแหน่งนี้ครับ
 
ทั้งปลั๊กมีอยู่เส้นเดียว (ถ้ามีมิเตอร์ลองวัดดูครับเป็นไฟตรงมาจากแบตผ่านฟิวส์ 100 แอมป์ด้านหน้าห้องเครื่องมา)
 

ขอบคุณมากครับพี่ทศ.... 
ว่าแต่สายเส้นนี้จ่ายตลอดเวลา หรือ ว่าผ่าน สวิทซ์ กุญแจครับพี่ทศ ผมอยากให้มันผ่านสวิทซ์กุญแจน่ะครับ (ไม่รู้ถามเยอะไปหรือเปล่านะ)

[tod]

ตามโพยประมาณนี้ครับพี่ชิน
จุดสายเมนหลักอยู่ตำแหน่งนี้ครับ
 
ทั้งปลั๊กมีอยู่เส้นเดียว (ถ้ามีมิเตอร์ลองวัดดูครับเป็นไฟตรงมาจากแบตผ่านฟิวส์ 100 แอมป์ด้านหน้าห้องเครื่องมา)
 

ขอบคุณมากครับพี่ทศ.... 
ว่าแต่สายเส้นนี้จ่ายตลอดเวลา หรือ ว่าผ่าน สวิทซ์ กุญแจครับพี่ทศ ผมอยากให้มันผ่านสวิทซ์กุญแจน่ะครับ (ไม่รู้ถามเยอะไปหรือเปล่านะ)

มีไฟผ่านตลอดครับ   // ส่วนไฟที่ผ่านสวิทซ์กุญแจ ตามที่บอกถ้าเอาไปใช่อย่างอื่นมันจ่ายกระแสไม่พอครับ
(มันมีฟิวส์คุมอยู่ แล้วหน้าคอลแทคของกุญแจก็รับกระแสได้ไม่สูงมากนักครับ)
**ตามหลักแล้ววงจรอื่นๆทีรับไฟจากสวิทซ์กุญแจก็มีรีเลย์รับช่วงไปจายไฟต่อไปอีกทีครับ**
จึ้งแนะนำให้เอาไฟจากสวิทซ์กุญแจไปคอลโทรนลีเลย์ แล้วให้ไฟกระแสมากๆผ่านหน้าคอลแทครีเลย์เอาครับ
ตามบทความข้างบนกระทู้ครับ

[จ๊าบ-mak]

กระทู้นี้มีประโยชน์มากๆเลยครับ ขอบคุณพี่ชินที่หามาลงนะครับ ขอบคุณพี่ทศด้วยครับ ผมต่ออุปกรณ์ในรถไปหลายอย่างแล้วครับ และก้อใช้ไฟจากที่จุดบุหรี่เป็นส่วนใหญ่ เห็นจะต้องหาวิธีดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ตรงๆ ซะแล้วซีครับ

[tod]

มาทำความเข้าใจกับวงจรไฟฟ้า น้องปาเบื่องต้นกันก่อนครับ


จากรูป โซนด้านบนคือวงจรไฟในห้องเครื่องมีแบตเตอร์รี่รวมอยู่ด้วย
-จุด A คือสายเมนจากห้องเครื่องมายังห้องโดยสาร
-โซน B คือแผงฟิวส์ที่อยู่ในห้องโดยสาร จะมีฟิวส์แยกย่อยไปยังภาคจงจรต่างๆของระบบไฟ
เช่น ที่จุดบุหรี่ / พับกระจก /ไฟห้องโดยสาร /ไฟชุดเครื่องเสียง .....จะแยกย่อยๆกันไ
-จด C จะมีรีเลย์เข้ามาร่วมด้วย ตามรูปเป็นวงจรไฟหน้าจะกินกระแสมากหน่อยก็เอารีเลย์มาช่วยในการเปิดปิดไฟอีกที
 
ส่วนไฟทีเราดึงจากที่จุดบุหรี่รับโหลดได้เต็มที่ไม่เกิน 15 แอมป์ ถ้าเกินจากนั้นสมควรแยกจุดจ่ายไฟเพิ่มครับ
 

[จ๊าบ-mak]

ถามพี่ทศเพิ่มเติมครับ ผมต่อไฟเดย์ไลท์ โดยให้ติดตลอดเวลากลางวันและให้ดับตอนเปิดไฟหรี่  และ ไฟส่องเท้าต่อจากไฟเพดานเปิด-ปิดตามการเปิดประตู ใช้สวิทช์ 3 ทาง อีกด้านต่อจากไฟที่จุดบุหรี่ สามารถเปิด-ปิดได้ แต่ส่วนใหญ่ติดตามการเปิดประตู ถามว่าใช้ไฟขนาดนี้ จะมีปัญหาในระยะยาวมั้ยครับ

[พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์]

มาทำความเข้าใจกับวงจรไฟฟ้า น้องปาเบื่องต้นกันก่อนครับ

 
จากรูป โซนด้านบนคือวงจรไฟในห้องเครื่องมีแบตเตอร์รี่รวมอยู่ด้วย
-จุด A คือสายเมนจากห้องเครื่องมายังห้องโดยสาร
-โซน B คือแผงฟิวส์ที่อยู่ในห้องโดยสาร จะมีฟิวส์แยกย่อยไปยังภาคจงจรต่างๆของระบบไฟ
เช่น ที่จุดบุหรี่ / พับกระจก /ไฟห้องโดยสาร /ไฟชุดเครื่องเสียง .....จะแยกย่อยๆกันไ
-จด C จะมีรีเลย์เข้ามาร่วมด้วย ตามรูปเป็นวงจรไฟหน้าจะกินกระแสมากหน่อยก็เอารีเลย์มาช่วยในการเปิดปิดไฟอีกที
 
ส่วนไฟทีเราดึงจากที่จุดบุหรี่รับโหลดได้เต็มที่ไม่เกิน 15 แอมป์ ถ้าเกินจากนั้นสมควรแยกจุดจ่ายไฟเพิ่มครับ
 

กระจ้างแจ้ง ทุกอย่างอยู่ในวงจรหมด ต่อไปจะถามอะไรต่อดีนี่  ครับพี่ทศ
ว่าแต่ยังไงจะ่อ่านออกภาพมันเล็กเหลือเกิน ต้องหาแว่นขยาย 

[tod]

ถามพี่ทศเพิ่มเติมครับ ผมต่อไฟเดย์ไลท์ โดยให้ติดตลอดเวลากลางวันและให้ดับตอนเปิดไฟหรี่  และ ไฟส่องเท้าต่อจากไฟเพดานเปิด-ปิดตามการเปิดประตู ใช้สวิทช์ 3 ทาง อีกด้านต่อจากไฟที่จุดบุหรี่ สามารถเปิด-ปิดได้ แต่ส่วนใหญ่ติดตามการเปิดประตู ถามว่าใช้ไฟขนาดนี้ จะมีปัญหาในระยะยาวมั้ยครับ

ผมก็ไม่ทราบว่าโหลดทั้งหมดที่พี่จ๊าปพูดถึงมันกินไฟรวมกันแล้วมันสักกี่แอมป์ครับ
ต้องมีตัวช่วยคือใช้แอมป์มิเตอร์มาวัด หรือไม่บางที่อุปกรณ์นั้นข้างกล่องเขาจะเขียนไว้ว่ากินกระแสกี่แอมป์
แล้วเอาทั้งหมดที่ว่ามารวมกันครับ   แต่พี่บอกว่าผ่านสวิทซ์ 3 ทางมันก็ใช้ไม่พร้อมกันอีก
ผมเดาว่าแต่ละอย่างของพี่ใช้ไม่เกิน 5 แอมป์ ถือว่าใช้ได้สบายครับ
 

[จ๊าบ-mak]

ขอบคุณครับพี่ทศ คิดว่าไม่น่าจะเกินนะครับเพราะผมก้อไม่ได้เปิดตลอดเวลาด้วย

[เอ๊ะnakhonpathom]

 

[กิต <Black Angel>]

ขอบคุณพี่ชินสำหรับข้อมูลของรีเลย์ มันทำให้ผมเข้าใจเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ

ส่วนผังวงจรไฟฟ้าของน้องปาจากพี่ทศ อันนี้ขอยอมแพ้ ดูไม่เข้าใจครับ

สรุป อยากทำอะไร ขอไปรบกวนพี่ๆช่วยทำตามมิตติ้งต่างๆดีกว่า

[สุภัทร (Pat)]

ขอขอบคุณทั้งผู้ถาม ผู้ตอบทุกท่านครับ

ผมอ่านเพื่อให้เข้าใจ และ พอจะบอกได้ว่า ตรงใหนเรียกว่าอะไร และทำอะไรไปบ้าง เวลาจุดนั้นมีปัญหา แต่ไม่กล้าลงมือเองเช่นเดี่ยวกัน
แต่ถ้ามี DIY แบบมีพี่เลี้ยงประกบ ก็สนใจมากๆ ครับ

บางท่านก็บอก จ้างช่างทำแค่ไม่กี่ร้อยบาท แต่ผมคิดว่า ไม่เหมือนกับที่เราได้ลงมือเอง ถึงแม้จะไม่สวย ไม่ดี แต่ความรู้เราก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ความภูมิใจในการได้ลงมือทำ และความเอาใจใส่ บำรุงรักษา ดูแลให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตามที่คาดหวังไว้ สำหรับผม หาไม่ได้จากการจ่ายเงินให้ช่างครับ

[จ๊าบ-mak]

บางท่านก็บอก จ้างช่างทำแค่ไม่กี่ร้อยบาท แต่ผมคิดว่า ไม่เหมือนกับที่เราได้ลงมือเอง ถึงแม้จะไม่สวย ไม่ดี แต่ความรู้เราก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ความภูมิใจในการได้ลงมือทำ และความเอาใจใส่ บำรุงรักษา ดูแลให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตามที่คาดหวังไว้ สำหรับผม หาไม่ได้จากการจ่ายเงินให้ช่างครับ
[/quote]

ผมเห็นด้วยกับพี่ PAT ครับ การจ้างช่างทำมันง่ายสำหรับเราก้อจริง แต่เวลาที่มีอะไรเสียเล็กๆ น้อยๆ ก้อต้องจ้างตลอดไป ยกตัวอย่างนะครับ ผมต่อสายไฟเดินสายแล้วเก็บไม่เรียบร้อย มันดังก๊อกแก๊กๆ ตลอดเวลา ถ้าเป็นงานที่ช่างทำไว้ เจ้าของรถทุกคนผมว่าแค่มีเสียงดังนิดหน่อยก้อกระวนกระวายแล้วครับ ต้องวิ่งกลับไปหาช่างอีกตามเคย แต่ถ้าเราทำเองได้แค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ เราจะมีความกล้าที่จะแกะดู แก้ไขได้บ้างก้อดีนะครับ เอาไว้ปัญหาใหญ่ๆ อย่างเครื่องยนต์ หรือระบบไฟฟ้าที่เราไม่สามารถค่อยถึงมือช่างก้อได้ อีกอย่างคือกันโดนฟันหัวได้ด้วยครับ

[พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์]

บางท่านก็บอก จ้างช่างทำแค่ไม่กี่ร้อยบาท แต่ผมคิดว่า ไม่เหมือนกับที่เราได้ลงมือเอง ถึงแม้จะไม่สวย ไม่ดี แต่ความรู้เราก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ความภูมิใจในการได้ลงมือทำ และความเอาใจใส่ บำรุงรักษา ดูแลให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตามที่คาดหวังไว้ สำหรับผม หาไม่ได้จากการจ่ายเงินให้ช่างครับ

ผมเห็นด้วยกับพี่ PAT ครับ การจ้างช่างทำมันง่ายสำหรับเราก้อจริง แต่เวลาที่มีอะไรเสียเล็กๆ น้อยๆ ก้อต้องจ้างตลอดไป ยกตัวอย่างนะครับ ผมต่อสายไฟเดินสายแล้วเก็บไม่เรียบร้อย มันดังก๊อกแก๊กๆ ตลอดเวลา ถ้าเป็นงานที่ช่างทำไว้ เจ้าของรถทุกคนผมว่าแค่มีเสียงดังนิดหน่อยก้อกระวนกระวายแล้วครับ ต้องวิ่งกลับไปหาช่างอีกตามเคย แต่ถ้าเราทำเองได้แค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ เราจะมีความกล้าที่จะแกะดู แก้ไขได้บ้างก้อดีนะครับ เอาไว้ปัญหาใหญ่ๆ อย่างเครื่องยนต์ หรือระบบไฟฟ้าที่เราไม่สามารถค่อยถึงมือช่างก้อได้ อีกอย่างคือกันโดนฟันหัวได้ด้วยครับ
[/quote]

เห็นด้วยกับพี่ jabmak เป็นอย่างยิ่งครับ เหตุผลเดียวกันครับ บางทีเราทำเองนานกว่า งานไม่เรียบร้อยเท่ากับจ้างช่าง (ก็ด้วยเหตุผลเรื่องเครื่องมือ+อุปกรณ์หลาย ๆ อย่างมันไม่ค่อยครบ)
ผมมีประสบการณ์ช่างฟันหัวแบะมาแล้วนับไม่ถ้วน เราทำเอง หากเกิดปัญหา เราก็สันนิษฐานได้น่าจะมาจากจุดไหน เราต่อไว้ยังไง...รถเรา เราต้องรู้ให้มากที่สุด.... เรื่องแบบนี้ เมียไครเมียมันครับ...

[จ๊าบ-mak]