ความจริงก็ไม่อยากจะรบกวนพี่ๆในนี้หรอกครับแต่ก็ลองลงในกระทู้ดูเผื่อว่าใครมีแนวทางแก้ไขได้บ้างหรือเป็นอุทาหรณ์ให้กับพี่ๆคนอื่นๆได้บ้างครับ เรื่องมีอยู่ว่าได้รู้จักกับคนๆหนึ่งใกล้ๆบ้านแล้วก็คบกันได้ระยะหนึ่งประมาณปีหนึ่ง จากนั้นเค้าก็ได้มายืมเงินแสนหนึ่งอีกเดือนหนึงก็จ่ายตามปกติอีกเดือนถัดมาก็มายืมอีกมากกว่าแสนแล้วบอกว่าจะจ่ายดอกให้ เลยบอกว่าให้จ่ายคืนตามที่นัดก็พอไม่เอาดอกครับ พอถึงครบกำหนดชำระเค้าก็จ่ายเป็นเช็คมาให้แล้วไปขึ้นเงินปรากฎว่าเช้คเด้ง เลยไปสอบถามเค้าบอกว่าพอดีติดหาเงินเข้าบัญชีไม่ทันเลื่อนจ่ายอีกเดือนหนึ่งเค้าก้แก้วันที่ในเช็คให้ พอถีงกำหนดไปขึ้นปรากฎว่าเช็คเด้งเหมือนเดิม เลยไปหาเค้าที่บ้านเค้าบอกว่าตอนนี้ลงทุนสร้างอพาร์ตเมนท์อยู่หาเงินมาไม่ทัน ก็เลยเลื่อนนัดชำระไปเรื่อยๆจนเช็คหมดอายุความ ครั้งสุดท้ายเค้าก็มาขออีกบอกว่าถ้าอพาร์ทเม้นท์เสร็จจะทยอยคืนให้ตอนนั้นเงินก็ไม่มีก็เลยเอาบัตรเครดิตไปรูดซื้อวัสดุก่อสร้างให้หมดไปหลายแสนที่ยอมเพราะคิดว่าถ้าไม่ให้อพาร์ทเม้นท์ก็ไม่เสร็จก็ไม่มีเงินจ่ายเรา ทุกวันนี้ต้องทำประนอมหนี้กับแบงค์จ่ายคืนให้แบงค์ กลายเป็นติดบูโรไปเลย ไปแจ้งความแล้วตำรวจก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้เพราะเช็คหมดอายุความแล้ว ไม่แน่ใจว่าพอจะมีแนวทางช่วยเหลืออะไรได้บ้างครับ หรือถ้าใครสนใจติดตามได้หนี้คืนยินดีจ่ายตอบแทนให้ด้วยครับ 
สวัสดีครับพี่บังมะ จากที่อ่านดูเข้าใจว่าพี่บังมะ ได้ดำเนินการติดต่อกับธนาคารในเรื่องหนี้บัตรเครดิตไปเรียบร้อยแล้ว
ผมขออนุญาตแสดงความเห็นในเรื่องนี้ แบบนี้ครับ
- ผมเห็นว่าพี่บังมะทำถูกต้องที่สุดแล้วครับที่เข้าไปทำประนอมหนี้กับธนาคาร ลูกค้าของธนาคารหลายคน พอเกิดปัญหา มักจะไม่เข้ามาปรึกษาธนาคาร ปล่อยให้กลายเป็นหนี้เสีย (เป็นขั้นสุดท้ายซึ่งจะกลายเป็นปัญหาในการทำธุรกรรมต่างๆ ในอนาคต เป็น Backlist)
- สำหรับของพี่บังมะ ที่เข้าประนอมหนี้แล้ว ผมเข้าใจว่า น่าจะไม่ถึงขั้นเรียกว่าเป็นหนี้เสีย
แค่อยู่ในขั้นตอนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ถึงแม้จะมีประวัติขึ้นใน บูโร แต่ในอนาคตยังสามารถทำธุรกรรมอื่นๆ ต่อได้ครับ เมื่อเราพร้อมหรือเริ่มฟื้นตัว (ตรงนี้อยากให้พี่บังมะสบายใจครับ)
-
การประนอมหนี้ กับธนาคาร เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือของธนาคารอยู่แล้วครับ เพราะทุกสถาบันการเงิน จะมีหน่วยงานที่คอยดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้ากลายเป็นหนี้เสีย
- จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมขออนุญาตแนะนำให้พี่บังมะ พยายามเก็บเอกสารหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไว้ครับ เพื่อในอนาคต หากเราต้องการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน เราสามารถใช้เอกสารดังกล่าวประกอบได้ครับ
- การทำธุรกรรมหรือขอสินเชื่อในอนาคต กับสถาบันการเงิน โดยหลักแล้ว สถาบันการเงิน จะวิเคราะห์ จากรายได้ และภาระหนี้ที่มี ในปัจจุบัน ส่วนประวัติในบูโรที่ผ่านมา หากมีหลักฐานเอกสาร พิสูจน์ได้ว่า เราไม่มีพฤติกรรมหนีหนี้ ยังสามารถทำธุรกรรมได้ครับ
- โดยปกติแล้ว เมื่อเราเคลียร์ภาระหนี้ได้หมดแล้ว ต่อจากนั้น 2 ปี (หรือบางกรณีอาจไม่ถึง 2 ปี) เราก็สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้ตามปกติครับ
จากประสบการณ์การทำสินเชื่อของผมเองครับพี่บังมะ
ส่วนเรื่อง เกี่ยวกับคนที่ยืมไป ความเห็นผม คิดว่าคงต้องใช้วิธีทางกฎหมายมาช่วย อันนี้ผมไม่ค่อยมีความรู้ครับ รอพี่ๆ มาช่วยแนะนำครับ

เป็นกำลังใจให้พี่บังมะครับ

-