กว่าจะพิรี้พิไรออกมาจากบ้านพุระกำจนถึงด่าน ตชด.ก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว อาการของรถที่สะเทือนเขย่าตลอดทางลูกรังจนออกมาเจอถนนลาดยางมันช่างนุ่มนวลสบายก้นเสียจริง
พอวิ่งมาได้สักพักเบริ์ดก็ ว.มาบอกผมให้มองหาร้านชำเพื่อซื้อบุหรี่ จนมาเจอร้านชำเล็กๆข้างทาง จึงถึงโอกาสจอดพักสักครู่และปรึกษากันว่าจะไปไหนต่อกันดี “ไปน้ำพุร้อนโป่งกระทิงไหม” พี่โจเสนอ ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็คิดไม่ออกว่าจะไปต่อที่ไหนดี แก่งส้มแมวก็เคยไปกันแล้ว ห้วยคอกหมูก็ไม่มีอะไร เขากระโจมก็ขึ้นกันไม่ได้ ส่วนผมสถานที่เที่ยวในราชบุรีก็เคยไปเกือบหมดทุกที่แล้ว น้ำพุร้อนโป่งกระทิงก็เคยไปเมื่อ3ปีก่อน แต่ในทีมยังไม่มีใครเคยไปนอกจากพี่โจกับผม เมื่อไม่มีทางเลือกทุกคนจึงลงความเห็นว่าไปน้ำพุร้อนกัน
โดยผมจะกดGPS ให้นำทางไปแต่GPSเจ้ากรรมดันค้นหาน้ำพุร้อนโป่งกระทิงไม่เจอ เอาล่ะซิทีนี้ก็ต้องพึ่งวิธีการดั้งเดิมคือแผนที่ซึ่งผมจะมีติดรถไว้ตลอดเวลา ผมเปิดกางออกให้พี่โจดูว่าเราอยู่ตรงไหนแล้วหน้าที่นำทางเราก็ยกให้พี่โจ
การเดินทางไปน้ำพุร้อนครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้พี่โจ เพราะทำให้เราได้สำรวจถนนตัดใหม่ซึ่งGPS ยังไม่มีเส้นทางแสดงให้เห็น พี่โจบอกว่าขามาจำได้ว่ามีป้ายเขียนไว้ว่าไปบ้านคาซึ่งจะสามารถมุ่งหน้าไปน้ำพุร้อนได้ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ว่าทำให้เราไม่ต้องวิ่งไปอ้อมถึงสวนผึ้งซึ่งช่วยลดระยะทางได้หลายสิบโล
จนมาออกถนสาย3324 ซึ่งป็นสามแยกไม่รู้จะไปซ้ายหรือขวาดี จึงจอดรถสอบถามเส้นทาง ผมเดินไปหาพี่ผู้หญิง “พี่ครับ น้ำพุร้อนโป่งกระทิงไปทางไหนครับ”
พี่ผู้หญิง “ไปทางขวาเนี่ยะ วิ่งไปประมาณ20โล จะเห็นตึกสีชมพูอยู่ทางขวา แล้วก็จะเจอสี่แยก ตรงสี่แยกจะมีศาล ให้เลี้ยวขวาเข้าไป มีป้ายบอกตลอดทางไม่หลงหรอก” แล้วพี่ผู้หญิงก็ถามต่อ “แล้วมาจากไหนกันล่ะ”
ผมบอก “มาจากบ้านพุระกำครับ” พี่ผู้หญิงถึงกับอุทานขึ้นมา “โห!!!นั่นไกลนะ” ผมตอบ “ครับ เราไปนอนค้างกันที่นั่น1คืน” เมื่อได้เส้นทางแล้วเราก็กล่าวขอบคุณ พร้อมเดินทางกันต่อ