Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > Technics, Maintenance & Problem solving
ปรึกษาเรื่องสายพานtiming
พี่นะ [Na ratchada]:
--- อ้างจาก: พี่ยอด ที่ 18 มีนาคม 2015, 19:59:51 ---พี่ๆครับผมอยากรู้ว่สายพานtimmingนั้นมีอายุการใช้งานกี่ปีครับ นอกจากระยะแสนกิโล เนื่องจากรถผมใช้งานน้อย ตอนนี้สี่ปีแล้วยังไม่ถึงห้าหมื่นกิโลเลยถ้ารอครบแสนโลนี้ใช้กันเกือบสิบปีแน่เลยสงสัยว่าถ้านับอายุการใช้งานแล้วมันควรจะมีอายุกี่ปีครับถึงจะเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย.
--- End quote ---
สวัสดีครับพี่ยอด
จากประสบการณ์ รถจอดไม่ค่อยได้ใช้จะเสื่อมสภาพทมากกว่ารถที่วิ่งใช้งานทุกวัน(ยกเว้นความแน่นของระบบอัดกำลัง) ที่เสื่อมเร็วกว่ารถใช้งานจะเป็นพวกลูกยาง บูชยาง สายไฟ โลหะที่เป็นยางและพลาสติก จะเกิดอาการแห้งกรอบ รวมถึงระบบส่งเชื้อเพลิงและระบบระบายความร้อนจะเกิดอาการแห้งและเสี่ยงต่อการ Start เครื่องยนต์เมื่อเริ่มเดินเครื่องมากๆ
ปัญหที่ตามมาคือเมื่อเอาออกมาใช้งานแล้วเกิดการให้ตัวหรือโดนความร้อนจากเครื่องยนต์ โดนความชื้นจากน้ำพื้นถนน จะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพเร็วมาก แตก ย้วย หลุด ร่อน กรอบ แห้ง ร้าว ประจำ ฉะนั้นหากมีรถจอดไม่ได้ใช้งานควรเอามาวิ่งบ้างอย่างน้อยๆก็เดือนละสัก 50-100 โล ไม่ควร start อยู่กับที่จอดเพราะยังมีหน้ายางอีกส่วนหนึ่งที่ควรนวดทั้งเส้น
อายุการใช้งานของรถแต่ละคนไม่เท่ากันอยู่ที่ระยะทางที่ใช้ กับช่วงเวลาที่ใช้ โดยปกติจะคำนวณที่ 25000 กม/ปี ฉะนั้น 4 ปีจะเท่ากับ 100000 โล หากอยู่ในเงื่อนไขเวลาควรเข้าเช็คเมื่อครอบ 4 ปีโดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องระยะวิ่ง สำหรับรถที่ใช้ในโซนอากาศเค็มเช่นใกล้ทะเลจะคำนวณลดลงอีก จึงพบว่าในเอกสารของคู่มือส่วนใหญ่จะระบุแบบเซฟมากๆคือ 3 ปีหรือ 100000 โล (อยู่ที่ระยะใดถึงก่อน)
ข้อมูลจากความจำนะครับ (เพื่อแชร์เป็นข้อมูล)
:sd23:
ปุ๊...kbo:
:L2758: ขอขอบคุณพี่นก และพี่นะครัช สำหรับข้อมูล...สรุปปุ๊ก้อต้องเตรียมตัวเปลี่ยนสายพานทามมิ่งตามระยะเวลาล่ะหรือเนี่ย :L4387:
ที 2930:
:sd23: ขอบคุณครับพี่นก พี่นะ ขอเก็บไว้เป็นข้อมูล
พี่ยอด:
ขอบคุณพี่นกกับพี่นะครับชัดเจนหายข้องใจครับ.
เจ๊ก สุวรรณภูมิ:
--- อ้างจาก: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 20 มีนาคม 2015, 08:59:53 ---สวัสดีครับพี่ยอด
จากประสบการณ์ รถจอดไม่ค่อยได้ใช้จะเสื่อมสภาพทมากกว่ารถที่วิ่งใช้งานทุกวัน(ยกเว้นความแน่นของระบบอัดกำลัง) ที่เสื่อมเร็วกว่ารถใช้งานจะเป็นพวกลูกยาง บูชยาง สายไฟ โลหะที่เป็นยางและพลาสติก จะเกิดอาการแห้งกรอบ รวมถึงระบบส่งเชื้อเพลิงและระบบระบายความร้อนจะเกิดอาการแห้งและเสี่ยงต่อการ Start เครื่องยนต์เมื่อเริ่มเดินเครื่องมากๆ
ปัญหที่ตามมาคือเมื่อเอาออกมาใช้งานแล้วเกิดการให้ตัวหรือโดนความร้อนจากเครื่องยนต์ โดนความชื้นจากน้ำพื้นถนน จะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพเร็วมาก แตก ย้วย หลุด ร่อน กรอบ แห้ง ร้าว ประจำ ฉะนั้นหากมีรถจอดไม่ได้ใช้งานควรเอามาวิ่งบ้างอย่างน้อยๆก็เดือนละสัก 50-100 โล ไม่ควร start อยู่กับที่จอดเพราะยังมีหน้ายางอีกส่วนหนึ่งที่ควรนวดทั้งเส้น
อายุการใช้งานของรถแต่ละคนไม่เท่ากันอยู่ที่ระยะทางที่ใช้ กับช่วงเวลาที่ใช้ โดยปกติจะคำนวณที่ 25000 กม/ปี ฉะนั้น 4 ปีจะเท่ากับ 100000 โล หากอยู่ในเงื่อนไขเวลาควรเข้าเช็คเมื่อครอบ 4 ปีโดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องระยะวิ่ง สำหรับรถที่ใช้ในโซนอากาศเค็มเช่นใกล้ทะเลจะคำนวณลดลงอีก จึงพบว่าในเอกสารของคู่มือส่วนใหญ่จะระบุแบบเซฟมากๆคือ 3 ปีหรือ 100000 โล (อยู่ที่ระยะใดถึงก่อน)
ข้อมูลจากความจำนะครับ (เพื่อแชร์เป็นข้อมูล)
:sd23:
--- End quote ---
ละเอียดเห็นภาพเลยครับ :sd23:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version