Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Pa Mania On Tour & Meetings

Review: New Year Trip 2015 อุดร-บึงกาฬ-หนองคาย-ชัยภูมิ

<< < (2/6) > >>

ตูมตาม:
ตอนที่ 5 @ วัดภูทอก จ.บึงกาฬ

และแล้วก็มาถึงจุดหมายของทริบนี้ซะที วัดภูทอก หรือที่มีชื่อเต็มๆว่าวัดเจติยาคิรีวิหาร มาถึงก็ทำบุญถวายข้าวสาร ผักสด น้ำ และหมวกไหมพรมที่เตรียมกันมาก่อนเลย พระท่านรับประเคนเฉพาะน้ำและหมวก ส่วนอาหาร ข้าวสาร ผักสด เรายกไปให้ที่โรงครัว เด็กๆน่ารักมาก ช่วยกันแบกไปโรงครัว
จากนั้นก็เริ่มภาระกิจพิชิตใจ เดินขึ้นภูทอกกัน ที่ภูทอกมีทั้งหมด 7 ชั้น ชั้น1-5 เป็นบันไดขึ้นชันยาว มีต้องมุดรูมุดถ้ำเป็นบางช่วงเป็นช่วงทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ที่ชั้น 5 มีคล้ายลานศาลาวัด อยู่ในซอกถ้ำ สามารถนั่งพักเหนื่อยได้ และมีพุทธวิหารที่ต้องเดินข้ามสะพานไม้เล็กๆข้ามหน้าผาสูง พอให้ได้เสียวเป็นการวอร์มอัพ ภาระกิจพิชิตใจเริ่มต้นขึ้นที่ชั้น 6 (จริงๆชั้น 5 ก็มีทางเดินแบบชั้น 6 แต่ไม่ได้เดินไป ยังเสียดายอยู่)
ขอบอกไว้ก่อนว่าผมเองไม่ได้เป็นคนกลัวความสูงถึงขนาดขาแข็งก้าวไม่ออกอะไรประมาณนั้น แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบความสูงซักเท่าไหร่
การเดินบนชั้น 6 ภูทอก เป็นการเดินที่ทำให้รู้เลยว่าการบังคับให้จิตมีสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่มโน นี่เป็นยังงัย เพราะการเดินที่ชั้น 5 หรือชั้น 6 ที่ภูทอกนี้ถ้าจิตไม่นิ่ง มโนฟุ้งซ่านละก็ มีขาแข็งก้าวไม่ออกแน่ๆ
เดิมทีผมคิดว่าอยากจะเดินไปหามุมถ่ายรูปสวยๆไปด้วย แต่เอาเข้าจริง สารภาพเลยครับขามันไม่ยอมหยุด รีบเดินให้ผ่านช่วงสะพานไม้แล้วไปพักหายใจช่วงที่เป็นพื้นหิน รูปที่ถ่ายออกมาแสงฟุ้งไปหมด ไม่กล้าหยุดปรับกล้องครับ ตั้ง Auto แล้วกดรัวอย่างเดียว
ผ่านชั้น 6 มาด้วยการเดินที่จดจ่อแต่เฉพาะก้าวข้างหน้า ไม่สนใจว่าข้างหน้าเกิน 1 ก้าวต่อไปเป็นอะไร ไม่สนใจวิวทิวทัศน์ พยายามไม่มองลงไปข้างล่าง บังคับให้จิตจดจ่ออยู่แค่ก้าวต่อไปจนผ่านมาได้ทั้งรอบชั้น 6
ต่อไปเป็นชั้น 7 ไม่น่ากลัวแล้ว เพราะไม่ได้เป็นสะพานไม้แต่ชั้น 7 นี่เป็นป่าค่อนข้างรก ถ้าใครจะมาเดินแนะนำให้มีผู้นำทางมาด้วย เพราะข้างบนนี้ไม่มีป้ายบอกทางใดๆทั้งสิ้น เหมือนเดินหลงอยู่ในป่า ยังดีที่เรามีพี่เล็กคนพื้นที่เป็นคนนำทางเลยได้เดินจนครบรอบ ไปจนถึงจุดชมวิวที่ชั้น 7 ที่สามารถมองลงมาเห็นเจดีย์ของวัดที่อยู่เบื้องล่าง
เสร็จสิ้นกันไปสำหรับภาระกิจพิชิตใจในครั้งนี้ รวมเวลาเดินทั้งหมดเกือบ 3 ชั่วโมง ยังเสียดายที่ไม่ได้เดินรอบชั้น 5 และเสียดายที่ไม่ได้หามุมถ่ายรูปงามๆ หากมีโอกาสจะกลับมาแก้ตัวใหม่อีกครั้ง
หลังจากสมาชิกลงมากันครบแล้ว เวลาก็คล้อยไปบ่ายแล้ว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องกันเลย เดินอยู่ข้างบนไม่รู้สึกหิวเลย พอเท้าแตะพื้นเท่านั้นกระเพาะทำงานทันที เราไปหามุมร่มๆเย็นๆ ปูเสื่อนั่งล้อมวงกินไก่ทอด ข้าวเหนียว ส้มตำ ที่พี่ทอง (แม่บ้านบ้านพี่โอ เป็นคนบึงกาฬ) ยกครัวมาทำให้ถึงที่ ไม่ต้องไปหาร้านกินที่ไหน เป้นการกินข้าวที่อร่อยและได้บรรยากาศมากๆ
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็เคลื่อนขบวนกันต่อ แต่มีการเปลี่ยนแผน จากเดิมที่คิดว่าจะพาไปเที่ยวที่น้ำตกภูถ้ำพระ ต้องยกเลิกไปเพราะดูจากสภาพสมาชิกแล้วไม่น่าจะไหว จึงเดินทางกลับที่พัก พักผ่อน เรานอนอีก 1 คืน จากนั้นรุ่งขึ้นเตรียมตัวเดินทางต่อไปหนองคายกันละคร้าาาาาบ

มาถึงแล้ว วัดภูทอก ที่เห็นเป็นภูเขาด้านหลังคือที่ๆเราจะไปเดินกันละ


ก่อนอื่นมากราบพระ ทำบุญถวายข้าวของกันก่อน






เด็กๆช่วยกันแบกข้าวสาร อาหารแห้ง ผักสดไปที่โรงครัว




เริ่มภาระกิจพิชิตใจ เดินรอบภูทอกกัน






ทางเดินช่วงแรก ชั้น 1-5 เป็นบันไดเดินขึ้นกันแบบยาวๆ มีมุดรูมุดซอกหินกันเล็กน้อย












มาถึงชั้น 5 กันละ เป็นเหมือนลานศาลาการเปรียญ นั่งพักเหนื่อยกันได้แบบสบายๆ


วิวจากชั้น 5


ก่อนขึ้นชั้น 6 เราไปกันที่พุทธวิหารกันก่อน










มาถึงทางเข้าของพุทธวิหาร เป็นชะง่อนผายื่นออกไป ตัววิหารเป็นศาลาเล็กตั้งอยู่บนยอดภูเล็กๆที่แยกออกไปจากตัวภูทอก ต้องข้ามสะพานไม้ข้ามหน้าผาไป วิวด้านล่างสะพานไม่กล้าถ่าย ตากล้องขาสั่นขอรับ










จากพุทธวิหารมองกลับไปที่ภูทอก จะเห็นทางเดินของชั้น 6 ที่เราจะไปเดินกัน


ไปชั้น6 กันเลย


























ครบรอบที่ชั้น 6 ซักที


ก่อนขึ้นชั้นเจ็ด มีที่พระพุทธรูปตั้งอยู่ ด้านบนผนังหินมีข้อความเขียนไว้ว่าเป็นเศียรของพญานาค ผมก็ยังดูไม่ออก แต่มีบางคนบอกว่าดูออกว่าเป็นเศียรพญานาคนะ ถ้าใครดูออกบอกด้วยนะ


มาต่อที่ทางเดินขึ้นชั้น7 อย่าเรียกว่าเดินเลย เรียกว่าปีนจะเหมาะกว่า


ขึ้นไปเดินวนรอบชั้น 7 อีกรอบจนมาถึงจุดสุดท้ายแล้วครับ จุดชมวิวที่ชั้น 7




เมื่อครบทั้งหมดก็เดินลงละครับ บันไดตอนขึ้นชันมาก เดินแล้วเหนื่อย พอตอนลงไม่เหนื่อยแต่ทรมานเข่าน่าดู


บอกลาภูทอกกับวิวสวยๆที่ชั้น 5 กันอีกซักรูป


หลังจากเดินกันมา 3 ชั่วโมง ลงมาถึงพื้นก็หิวกันละ เปิดวงนั่งกินกันใต้ร่มไม้ได้บรรยากาศฝุดๆ










เราไม่ได้กินในร้านอาหารนะครับ แต่มีพี่แม่บ้านของเพื่อนเป็นคนบึงกาฬ ยกครัวมาทำให้ถึงที่


ลาจากภูทอก กลับมาที่ตัวจังหวัดบึงกาฬ วันนี้เรานอนค้างที่นี่อีกคืน พอมีเวลาเลยไปเดินเล่นริมโขง


ตูมตาม:

--- อ้างจาก: ตุ้ย THEPBURI 7677 ที่ 12 มกราคม 2015, 20:22:27 ---พี่ตาม ไปเที่ยวบ้านผมตอนไหนเนี่ย ภูทอก บึงโขงหลง

--- End quote ---

ไปมาเมื่อช่วงปีใหม่ครับ เพิ่งรู้ว่าบ้านพี่ตุ้ยอยู่ที่นี่นะ  เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ประทับใจมากครับ ชอบมาก ถ้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมอีก :L2734: :L2734: แต่ขับรถไกลใช้ได้เลยอะ  :L4398: :L4398:

ตูมตาม:
ตอนที่6 @ ภารกิจไหว้พระ 3 วัด 1 ศาลา บอกลาปีเก่า

วันนี้วันส่งท้ายปีเก่า พวกเราก็ถึงเวลาบอกลาบึงกาฬ เพื่อเริ่มต้นเดินทางกลับกรุงเทพ สำหรับวันนี้จุดหมายเราจะไปแวะพักที่หนองคาย ระหว่างทางจัดแผนไหว้พระบอกลาปีเก่า เตรียมรับปีใหม่กับภารกิจไหว้พระ 3 วัด 1 ศาลา ตามเส้นทางบึงกาฬ-หนองคาย
สำหรับวัดแรกเราไปกันที่วัดป่ากรรมฐาน กราบหลวงปู่ทองพูล โชคดีมากที่วันนี้หลวงปู่ท่านไม่มีกิจนิมนต์ และสามารถให้ญาติโยมเข้าไปกราบขอพรได้ หลวงปู่ท่านอายุมากแล้วญาติโยมที่จะเข้าไปกราบต้องมี mask ปิด และต้องล้างมือให้สะอาด ทางวัดมีบริการเจลล้างมือและmask ปิดปากให้ฟรี เป็นศิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัยส่งท้ายปี ได้กราบหลวงปู่ พร้อมรับศึลรับพร รับน้ำมนต์กันทั้งคณะ
วัดที่ 2 อยู่ห่างไปจากวัดหลวงปู่ทองพูลไม่ไกล เราไปแวะกราบพระและเยี่ยมชมจุดท่องเที่ยวกันที่วัดอาฮง สำหรับจุดท่องเที่ยวที่นี่คือแก่งอาฮงที่ว่ากันว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง มีความลึกกว่า 200 เมตร จนถูกเรียกว่าสะดือแม่น้ำโขง ณ จุดนี้จริงๆก็มองไม่เห็นอะไรมาก เพียงแต่กระแสน้ำในแม่น้ำโขงบริเวณนี้จะมองเห็นเป็นกระแสน้ำวน ถ้าในช่วงหน้าน้ำน้ำจะวนแรงมาก แต่ตอนนี้เป็นหน้าแล้ง ก็เห็นน้ำวนพอสมควรไม่มากนัก กราบพระประธานวัดอาฮงแล้วไปลุยกันต่อ
วัดที่ 3 เดินทางกันยาวหน่อย ขับรถจากบึงกาฬจนเข้าตัวเมืองหนองคาย ไปกราบพลวงพ่อพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดหนองคาย ที่วัดโพธิ์ชัย เนื่องจากวันนี้เป็นวันส่งท้ายปี และที่วัดโพธิ์ชัยก็เป็นวัดใหญ่ในเมืองหนองคายจึงมีผู้คนเข้ามากราบหลวงพ่อพระใสกันมาก แต่ก็ไม่ถึงกับเบียดเสียดกันเหมือนวัดใหญ่ๆในจังหวัดอื่นๆ
เสร็จสิ้นภาระกิจไป 3 วัดก็มาต่อกันที่สุดท้ายที่ศาลาแก้วกู่ ที่นี่เหมือนพิพิธภัณฑ์ที่โชว์การปั้นพระหรือเทวรูปขนาดใหญ่มากกว่า พระแต่ละองค์สูงมาก ที่นี่จะมีพระรูปปางต่างๆเยอะมาก พร้อมทั้งมีพุทธประวัติจารึกไว้สำหรับปางต่างๆด้วยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เดินอ่านดูก็เพลินๆดี เหมือนหลุดเข้ามาในสมัยพุทธกาล เดินอ่านพุทธประวัติพร้อมชมองค์พระที่ปั้นตามจินตนาการของผู้สร้าง
เสร็จสิ้นวันส่งท้ายปีเก่า เราเข้าที่พักกันช่วงบ่ายๆ ที่พักที่นี่ใหม่และสะอาดมาก และที่คาดไม่ถึงคือมีสระว่ายน้ำด้วย เด็กๆก็เลยลงเล่นน้ำกันสนุกสนาน คณะผู้บัญชาการไปเดินเที่ยวที่ตลาดท่าเสด็จ โดยมีเพื่อนผู้บัญชาการมารับไป พลขับจึงขอปลึกวิเวกมานั่งจิบเบียร์เย็นๆ ชิลๆ พักผ่อน ก่อนที่จะไปทานอาหารเย็นส่งท้ายปีกันที่ร้านอาหารริมแม่น้ำโขง ได้เดินถ่ายรูปวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาวยามเย็นมาฝากกัน
สำหรับวันนี้รูปถ่ายน้อยไปบ้าง เพราะเมื่อยล้าจากการแบกกล้องขึ้นภูทอก วันนี้เลยไม่ค่อยได้แบกกล้องเดินนะนะ

ยามเช้าพระอาทิตย์ขึ้น ณ ริมโขง จ.บึงกาฬ


ตื่นแต่เช้า ชวนเจ้าลูกชายออกมาวิ่งออกกำลังกายที่ลานกีฬา เจอหมาตัวใหญ่โดดกอด ที่แท้เจ้าลูกชายแอบซุกขนมอยู่ในกระเป๋า หมามันคงได้กลิ่นกระโดดกอดขอขนมกิน


ขากลับจากลานกีฬา แวะตลาดเทศบาลซื้ออาหารเช้าฝากชาวคณะ




มากันที่วัดแรก วัดหลวงปู่ทองพูล หลวงปู่ที่เป็นที่นับถือของชาวบึงกาฬ โชคดีหลวงปู่อยู่วัดพอดี ได้กราบท่านพร้อมรับน้ำมนต์ รับศีลรับพรเตรียมต้อนรับปีใหม่




จากนั้นมาที่วัดที่ 2 วัดอาฮง การดูแก่งอาฮง ที่ถูกตั้งชื่อว่าเป็นสะดือแม่น้ำโขง






วัดที่ 3 อยู่ที่จังหวัดหนองคาย กราบหลวงพ่อพระใสวัดโพธิ์ชัย พระคู่บ้านคู่เมืองจ.หนองคาย






และที่สุดท้าย ศาลาแก้วกู่








ร่ำลาปี 2014 กับวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ณ จ.หนองคาย

Goodboy:
ขอบคุณที่ริวิวและนำภาพอีสานเหนือให้ชมครับพี่ตาม :L2732:

ตูมตาม:
ตอนที่7 @ อุดรฯ-ชัยภูมิ

วันนี้เป็นวันเริ่มต้นเดินทางมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เราวางแผนที่จะพักกลางทางกันอีก 1 คืน จุดหมายของเราคือจังหวัดชัยภูมิ เราออกเดินทางกันค่อนข้างสาย และมาเจอจุดแวะแบบไม่คาดหมายเมื่อผู้บัญชาการเหลือบไปเห็นป้ายวัดป่าบ้านตาดของหลวงตาบัวแล้วเกิดไอเดียอยากแวะเข้าไปกราบพระซะหน่อย เราเลยได้แวะที่วัดป่าบ้านตาดแบบไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน
ที่วัดนี้จะมี 2 จุดที่ผู้ที่มาจะกราบไหว้พระกันคือที่กุฏิหลวงตา และที่ศาลาการเปรียญที่เป็นที่ทำพิธีศพของหลวงตา บนศาลาการเปรียญมีธรรมเนียที่แปลกแต่น่ารักคือ ถ้าใครเข้ามากราบพระที่นี่จะต้องเอากะลามะพร้าวมาช่วยกันถูพื้น สงสัยอยู่ว่าถูทำไมก็พอดีมีชาวบ้านที่มากราบพระมาเล่าให้ฟังว่าถูเพื่อให้พื้นไม้มันวาวสวยงาม ยี่งถ้าเอาขี้ผึ้ง หรือเอาน้ำตาเทียนหยดลงไปก่อนแล้วขัดจะยิ่งลื่นเป็นมันมากขึ้น คุณลุงแกเล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยเป็นเด็กเรียนในโรงเรียนแถวๆวัดนี้ เวลาโดนทำโทษจะถูกให้เอากะลามาถูศาลาแบบนี้ จึงได้เข้าใจว่าถูไปทำไม เราก็เลยพาเด็กๆมากราบพระแล้วให้ช่วยกันเอากะลามาถูพื้น สนุกพวกเขาหละทีนี้ แรกๆก็ถูกันดีๆ หลังๆเริ่มมันวิ่งถูกันไปทั่วศาลา จนเราเห็นว่าความสงบที่เคยมีมันเริ่มหายไป มีเสียงเจ้าฝูงลิงเล่นกันเข้ามาแทนทีจึงต้องเกณฑ์เด็กๆลงจากศาลากัน
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อไปยังจุดหมายต่อไปกันเลย ปกติการจัดทริบผมจะจัดให้เด็กๆได้เที่ยวน้ำตก เล่นน้ำกันแบบธรรมชาติ แต่ทริบนี้ที่บึงกาฬผิดคาด น้ำตกไม่มีน้ำเลย มาขอแก้ตัวที่ชัยภูมิละกัน วางจุดหมายไว้คือน้ำตกตาดโตน น้ำตกชื่อดังของจังหวัดชัยภูมิ พอไปถึงเด็กๆไม่ต้องให้เรียกโดดดลงน้ำกันเลย อากาศก็หนาว น้ำก็เย็น แต่ไม่สนละ
น้ำตกตาดโตนนี้มีลักษณะเหมือนน้ำตกในภาคอีสานส่วนใหญ่คือจะมีลักษะเป็นลานหินที่มีน้ำไหลผ่าน ระหว่างชั้นจะเป็นเหมือนหน้าผาชันๆ ตัดตรงๆลงมา จะไม่เหมือนน้ำตกทางกาญจนบุรีที่จะเป็นแก่งหินลดหลั่นเป็นชั้นกันลงมา ถือว่าสวยงามไปคนละแบบ
เล่นน้ำกันจนเย็น แวะทานอาหารเย็นที่ร้านแถวๆทางเข้าน้ำตกจากนั้นก็เดินทางเข้าที่พัก จากน้ำตกถึงที่พักห่างกัน 120 กม. กว่าจะถึงที่พักเล่นซะมืดเลย ที่พักที่ชัยภูมิเป็นแบบบูติดรีสอร์ทตกแต่งไว้แบบน่ารักๆ ชื่อว่า เส้นทาง @ Love แต่วันนี้มาถึงมืดแล้วอดถ่ายรูป เดี๋ยวรอไว้รุ่งขึ้นค่อยมาเดินถ่ายรูปละกันนะนะ

มาแวะกราบพระกันที่วัดป่าบ้านตาด รับปีใหม่กันซักหน่อย


เด็กๆช่วยกันเอากะลามาถูพื้นศาลาตามธรรมเนียมของที่นี่














จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ จุดต่อไปคือน้ำตกตาดโตน จ.ชัยภูมิ




เด็กๆไม่รอช้า ลงเล่นน้ำกันเลย




น้ำตกที่นี่มีน้ำพอสมควร สวยแปลกแตกต่างจากน้ำตกทาฝั่งกาญจนบุรี สวยไปอีกแบบครับ






เล่นน้ำตกกันจนเพลิน กว่าจะลากเด็กออกจากน้ำตกมาได้ก็เย็นแล้ว แวะทานข้าวกันที่ร้านค้าหน้าน้ำตก จากนั้นเดินทางต่อไปยังอช.ป่าหินงาม เพื่อเข้าที่พักที่จองไว้ชื่อเส้นทาง @ Love บูติดรีสอร์ทเล็กๆที่ดูในรีวิวแล้วน่ารักดี แต่วันนี้มาถึงมืดซะแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายรูปรอบๆ ไว้รุ่งขึ้นค่อยมาเก็บภาพละกัน

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version