Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Pa Mania On Tour & Meetings
Review: New Year Trip 2015 อุดร-บึงกาฬ-หนองคาย-ชัยภูมิ
ตูมตาม:
ห่างหายไม่ได้เข้าเว็บไปซะหลายเพลา เพราะติดภารกิจการงานหนักหนาสาหัสจริงๆครับช่วงปลายปี ต่อเนื่องมาปีใหม่แอบหนีไปเที่ยวมา เลยขอมาชดเชยโดยเอา review เล็กๆ สำหรับทริบอีสานเหนือคราวนี้มาฝากกันครับ
:L4399: :L4399:
ตอนที่1 @ อุดรธานี
ทริบปีใหม่ปีนี้แตกต่างจากทุกปี เพราะเบื่อคนเยอะๆเลยเลือกเป้าหมายที่คนน่าจะน้อย และ destination ที่วางไว้คือภูทอก จ.บึงกาฬ และด้วยระยะทางขับรถยาวมาก (พอๆกับขึ้นเชียงราย) เลยวาง route ให้มีการจอดแวะพักหลายที่ จุดแวะพักคืนแรกคือจ.อุดรธานี ออกจากกรุงเทพฯกันแต่เช้า ฟ้ายังไม่สว่างแต่ก็ไม่วายเจอการจราจรที่เหมือนจราจล รถติดตั้งแต่โรงเบียร์ฯ ยาวไปจนถึงสระบุรี กว่าจะไปถึงอุดรฯก็ใกล้เย็นแล้ว พลขับเหนื่อยมากเลยเบี้ยวงานไม่เป็นตากล้องสำหรับวันแรก
ทริบนี้จึงมาเริ่มในตอนเช้าของวันที่ 2 ที่จ.อุดรฯ มาที่อุดรฯ อาหารเช้าต้องมากินไข่กะทะ + ขนมปังยัดไส้ ถ้าจำชื่อร้านไม่ผิดร้านชื่อราชาไข่กะทะ คนเยอะมาก ที่จอดรถก็หายากอีกต่างหาก แต่อาหารอร่อยนอกจากไข่กะทะกับขนมปังยัดไส้แล้วยังมีสตูไก่ สตูซี่โครงหมูก็อร่อยมากมาย
อิ่มอร่อยจากอาหารเช้าก็ต้องแวะไปที่หนองประจักษ์ซักหน่อย แวะไปหาเป็ด เดี๋ยวเขาจะว่ามาไม่ถึงอุดรฯ ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปกับเป็ด ซึ่งจริงๆก็ยังงงๆอยู่ว่าเจ้าเป็ดตัวนี้มันมาลอยอยู่ในหนองทำไม เห็นในรีวิว บางทีมีตั้งหลายตัว แต่วันที่ไปเหลือตัวใหญ่อยู่ตัวเดียว
หลังจากเฮฮากับการถ่ายรูปเป็ดแล้วก็เตรียมตัวเดินทางต่อไปยังจังหวัดบึงกาฬต่อไป
อาหารเช้าประจำภาคอีสาน ไข่กะทะ+ขนมปังยัดไส้
กาแฟใส่น้ำตาลก้อนแบบนี้ไม่ได้เห็นมานานแล้ว
มาถ่ายรูปกับเป็ด
ตูมตาม:
ตอนที่2 @ บึงโขงหลง + น้ำตกเจ็ดสี
หลังจากเฮฮากับน้องเป็ดที่หนองประจักษ์แล้ว ชาวคณะอันประกอบด้วยคน 9 ลิง 8 ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จ.บึงกาฬ
ทริบนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นทริบที่มีการวางแผนการเที่ยวน้อยที่สุด คือกำหนดแค่จุดพักค้างคืน และเป้าหมายหลักคือภูทอก เท่านั้น ที่เที่ยวอื่นๆไม่ได้ plan อะไรเลย เพราะไม่มีเวลา
ก่อนออกจากอุดรฯ กำหนดจุดหมายไว้ว่าจะไปน้ำตกเจ็ดสีกันก่อน เพราะไป highlight ของจ.บึงกาฬ จึงใช้เส้นทางผ่านจ.สกลนคร เพราะจะผ่านน้ำตกเจ็ดสีก่อนถึงตัวจังหวัด กะไว้ว่าจะไปกินข้าวเที่ยงแถวทางเข้าน้ำตก คิดเอาเองว่าน่าจะมีพวกร้านไก่ย่างส้มตำอยู่แถวนั้นเหมือนน้ำตกทั่วๆไป
แต่ระหว่างทางได้รับข้อมูลจากคนพื้นที่ว่าน้ำตกเจ็ดสีช่วงนี้ไม่มีน้ำ ต้องมาช่วงหน้าฝน น้ำตกไม่มีน้ำไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ปัญหาใหญ่คืออาหารกลางวัน เพราะถ้าน้ำตกไม่มีน้ำ คนก็ไม่มาเที่ยว พวกร้านค้าก็ไม่มาขาย เลยต้องปรับแผนกันระหว่างขับรถนี่แหละ
พอดิบพอดีกับเห็นป้ายบึงโขงหลง เคยอ่านใน pantip ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่ง มีร้านอาหารอยู่ริมบึง เลยชวนชาวคณะเลี้ยวเข้าไป ช่วงแรกๆเห็นเพิงร้านอาหารแต่ปิดหมด สงสัยไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ต้องเลยทางเข้าแรกมาอีกหน่อย มีดงร้านอาหารย่อมๆ 4-5 ร้าน เปิดอยู่ มีรถจอดอยู่บ้างไม่มาก เลยแวะกันที่นี่แลย จากที่ไม่อยู่ในแผน กลับเป็นที่ๆเด็กๆได้เล่นน้ำกันสนุกสนาน ไม่ใช่แค่พวกเด็กๆเราสนุกนะ คนที่มาทานอาหารนั่งมองดูเด็กกลุ่มนี้เล่นน้ำ นั่งหัวเราะกันทั้งร้าน
หลังจากสนุกสนานกับการเล่นน้ำมาพอสมควร ก็เคลื่อนขบวนกันต่อ ไปแวะที่น้ำตกเจ็ดสีตามแผน ถึงจะไม่มีน้ำให้เล่น แต่ไหนๆก็มาแล้ว ก็ขอแวะซะหน่อย หลังจากได้เดินจนถึงน้ำตกชั้นบนสุดแล้ว ต้องบอกเลยว่าถ้าน้ำเยอะๆ เดินไม่ถึงชั้นบนสุดแน่ๆ เพราะช่วงน้ำเยอะทางเดินทั้งหมดจะมีน้ำไหลผ่าน ต้องเดินลุยสายน้ำตกขึ้นไป แถมที่นี่เสี่ยงมากกับน้ำป่าอีกด้วย ตามทางเดินจะเห็นซากขอนไม้ที่น้ำป่าพัดลงมาน่ากลัวทีเดียว
น้องปาหนูขาว ยานประจำกายพาไปทุกที่ทั่วไทย
ภาพรวมหมู่ผู้บัญชาการ ณ บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ
มาอีสาน อาหารที่ขาดไม่ได้คือปลาเผากะส้มตำ
เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว เด็กน้อยก็เริ่มรุกรานลงไปในน้ำ
ส่วนเด็กน้อยนี้บอกว่าไม่อยากลงน้ำ กลัวเปียก กลัวหนาว
และนี่คือสภาพในอีก 15 นาทีให้หลัง
ณ น้ำตกเจ็ดสี จ.บึงกาฬ
ณ น้ำตกเจ็ดสีชั้นที่ 1 ถ้าเป็นช่วงน้ำเยอะ บริเวณนี้จะมีน้ำไหลผ่านบนลานหินทั้งหมด
ถ้าเป็นช่วงน้ำเยอะคงเดินยากพอสมควร เพราะบนลานหินจะมีหลุมบ่อลึกบ้างตื้นบ้าง ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง เต็มไปหมดเลย ลองนึกว่าหลุมๆพวกนี้มีน้ำไหลผ่าน เวลาเดินคงต้องคอยมองตลอดว่าหลุมอยู่ตรงไหน
เดินต่อไปเรื่อยๆขึ้นน้ำตกชั้น 2 ตลอดทางจะมีเชือกให้จับ ที่ต้องมีเชือกเพราะถ้าเป็นหน้าน้ำ จะต้องดึงเชือกเดินลุยน้ำตกขึ้นมา
เดินมาไม่ไกลก็มาถึงชั้น 2 กันแล้ว
ต่อไปก็ชั้น 3 ชั้นสุดท้ายละ เดินไม่ไกลครับน้ำตกนี้ แต่ถ้าอยากจะให้สวยต้องมาหน้าน้ำ ที่เดินมาตลอดทางนี่ต้องลุยน้ำตกมา (ก็ไม่ง่ายนะ)
ถ้ามาช่วงหน้าน้ำ หน้าผาที่เห็นทั้งหมดจะมีน้ำไหลลงมา น่าสพรึงมากขอบอก
ตูมตาม:
ตอนที่3 @ บึงกาฬ
หลังจากเล่นน้ำเฮฮา ณ บึงโขงหลง และ mini เดินทางไกล ณ น้ำตกเจ็ดสีกันแล้ว ก็เดินทางกันต่อมายังตัวจังหวัดบึงกาฬ จังหวัดน้องใหม่ล่าสุดของเมืองไทย เป็นจังหวัดเล็กๆ ตัวจังหวัดอยู่ติดริมแม่น้ำโขง มีถนนหลักแค่ 2 เส้น เส้นนึงเป็นถนนใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างถนนสายที่ผ่านมาจากจ.สกลนคร กับอีกเส้นที่มาจากจ.หนองคาย มาบรรจบกันที่ 4 แยกหลักหน้าเมือง ส่วนอีกเส้นเป็นเส้นเลียบแม่น้ำโขง บรรยากาศคล้ายๆกับเชียงคาน แต่คนน้อยกว่ามาก และไม่ได้มีตลาดถนนคนเดินเยอะแยะเหมือนเชียงคาน ดูสงบกว่า แต่ก็เริ่มมีร้านเหล้า บาร์มาเปิดกันแล้ว และทราบข่าวมาว่าจะมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่นี่ด้วย หลังสะพานความน่ารักของการเป็นเมืองเล็กๆคงหายไป กลายเป็นเมืองท่าการค้าเหมือนหนองคาย
ที่นี่เราพักกันที่ละอองภิรมย์ เป็นโรงแรมเล็กๆ แต่แบบบ้านเก่าๆ ทีแรกนึกว่าเอาบ้านเก่ามาทำ แต่คุยกับเจ้าของโรงแรมถึงได้รู้ว่าเป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาใหม่ แต่ตกแต่งแนวบูติคย้อนยุคเอาไม้เก่ามาทำฝาผนังให้ดูเป็นบ้านเก่า
โรงแรมก็ดูน่ารักมีสไตล์ดี แต่ห้องพักและการจัดวางพื้นที่ภายในดูขัดๆไม่ค่อยสมส่วนซักเท่าไหร่ ห้องพักค่อนข้างไปทางเล็ก การจัดวางพื้นที่ไม่ค่อยดีนัก รวมถึงห้องน้ำที่จัดวางพื้นที่แปลกๆ ใช้งานไม่ค่อยสะดวก คุยกับเจ้าของถึงได้ทราบว่าเจ้าของไม่มีความรู้ในเรื่องการออกแบบเลย พึ่งพาสถาปนิกออกแบบอย่างเดียว ผู้รับเหมาทิ้งงานไปหลายเจ้า กว่าจะสร้างเสร็จก็ต้องปรับแบบโน่นทีนี่ทีจนยุ่งเหยิงและไม่ลงตัวอย่างที่เป็นพนักงานที่นี่ก็ดูขรึมๆ ไม่ค่อยมีรอยยิ่มแบบที่โรงแรมบูติคควรจะมี
เนื่องจากมาถึงค่อนข้างเย็นแล้ว เสียเวลากับการดูและจัดแบ่งห้องพักอยู่พอสมควรเพราะเด็กๆอยากนอนด้วยกัน เลยต้องจัดสรรห้องกันใหม่กว่าจะลงตัวเล่นซะมืด อาหารเย็นสำหรับเด็กๆเลยจัดให้กินกันในที่พัก ส่วนพ่อแม่ออกไปหาร้านข้างนอกกิน (ไม่ใช่อะไรนะ ครือว่าในที่พักมีอาหารจำกัด ไม่พอสำหรับคณะเราทั้ง 17 คน)
ร้านแนะนำร้านแรกชื่อเสวย เดินไปจากที่พักไม่ไกล แต่พอเดินไปถึงปรากฏว่าร้านปิด วันนี้มีคนมาเหมาไปจัดโต๊ะจีน และไปร้านแนะนำร้านที่สองชื่อร้านหงายหลัง
ร้านนี้จริงๆตอนขับรถเข้ามาก็ผ่าน ผมเห็นชื่อร้านก็งงๆว่าทำไมต้องชื่อหงายหลัง อร่อยจนหงายหลัง? หัวเราะจนหงายหลัง (มีตลกมาเล่นหรือไร)? หรือเมาจนหงายหลัง? จะหงายหลังเพราะอะไรไม่รู้ แต่ที่ขับผ่านเห็นร้านนี่ไม่มีคนนั่งในร้านแม้แต่คนเดียว แล้วมันจะอร่อยได้ไงฟระ
แต่ไม่มีมีทางเลือก พอเดินไปถึงร้านจึงรู้ว่า ไอ้หน้าร้านที่เห็นหนะ ไม่ใช่ที่นั่ง มันเป็นแค่หน้าร้านบอกว่าร้านอยู่ตรงนี้เท่านั้น ส่วนที่นั่งเดินลงจากถนนไปนั่งอยูริมแม่น้ำเลย ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ ร้านนี้ลูกค้าเยอะ สั่งอาหารต้องรอหน่อย ใจร้อนสั่งเยอะพาลกินไม่หมด (ใช่ปะพี่โอสี่จาน) 5555
ระหว่างทานอาหารมีพลุจุดให้ดูด้วย ยังไม่ถึงปีใหม่ไม่รู้จุดพลุทำไร มาถึงบางอ้อตอนกินเสร็จแล้วเดินผ่านแถวๆที่จุด เป็นงานเลี้ยงสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนอนุบาล !!!!!! มีนายกสมาคมด้วยนะจะบอกให้
จากน้ำตกเจ็ดสี มุ่งหน้าเข้าบึงกาฬ ที่พักของเราเป็นโรงแรมเล็กๆ บูติครีสอร์ท
มื้อเย็นเราไปกินกันที่ร้าน "หงายหลัง" ที่นั่งกินอยู่ริมน้ำโขง (ตัวร้านอยู่บนถนน) วันนี้ที่บริเวณใกล้เคียงมีจัดงานและมีการจุดพลุ เลยได้ถ่ายพลุ แต่ถ่ายแบบไม่มีขาตั้งกล้อง เลยได้มาแค่นี้แหละครับ
ตูมตาม:
ตอนที่4 @ ตลาดไทย-ลาว จ.บึงกาฬ
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ บึงกาฬ วันนี้ตามหมายกำหนดการณ์เราจะไปที่ภูทอกกัน แต่วันนี้ตรงกับวันอังคาร ซึ่งเป็นวันที่มีตลาดไทย-ลาว (มีทุกวันอังคารและศุกร์) เป็นตลาดเช้าที่มีพ่อค้าแม่ค้าทั้งไทยทั้งลาวมาตั้งตั้งแผงขายกันยาวตามถนนหน้าตลาดเทศบาล จังหวะแบบนี้ย่อมไม่พลาดที่จะตื่นแต่เช้าไปชมตลาดกันซักหน่อย
ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดไทย-ลาวนี้ผมไม่ได้หามาเลย รู้แค่ว่าเปิดวันอังคารกับศุกร์ อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ แต่อ่านข้อมูลคร่าวๆทราบว่าไม่ไกลจากตลาดเทศบาล เลยไปที่ตลาดเทศบาลกันก่อน กะว่าจะหาอาหารเช้ากินที่ตลาดเทศบาล แล้วค่อยไปถามทางไปตลาดไทย-ลาวอีกที
ตื่นกันมาแต่เช้า มีผมเป็นพลขับ กับ 3 ผู้บัญชาการ และลิงอีก 1 ตัวติดสอยห้อยตามมาด้วย ไปหาอาหารเช้ากินกันที่ตลาดเทศบาล ไปถึงก็มีของขายพอสมควร แต่ไม่มากนัก ทั้งๆที่ตัวอาคารของตลาดก็ดูใหญ่ดี ถามแม่ค้าเลยรู้ว่าตลาดเทศบาลนี่เป็นตลาดเช้ามาก คือมาขายกันตั้งแต่ตี2ตี3 ตลาดวายประมาณ 7 โมง เราไปถึงตอน 6 โมงกว่าๆ พอมีของขายบ้างแต่ไม่มากแล้ว
อิ่มกับอาหารเช้าแล้วก็ไปต่อกันที่ตลาดไทย-ลาว ถามข้อมูลจากชาวบ้านปรากฏว่าตลาดไทย-ลาวเป็นตลาดสาย เริ่มขายกันประมาณ 7-8โมง ไปวายเอาประมาณ 11โมง เวรกรรม... เราดันมาตอน 6 โมงกว่าๆ อยู่ตรงกลางระหว่างตลาดเทศบาลวาย กับตลาดไทย-ลาวยังไม่เปิดซะนี่ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ก็ไปดูซะหน่อย คิดว่าคงมีพ่อค้าแม่ค้ามาเริ่มตั้งแผงกันบ้างหละ
ตลาดไทย-ลาว อยู่บนถนนเส้นขนานกับถนนเลียบแม่น้ำ พ่อค้าแม่ค้าจะมาตั้งแผงกันริมถนน เนื่องด้วยรถไม่ค่อยมีคงไม่ได้ปิดเป็นถนนคนเดิน เพราะยังมีรถสามล้อและแมงกะไซด์วิ่งไปมาอยู่ สินค้าที่ขายส่วนใหญ่ก็เป็นพวกอาหาร ผักสด ของใช้ในบ้าน และเสื้อผ้า ส่วนชาวลาวส่วนใหญ่จะเอาของป่ามาขาย เสียดายที่มาเช้าเกินพวกพ่อค้าที่เอาของป่าพวกหน่อไม้ กล้วยไม้ป่ายังไม่มา เท่าที่เห็นมีแต่พวกขายสมุนไพร กับของแปลกๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันเอาไปทำอะไร
ผู้บัญชาการทั้ง 3 เดินซื้อผักสดไว้ไปถวายวัดที่ภูทอก ซื้อกันมาเยอะพอสมควร ยิ่งไปบอกแม่ค้าบางเจ้าว่าจะเอาไปถวายพระ แม่ค้าจัดการแถมมาให้อีก นัยว่าร่วมทำบุญด้วยคน ส่วนเด็กน้อยก็เดินดูของเล่นไปเรื่อยเปื่อย ส่วนผมนอกจากจะเป็นพลขับ ตากล้อง แล้วก็ยังต้องเป็นคนแบกหามอีกหนึ่งตำแหน่ง
หลังจากเยี่ยมชมตลาดกันแล้วก็กลับมาที่พักเตรียมตัวไปปฏิบัติภาระกิจพิชิตใจที่ภูทอกกันต่อไปคร้าาาาบ
ณ ตลาดเทศบาล มาตอนตลาดใกล้วาย (6โมงเช้าที่นี่ตลาดเขาจะวายแล้ว...งง) แม่ค้าใส่ถุงรอไว้เลย
เด็กน้อยเพียง 1 เดียวที่ยอมตื่นเช้าออกมาเดินตลาดด้วยกัน เพราะความอยากกินตับไก่ปิ้งแท้ๆ
แขกร่วมโต๊ะอาหารเช้าผู้ไม่ได้รับเชิญ
ตลาดไทย-ลาวยามเช้า คนยังไม่เยอะ พ่อค้าแม่ค้ายังมาไม่มาก
พ่อค้าแม่ค้าลาวนิยมเอาสมุนไพรมาขาย ดูเอาละกันว่ามันเป็นสมุนไพรอะไรบ้าง (ผมก็ไม่รู้หรอก)
อันนี้เปลือกไม้อะไรซักอย่าง แม่ค้าบอกว่าเอาไว้กินกับหมากพลู
มีของแปลกๆมาวางขายด้วย ไม่รู้คืออะไร มีอยู่หลายร้านเหมือนกัน
หนูป่าก็มีขายนะ มาเป็นตัวๆแบบนี้เลย
เหล่าผบ. ช็อบผักสดเตรียมไปทำบุญถวายพระที่วัดภูทอก
เวลามีไม่มาก ร่ำลาตลาดไทย-ลาวกันไปกับบรรยากาศยามเช้า พระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้
กลับที่พัก เตรียมพร้อมออกเดินทางกันต่อ
ตุ้ย THEPBURI:
พี่ตาม ไปเที่ยวบ้านผมตอนไหนเนี่ย ภูทอก บึงโขงหลง
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version