พี่ตามครับผมขออนุญาตถามแบบไม่รู้จริงๆๆนะครับ ที่ว่า "คงต้องมาไล่อากาศกันอีกรอบนะครับ" นี่คือ แม้เราดำเนินการกับศูนย์แล้ว แต่เพื่อความชัวร์ เรามาไล่อากาศกันอีกรอบ อันนี้มันทำได้ด้วยหรือไม่อย่างไร เพียงใดครับ ขอบพระคุณพี่ตามครับสำหรับข้อมูล
ด้วยความนับถืออย่างสูงครับ
การไล่อากาศออกจากระบบสามารถทำได้ และเป็นเรื่องที่ควรทำครับ เพียงแต่ช่างศูนย์เท่าที่ผมเคยเห็นนะครับ ไม่ค่อยจะทำกัน ต้องกำชับกันเป็นมั่นเหมาะว่าต้องทำให้ด้วย บางครั้งต่อให้กำชับแล้วก็ทำครับ แต่ก็ไล่ออกไม่ค่อยจะหมด
จริงๆระบบเครื่องยนต์ของเรามันสามารถไล่อากาศออกจากระบบได้ในตัวอยู่แล้วนะครับ ... ลองนึกภาพของเครื่องยนต์ ใช้น้ำระบายความร้อน น้ำไหลเข้าเครื่องจากด้านบน ไหลผ่านเครื่องลงด้านล่าง หอบเอาความร้อนจากเครื่อง วิ่งผ่านปั๊มน้ำ ผ่านวาล์วน้ำ เข้าไปที่หม้อน้ำ ถ่ายเทความร้อนที่หม้อน้ำ แล้วก็วิ่งขึ้นไปข้างบนเพื่อไหลกลับเข้าเครื่องอีกครั้ง ... ระบบนี้เป็นระบบปิดนะครับ ไม่สามารถมีอากาศเข้าไปในระบบได้ หรือถ้าเข้าได้ก็น้อยมากๆ
ทีนี้พอเราเปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำ ตอนเราเปลี่ยน เราจะเปลี่ยนตอนเครื่องเย็น นั่นหมายความว่าวาล์วน้ำจะปิดอยู่ ... การเปลี่ยนถ่ายทำได้โดยเปิดน็อตถ่ายที่ด้านล่างหม้อน้ำ เมื่อเปิดแล้วน้ำก็จะไหลออกมาจากหม้อน้ำ แต่เนื่องจากวาล์วน้ำปิดอยู่ ดังนั้นน้ำที่ยังคงอยู่ในเครื่องยนต์จะไม่ไหลออกมาด้วย นั่นหมายความว่าถ้าเราถ่ายน้ำยาหม้อน้ำตามปกติ เราจะถ่ายออกประมาณค่อนนึง คือส่วนที่อยู่ในหม้อน้ำ และของเดิมจะเหลืออยู่อีกส่วนหนึ่ง คือส่วนที่อยู่ในเครื่องยนต์
เมื่อเราถ่ายน้ำออกมา สิ่งที่เข้าไปแทนที่คืออากาศ เมื่อเราเติมน้ำใหม่ลงไป อากาศที่อยู่ด้านล่างของหม้อน้ำจะไม่มีทางไป เพราะด้านนึงถูกกั้นไว้ด้วยวาล์วน้ำ ส่วนด้านบนมีน้ำที่เราเติมไปใหม่กดลงมา อากาศส่วนนี้แหละครับที่เราต้องไล่ออกไป เพราะถ้าไม่ไล่มันจะไหลเวียนอยู่ในระบบน้ำ จนกว่าจะถึงระดับหนึ่งแล้วเครื่องถึงจะสามารถไล่ออกมาเองได้
เครื่องไล่อากาศออกมาได้อย่างไร ..... เมื่อเราเติมน้ำเข้าไปในหม้อน้ำ อากาศด้านล่างยังคงอยู่ หากเราไม่ไล่ออกไป มันจะคงอยู่อย่างนั้น ทีนี้พอเราสตาร์ทรถ และใช้งาน ระบบน้ำจะเวียนไปแบบปกติ และสิ่งที่เวียนไปกับน้ำด้วยก็คืออากาศ เพราะแรงดันของน้ำก็จะดันให้อากาศเคลื่อนที่ไปด้วย .... อย่างที่ผมบอก มันคือระบบปิด อากาศมันออกไม่ได้ .... แต่เครื่องยนต์มีการออกแบบเป็นเป็นระบบเปิดเพื่อระบายแรงดัน .... ตัวระบายแรงดันก็คือฝาหม้อน้ำ .... นั่นคือเมื่อความร้อนสูงขึ้น แรงดันน้ำในระบบมากขึ้น จนถึงระดับหนึ่ง จะดันให้ฝาหม้อน้ำเปิด เพื่อระบายแรงดัน และน้ำบางส่วนออกไปที่หม้อพักน้ำสำรอง .... และจังหวะนี้เองที่สามารถระบายอากาศออกไปได้ด้วย ถ้าอากาศมาอยู่ในตำแหน่งของฝาหม้อน้ำพอดี
สมมติว่าอากาศที่ค้างอยู่วิ่งวนมาอยู่ตรงฝาหม้อน้ำพอดีตอนฝาเปิด อากาศก็จะถูกดันออกไปทางสายยางเล็กๆ ไปที่หม้อพัก ปริมาตรน้ำ+อากาศในระบบจะลดลง แรงดันลดลง ฝาหม้อน้ำก็ปิด และน้ำในหม้อพักก็จะถูกดูดจากด้านล่างเข้ามาในระบบแทน
ด้วยหลักการแบบนี้ เวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหม้อน้ำ ช่างศูนย์จึงชอบเติมน้ำในหม้อพักไว้ให้เยอะๆ เพราะเผื่อไว้ว่าเวลาอากาศระบายออกมาแล้ว จะมีน้ำดูดเข้าไปแทนที่ แบบนี้ไม่ต้องไล่อากาศให้เหนื่อยครับ แค่เติมน้ำไว้เยอะๆในหม้อพักก็พอ เจ้าของรถเอาไปใช้ก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีอากาศอยู่ในระบบ
แต่ถ้ารถคันไหนมี SMG เวลาไม่ไล่อากาศออกจากระบบ จะเห็นระดับความร้อนขึ้นลงผิดปกติ เนื่องจากอากาศที่ค้างอยู่ในระบบ ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนจากเครื่องได้ดีเท่าน้ำ ดังนั้นในเครื่องยนต์ที่อากาศไหลผ่านไปจะไม่สามารถถ่ายเทความร้อนออกมาได้ ความร้อนก็จะสะสมไว้เยอะ จนเมื่อน้ำวิ่งผ่านไปทีนี้พอความร้อนมาเยอะ น้ำก็ไประบายความร้อนให้หม้อน้ำไม่ทัน ทำให้ความร้อนที่เห็นจาก SMG มันจะดูผิดปกติ
นอกจากนั้นไอ้ระบบเติมน้ำไว้ในหม้อพักเยอะๆนั้น อย่างที่บอกครับ มันต้องรอให้อากาศวิ่งวนมาอยู่ตรงฝาหม้อน้ำพอดี มันถึงจะออกไปได้ ถ้าเกิดตอนมันวิ่งผ่านมาฝาหม้อน้ำดันไม่เปิด มันก็วิ่งวนกลับเข้าไปในเครื่องอยู่ดี ต้องรอจนฝาหม้อน้ำเปิดแล้ววิ่งวนมาใหม่อีกรอบ หรืออีกไม่รู้กี่รอบถึงจะพอดี ฝาหม้อน้ำปกติของน้องปา จะเปิดที่แรงดัน 1.1 บาร์ หรือถ้าคำนวนเป็นอุณหภูมิจะเปิดที่ความร้อนอยู่ประมาณ 95-96 องศา ดังนั้นถ้าจะระบายอากาศด้วยวิธีนี้ต้องใช้รถให้อยู่ในระดับความร้อนแบบนี้อยู่ซักระยะหนึ่งครับ อาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าอากาศจะหมด เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่ฝาหม้อน้ำเปิดจะระบายอากาศออกมาได้