"สำหรับคนใช้รถเกียร์ AUTO"
บทความนี้อยากส่งต่อให้ทุกคนที่ขับรถอ่าน กรุณาอ่านให้จบนะคะ. เพื่อความปล อดภัยและมีสติ...
เป็นวันที่ผมมิอาจลืมได้ ในชีวิตนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. ผมได้ขับรถขึ้นทางด่วนพิเศษจาก ถนนจันทน์ มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติด ถ.แจ้งวัฒนะ- ปากเกร็ด
ขณะขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที และมองไปที่คันเร่ง เห็นหน้าจอ ที่ 140 กม.ผมก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้งเพื่อลดความเร็ว
แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมได้ลองใหม่อีก 3 ครั้ง คราวนี้กระชากเบรกมือด้วยอีก 2 ครั้ง เบรกเท้าอีกก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 กม/ชม. ผมได้พยายามกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทที่นัดแนะไปทำบุญด้วยกัน
เพื่อนแนะให้ลดเกียร์ จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130/ชม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้
ความพยายามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาที และลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย ผมคิดว่าคงอาจจบชีวิตบนการทางพิเศษแล้ว
เพื่อนได้แนะอีกครั้ง และสมาธิเริ่มรวบรว ม ความพยายามประมาณครั้งที่ 7 โยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่างแล้วดับเครื่อง
คราวนี้รถได้ชะลอความเร็วลงมาก ผมได้ประคองขับรถต่อไปอีกประมาณ 5 กม.. กว่ารถจะหยุดได้ ซึ่งผมก็สามารถหยุดชิดขอบทางได้ เหมือนรอดตายพ้นนรก ผมรีบโทรบอกที่บ้านเพราะตอนแรกนึกว่าคงไม่ได้โทรสั่งเสียหรือสั่งลา ผมได้เดินอีกประมาณ 100 เมตรไปบอกเจ้าหน้าที่เก็บเงินที่ ด่านเก็บเงินใกล้แจ้งวัฒนะเพื่อขอความช่วยเหลือ
รอประมาณ 10 นาที ก็มาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมยซึ่งหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ ก้านของคันเร่งและเกิดการล็อคขึ้น
ได้สอบถามกับอู่รถแล้ว อู่แจ้งว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่งติดตัวถังรถสิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจดับเครื่องยนต์และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่แล้วค่อย ๆ เหยียบเบรคเป็นระยะ ๆ ความเร็วรถจะค่อยลดลง จนสามารถจอดรถได้
การปิดสวิทช์กูญแจรถยนต์ดับเครื่องเลยในขณะที่เกียร์รถไม่อยู่ที่ N รถก็ยังวิ่งอยู่เครื่องยนต์และระบบเกียร์จะเสียหายมากกว่าที่อยู่ช่อง N ครับ
ขอเพิ่มเติมให้อีกหน่อยครับ ถ้าวิธีนี้ใช้ได้จริง
ดับเครื่องเฉย ๆ นะครับ อย่าดึงกุญแจออกจากรูกุญแจ เดี๋ยวพวงมาลัยล็อค จะยิ่งแย่เข้าไปอีก เพราะถ้าดับเครื่องโดยที่กุญแจยังเสียบอยู่ เรายังบังคับเลี้ยวได้
พวงมาลัยจะไม่ล็อค เราจะเปลี่ยนเลนเพื่อหลบรถคันหน้าได้
ไม่รู้ว่าซำ้หรือเปล่า ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลบทิ้งได้ทันทีนะคราบ
พอดีเพื่อนส่งมาทาง line ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ได้คราบ

ขอขอบคุณข้อมูลครับพี่ปุ้ย จากเหตุการณณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าเชื่อได้ว่าคนขับรถคันนี้ไม่ใช่มือใหม่เพราะลักษณะการเหยีบบยาวขึ้นทางด่วนจนไมล์แจะ140นั้นไม่ใช่มือใหม่อย่างแน่นอน แต่มาเหยีบบเบรค 2 ครั้งเพื่อชลอความเร็วลงนั้นจุดนี้ไม่ต้องแตะเบรคก็ได้เพราะส่วนใหญ่แค่ยกคันเร่งก็ลงแล้ว(ยกเว้นรถคันนี้คันเร่งค้างมาตั้งแต่กดชขึ้นทางด่วนและรถวิ่งไปเรื่อยๆจนความเร็วสูงขุึ้นจนเจ้าของรถต้องลดความเร็ว) แต่จากที่บอกว่าขณะเกิดเหตุนั้นมีการโทรหาเพื่อน จุดนี้ต่างหากที่บอกว่าไม่น่าใช่มือใหม่แน่นอน ลำพังมือเก่าๆอย่างพวกเราก็คงไม่มีอารมณ์ละมือและสายตาในการประคองรถมากดโทรศัพท์โทรหาใครหรอก (ยหกเว้นรถหยุดแล้ว จึงใส่ไข่อีก2ฟอง)
เอาน่าจะอะไรก็ตาม
จากคนโพสที่แนะนำเรื่องสิ่งแรกที่ควรทำนั้น ผมขอแนะนำทับว่าอย่าทำเช่นนั้นเช่นดับเครื่องยนต์ที่ gear N เพราะ- คุณจะกดเบรคได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ลมเบรคจะหมดและเบรคจะหนักต้านแรงกดและตื้อมากๆ เพราะระบบเบรคถูกตัดแรงดันน้ำมันเบรค จนคุณตกใจแน่ๆ
- พวงมาลัยจะบังคับลำบากเพราะจะหนักแรงเพราะน้ำมันเพาว์เวอร์ไม่มีปั๊มช่วยส่งแรงอัดน้ำมันในระบบ ประคองรถไม่ได้อีก
- หากดึงกุญแจออก พวงมาลัยอาจจะล็อคแกนได้
- การควบคุมรถจะลำบากมากๆ ไม่เหมาะกับมือใหม่อย่างแน่นอน
วิธีแนะนำหากบังเอิญเกิดเหตุคล้ายๆกันนี้1. ตัดกำลังส่งเครื่องยนต์ ด้วยการดันปลดเกียรมาที่ N (ปกติจาก D มา N จะดันได้ทุกขณะโดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ)
2. ถ้ากดเบรคแล้วรถไม่มีแรงเสียดทานจากระบบเบรค ให้เอามือซ้ายจับคันเบรคมือแล้วเอานิ้วหัวแม่มือกดปุ่มปลายคันเบรคมือค้างไว้แล้วเหนี่ยวเบรคขึ้นเป็นระยะๆสู้แรงเสียดทานพร้อมเท้ากดช่วยแรงๆ ย้ำๆ (อย่าปล่อยนิ้วหัวแม่มือนะ)
3. ถ้าคันเร่งค้างจริง จะมีเสียงเครื่องยนต์ดังลั่นๆ ช่างมันอย่าไปสนใจหรือห่วงว่ามันจะพัง ห่วงตัวเราก่อนรีบประคองรถเข้าข้างทาง (และอย่าลืมเปิดไฟเลี้ยว หากสามารถเปิดกระจกยื่นมือไปนอกรถแล้วยกมือชี้ไปทางอ้อมหัวไปทางซ้าย เพื่อส่งสัญญานขอจอดซ้ายด่วน) ....เลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินตอนอยู่กลางถนนเพราะรถหลังจะเดาไม่ได้ว่าเราจะเอาอย่างไร ส่วนใหญ่จะคิดว่ารถเสียจอด
4. หากรถเข้าเลนซ้ายได้ก็เอื้อมปิดกุญแจได้เลย แต่ระวังว่าพวงมาลัยจะหนัก (ฉะนั้นควรเข้าเลนซ้ายให้เรียบร้อยก่อน)
5. หลังเครื่องดับ เบรคจะหนักๆ สามารถกดได้เต็มแรงจะค่อยๆชะลอรถลงได้ด้วย