ที่ผมใช้ติดรถอยู่ เป็นตัวที่ซื้อติดรถCelicaที่ญี่ปุ่น ตอนนี้ก็อายุเครื่องก็13ปีพอดี (ทนมากกก)ซื้อมาตอนนั้นเป็นเงินไทย ประมาณ8,000บาท

(ซึ่งตอนนี้ น่าจะกลายเป็นของสะสมในคอลเลคชั่นของวงการรถซิ่งที่ญี่ปุ่นไปแล้ว)

เท่าที่เข้าใจเครื่องนี้ที่ญี่ปุ่นจะรับสัญญาณGPS จากดาวเทียมของญี่ปุ่นเอง นอกเหนือจากเตือนการยิงเลเซอร์จับความเร็ว
และ กล้องจับความเร็วทั่วไปแล้ว ยังจะเตือนด่านตำรวจที่อยู่ในระแวก3km เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย
พอผมนำมันกลับมาเมืองไทย ฟังชั่นทุกอย่างใช้ได้ตามปกติ ยกเว้นเตือนด่านตรวจ เข้าใจว่ามีผลมาจากการไม่จับดาวเทียมของไทย
สำหรับที่เมืองไทย เครื่องนี้ช่วยผมจากการโดนปรับโดยไม่มีผลกระดาษ(ที่โชว์ความเร็ว) เพราะตำรวจใช้วิธีดูความเร็วด้วยตา แล้ววอ.บอกกัน ที่ทางหลวงขึ้นภาคเหนือ
ผมเถียงใจขาด และ ชี้ให้ดูว่าผมมีเครื่องเตือนกล้อง และ เครื่องก็ไม่ร้องเตือนว่า มีการยิงเลเซอร์มาที่รถผม ฉะนั้นหลักฐานอะไรที่ผมจะถูกจับความเร็วครับ
ตำรวจคงรำคาญเลยปล่อยผมไป

ข้อด้อย: เครื่องมักจะร้องเตือนว่ามีกล้องเมื่อ ผ่านด่านทางด่วนต่างๆจนรำคาญ ผมต้องปิดเสียงไว้ และ ใช้เฉพาะ เวลาจะใช้ความเร็วเกินบนทางด่วน และ ทางหลวงต่างจังหวัด(ปกติพยายามไม่ให้เกิน และพยายามขับรถตามกฏ เนื่องจากลูกเล็ก เมียเด็ก)

ข้อสังเกต : มันมักจะร้องเมื่อวิ่งสวนกับรถ อัลพาร์ท กับ เฮอร์ริเออร์ แม้ว่าจะอยู่บนทางด่วนคนละฝั่งไม่แน่ใจว่ารถทั้งสองรุ่นนั้น มีออฟชั่นอะไรที่ทำให้เครื่องของผมจับสัญญาณได้
ใครรู้ช่วยบอกทีครับ อยากรู้จัง
สรุป: สำหรับผม มีไว้ เพราะ 1. เป็นของติดรถมาตั้งแต่ใช้รถสปอร์ต celica และ prelude เป็นความทรงจำให้นึกถึงอดีตสมัยวัยรุ่นขับรถแข่งกับพวกแว๊นซ์ยากุซ่า

2. วิ่งบนทางหลวงมั่นใจกว่าไม่มี
3. บนทางด่วน ถ้าพบสัญญาณ ชักเท้าทันก็โชคดีไป ถ้าไม่ทัน โดนกล้องถ่ายส่งมาที่บ้านแน่นอน
(แต่ไม่ค่อยเปิดเสียงเพราะ เครื่องร้องเตือนทุกกล้องเลย ฮ่าาาาา)
4. เวลาสาวๆขึ้นรถ ชอบถามว่าไรอ่าพี่ ผมก็จะโม้ว่า บลา บลา ๆ ขนาดกล้องตามโรงแรมมันยังร้องบอกเลยน้าา ไม่เชื่ออะ ฮ่าาา คิกๆ

คงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
