ในรถ Pajero Sport ที่ขายในไทยแต่ละคัน มิตซูจะเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์อยู่ 2 ขนาด อย่างใดอย่างนึงครับ
มีขนาด 80D26L และ 95D31L
ซึ่งจะใช้แบบไหน ก็แล้วแต่ทางมิตซูครับ ว่าจะใส่รุ่นไหนมาให้กับรถแต่ละรุ่น
แต่ดูง่ายๆก็คือ เป็นแบตลูกเล็ก กับแบตลูกใหญ่
*** ส่วนใหญ่ที่ผมเห็น จะเป็นแบตลูกใหญ่ซะหมด รถเว้นรถของพี่ๆและของผม ที่เป็นรุ่นปี 2010 ที่ผมคาดว่าถูกลดต้นทุน ด้วยการใส่แบตลูกเล็กมาให้ ***ครั้งนี้ผมมีเรื่องเล็กๆน้อยมาเล่าสู่กันครับ นั่นคือ
รถพี่ๆบางคันอาจจะได้แบตลูกเล็ก หรือขนาด 80D26L มาตั้งแต่ออกรถ
เมื่อใช้งานผ่านไปจนถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตลูกใหม่
พี่ๆหลายคนก็มักจะเลือกแบตที่ลูกใหญ่กว่าเดิม แล้วก็จะพบปัญหาว่า เคสแบตเตอรี่ที่มีอยู่ในรถ ไม่สามารถใส่แบตลูกใหญ่ได้แล้ว
บางคนก็เลือกเอาออก ไม่ใส่เคส บางคนก็ยังใส่ด้วยการเบิกเคสใหม่
สำหรับใครที่เลือกจะไม่ใส่เคส "
รถคุณกำลังอยู่ในความเสี่ยง"
เพราะหน้าที่ของเคสก็คือ
การป้องกันไม่ให้น้ำกรดหกใส่ตัวถังรถไม่ว่าจากกรณีน้ำกรดเดือด หรือจากการเติมน้ำกลั่นแล้วล้น เป็นต้น
แต่หากพี่ท่านใดเลือกใช้แบตลูกใหม่เป็นแบบแห้ง หรือแบบ MF ที่ไม่ต้องเติมหรือคอยดูแลน้ำกลั่น ก็คงรอดตัวไป
เพราะไม่มีช่องให้น้ำกรดหกหรือล้นออกมาแล้ว

แต่... ยังไงผมก็คิดว่าน่าจะเบิกเคสมาใส่อยู่ดี เพราะอะไร เดี๋ยวมาว่ากันตอนหลัง
เคสแบตเตอรี่สำหรับ Pajero Sport จะมีอยู่ 2 ขนาดตามรูปข้างล่างครับ

รถผมได้แบตลูกเล็กมาแต่เกิด เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแบต ผมก็เลือกขนาดที่ใหญ่กว่าขึ้นมาอีก
จนไม่สามารถใส่ลงเคสเดิมได้ ช่วงแรกๆ ผมก็ติดตั้งแบตไปโดยที่ไม่มีเคสครับ เพราะแบตลูกใหม่ของผม
เป็นแบบ MF ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น

แต่ภายหลังมาพบว่า ถึงแม้จะล็อคตัวล็อคแบตกับตัวถังรถแน่นแล้ว
แต่แบตยังสามารถเคลื่อนไปมาซ้ายขวาหน้าหลังได้อยู่ (ผมลองทดสอบด้วยการเอามือดัน

)
เลยไม่ค่อยสบายใจ ก็เลยอยากจะเบิกเคสมาใส่
ได้ของมาและครับ เทียบกับของเดิมที่เป็นเคสขนาดเล็ก

ใต้เคสจะมีเดือย สามารถเสียบลงร่องของตัวถังรถ ทีนี้แบตน่าจะจะขยับเขยื่อนเคลื่อนที่ไม่ได้แล้ว

จัดการใส่ลงไป ดูดีขึ้นเยอะเลย

ลองขยับแบตดู ก็พบว่ามันเคลื่อนแทบไม่ได้แล้ว ใช้ได้ๆ


ก็มาเล่าสู่กันฟังเท่านี้ครับ ถือว่าเป็นกระทู้ที่ไม่ยาวมากนัก
ยังมีเรื่องราวความรู้และประสบการณ์ต่างๆของผมกับรถ Pajero Sport อีกมาก ที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง
แต่ช่วงนี้ยังไม่มีเวลาพิมพ์ เอาไว้โอกาสต่อๆไปนะครับ
