เชื่อหรือไม่ในสิ่งที่เห็น

[ตูมตาม]

มาเฉลยกันดีกว่า 

คำตอบที่พี่ๆเดาๆกันมานั้น มีส่วนถูกเกือบทั้งหมดครับ แต่ต้องเอามาประกอบกันหลายๆอย่าง

พี่ๆอาจจะเคยเห็นจากหลายๆที่ เกี่ยวกับการแต่งเครื่องยนต์ หรือการจูนรถ ซึ่งปัญหาหนึ่งที่เจ้าของรถเป็นกังวลในการแต่งเครื่องหรือจูนเครื่องคือเครื่องจะพังหรือไม่ และตัวบ่งชี้ปัญหาตัวหนึ่งซึ่งมักถูกนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจคือระดับความร้อนของเครื่อง เพราะหากทำการแต่งเครื่องหรือจูนเครื่องแล้วระดับความร้อนของเครื่องสูงขึ้น หมายความว่ากำลังของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น (ตัวเพิ่มความร้อน) ไม่สัมพันธ์กับความสามารถในการระบายความร้อนของรถ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดถึงความเสี่ยงที่เครื่องยนต์จะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต

ดังนั้นผู้ขาย หรือช่างที่ทำการตกแต่งเครื่องยนต์ หรือจูนเครื่องยนต์นั้นมักจะให้คำมั่นว่าเครื่องไม่ร้อนเมื่อทำการตกแต่งหรือจูนแล้ว เพื่อความสบายใจของเจ้าของรถ จะได้ตัดสินใจจ่ายเงินเพื่อตกแต่งหรือจูน และสิ่งที่ยืนยันคำมั่นนั้นคงไม่มีอะไรดีเท่าภาพถ่าย โดยภาพถ่ายก็มีลักษณะคล้ายๆกับที่ผมถ่ายมาให้พี่ๆดูนี่แหละครับ คือถ่ายขณะที่รถอยู่ในความเร็วสูง (140กม./ชม. ขึ้นไป) และถ่ายให้เห็นระดับความร้อน ณ ขณะนั้น ซึ่งมักจะไม่สูง (บางทีต่ำกว่าที่รถเดิมๆเป็นซะด้วยซ้ำ) ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เจ้าของรถมักจะเชื่อเมื่อได้เห็นภาพเหล่านี้

ผมจึงถ่ายภาพนี้มาให้พี่ๆได้ชมกันบ้าง ถึงแม้ระดับความเร็วในขณะถ่ายนั้นจะไม่สูงมาก เนื่องจากผมต้องขับเอง และถ่ายภาพเอง ดังนั้นจึงไม่กล้าที่จะถ่ายบนความเร็วสูงกว่านี้ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่ถ้ามีผู้ช่วย (โดยปกติพ่อค้าถ้าจะถ่ายภาพนี้คงมีผู้ช่วยคอยถ่ายให้) ก็จะสามารถถ่ายภาพที่ความเร็วสูงกว่านี้มาให้ชมได้

พี่ๆหลายๆคนที่ตามอ่านข้อมูณในบ้านปามาเนียเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทู้มหากาพย์เรื่องความร้อนของผม http://pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,1175.0.html คงทราบอยู่แล้วว่า น้องปาผมมีปัญหาเรื่องความร้อนค่อนข้างมาก และใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหาทางบรรเทาอาการความร้อนขึ้นสูงได้ แม้จะปิดกล่องทุกชนิดแล้ว ระดับความร้อนในน้องปาผมก็ยังอยู่สูงกว่าน้องปาของพี่ๆหลายๆคนที่ทำการตกแต่งหรือจูนมามากกว่าผม

ด้วยพื้นฐานเดิมของรถที่มีปัญหาเรื่องความร้อนอยู่แล้ว ผมก็ยังสามารถถ่ายรูปที่รถวิ่งอยู่ในความเร็วค่อนข้างสูง (140กม./ชม.) ในขณะที่ระดับความร้อนอยู่ค่อนข้างต่ำ 87 องศา (สูงกว่าระดับที่วาล์วน้ำเปิดเต็มทีที่ 85 องศา ไม่มาก) ซึ่งจริงๆไม่น่าจะสามารถทำได้ แต่ก็มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายมาให้เห็น .... แล้วผมถ่ายภาพนี้มาได้อย่างไร ??

[ตูมตาม]

ก่อนที่จะเฉลยวิธีการที่ผมทำนะครับ ลองมาดูที่รถผมก่อนว่ามี condition อะไรบ้างในการขับครั้งนี้

รถผมมีการเปลี่ยนระบบระบายความร้อน 2 จุด คือเปลี่ยนหม้อน้ำเป็นหม้อน้ำอลูมิเนียม ขนาดใหญ่ขึ้น ความหนามากขึ้น ซึ่งช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนได้เร็วขึ้น และสามารถรักษาระดับความร้อนให้อยู่ในระดับเดิมเมื่อเร่งเครื่องได้นานขึ้น และอีกจุดหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงคือ วาล์วน้ำ ซึ่งผมเปลี่ยน แต่ยังคงใช้ของ mitsu ซึ่งเป็น spec เดิมของน้องปา เพียงแต่เปลี่ยนตัวใหม่ เพราะตัวเดิมนั้นมีปัญหาวาล์วน้ำเปิดไม่สุด ทำให้ระดับความร้อนยืนพื้นเวลาเดินเบาลดลงจาก 89-90 ลงมาเหลือที่ 86-87 ทั้ง 2 ส่วนนี้ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อน

ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องที่จะเพิ่มภาระของเครื่องยนต์นั้น (เพิ่มความร้อนด้วย) มีหลายอย่างครับ ขณะที่ผมขับนั้นเปิดกล่องข้าวน้อยในโหมด2 และกล่องคันเร่งในโหมดB ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระของเครื่องพอสมควร โดยปกติหลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำและวาล์วน้ำมาแล้ว ถ้าผมขับในโหมดแบบนี้ระดับความร้อนจะอยู่ประมาณ 93-94 และหากลากยาวๆ อาจขึ้นไปถึง 96-97 ได้ในบางที นอกจากนั้นรถผมยังใส่ยางที่ค่อนข้างเป็นภาระกับเครื่อง คือใช้ล้อ 16 ขนาดยาง 265/75/16 ซึ่งทำให้เส้นรอบวงของล้อมากขึ้นกว่าล้อเดิมๆ และยางที่ใช้เป็น Cooper LTZ ซึ่งเป็นยาง AT ดอกยางใหญ่พื้นหน้าสัมผัสถนนมาก

นอกจากนั้นในขณะที่ขับอยู่ในรูปนั้น ผมใส่กล่อง Thule บนหลังคาเพื่อบรรทุกสัมภาระ ทำให้มีแรงต้านอากาศเพิ่มขึ้น และน้ำหนักบรรทุกอีกไม่ต่ำกว่า 200 กก. ถ้าเทียบกับรถเดิมๆ ทั้งกันแคร้ง ARB ที่ใต้รถและน้ำหนักสัมภาระที่มีถังน้ำแข็งยัดน้ำแข็งเต็มอยู่ที่ท้ายรถ เป็นตัวเพิ่มน้ำหนักบรรทุก และสร้างภาระให้กับเครื่อง

อย่างที่บอกแล้วว่า ถึงรถผมจะเพิ่มภาระให้กับเครื่องเข้าไปขนาดนี้ แต่ก็ยังสามารถถ่ายภาพนี้มาได้นะครับ ... ซึ่งยืนยันได้ว่ามันสามารถทำได้ ในขณะที่ความจริง เมื่อใช้รถจริงๆปกติทุกๆวันไม่สามารถรักษาระดับความร้อนได้ในระดับนี้ (ปกติจะสูงกว่านี้) แต่ก็มีภาพหลักฐานออกมาให้พี่ๆชมกันได้

 

เอาหละเดี๋ยวจะเฉลยนะครับ

[พี่ดล (2523)]

    แต่ผมยังสงสัยอยู่เกี่ยวกับอุณหภูมิภายนอกช่วงนี้รถผม smg ความร้อนไม่เคยขึ้นเกิน 82 เลยทั้งที่เมื่อก่อนติดเครื่องเดินเบาก็จะอยู่ประมาณ. 87-88 นอกจากความเร็ว160ขึ้นไปจะอยู่ที่ 92 เมื่อก่อน 160 ขึ้นความร้อนมาที่95แล้ว 

ของผมเหมือน พี่เอริท์ เลย ความร้อน ไม่ค่อยขึ้น  ไม่รู้เกี่ยวกับหัวฉีดใหญ่หรือเปล่า  ตอนนี้ขับลืมความร้อนไปเลยครับ 

[พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์]

ของผมเหมือน พี่เอริท์ เลย ความร้อน ไม่ค่อยขึ้น  ไม่รู้เกี่ยวกับหัวฉีดใหญ่หรือเปล่า  ตอนนี้ขับลืมความร้อนไปเลยครับ 

อิจฉา หัวฉีดใหญ่  แบบนี้ถ้าไม่อยากให้ร้อนเลย ต้อง  ใช้  หัวจ่าย แทน 

[พี่นะ [Na ratchada]]

อย่างที่บอกแล้วว่า ถึงรถผมจะเพิ่มภาระให้กับเครื่องเข้าไปขนาดนี้ แต่ก็ยังสามารถถ่ายภาพนี้มาได้นะครับ ... ซึ่งยืนยันได้ว่ามันสามารถทำได้ ในขณะที่ความจริง เมื่อใช้รถจริงๆปกติทุกๆวันไม่สามารถรักษาระดับความร้อนได้ในระดับนี้ (ปกติจะสูงกว่านี้) แต่ก็มีภาพหลักฐานออกมาให้พี่ๆชมกันได้

 

เอาหละเดี๋ยวจะเฉลยนะครับ

หวังว่าคงไม่พกปิ่นโตไปเที่ยวในคราวนี้นะครับ  รอดูเฉลยครับ

[ตูมตาม]

มาเฉลยละนะ

จริงๆก็ไม่มีอะไรมากนะครับ .... มันเป็นการใช้ condition ที่เหมาะสมหลายๆอย่างพร้อมๆกัน เท่านั้นเอง

โดยปกติภาพแบบนี้พ่อค้ามักชอบถ่ายในเวลากลางคืน ทำให้ไม่สามารถดูจากภาพได้ว่าถ่ายในลักษณะถนนแบบไหน ซึ่งโดยมากถ้ารถลงเนินยาวๆ ไกลๆ ระดับความร้อนก็ลดลงมากอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าถ่ายในเวลากลางคืน ก็ไม่สามารถมองออกว่าขณะนั้นเป็นทางลงเนิน หรือลงสะพานหรือไม่

ประเด็นต่อมาคือ หากจะจับผิดภาพในลักษณะนี้มักดูที่รอบเครื่องนะครับ เพราะหากเป็นการขับรถลงเนิน และต้องการให้ความร้อนลดลงเพื่อถ่ายรูป ก็ต้องยกคันเร่ง ทำให้ถ้าดูจากภาพแล้วระดับความเร็วกับรอบเครื่องจะไม่สัมพันธ์กันหากเทียบกับการขับพื้นราบปกติ เช่นในภาพ ความเร็วสูง 160 แต่รอบเครื่องอยู่ประมาณ 2000 รอบ แบบนี้ตั้งสมมติฐานไว้ก่อนเลยว่า ขับลงเนินชันมาเร็ว ผ่อนคันเร่งให้ความร้อนลดลง แล้วจึงถ่ายรูป

แต่รูปที่ผมถ่ายนั้นหลอกตาไว้ทั้ง 2 จุดที่จับผิดแล้ว คือผมถ่ายในเวลากลางวัน จากรูปจะเห็นเส้นขอบเนิน ซึ่งแปลว่าขณะที่ถ่ายรูปนั้นผมขับรถขึ้นเนินอยู่ แม้จะขึ้นไม่เยอะ แต่ก็ไม่ใช่ขับลงเนินแน่ๆ และรอบเครื่องในรูปนั้นอยู่ที่ประมาณ 2800 รอบ ที่ความเร็ว 140 กม./ชม. ซึ่งก็ใกล้เคียงกับระดับที่ควรจะเป็นเมื่อขับที่ความเร็ว 140 กม./ชม. ในพื้นราบ

ที่ผมถ่ายภาพนี้มาได้นั้น เนื่องจากตอนที่ขับออกจาก อำเภอทองผาภูมิ ผมสังเกตุลักษณะของถนน คือเป็นถนนขึ้นเข้า แต่มีลักษณะแบบขึ้นๆลงๆเป็นช่วงๆ โดยที่เป็นทางตรงยาวๆ มีช่วงขึ้นเขาตรงๆ แล้วก็ลงเขาตรงๆ สลับกันไป ไม่มีทางโค้ง ซึ่งในขณะนั้นผมจะจับตามองระดับความร้อนเป็นพิเศษเพราะกลัวความร้อนขึ้น แต่ก็สังเกตุเห็นว่าความร้อนไม่ขึ้นสูงมาก อยู่แถวๆ 93-94 องศา เมื่อความเร็วอยู่ที่ 140-160 กม./ชม. ผมจึงนึกถึงการลองขับที่ความเร็วสูง แต่คุมให้ความร้อนไม่สูงเพื่อทำการถ่ายรูปมาให้พี่ๆดูได้หรือไม่

Condition ของถนนค่อนข้างเป็นใจคือมีขึ้นเนินบ้าง มีลงเนินบ้าง สลับกันไป และที่สำคัญคือไม่มีโค้ง และไม่มีรถ ทำให้การขับเพื่อประคองความร้อนทำได้ง่าย วิธีการที่ผมใช้คือ เมื่อเวลาเจอทางขึ้นเนิน ผมจะขับแบบประคองความเร็วให้คงที่ ไม่เพิ่มความเร็ว ดังนั้นความร้อนจะไม่เพิ่มขึ้น (อาจได้รับการช่วยเหลือจากหม้อน้ำอลูฯ ที่ช่วยระบายความร้อนอยู่ด้วย) และมาสะสมความเร็วเพิ่มในขณะลงเนิน ซึ่งทำได้ง่ายและเร็วกว่า ในขณะที่ความร้อนก็ไม่เพิ่มขึ้นด้วย เมื่อผ่านการขับในลักษณะนี้ไปประมาณ 3-4 เนิน ระดับความเร็วก็จะสะสมเพิ่มขึ้นมา ในขณะที่ความร้อนไม่เพิ่มขึ้น

ก่อนถ่ายรูปนั้น ผมเล็งไปข้างหน้าเห็นว่าเป็นเนินขึ้นที่ไม่สูงมาก และจากนั้นน่าจะเป็นทางลงเนินมากหน่อย ซึ่งเมื่อผ่านเนินลักษณะนี้แล้ว ความร้อนจะลดลงอีก (เพราะลงเนินมาก) และเมื่อสุดเนินลงมีทางขึ้นเนินอีกครั้ง และผมก็เลือกถ่ายภาพในตอนที่ขึ้นเนินอีกครั้ง (เลือกที่จะไม่ถ่ายตอนลงเนินนะครับ)

ส่วนในเรื่องของรอบเครื่องนั้น ตอนที่รถลงเนินก่อนจะขึ้นเนินอีกครั้งนั้น เพื่อไม่ให้ความร้อนเพิ่มขึ้น ผมก็ปล่อยไหลลงเนินมา แต่ถ้าถ่ายในลักษณะนี้ พี่ๆบางคน (เช่นพี่นะ) จะจับโกหกได้ทันที เพราะรอบเครื่องต่ำมาก ดังนั้นเมื่อรถขึ้นเนินอีกครั้ง ผมก็เปลี่ยนเกียร์ลงต่ำลง 1 เกียร์ เพื่อเรียกรอบให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งประคองคันเร่ง ก่อนลงมือถ่ายรูปนี้ออกมา ซึ่งจริงๆขณะที่ลงเนินสุดท้ายนั้นความเร็วของรถอยู่ที่ 150กม./ชม. แต่เพราะต้องเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงเพื่อเรียกรอบทำให้ความเร็วตกลงไปบ้าง และต้องเสียเวลาดันเกียร์กลับมาอยู่ที่เกียร์ D (ไม่งั้นพี่ๆจะเห็นที่โชว์เกียร์เป็นเลข และมันจะทำให้พี่ๆรู้ว่าผมอยู่ที่เกียร์4 และอาจเดาได้ทันทีว่าที่ความเร็วนี้ผมขับเกียร์ 4 เพราะต้องการเรียกรอบ) จากนั้นจึงถ่ายรูป ทำให้ถ่ายช้าไปนิด ความเร็วเลยลงมาเหลืออยู่อย่างที่เห็น แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในความเร็วค่อนข้างสูงอยู่ดี

และนี่แหละครับที่มาของภาพนี้ ... เป็นการแสดงให้เห็นว่า หากเกิดจากความตั้งใจ การวางแผน โดยที่มีสภาพอากาศ สภาพถนนที่อำนวย ภาพแบบนี้สามารถสร้างขึ้นได้ ... โดยที่ในความเป็นจริงนั้นการใช้งานในระดับความเร็วนี้ ผมไม่เคยพบว่ามีระดับความร้อนน้อยแบบในรูปเลยครับ

[พี่หนึ่ง 111]

  งั้นผมคงต้องหาสมาร์ชเกตมาดูความร้อนบ้างละ

[ตูมตาม]

ที่ลองพยายามทำมาทั้งหมด เพราะนึกสนุกแค่นั้นเองครับ ว่าภาพแบบนี้ผมจะสามารถสร้างมันขึ้นมาบ้างได้หรือไม่ เมื่อลองแล้วพบว่าทำได้ จึงอยากมาบอกพี่ๆทุกท่านว่า "อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น" โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้เห็นภาพนี้จากพ่อค้าหรือนักจูนที่อยากจูงใจให้ท่านจ่ายเงิน เพราะยืนยันว่าภาพแบบนี้สร้างได้ครับ

ลองนึกดูนะครับ ในครั้งนี้ผมสารภาพความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับสภาพรถผม แต่พ่อค้าจะบอกความจริงทุกอย่างหรือไม่ เช่นรถอาจเปลี่ยนหม้อน้ำมาเหมือนผม หรืออาจเปลี่ยนไปใช้วาล์วน้ำตัวอื่นที่เปิดที่อุณหภูมิต่ำกว่า เช่น ตัว A31 ที่เปิดที่ 72-75 องศา ไม่ใช่ตัวของน้องปาที่เปิดที่ 82-85 องศา แต่พ่อค้าจะบอกหรือไม่ว่ามีการเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้มา

หรือแม้แต่อาจมีการเปลี่ยนอุปกรณ์อื่นๆที่ช่วยให้เข็มความเร็วเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าปกติ เช่นการเปลี่ยนเป็นล้อขนาดเล็ก ยางบางๆ ซึ่งจะทำให้เข็มความเร็วเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ (ความเร็วจริงกับที่เข็มชี้จะต่างกันมากขึ้น) เช่นความเร็วจริงอาจอยู่ที่ 120 แต่เข็มชี้ไปที่ 140 แล้ว เพราะเข็มความเร็วของรถนั้นวัดจากการหมุนของล้อ ไม่ใช่ความเร็วจริงเหมือนที่วัดจาก GPS

เหล่าพ่อค้าอาจมีการเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้ทั้งหมดทั้งเพื่อช่วยระบายความร้อน และหลอกความเร็วจริง ณที่ ถ่ายภาพ และแน่นอน ขณะที่ถ่ายภาพนั้นพ่อค้าย่อมไม่ไปเพิ่มภาระของเครื่องยนต์ด้วยการขนของขนคนให้หนักรถแน่ๆ ดังนั้นหากเทียบกับรถผมขณะที่ถ่ายรูป ซึ่งมีภาระของเครื่องมากกว่าอย่างที่เล่าให้ฟังไปแล้ว ยังทำได้ เหล่าพ่อค้าย่อมต้องทำได้ดีกว่าผมอย่างแน่นอน เราอาจเห็นความเร็วของรถที่ 160-180 แต่ความร้อนอยู่ระดับ 80-81 เท่านั้นก็เป็นไปได้

ดังนั้นบทสรุปของเรื่องนี้คือ อย่าเชื่อเพียงภาพที่เห็น เพราะภาพที่เห็นนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่า condition ขณะถ่ายภาพนั้นเป็นอย่างไร และมีการสร้างขึ้นมาหรือไม่ หรือมากน้อยแค่ไหน การเชื่อเพียงภาพที่เห็นนั้นอาจนำมาซึ่งการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็ได้ครับ

จบการ review ภาพหลอกลวงภาพนี้ไว้เพียงเท่านี้ครับผม

     

[ตูมตาม]

งั้นผมคงต้องหาสมาร์ชเกตมาดูความร้อนบ้างละ

  พี่หนึ่งครับ สำหรับน้องปานี่แนะนำเลยนะครับว่าควรมี SMG ติดไว้อย่างยิ่ง หรือจะเป็นอุปกรณ์อื่นใดก็ได้ที่สามารถอ่านค่าความร้อน ECT ได้นะครับ เพราะระบบเข็มบอกความร้อนของน้องปานั้นค่อนข้าง lack และ ช้ามากครับ ถึงความร้อนจะขึ้นไปมากแล้ว แต่เข็มก็ไม่ขยับครับ ผมเคยขับด้วยระดับความร้อนที่อ่านได้จาก SMG 102-105 องศา เป็นระยะทางกว่า 50 กม. (ซึ่งไม่ดีกับเครื่องยนต์มากๆ) แต่เข็มที่วัดความร้อนนี้ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยครับ

ผมเคยถามกับหัวหน้าช่างแล้วว่าเข็มความร้อนนี้มันจะขยับเมื่อไหร่ ... ได้ความว่าน่าจะขยับที่ความร้อนระดับใกล้ 120องศา ซึ่งถ้าความร้อนขึ้นถึงระดับนั้นแล้ว แปลว่ามัน overheat เรียบร้อยแล้วครับ ดังนั้นเข็มนี้ไม่สามารถเตือน หรือบอกอาการล่องหน้าได้เลยครับ มันบอกได้ตอนที่ overheat ไปแล้วเท่านั้นเอง และเมื่อ overheat แล้ว ปัญหาอื่นๆคงตามมาอีกเพียบ ซึ่งถึงตอนนั้นก็ไม่รู้แล้วละครับว่าอะไรจะเสียหายไปบ้าง

ดังนั้นแนะนำเลยครับ สำหรับ SMG ครับพี่หนึ่ง

 

[พี่นะ [Na ratchada]]

แจ๋วมากๆเลย 55555    เก็บครบเลยนะ

ECT  CRP    RPM    KMH    TPB  ครบสูตร

[ตูมตาม]

แจ๋วมากๆเลย 55555    เก็บครบเลยนะ

ECT  CRP    RPM    KMH    TPB  ครบสูตร

  ไม่ได้หรอก ไม่เนียนเดี๋ยวโดนพี่นะจับได้ 

[กิต <Black Angel>]

แจ๋วมากๆเลย 55555    เก็บครบเลยนะ

ECT  CRP    RPM    KMH    TPB  ครบสูตร

จำได้ว่าพี่อ๊อดหรือพี่นะเคยเอาที่เขาแหกตากันมาให้ดู จะลองหยิบมาให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยมั๊ย 

[ตูมตาม]

จำได้ว่าพี่อ๊อดหรือพี่นะเคยเอาที่เขาแหกตากันมาให้ดู จะลองหยิบมาให้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยมั๊ย 

ถ้าตัวอย่างนั้นไม่ทำให้เราต้องไปเปิดศึกกับใคร ก็น่าจะได้นะครับ 

[พี่มัติ [Foazee]]

แบบนี้เขาเรียกว่า "การสร้างสภาพแวดล้อม"

  

[กิต <Black Angel>]

ถ้าตัวอย่างนั้นไม่ทำให้เราต้องไปเปิดศึกกับใคร ก็น่าจะได้นะครับ 

คงไม่หรอกครับพี่ตาม อยู่บ้านเราเอง 

สมัยอยู่บ้านคนอื่นยังกล้าตีแผ่เลย 

พูดความจริงในบ้านตัวเองคงไม่มีใครมาเปิดศึกด้วย อย่างมากก็แค่โดนถล่มตามมิตติ้ง 

[พี่พงษ์ zentrino]

 

[พี่อิฐ]

ล่าสุดระยะทาง กทม.-เชียงใหม่ เส้นทางไปแม่อาย ขึ้นผาห่มปก...SMG ผมมีแตะ 100 ตอนขึ้นดอยห่มปก....ปิดกล่องหมดนะครับ

ทางราบความร้อนเฉลี่ย 91-95 ครับ    

[ตูมตาม]

ล่าสุดระยะทาง กทม.-เชียงใหม่ เส้นทางไปแม่อาย ขึ้นผาห่มปก...SMG ผมมีแตะ 100 ตอนขึ้นดอยห่มปก....ปิดกล่องหมดนะครับ

ทางราบความร้อนเฉลี่ย 91-95 ครับ   

ดูเหมือนจะสูงไปนิดนะครับพี่อิฐ .... อยากทราบว่าหากจอดรถไว้เฉยๆ หลังจากเดินทางมาระยะหนึ่งแล้ว ระดับความร้อนที่เครื่องเดินเบาอยู่ประมาณเท่าไหร่ครับ เครื่องรถพี่อิฐถ้าผมจำไม่ผิดเป็น 3.2 หรือเปล่าครับ ถ้าเป็น 3.2 ระดับความร้อนน่าจะต่ำกว่านี้หน่อยนะ

[พี่ไซ]

ล่าสุด ผมเหมือนพี่อิฐเบยครับ ปิดหมดทุกอย่าง

ขาขึ้นอ่างขาง ฝั่งอ.ฝาง ความร้อนผมขึ้นไปแตะที่ 97 เลยครับ

เชื่อหรือไม่ในสิ่งที่เห็น ไม่มีกล่องก็ร้อนได้ 





แต่พอมีช่วงยกได้ความร้อนก็ลดลงมาอย่างรวดเร็วครับ

[พี่ไซ]

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ความร้อนพุ่งไปสูงมากกว่าที่ผมเคยวิ่งทางราบปกติ สงสัยผมจะตรีนหนักไปจิงๆๆ

ทางขาขึ้นดอยอินทนนท์ ช่วงนี้น่าจะลากเกียร์ 3