Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > Technics, Maintenance & Problem solving

---เรียนรู้เรื่องเซ็นทรัลล็อคด้วยระบบ Etacs command---

<< < (7/21) > >>

ตูมตาม:
พยายามหาเวลานั่งอ่านกระทู้นี้ของพี่ทศแบบละเอียด....บวกกับนั่งเฝ้าดูพี่นะติดตั้ง V1 ให้ที่รถ....พี่นะติดไปผมก็ถามโน่นถามนี่ไปเรื่อย....ตามประสาคนขี้สงสัย....เอาความรู้งูๆปลาๆของผมมาประกอบกับคำอธิบายพี่ทศ.....ไม่รู้ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่นะครับ......อยากลองมาสรุปให้พี่ทศฟังซักนิด....เพื่อให้พี่ทศแก้ไขเผื่อผมเข้าใจอะไรผิดพลาดครับ :L4399: :L4399:

ออกตัวล้อฟรีก่อนนะครับ...ไม่ได้จบไฟฟ้านะครับ...ไอ้ diagram พี่ทศนี่ ดูทีไร....เหมือนมีหนอนมาไชสมองทุกที...เลยต้องพยายามหาเวลาว่างๆมาค่อยๆนั่งมองมัน...เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง...ตามประสาเด็กเรียนบัญชีนะครับพี่ๆ :L4387: :L4387:

ตามที่ผมเข้าใจ....ผมเข้าใจว่า Switch V1 ที่พวกเราได้รับมาจากพี่ทศ.....เป็นกล่องที่ส่งสัญญาณ (ล็อกหรือปลดล็อก).....ไปที่ ETAC เพื่อให้ เจ้า ETAC ควบคุมการล็อกหรือปลดล็อกที่ประตูอีกชั้นหนึ่ง.....โดยตัวกล่อง V1 นี้มีหน้าที่เหมือนตัวสื่อสารระหว่างตัว switch และเจ้า ETAC แสนฉลาด.....ดังนั้นกล่อง V1 จึงไม่ได้เปิดล็อกหรือปิดล็อกประตูโดยตรง (ไม่ได้ต่อตรงไปที่ motor ของประตู).....แต่จะรับสัญญาณจาก switch ที่เรากด....ไปสั่งให้ ETAC ทำงานสั่งล็อกหรือปลดล็อกประตู ประมาณนั้น

แล้วต่อแบบนี้...มีประโยชน์ยังงัย.....เวลาต่อยุ่งยากเหมือนกันนะครับ....ไม่ได้เอาง่ายแบบสายไฟ 3 เส้น ต่อ 10 นาที.......พี่นะทำรถผม ขนาดไม่ได้อู้งานมาคุยมากนะ...ยังมี 1 ชม. โดยประมาณนะครับ กว่าจะเสร็จ.....ผมลองมานั่งนึกดูว่ามันจะดีกว่าไอ้สายไฟ 3 เส้น ต่อ 10 นาทียังงัย.....คุ้มกับความยุ่งยากไหมเนี่ย......ผมไม่มีความรู้ไฟฟ้า ช่างกล เครื่องกล หรือสมองกลอะไรนะครับ....สรุปเอาจากความรู้สึก common sense นี่แหละครับ......ผมว่ามันน่าจะดีกว่าประมาณนี้นะครับ

1. การเชื่อมต่อผ่าน ETAC ทำให้...การสั่งงานไปที่ประตู (ชิ้นส่วนไหนไม่รู้แหละ)....ยังคงเป็นไปตามการออกแบบเดิมไว้ คือ ตัวส่งสัญญาณก็ยังเป็น ETAC และไอ้เจ้าอุปกรณ์ที่ประตูมันก็ยังรับคำสั่งจาก ETAC เหมือนเดิม....ดังนั้นอาการรวนน่าจะน้อยกว่า

2. ป้องกันความเสียหายจากการกด switch.....เท่าที่อ่านเนื้อหาของพี่ทศ.....ETAC จะเป็นตัวส่งสัญญาณให้ล็อคหรือปลดล็อค ด้วยการจ่ายไฟในระยะเวลาที่ต่างกัน โดยไม่สนใจว่าเราจะกด switch ไว้นานแค่ไหน.....ดังนั้นตัวรับก็น่าจะออกแบบมาให้เรียนรู้คำสั่งของ ETAC แบบนี้แหละ (จ่ายไฟในระยะเวลาที่ต่างกัน).....แต่ถ้าต่อตรง (พวกสายไฟ 3 เส้น ต่อ10นาที) ถ้ามีการกด switch สั้นยาวไม่เท่ากัน และไม่เท่ากับจังหวะการจ่ายไฟของ ETAC....จะเกิดอะไรขึ้น.......ผมก็ไม่รู้ครับ.....แต่ที่รู้คือผมไม่เสี่ยง.....ถ้าตัวอุปกรณ์ที่ประตูรวน งง แฮงค์ หรือพัง ผมว่ายังไม่น่ากลัว ที่ผมกลัวคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับ ETAC ในเมื่อการสื่อสารแทนที่จะเป็นแค่ระหว่างอุปกรณ์ 2 ชิ้น ดันมีชิ้นที่ 3 เข้ามายุ่งเกี่ยว....ถ้าส่งผลถึง ETAC .....จบข่าวครับ.......ตายเพราะสายไฟ 3 เส้น ต่อ 10 นาที.....ศพไม่สวยแน่ๆ

3. การใช้งานร่วมกับระบบป้องกันขโมย.......การล็อคหรือปลดล็อคประตู มีผลต่อระบบกันขโมยของรถโดยตรง....และระบบกันขโมยของน้องปาเราก็สั่งงานโดยเจ้า ETAC เช่นกันครับ (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ).....ดังนั้นการใช้ switch V1 สั่งงานผ่าน ETAC ทำให้ ETAC สามารถควบคุมการทำงานของระบบกันขโมยได้ถูกต้องเหมือนเดิม.....แต่ถ้าเอาสายไฟ 3 เส้น ต่อ 10 นาที....สั่งงานจาก switch ตรงไปยังประตู.....แล้ว ETAC ..... จะงงมั๊ยละครับว่าจะสั่งระบบกันขโมยยังงัย.....ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันจะงงหรือเปล่า.....ผมรู้แต่ว่าผมไม่เสี่ยงเช่นกัน...เพราะถ้ามันดันงงขึ้นมาวันไหนละก็....งานเข้าแน่นอนครับ.....แก้เองไม่เป็นครับ

4. การใช้งานร่วมกับระบบความปลอดภัย.....หรือระบบ safety นะครับ....ทีประตูรถรุ่นใหม่ๆ จะมีระบบ safety ครับ คือ ถ้าประตูปิดไม่สนิท มันจะไม่ล็อค.....ทั้งนี้เพื่อเตือนให้รู้ว่าประตูบางที่ยังปิดไม่สนิทครับ......รถรุ่นใหม่ๆจะเป็นแบบนี้ทุกคันครับ.....ไม่เหมือนรถรุ่นเก่าๆ ที่ประตูปิดยังงัยก็ได้ กดล็อคมันก็ล็อค....จะรู้ว่ามันปิดไม่สนิทก็อีตอนเข้าโค้งแล้วประตูดันเปิดนี่แหละครับ......ลูกเด็กเล็กแดงนั่งอยู่ที่ประตูนั้นพอดี....ก็คงซวยได้กลิ้งลงไปเป็นอาหารหนอนอยู่ข้างถนนแหงๆ.......ผมเข้าใจว่า Switch V1 เมื่อสั่งงานผ่าน ETAC ระบบ safety ตัวนี้ก็จะยังคงทำงานเหมือนเดิม.....แต่พวกต่อตรง สายไฟ 3 เส้น ต่อ 10 นาที......ผมเข้าใจว่ามันน่าจะ bypass ระบบนี้ไปนะครับ....คือถ้ากดล็อคที่ switch มันก็จะล็อค แม้ประตูจะปิดไม่สนิท หรือเปิดอยู่ก็ตาม......คงย้อนเวลาเป็นเหมือนรถรุ่นเก่าๆแหละครับถ้างั้น....อย่างที่บอก ถ้าลูกนั่งอยู่ที่ประตูที่ปิดไม่สนิท...พ่อล็อคด้วย switch ที่ต่อตรง....รู้ตัวอีกที ลูกไปกลิ้งอยู่กลางโค้ง.......ลงไปนรกโดนถามว่า "เจ้าเป็นอะไรตาย".....ลูกคงต้องตอบว่า "ตายเพราะพ่อใช้สายไฟ 3 เส้น ต่อตรง ใช้เวลา 10 นาที"

ประมาณนี้แหละครับ 4 ข้อ เท่าที่ผมพอจะสรุปได้แบบ งูๆปลาๆ.....ถ้ามีอะไรผิดพลาด ขอให้ผู้รู้ช่วยแก้ไขเพิ่มเติมด้วยนะครับ........ง่ายๆนะครับ....ผมเข้าใจว่า switch V1 นั้นไม่ได้ไปกวนระบบ....แต่เป็นกล่องที่เอาไว้สั่งให้ ETAC สั่งงานอุปกรณ์อื่นๆ ตามที่เราต้องการ......ไม่ได้ออกคำสั่งไปโดยตรงต่ออุปกรณ์นั้นๆครับ....ดังนั้นระบบใดๆ ที่ ETAC ถูกเซ็ทไว้ จึงยังทำงานได้ปกติ.......แต่การต่อตรงมีโอกาสทำให้ระบบที่ ETAC ถูกเซ็ทไว้เกิดรวนขึ้นมาได้นะครับ......พวกสายไฟ 3 เส้น ต่อตรง ใช้เวลา 10 นาที นี่เห็นช็อตฟิลขาดกันไปหลายตัวแล้ว.....ก็ยังดีที่แค่ฟิลขาดนะครับ....เกิด ETAC รวนขึ้นมาละก็....งานงอกละทีนี้......ส่วนอีกวิธีนึงที่ทำได้คือ....แปลงร่างเป็นผีไปสิงในกล่องคนอื่น.......ง่ายๆครับ....ทำกล่องไม่ได้ ....ก็ไปหากล่องของพ่อค้าซักเจ้านึง ที่เขาใช้แล้วไม่มีปัญหา.....ต่อผ่านกล่องเขาเข้ามา.....แบบนี้ก็อาจจะได้ ถ้าศึกษากล่องนั้นๆ อย่างดีแล้วว่ามันสั่งงานยังงัย

ความเข้าใจผมประมาณนี้แหละครับ....พี่ๆช่วยแก้ไขด้วยหากผมเข้าใจผิดครับ  :L4399: :L4399:

tod:
พี่ตามเข้าใจถูกต้องแล้วครับ
ขอสรุปอีกที
ย้อนกลับไปดูผังอันนี้ครับ  // (ต้องขอโทษด้วยที่ผมอธิบายและนำเสนอไม่ค่อยเก่ง แต่จะพยายามให้คำตอบเป็นภาษาชาวบ้านครับ)

จากรูป
-หมายเลข 1 คือสวิทเซ็นทรัลล็อคเดิมตรงบานประตูคนขับ จะสั่งงานโดยตัวสวิทซ์ว่าจะให้ล็อกหรือ/ปลดล็อค
ส่งสัญญาณไปที่ตัวกล่อง Etacs-ecu  แล้วระบบของ Etacs-ecu จะสั่งการไปที่ตัว Actuator ที่หมายเลข 3 อีกทีหนึง
ในจังหวะจ่ายไฟในเวลาที่เหมาะสมคือ 0.25 วินาที และจะจ่ายด้วยเวลาเท่านี้ทุกครั้งที่เรากด (ไม่ว่าจะกดสั้นหรือกดยาว)
-หมายเลข 2 คือกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X)ของเราที่ติดเพิ่ม จะสั่งงานโดยสวิทซ์ที่เราเพิ่มเข้ามาอีกตัว สวิทซ์ตัวนี้จะสั่งงานไป
ที่กล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X) แล้วตัวกล่องนี้จะส่งสัญญาณไปที่กล่อง Etacs-ecu อีกที โดยส่งสัญาณผ่านสายสัญญาณของวงจรเดิม
ที่หมายเลข 1 แล้วก็เป็นไปตามขบวนการของระบบเดิมส่งไปที่ตัว Actuator ที่หมายเลข 3

***ฉนั้นการส่งสัญญาณจากกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X)เป็นระบบที่เป็นไปตามระบบเดิมทุกอย่าง ไม่ได้ไปฝืนหรือดัดแปลง
ในส่วนของระบบเดิม เพียงแต่เราเพิ่มจุดสวิทซ์สั่งงานอีกจุดเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง  หากตัวกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X)เสีย
หรือชำรุด ระบบเดิมก็ยังใช้งานได้เหมือนเดิมปกติ  หากจะช็อตหรือพังก็จะอยู่ที่ตัวกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X) จะไม่มีผลกับ
ตัวกล่อง Etacs-ecu แต่อย่างได*****(การสั่งงานด้วยกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X)เป็นการสั่งงานด้วยสัญญาณ - หรือกราวด์จะไม่มีไฟ 12Vไปยุ่งเกี่ยวกับกล่อง Etacs-ecu ฉนั้นจึงไม่มีผลเสียกับตัวกล่องแต่อย่างได)

หมายเหตุ อาจจะมีบางคนนำสวิทซ์ไปต่อตรงกับกล่อง Etacs-ecu โดยนำไฟ 12 V ไปจ่ายตรง
หากไม่มีการป้องกันหรือมีความชำนาญที่ดีพอ แล้วไปลองเล่นต่อไฟตรงๆไปที่ตัวกล่อง Etacs-ecu หากลัดวงจรขึ้นมา
อันนี้จะมีผลกับตัวกล่อง Etacs-ecu โดยตรง .......อันนี้พี่ๆลองพิจารณากันเอาเองแล้วกันนะครับว่าจะเลือกแบบใหน
 :sd23:
ปล. V1.1 ต่อง่ายกว่าเดิมเยอะเลยถ้าไม่นับการทำเบ้าสวิทซ์  // การจั้มสายใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีครับ ง่ายกว่ารื้อแผงฟิวซ์อีกครับ
 :L2736:

ตูมตาม:

--- อ้างจาก: พี่ทศ@ปามาเนีย ที่ 27 พฤษภาคม 2013, 22:30:39 ---พี่ตามเข้าใจถูกต้องแล้วครับ
ขอสรุปอีกที
ย้อนกลับไปดูผังอันนี้ครับ  // (ต้องขอโทษด้วยที่ผมอธิบายและนำเสนอไม่ค่อยเก่ง แต่จะพยายามให้คำตอบเป็นภาษาชาวบ้านครับ)

จากรูป
-หมายเลข 1 คือสวิทเซ็นทรัลล็อคเดิมตรงบานประตูคนขับ จะสั่งงานโดยตัวสวิทซ์ว่าจะให้ล็อกหรือ/ปลดล็อค
ส่งสัญญาณไปที่ตัวกล่อง Etacs-ecu  แล้วระบบของ Etacs-ecu จะสั่งการไปที่ตัว Actuator ที่หมายเลข 3 อีกทีหนึง
ในจังหวะจ่ายไฟในเวลาที่เหมาะสมคือ 0.25 วินาที และจะจ่ายด้วยเวลาเท่านี้ทุกครั้งที่เรากด (ไม่ว่าจะกดสั้นหรือกดยาว)
-หมายเลข 2 คือกลองเซ็นทรัลล็อค(V1.X)ของเราที่ติดเพิ่ม จะสั่งงานโดยสวิทซ์ที่เราเพิ่มเข้ามาอีกตัว สวิทซ์ตัวนี้จะสั่งงานไป
ที่กล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X) แล้วตัวกล่องนี้จะส่งสัญญาณไปที่กล่อง Etacs-ecu อีกที โดยส่งสัญาณผ่านสายสัญญาณของวงจรเดิม
ที่หมายเลข 1 แล้วก็เป็นไปตามขบวนการของระบบเดิมส่งไปที่ตัว Actuator ที่หมายเลข 3

***ฉนั้นการส่งสัญญาณจากกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X)เป็นระบบที่เป็นไปตามระบบเดิมทุกอย่าง ไม่ได้ไปฝืนหรือดัดแปลง
ในส่วนของระบบเดิม เพียงแต่เราเพิ่มจุดสวิทซ์สั่งงานอีกจุดเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง  หากตัวกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X)เสีย
หรือชำรุด ระบบเดิมก็ยังใช้งานได้เหมือนเดิมปกติ  หากจะช็อตหรือพังก็จะอยู่ที่ตัวกล่องเซ็นทรัลล็อค(V1.X) จะไม่มีผลกับ
ตัวกล่อง Etacs-ecu แต่อย่างได*****

หมายเหตุ อาจจะมีบางคนนำสวิทซ์ไปต่อตรงกับกล่อง Etacs-ecu โดยนำไฟ 12 V ไปจ่ายตรง
หากไม่มีการป้องกันหรือมีความชำนาญที่ดีพอ แล้วไปลองเล่นต่อไฟตรงๆไปที่ตัวกล่อง Etacs-ecu หากลัดวงจรขึ้นมา
อันนี้จะมีผลกับตัวกล่อง Etacs-ecu โดยตรง .......อันนี้พี่ๆลองพิจารณากันเอาเองแล้วกันนะครับว่าจะเลือกแบบใหน
 :sd23:

--- End quote ---

ขอบคุณครับพี่ทศ.....ผมก็พยายามทำความเข้าใจแบบงูๆปลาๆครับ.....จากคำอธิบายของช่าง ABT คำอธิบายของพี่นะ และคำอธิบายของพี่ทศ....เอามารวมๆกัน

เท่าที่ผมดูระบบสายไฟ 3 เส้น ต่อตรง 10 นาทีเสร็จ.....สิ่งที่ผมเกรงมี 2 ประเด็นหลักครับ คือ 1. มันจะนำความเสียหายมาสู่ตัว ETAC หรือไม่ 2. ระบบอื่นๆที่ทำงานร่วมกับ ETAC จะยังทำงานได้ปกติหรือไม่ เช่นระบบกันขโมย และระบบ safety ......เรื่องความเสียหายต่อ ETAC พูดยากครับสำหรับคนไม่มีความรู้อย่างผม (แต่ไม่ค่อยอยากเสี่ยง).....ส่วนระบบ safety อันนี้น่าจะมีผลแน่นอน.....เพราะเท่าที่เห็น เปิดประตูอยู่ยังกด lock ได้.....อันนี้แสดงว่าระบบ safety นี้ถูก bypass ไปแน่ๆ

ในมุมมองผู้ใช้งาน ไม่มีความรู้อย่างผม......ให้จ่าย 100 เดียว แต่มานั่งเสี่ยงกับ ETAC พัง หรือ ระบบ safety ไม่ทำงาน.....สำหรับผมมองมุมไหน ท่าไหนก็ไม่คุ้มครับ......ผมยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อระบบที่ดีกว่า ไม่ยุ่ง ไม่กวนระบบเดิม และมีความปลอดภัยสูง....แบบนี้สำหรับผมถือว่าคุ้มครับ.....จ่าย 100 เดียว ไม่ต้องถึงขนาด ETAC พังหรอกครับ สำหรับผมแค่ฟิลขาดก็ไม่คุ้มแล้วครับ....เพราะทำไม่เป็น  :L2754: :L2754: :L2754:

เหมือนกับสินค้าทั่วไปแหละครับ....ของที่มีก็มีให้เลือกหลายเกรด.....ของง่าย/ถูกก็มี...ของแพงก็มี......เช่นระบบกันขโมย คลองถมมีขายเยอะแยะครับ ราคาไม่กี่พันมีถมไป....กับ ABT แค่ชุด upgrade ปาไป 6-7 พัน......ราคาที่ต่างกันมันก็มีความหมายของมันอยู่ครับ......ใครอยากได้สายไฟ 3 เส้น ต่อ10นาที ราคา 100 เดียว ก็เลือกไป.....ส่วนตัวผมขอเลือกแบบ switch V1 ครับ

 :L4399: :L4399:

tod:
เอาคำตอบสั้นๆแล้วกันครับ   
คือรถของผมผมก็หวงครับ จะเอาอะไรมาใส่ผมก็คิดแล้วคิดอีกว่ามันจะดีหรือมีผลเสียต่อระบบ
คิดตามความรู้ที่ผมมี แล้วก็ศึกษาเทคโนโลยีของรถโดยตรง ไม่ได้ไปเอาของใครมาเป็นผลงานของตัวเอง
เปิดแมนนวล+เซอร์วิสไดอะแกรม รวมทั้งได้รับคำปรึกษาจากทีมงาน IE (พี่อ๊อด/พี่ปอ)
โดยมีโจทย์ที่บังคับอยู่ดังนี้
1.หากมีการรับข้อมูลจากที่อื่นมาไม่ว่าทางใหน(เห็นมา/ดูผ่านเน็ต)ต้องให้เครดิตแหลงที่มา (อันนี้สำคัญมาก)
2.ติดตั้งแล้วไม่ทำลายระบบเดิมที่มีอยู่ / ให้ระบบเดิมยังคงทำงานได้สมสมบูรณ์
3.กล่องที่ผลิดมาให้เป็นระบบเสริม หากกล่องชำรุดระบบเดิมสามารถใช้งานได้ปกติ
4.จะต้องไม่มีระบบจ่ายไฟแบ็คอัพ(จ่ายไฟเลี้ยงวงจรตลอดเวลา)กันกินแบตเวลาจาดรถทิ้งใว้หลายวัน

ก่อนแนะนำให้พี่ๆใช้ได้ทดสอบที่รถผมเองเป็นเวลา 3 เดือน +  // ไม่มีผลกระทบต่อระบบเดิมยังใช้งานได้ปกติ
ที่คือที่มา
 :L4399:

โต้ง บางบ่อ:
รอติดตามผลทดสอบครับ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version