อรุณสวัสดียามเช้าคร่าพี่ๆปามาเนียทุกท่านคิดถึงนะคะ แต่ยุ่งๆเหนื่อยๆจะแว้ปทักทายก็สลบก่อนทุกทีเลย...พอดีคนโตก็เตรียม. Entrance ปีหน้าซึ่งเปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็น Entrance 4.0 พี่ๆที่มีลูกสาวรุ่นเดียวกันกับลูกพี่พีราคงพอทราบ..ทีแรกก็ชิลล์ๆรอยื่นกสพท.รอบสามทีเดียว แต่เผอิญบางสถาบันยังเปิดตรงนะคะเป็นข้อมูลสำหรับเด็กที่จะเข้าแพทย์ให้ยื่น แฟ้มสะสมผลงาน แต่ต้องเป็น 10%แรกของโรงเรียน แล้วก็ต้องผ่านการสอบ CU-TEP TOEFL BMAT , คือภาษาต้องดีว่างั้น ลูกสาวดันเป็น 10%เเรก ต้องหาที่ติวนางเลือกสอบCU-TEP ง่ายสุดนางว่า ถ้า BMat แพงมากค่าสมัครสอบ 7000฿ นางบอก ถ้าจะยื่นแพทย์รามาต้องใช้ตัวนี้ด้วยซึ่งนางบอกรับน้อย ยังไงก็ไม่ติด สอบBMAT ต้องเด็กนานาชาติ คุณแม่เลยต้องหาที่ติวส่วนตัวให้..จริงๆแล้วสถาบันใหญ่ๆเค้าก็ยังหาทางเลือกเอาเด็กๆที่มีความสามารถเข้าไปก่อนอยู่ดี..ความเห็นส่วนตัวนะคะ..ก่อนที่เค้าจะเปิดรับตรงร่วมแล้วมาเคลียริ่ง....เหนื่อย ... เอาเยอะแยะไปหมด...
สวัสดีครับพี่พีรา สมัยนี้การแข่งขันสูงเด็กๆก็พลอยเครียดไปด้วย พ่อแม่ก็เลยเครียดตามๆกันไป ผมว่าประเทศเรามีค่านิยมทางด้านชนชั้นคล้ายๆกับอินเดียนะ ถ้าคนที่เคยไปเรียนประเทศที่พัฒนาแล้วจะพอทราบว่าเขาไม่เน้นการศึกศาในเชิงความรู้หรือวุฒิการศึกษาหรือแม้แต่สถาบันต่างๆ แต่มักจะมองที่ทักษะในการทำงานมากกว่า ดังนั้นสถาบันการศึกษาประเภทอาชีวะจึงเป็นที่นิยมมากกว่า ส่วนมหาวิทยาลัยสมัยนี้เน้นหานักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะชาวเอเซียที่ยังมีค่านิยมเช่นนี้อยู่
บางประเทศที่เด็กของเขามีพัฒนาการในระดับสูงๆเขาไม่เน้นให้เด็กต้องไปติวไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนอะไรเยอะแยะ เด็กต้องได้รับโอกาสที่จะเล่นและพักผ่อนสนุกสนานตามวัยของเขา ส่วนประเทศที่แข่งขันเรื่องเรียนกันจะเป็นจะตายก็เห็นว่ามาตรฐานระดับการศึกษายังสู้อีกหลายๆประเทศไม่ได้เลย เราเน้นสอบแข่งขันวัดระดับโน่นนี่นั่นผมกลับมองว่าเป็นโอกาสทำเงินให้สำนักรับทดสอบต่างๆที่ผุดใหม่กันราวกับดอกเห็ด เห็นแล่วเหนื่อยแทนพ่อแม่ครับ