คิดไปคิดมารถเราก็จะหมดประกันแล้วอีกประมาณ6เดือน ขนาดซีลเกียร์รั่วซึม ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังยังไม่ประกันให้ แล้วจะเข้าศูนย์อีกทำไม
หาอู่ข้างนอกซ่อมดีกว่า โดยไปหาเพื่อนที่เคยเป็นช่างอยู่ศูนย์มิตซูแล้วมาเปิดอู่เองอยู่ใกล้บ้านด้วย น่าจะเป็นที่พึ่งได้
จึงรีบขับรถไปหาในวันนั้น ได้พูดคุยกัน เพื่อนแนะนำว่าเข้าศูนย์เถอะเพราะการยกเกียร์ไม่ใช่ง่ายๆ ทำคนเดียวไม่ได้ แล้วรถเรามีเกียร์โฟรด้วยมันหนักมากต้องมีเครื่องช่วยยกลง
แต่หลังจากคุยกันได้สักพัก เพือ่นคนนี้จึงแนะนำอีกอู่นึง อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมสักเท่าไร เจ้าของเคยเป็นอาจาร์ยสอนเพื่อนผมตอนอยู่ที่ศูนย์มิตซูด้วย
แถมมีดีกรีเป็นช่างให้กับทีมแรลลีอาร์ทมาก่อน
อย่างนี้ก็ดีสิ ได้ชื่ออู่และที่อยู่ก็ไปหาในวันนั้นเลย ชื่ออู่S26 อยู่ในซอยราษฎร์บูรณะ26 เจ้าของอู่ชื่อพี่สมบัติ :L2888:
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับพี่หนึ่ง ผมสงสัยว่าไอ้เจ้าประกันระบบส่งกำลังและขับเคลื่อน 5 ปี/150,000 กิโลมันจะมีประโยชน์อะไรกับเราบ้างหรือเปล่า ที่ผมยอมเข้าศูนย์โจรเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งตอน 100,099 กิโลก็เพราะต้องการรักษาสิทธิ์ตัวนี้แหละครับ ยอมจ่ายแพงกว่าแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นทำร้ายตัวเองเลย :sd21:
กด :L6428: ให้หนึ่งทีครับ #19
พี่หนึ่ง รีวิวอู้นี้ให้หน่อยซิ เคยได้ยินชื่อเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลครับพี่หนึ่ง หลังๆมาแล้วก็จากที่ตามปัญหาของรถพี่ๆมา อยากรู้จักอู่นอกไว้บ้างแล้วครับ รอฟังรีวิวเช่นกันครับพี่หนึ่ง :L2758:
:L2739: :L2739: :L2739: OMG
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
เจอช่างดี ๆ ก็ขอให้รถพี่กับมาเหมือนป้ายแดงนะครับ หายไว ๆ
ส่วนน้ำมันเกียร์ที่จะใส่เข้าไปใหม่ พี่สมบัติแนะนำว่าให้ใช้น้ำมันเกียร์EX เป็นของมิตซูเช่นกัน สีจะออกฟ้าๆใสๆ ส่วนที่ศูนย์ใช้ถ่ายจะเป็นสีแดงๆเหมือนกับที่พี่ตามถ่ายรูปมาให้ดูครับ
ราคาต่างกันเท่าตัวโดยน้ำมันเกียร์EX ราคาลิตรละ 400บาท ส่วนน้ำมันเกียร์ที่ศูนย์ใช้ราคาลิตรละ160-200 บาทครับ
***พี่สมบัติแนะนำว่าน้ำมันเกียร์ออโต้ของมิตซู ถ้าจะให้ดี ใช้กันยาวๆ ควรจะเปลี่ยนถ่ายที่ 20,000กิโลเมตรดีที่สุดครับ 40,000กิโลเมตร นานไป จะมีผลเสียต่อเกียร์
(คุ้นๆว่าพี่ตามเคยพูดไว้ว่า ของพี่ตามเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุกๆ 20,000กิโล)แต่ของผมนี่สิ 83,000กิโลเมตร
ไม่รู้เคยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์บ้างหรือเปล่า
แล้วของพี่ๆล่ะ???
รูปที่พี่หนึ่งถ่ายมานั้นสำหรับผมมันชินตาแล้วครับ(เพราะโดนมาเหมือนกัน :L4386: :L4386: ) แต่ผมมาเจอตอน 105,xxx กม.และสงสัยว่าจะไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์มาตั้งแต่แรกเหมือนกัน ลองดูนี่ครับ สีเดียวกันเลย
http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,3892.60.html
รบกวนพี่หนึ่งช่วยแจ้งหน่อยครับว่าใช้บริการศูนย์ไหนมาบ้างก่อนหน้านี้ สมาชิกจะได้ระวังตัวกันไว้ เอ่อ..ผมสงสัยอีกอย่างว่าน้ำมันเกียร์ของ EX สีฟ้าไม่ทราบว่าเป็นของเครื่องเบนซินหรือเปล่า :L2761: แล้วเอามาใช้กับรถเรา(ดีเซล)ได้ด้วยเหรอครับ :L2761:
:sd06: :sd06: :sd06: แล้วล่าสุดที่เปลี่ยนที่คลีนิคนี่ใช้กี่ลิตรครับพี่หนึ่ง :L2761:
ขอบคุณพี่หนึ่งสำหรับการ review อย่างละเอียดครับ พร้อมภาพประกอบมาด้วย ชัดเจนมากๆเลยครับเคยเห็นหลายศูนย์ใช้น้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์แบบถังใหญ่ วัดตรวจเป็นลิตรในการเติมครับ
สำหรับเรื่องปริมาณน้ำมันเกียร์ .... หากเป็นการเปลี่ยนถ่ายโดยการขันน็อตเปิดเฉพาะที่อ่างน้ำมันเกียร์ จะใช้ประมาณ 4 ลิตรนั่นแหละครับ เพราะยังจะมีน้ำมันเกียร์ที่ค้างอยู่ในระบบอีกพอสมควร เช่นค้างอยู่ในกรองน้ำมันเกียร์ (ผมเคยเทออกมา ค้างอยู่เยอะนะครับภายในกรอง) ค้างอยู่ในท่อที่วิ่งมาระบายความร้อนอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้นหากเปลี่ยนถ่ายโดยไม่ถอดอ่างน้ำมันเกียร์ น้ำมันเกียร์ที่ใช้จะอยู่ประมาณ 4-5 ลิตร
แต่ถ้าถอดอ่างน้ำมันเกียร์ออกมา รวมถึงการเปลี่ยนกรองด้วย จะใช้น้ำมันเกียร์ตอนเติมเข้าไปประมาณ 7.5 - 8 ลิตร
ข้อสังเกตุเรื่องนี้มี 2 ประเด็น
เรื่องแรกคือเรื่องปริมาณน้ำมันเกียร์ .... ข้อมูลจากในเว็บของมิตซูแจ้งไว้คือ 9.7 ลิตร ซึ่งใช้กันไม่ค่อยจะถึง แล้วทำไมมันขึ้นมาให้ใช้ตั้งเยอะ ... เรื่องนี้ผมเคยได้รับความรู้จากพี่อ๊อดว่า ปริมาณน้ำมันเกียร์ที่ใช้ 9.7 ลิตรนั้น คำนวนจากการที่รถมีการติดตั้ง Oil Cooler มาด้วย ซึ่งตามการออกแบบนั้นมันมีเจ้า Cooler นี้มา แต่มาหายไปตอนผลิต ... มิตซูตัด Cooler ออก แต่ไม่ได้คำนวนปริมาณน้ำมันเกียร์ให้ใหม่ ตัวเลขมันเลยคาอยู่ที่ 9.7 ลิตรแบบนั้นแหละครับ ... ดังนั้นการเติม ช่างต้องเติมไปวัดไป ดูเอาเองว่าเมื่อไหร่มันถึงจะพอดี
เรื่องที่สอง .... ถ้าสังเกตุในใบเสร็จของพี่หยกกับพี่หนึ่ง ..... แจ้งว่ามีการใช้น้ำมันเกียร์ 4 ลิตร โดยระบุเป็น 1 ลิตร แล้วคูณด้วยจำนวน 4 ...... มันน่าแปลกตรงที่ว่าน้ำมันเกียร์มันขายเป็นแกลลอน .... น่าจะแกลลอนละ 5 ลิตร .... ทำไมศูนย์ถึงไม่ขายให้เราทั้งแกลลอน แต่มาทอนขายเป็นลิตร ..... จริงๆมันก็ประหยัดนะครับ เพราะแทนที่จะจ่ายทั้งแกลลอน จ่ายแค่ 4 ลิตร ..... แต่ถ้าลองคิดดูดีๆ .... การที่เราจ่ายไป 4 ลิตร แต่ช่างต้องเปิดทั้งแกลลอน ดังนั้นมันจะต้องเหลืออยู่ประมาณ 1 ลิตรทุกครั้ง .... ถ้าทำการเปลี่ยน 4 คัน ก็จะได้น้ำมันเหลือมา 4 ลิตร เพื่อเติมให้อีกคันนึงได้โดยเอาที่เหลือ 1 ลิตรของแต่ละคันมาเทรวมกัน ..... เจ้าน้ำมันที่เหลือนี้อาจระเหยหายไปข้างนอก หรือไม่มันก็กลับมาเปลี่ยนให้กับรถลูกค้าในศูนย์ ... ประเด็นที่ผมกังวลคือ ถ้าถ่ายพร้อมกัน 4 คัน แล้วเหลือมาคันละลิตร เอามาเทรวมกัน แล้วคันที่ 5 เข้ามาเปลี่ยนพอดี ผมว่าแบบนี้คงไม่เป็นไร .... แต่ถ้า 4 คันที่เปลี่ยน มันเปลี่ยนกันคนละวัน เวลา .... น้ำมันอาจต้องเก็บไว้เป็นเวลานานกว่าจะรวมได้ครบ 4 ลิตร .....และที่สำคัญคือวิธีการเก็บ เก็บอย่างไร ... น้ำมันที่เปิดไปแล้วนานๆ เก็บรักษาไม่ถูกวิธีจะมีผลถึงคุณภาพหรือไม่ ... อันนี้ผมก็ไม่รู้ ..... ผมเลยใช้วิธีซื้อมันทั้งแกลลอนครับ ปลอดภัยที่สุด เติมแล้วมันก็จะเหลืออยู่ในแกลลอนนั่นแหละครับ 1 ลิตร เอาไว้สำรองเวลาน้ำมันพร่องบ้าง หรือเก็บไว้นานๆแล้วผมก็ทิ้งไป ... แต่ที่แน่ๆคือผมได้น้ำมันเกียร์แท้ๆ ใหม่ๆ เปิดแกลลอนแน่ๆ ไม่ใช่น้ำมันรวมมิตร (ที่ไม่รู้ว่ามันรวมมาจากไหน เมื่อไหร่ และรวมอะไรไปบ้าง)
:L4399: :L4399:
ภาพสีของน้ำมันเกียร์รุ่น ATF SP III ที่ใช้ในศูนย์ จะเป็นสีแดง
ส่วนน้ำมันเกียร์ EX ซินเทติก จะเป็นสีขาว ผมลองจับดูความหนึดแล้วไม่เหมือนกันครับ
แบบไหนหนืดกว่าครับพี่หนึ่ง :L2761: :L2759: กำลังสงสัยว่าถ้าใช้แบบที่หนืดกว่าจะมีผลอะไรกับ flow rate ของน้ำมันเกียร์เวลาไหลผ่านไส้กรองหรือเปล่าน่ะครับ แค่ตั้งข้อสังเกตตามประสาคนไม่มีความรู้น่ะครับ :L4387:
สรุปงานนี้พี่หนึ่งใช้เวลาซ่อมไปนานแค่ไหนครับ :L2761:เอารถไปจอดวันจันทร์ช่วงบ่าย รับรถวันพฤหัสเที่ยง
:sd06: :sd06: :sd06: แล้วล่าสุดที่เปลี่ยนที่คลีนิคนี่ใช้กี่ลิตรครับพี่หนึ่ง :L2761:
เป็นประโยชน์มากเลยครับพี่ไซ ขอบคุณมากครับ อย่างน้อยก็พอได้คำตอบสำหรับปริมาณนํ้ามันเกียร์ที่ต้องใช้ในการเปลี่ยนถ่ายแล้วครับ :sd23:
ได้อ่านแล้วขอคิดตามด้วยคน ได้มาแค่นี้ อาจมีประโยชน์หรือเปล่า คงไม่ว่ากันนะครับ
น้ำมันเกียร์ที่เราเปลี่ยนถ่ายกันมาจากถาดรองน้ำมันใต้ห้องเกียร์ ส่วนที่เหลือคงค้างอยู่ในวาวล์บอดี่ ห้องเกียร์ กรองน้ำมันเกียร์ ออยคูลเลอร์ที่ฝังในหม้อน้ำ+ท่อจากเกียร์ไปถึงออยคูลเลอร์ ส่วนที่ไม่ได้ออกมาประมาณ 6 ลิตรเศษ
1.ถ้าเปลี่ยนถ่ายตามระยะ จะถ่ายออกได้แค่ ประมาณ 3 ลิตรครึ่ง (น้ำมันใหม่3.5ลิตร+น้ำมันเก่า 6.2ลิตร)
2.ใช้วิธีวนน้ำมันใหม่เข้าไปแทนที่น้ำมันเก่า วิธีหลังอาจใช้มากกว่า 9.7 ลิตร ตามที่สเปคบอกไว้เพราะมีส่วนหนึ่งที่เข้าไปผสมกับน้ำมันเก่าอยู่บ้างแต่คงมีน้อยมากที่เป็นน้ำมันเก่า ผ่านๆตาเห็นมีคนทำเครื่องเปลี่ยนถ่ายระบบวนออกมาขายบ้างแล้ว แต่มีใช้กันไม่มากนัก
3.ถ้าถ่ายท้งหมดคงต้องรื้อออกมาไล่น้ำมันเก่าออก ตั้งแต่ถาดรอง กรอง วาวล์บอดี้ ห้องเกียร์ รวมทั้งที่ออยคูลเลอร์ด้วย
4.ส่วนใหญ่ที่นิยมทำกันมากคือเปลี่ยนแค่ครึงอายุของน้ำมันเกียร์ตามระยะ หรือเปลี่ยนให้บ่อยๆ ค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารื้อออกเปลี่ยนทั้งระบบ เพราะไม่มีค่าแรงรื้อเกียร์ไล่น้ำมัน
ที่จริงแล้วน้ำมันเกียร์มีอายุการใช้งานได้มากกว่า 40000 กิโลเมตร แต่ที่ให้เปลี่ยนถ่ายตามระยะทางนี้เพื่อให้มีน้ำมันใหม่เข้าไปผสมกับน้ำมันที่ค้างอยู่ในระบบเกียร์ เป็นค่าที่ผู้ออกแบบใช้เป็นมาตรฐาน ถ้าสังเกตุจากที่บางท่านเปลี่ยนถ่ายที่ 20000-25000 น้ำมันจะยังคงเป็นสีแดงค่อนข้างใสอยู่ เนื่องจากมีน้ำมันใหม่เข้าไปผสมก่อนเวลาที่น้ำมันส่วนที่ถ่ายออกมาไม่ได้ จะมีการเปลี่ยนสภาพตามข้อกำหนด ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้รถส่วนใหญ่จะคิดว่าเหมือนกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ต้องถ่ายให้หมดและต้องเปลี่ยนกรองด้วย
ส่วนตัวที่ผมเองเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ก็ใช้วิธีที่ 4. มาสองครั้ง ที่ระยะ 25000 กับ 50000 กะว่าคร้้งที่สามจะทำการเปลี่ยนที่75000 แต่จะถอดถาดรองน้ำมันออกมาเพื่อเปลี่ยนกรองด้วย และไล่น้ำมันจากออยคูลเลอร์ในคราวเดียวกัน น่าจะต้องใช้น้ำมันเกียร์ที่เติมเข้าไปให้ซัก 6 ลิตรเศษ
ท่อทางเดินน้ำมันเกียร์มาที่หม้อน้ำเพื่อลดอุณภูมิ กับ ใช้อุ่นน้ำมันให้ร้อนขึ้นตอนที่อากาศเย็น
(http://upic.me/i/q5/oilpipe.jpg)
เคยเห็นหลายศูนย์ใช้น้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์แบบถังใหญ่ วัดตรวจเป็นลิตรในการเติมครับ
ได้อ่านแล้วขอคิดตามด้วยคน ได้มาแค่นี้ อาจมีประโยชน์หรือเปล่า คงไม่ว่ากันนะครับ
น้ำมันเกียร์ที่เราเปลี่ยนถ่ายกันมาจากถาดรองน้ำมันใต้ห้องเกียร์ ส่วนที่เหลือคงค้างอยู่ในวาวล์บอดี่ ห้องเกียร์ กรองน้ำมันเกียร์ ออยคูลเลอร์ที่ฝังในหม้อน้ำ+ท่อจากเกียร์ไปถึงออยคูลเลอร์ ส่วนที่ไม่ได้ออกมาประมาณ 6 ลิตรเศษ
1.ถ้าเปลี่ยนถ่ายตามระยะ จะถ่ายออกได้แค่ ประมาณ 3 ลิตรครึ่ง (น้ำมันใหม่3.5ลิตร+น้ำมันเก่า 6.2ลิตร)
2.ใช้วิธีวนน้ำมันใหม่เข้าไปแทนที่น้ำมันเก่า วิธีหลังอาจใช้มากกว่า 9.7 ลิตร ตามที่สเปคบอกไว้เพราะมีส่วนหนึ่งที่เข้าไปผสมกับน้ำมันเก่าอยู่บ้างแต่คงมีน้อยมากที่เป็นน้ำมันเก่า ผ่านๆตาเห็นมีคนทำเครื่องเปลี่ยนถ่ายระบบวนออกมาขายบ้างแล้ว แต่มีใช้กันไม่มากนัก
3.ถ้าถ่ายท้งหมดคงต้องรื้อออกมาไล่น้ำมันเก่าออก ตั้งแต่ถาดรอง กรอง วาวล์บอดี้ ห้องเกียร์ รวมทั้งที่ออยคูลเลอร์ด้วย
4.ส่วนใหญ่ที่นิยมทำกันมากคือเปลี่ยนแค่ครึงอายุของน้ำมันเกียร์ตามระยะ หรือเปลี่ยนให้บ่อยๆ ค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารื้อออกเปลี่ยนทั้งระบบ เพราะไม่มีค่าแรงรื้อเกียร์ไล่น้ำมัน
ที่จริงแล้วน้ำมันเกียร์มีอายุการใช้งานได้มากกว่า 40000 กิโลเมตร แต่ที่ให้เปลี่ยนถ่ายตามระยะทางนี้เพื่อให้มีน้ำมันใหม่เข้าไปผสมกับน้ำมันที่ค้างอยู่ในระบบเกียร์ เป็นค่าที่ผู้ออกแบบใช้เป็นมาตรฐาน ถ้าสังเกตุจากที่บางท่านเปลี่ยนถ่ายที่ 20000-25000 น้ำมันจะยังคงเป็นสีแดงค่อนข้างใสอยู่ เนื่องจากมีน้ำมันใหม่เข้าไปผสมก่อนเวลาที่น้ำมันส่วนที่ถ่ายออกมาไม่ได้ จะมีการเปลี่ยนสภาพตามข้อกำหนด ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้รถส่วนใหญ่จะคิดว่าเหมือนกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ต้องถ่ายให้หมดและต้องเปลี่ยนกรองด้วย
ส่วนตัวที่ผมเองเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ก็ใช้วิธีที่ 4. มาสองครั้ง ที่ระยะ 25000 กับ 50000 กะว่าคร้้งที่สามจะทำการเปลี่ยนที่75000 แต่จะถอดถาดรองน้ำมันออกมาเพื่อเปลี่ยนกรองด้วย และไล่น้ำมันจากออยคูลเลอร์ในคราวเดียวกัน น่าจะต้องใช้น้ำมันเกียร์ที่เติมเข้าไปให้ซัก 6 ลิตรเศษ
ท่อทางเดินน้ำมันเกียร์มาที่หม้อน้ำเพื่อลดอุณภูมิ กับ ใช้อุ่นน้ำมันให้ร้อนขึ้นตอนที่อากาศเย็น
(http://upic.me/i/q5/oilpipe.jpg)
มีคำถามครับพี่หนึ่ง ถ้าต้องการเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ต้องยกเกียร์ลงมาทั้งลูกอย่างพี่หนึ่งรึเปล่าครับ
ไม่ค้องยกเกียร์ครับ แค่ถอดอ่างน้ำมันเกียร์เท่านั้น
แล้วศูนย์รู้ได้ไงครับว่าซีลทอร์คมีปัญหา รึว่าเป็นอาการปกติของเกียร์รุ่นนี้อ่ะครับ
มีน้ำมันซึมออกมาระะหว่างหัวเกียร์กับท้ายเครื่อง เป็นปกติของเกียร์ออโต้ถ้ารั่วซึมต้องแก้ไขแบบนี้ครับ
ขอบคุณครับ :sd23:
ขอบคุณ พี่หนึ่ง :sd23: ที่นำปัญหาเรื่องเกียร์ และ วิธีการแก้ไขปัญหา :L2900: ผมคงต้องเน้นการบริการของศูนย์ให้มากขึ้นแล้ว :L2739:ยังไม่เข็ด :L2754:
ขอบคุณ พี่หนึ่ง :sd23: ที่นำปัญหาเรื่องเกียร์ และ วิธีการแก้ไขปัญหา :L2900: ผมคงต้องเน้นการบริการของศูนย์ให้มากขึ้นแล้ว :L2739: