Pajero Sport Mania ปาเจโร่สปอร์ตมาเนีย
Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) => Performance Talks & Engine Modifications => ข้อความที่เริ่มโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 9 มกราคม 2014, 09:12:01
-
ผลเสียการอุดEGR ใช่หรือไม่ ในปาเจ จะเป็นอย่างไร?
รบกวนผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ
:sd23: :sd23: :sd23: :L2758: :L2758: :L2758:
เครดิต : clipmass.com
http://www.clipmass.com/movie/597822290460543 (http://www.clipmass.com/movie/597822290460543)
EGR ย่อมาจาก Exhaust Gar Recirculation
คือการ นำเอาไอเสีย ที่ออกจากเครื่องยนต์ บางส่วน ขณะใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำ
วนกลับเข้ามายังช่องไอดีใหม่อีกครั้ง เพื่อเผาไหม้ให้หมดจรด ตามมาตราฐาน ยูโร
ข้อดี มันจะช่วยให้ลดมลพิษ ในอากาศ ทำให้อากาศสดชื่น รักโลก รักน้ำ รักปลา รักซากุระ
ข้อเสีย มันจะทำให้ ช่องไอดี ที่ควรสะอาด เพราะอากาศในช่องไอดีมันต้องไหลเข้าเครื่องยนต์
เพื่อทำการจุระเบิด ในทีนี้ เมื่อไอเสียไหล ร่วมเข้ามาด้วย ฝุ่นเขม่าไอเสียร้อนๆ
ก็จะไหลกลับเข้าเครื่องยนต์ด้วยเช่นกัน
แล้วทีนี้ ฝุ่นจากไอเสียไหลกลับเข้าเครื่องยนต์ไป จะเป็นไง
เครื่องยนต์ ก็ยังทำงานได้ปกตินั้นแหละ เพราะมีน้ำมันเครื่องคอยซับและชำระล้างดักจับฝุ่นพวกนี้
อยู่แล้ว ซึ่งก็แน่นอน เมื่อฝุ่นเยอะ น้ำมันเครื่องก็ยิ่งเสื่อมสภาพเร็วขึ้น น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ
ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ ก็มีการสึกหรอที่เร็วขึ้น
ส่วนที่ว่า อุดแล้ว รถแรง อันนี้ขอตอบแบบนี้ว่า
1.ไอเสียที่ออกมานั้น จะต้องไปหมุนใบพัดใน โข่งหลังเทอร์โบ เดิมทีเมื่อยังไม่อุด
ไอเสียบางส่วนจึงหายไปเพราะวนกลับเข้าสู่ไอดีใหม่ แต่เมื่อเราอุดแล้ว
ปริมาณไอเสียที่จะไปหมุนใบพัดที่โข่งหลังเทอร์โบ ย่อมมีมากขึ้น ทำให้การบูสต์ของเทอร์โบ
เสถียรกว่าเดิม เพราะเทอร์โบสามารถดูดไอดีเข้าเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น
2.ในระบบไอดีของรถกระบะรุ่นใหม่ๆ จะมีอินเตอร์คูเลอร์ ไว้เพื่อทำการลดอุณหภูมิไอดี
เพื่อให้เกิดการควบแน่นของอากาศก่อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้ เพื่อเพิ่มกำลังเครื่องยนต์
แต่ด้วยการที่มี ไอเสียที่วนกลับมาจาก ระบบ EGR ทำให้ไอดีที่ผ่านการลดอุณหภูมิมาแล้ว
มาเจอกับไอเสียร้อนๆอีกครั้ง จึงทำให้อากาศที่จะเข้าช่องไอดีไม่เกิดการควบแน่นเท่าที่ควร
ส่งผลให้กำลังเครื่องยนต์ลดลง
เครดิต: Lost City Lost City
เจ้าของบทประพันธ์
-
อ่านตรงอธิบายเรื่องช่วยให้รถแรง ทำไมตอบแบบทะแมร่งๆ
แรงดันไอเสียที่ปล่อยย้อนกลับมาลำพังแค่นั้นคงไม่ถึงกับทำให้เทอร์โบรอบลดลงได้มากเท่าไหร่แล้วกรณีที่แรงดันไอเสียมากจนเวสเกจเปิดทิ้งละแบบนี้ก็แสดงว่าเกินและส่วนที่เกินเอากลับมาเผา แบบนี้ก็แรงไม่ตกอะดิ
แต่ถ้ามองตามนี้ว่า ปริมาณความหน้าแน่นของอากาศ+ไอดีผ่านมาในท่อขนาดหน้าตัดเท่าท่ออินเตอร์ขาออกวิ่งเข้าไปรอการเผาไหม้ กับ ปริมาณความหน้าแน่นของอากาศ+ไอดี+ไอเสียที่วนกลับมา ผ่านมาในท่อขนาดหน้าตัดเท่าท่ออินเตอร์ขาออกวิ่งเข้าไปรอการเผาไหม้ พี่ๆว่าแบบไหนจะนำไปสันดาปแล้วได้แรงระเบิดเป็นพลังงานกลมากกว่ากัน และถ้าทำแบบต่อเนื่องๆๆๆในจังหวะสันดาปละ แบบไหนจะให้ผลดีกว่ากัน
แรงดันที่ได้มีมาก การระเบิดรุ่นแรง ไอเสียมีมาก แรงดันทิ้งสูง ปั่นเทอร์โบได้แรง(ยิ่งยกบูสยิ่งหมุนแรงและนาน) กำลังเข้าใหม่ก็เยอะและเร็ว หากการวนลูปของขบวนการนี้ไม่มีไอเสียฝากมาเผาทิ้ง แบบนี้น่าจะให้ผลดีกว่ามาก จิงป่ะ
จิรงๆแล้วถ้าไม่สามารถขับรถได้ตามที่เขาออกแบบ ลากรอบได้สุดเกียร์ ตลอดเวลาก็อุดไปเถอะครับ ดีกว่ามานั่งบำรงรักษาตามกำหนดเพราะเราใช้รถในเมืองทำรอบไม่ได้มีแต่การเดินเบาสะสมจนเกิดกรณีเช่นนั้น
เทคโนโลยีออกแบบมาดี ถ้าใช้ได้ตามเทคโนโลยีก็ไม่ต้องอุด และถ้าอุดก็ไม่ต้องไปหาตำรามาถกเถียงกันว่าแผ่นแค่300บาท กับการออกแบบEGRมูลค่ากว่าหลายบาทออกแบบมาทำไม แบบนี้ต้องถามว่าแล้วคุณซื้อรถที่มีเทคโนโลยีสูงๆมาใช้ในเมืองกันทำไม ซื้อทั้งทีต้องเครื่องยนต์เทอร์โบ ต้องเทอร์โบVG ต้องมีเกียร์พิเศษ ต้องมีระบบกันไหล กันแรด สุดท้ายจอดดมควันกันในเมืองหลวงทั้งนั้น พอออกต่างจังวัดทีก็ไม่ค่อยจะกด จะเร่งกัน จะตกแต่งเพิ่มเติมกล่องกันก็กลัวจะหมดประกัน สรุปทั้งหมดคือความกังวลเพราะอ่านกระทู้ที่เขาถกเถียงกัน ไม่ได้ไปอ่านหลักการออกแบบและความกว้าหน้าของเทคโนโลยีและการเรียนรู้ปรับตัวที่จะอยู่กับเทคโนโลยี
อ่านกระทู้พวกนี้ทีไร มันขึ้น อ่ะ มันขึ้น :sd42: :sd42: :sd42: :sd42: :sd42:
ขออภับมุณี
:sd23:
-
ผมไปอุดมาแล้ว ที่ 5,000 โล ตอน meeting ติดกล่องที่ IFRIT คร้าบ
-
ผมอุดไปตอนประมาณ 500 โล ก่อนที่จะหิ้วปิ่นโตคับ
ทุกอย่าง โอเคร ตอนนี้ 15000 โล คับ
-
ส่วนผมอุดไปตั้งแต่เกือบ ๆ 5,000 กิโล ปัจจุบันจะ 60,000 กิโล แล้ว ยัง :L2901: :L2901: อยู่ครับ
-
สรุปว่าสบายใจอย่างไรก็แล้วแต่สะดวกน่าจะดีที่สุดครับ ของอย่างนี้นานาจิตตัง แต่ผมอุดแล้วตั้งแต่ออกรถใหม่ๆ ไม่ใช่เพราะเหตุผลทางเทคนิคอะไรมากมายหรอกครับ แค่รู้สึกว่าจำนวนคนอุดมากกว่าไม่อุดอ่ะนะ ;D ;D
-
จะหมื่นโลแล้ว ติดดันรางแล้วแต่ ยังไม่ได้อุดครับ กำลังหาข้อมูลอุดหรือไม่อุดอยู่พอดีเลยครับ :)
-
อุดตั้งแต่ยังไม่ถึงร้อยโลเลยครับตอนนี้หกหมื่นโลแล้วครับไม่มีอะไรเกิดขึ้น :L2734: :L2734: แต่กล่องยังไม่มีเลย(ม่ายตางค์) อิอิ :L4386: :L4386:
-
ผมอุด ไปสองจุดที่้ร้าน ท่อไอเสียแถว ชลบุรีครับ
-
;D ;D ผมก็อุดตามๆเข้าไปครับ
-
อุดตั้งแต่ 2,000 กมแรก ตอนนี้40,000 กมแล้ว เทอร์โบว์ยังปกติ ไม่กร่อน ไม่เยิ้ม ยังไม่มีเคลมเลย :L2736:
-
อ่านตรงอธิบายเรื่องช่วยให้รถแรง ทำไมตอบแบบทะแมร่งๆ
แรงดันไอเสียที่ปล่อยย้อนกลับมาลำพังแค่นั้นคงไม่ถึงกับทำให้เทอร์โบรอบลดลงได้มากเท่าไหร่แล้วกรณีที่แรงดันไอเสียมากจนเวสเกจเปิดทิ้งละแบบนี้ก็แสดงว่าเกินและส่วนที่เกินเอากลับมาเผา แบบนี้ก็แรงไม่ตกอะดิ
แต่ถ้ามองตามนี้ว่า ปริมาณความหน้าแน่นของอากาศ+ไอดีผ่านมาในท่อขนาดหน้าตัดเท่าท่ออินเตอร์ขาออกวิ่งเข้าไปรอการเผาไหม้ กับ ปริมาณความหน้าแน่นของอากาศ+ไอดี+ไอเสียที่วนกลับมา ผ่านมาในท่อขนาดหน้าตัดเท่าท่ออินเตอร์ขาออกวิ่งเข้าไปรอการเผาไหม้ พี่ๆว่าแบบไหนจะนำไปสันดาปแล้วได้แรงระเบิดเป็นพลังงานกลมากกว่ากัน และถ้าทำแบบต่อเนื่องๆๆๆในจังหวะสันดาปละ แบบไหนจะให้ผลดีกว่ากัน
แรงดันที่ได้มีมาก การระเบิดรุ่นแรง ไอเสียมีมาก แรงดันทิ้งสูง ปั่นเทอร์โบได้แรง(ยิ่งยกบูสยิ่งหมุนแรงและนาน) กำลังเข้าใหม่ก็เยอะและเร็ว หากการวนลูปของขบวนการนี้ไม่มีไอเสียฝากมาเผาทิ้ง แบบนี้น่าจะให้ผลดีกว่ามาก จิงป่ะ
จิรงๆแล้วถ้าไม่สามารถขับรถได้ตามที่เขาออกแบบ ลากรอบได้สุดเกียร์ ตลอดเวลาก็อุดไปเถอะครับ ดีกว่ามานั่งบำรงรักษาตามกำหนดเพราะเราใช้รถในเมืองทำรอบไม่ได้มีแต่การเดินเบาสะสมจนเกิดกรณีเช่นนั้น
เทคโนโลยีออกแบบมาดี ถ้าใช้ได้ตามเทคโนโลยีก็ไม่ต้องอุด และถ้าอุดก็ไม่ต้องไปหาตำรามาถกเถียงกันว่าแผ่นแค่300บาท กับการออกแบบEGRมูลค่ากว่าหลายบาทออกแบบมาทำไม แบบนี้ต้องถามว่าแล้วคุณซื้อรถที่มีเทคโนโลยีสูงๆมาใช้ในเมืองกันทำไม ซื้อทั้งทีต้องเครื่องยนต์เทอร์โบ ต้องเทอร์โบVG ต้องมีเกียร์พิเศษ ต้องมีระบบกันไหล กันแรด สุดท้ายจอดดมควันกันในเมืองหลวงทั้งนั้น พอออกต่างจังวัดทีก็ไม่ค่อยจะกด จะเร่งกัน จะตกแต่งเพิ่มเติมกล่องกันก็กลัวจะหมดประกัน สรุปทั้งหมดคือความกังวลเพราะอ่านกระทู้ที่เขาถกเถียงกัน ไม่ได้ไปอ่านหลักการออกแบบและความกว้าหน้าของเทคโนโลยีและการเรียนรู้ปรับตัวที่จะอยู่กับเทคโนโลยี
อ่านกระทู้พวกนี้ทีไร มันขึ้น อ่ะ มันขึ้น :sd42: :sd42: :sd42: :sd42: :sd42:
ขออภับมุณี
:sd23:
พี่นะของขึ้น :sd42:
-
ขอบคุณพี่ตุ้ย พี่นะในการให้ความรู้ครับ :sd23:
-
ผมอุดตอน150โล
-
เอาเป็นว่าจากการที่ผมเคยใช้ ISUZU เครื่อง Commonrail มา2คัน(รถของบริษัท) ซึ่งวิ่งมากว่า 500,000 Km ซึ่งตลอดเวลาที่ใช้มาได้เปลี่ยน Motor EGR มาทั้งหมด 8ตัว เนื่องจากเขม่าจากไอเสียเ้ข้าไปที่ EGR Valve แล้วทำให้เกิดการสะสมจนกระทั่ง EGR Valve ขัดตัวและไม่สามารถขยับตัวได้ ซึ่งทำให้ไฟรูปเครื่องยนต์โชว์และ ECU Safe Mode เร่งรอบได้ไม่เกิน 1,000 rpm จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนโดยที่ราคาของ Motor EGR ตัวละ 4,500++ จึงจะสามารถเคลียร์ไฟรูปเครื่องยนต์ได้
ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของป๋าแล้วล่ะว่าจะตัดสินใจอุด EGR หรือไม่ครับ???
-
แก้ไขนิดนะครับ
EGR = Exhaust Gas Recirculation ครับ :L4399:
-
เอาเป็นว่าจากการที่ผมเคยใช้ ISUZU เครื่อง Commonrail มา2คัน(รถของบริษัท) ซึ่งวิ่งมากว่า 500,000 Km ซึ่งตลอดเวลาที่ใช้มาได้เปลี่ยน Motor EGR มาทั้งหมด 8ตัว เนื่องจากเขม่าจากไอเสียเ้ข้าไปที่ EGR Valve แล้วทำให้เกิดการสะสมจนกระทั่ง EGR Valve ขัดตัวและไม่สามารถขยับตัวได้ ซึ่งทำให้ไฟรูปเครื่องยนต์โชว์และ ECU Safe Mode เร่งรอบได้ไม่เกิน 1,000 rpm จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนโดยที่ราคาของ Motor EGR ตัวละ 4,500++ จึงจะสามารถเคลียร์ไฟรูปเครื่องยนต์ได้
ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของป๋าแล้วล่ะว่าจะตัดสินใจอุด EGR หรือไม่ครับ???
:L2758: งั้นผมต้องรีบล้างท่อร่วมและมอเตอร์อีจีอาร์แล้วล่ะ :sd23:
-
ผมว่าจะถาม พี่ๆ ว่าใครเคยอุด EGR ที่ระยะ 10,000 ขึ้นไหมครับ แล้วต้องล้าง ท่อรวมไอดีก่อนหรือเปล่าครับ :L2904:
-
ผมว่าจะถาม พี่ๆ ว่าใครเคยอุด EGR ที่ระยะ 10,000 ขึ้นไหมครับ แล้วต้องล้าง ท่อรวมไอดีก่อนหรือเปล่าครับ :L2904:
ถ้าเป็นไปได้ก็ล้างเหอะ มันสกปรกมาก
-
ถ้าเป็นไปได้ก็ล้างเหอะ มันสกปรกมาก
ตั้งใจจะล้าง และ อุด คับ(รอคิว)
เพราะตอนนี้ 55,000 กิโล แว้วววววว
ข้างในคงจะเละ น่าดู .....
ขอบคุณ ข้อมูล พี่ตุ้ย พี่นะ พี่อ้วน ^____^
-
อ่านตรงอธิบายเรื่องช่วยให้รถแรง ทำไมตอบแบบทะแมร่งๆ
แรงดันไอเสียที่ปล่อยย้อนกลับมาลำพังแค่นั้นคงไม่ถึงกับทำให้เทอร์โบรอบลดลงได้มากเท่าไหร่แล้วกรณีที่แรงดันไอเสียมากจนเวสเกจเปิดทิ้งละแบบนี้ก็แสดงว่าเกินและส่วนที่เกินเอากลับมาเผา แบบนี้ก็แรงไม่ตกอะดิ
แต่ถ้ามองตามนี้ว่า ปริมาณความหน้าแน่นของอากาศ+ไอดีผ่านมาในท่อขนาดหน้าตัดเท่าท่ออินเตอร์ขาออกวิ่งเข้าไปรอการเผาไหม้ กับ ปริมาณความหน้าแน่นของอากาศ+ไอดี+ไอเสียที่วนกลับมา ผ่านมาในท่อขนาดหน้าตัดเท่าท่ออินเตอร์ขาออกวิ่งเข้าไปรอการเผาไหม้ พี่ๆว่าแบบไหนจะนำไปสันดาปแล้วได้แรงระเบิดเป็นพลังงานกลมากกว่ากัน และถ้าทำแบบต่อเนื่องๆๆๆในจังหวะสันดาปละ แบบไหนจะให้ผลดีกว่ากัน
แรงดันที่ได้มีมาก การระเบิดรุ่นแรง ไอเสียมีมาก แรงดันทิ้งสูง ปั่นเทอร์โบได้แรง(ยิ่งยกบูสยิ่งหมุนแรงและนาน) กำลังเข้าใหม่ก็เยอะและเร็ว หากการวนลูปของขบวนการนี้ไม่มีไอเสียฝากมาเผาทิ้ง แบบนี้น่าจะให้ผลดีกว่ามาก จิงป่ะ
จิรงๆแล้วถ้าไม่สามารถขับรถได้ตามที่เขาออกแบบ ลากรอบได้สุดเกียร์ ตลอดเวลาก็อุดไปเถอะครับ ดีกว่ามานั่งบำรงรักษาตามกำหนดเพราะเราใช้รถในเมืองทำรอบไม่ได้มีแต่การเดินเบาสะสมจนเกิดกรณีเช่นนั้น
เทคโนโลยีออกแบบมาดี ถ้าใช้ได้ตามเทคโนโลยีก็ไม่ต้องอุด และถ้าอุดก็ไม่ต้องไปหาตำรามาถกเถียงกันว่าแผ่นแค่300บาท กับการออกแบบEGRมูลค่ากว่าหลายบาทออกแบบมาทำไม แบบนี้ต้องถามว่าแล้วคุณซื้อรถที่มีเทคโนโลยีสูงๆมาใช้ในเมืองกันทำไม ซื้อทั้งทีต้องเครื่องยนต์เทอร์โบ ต้องเทอร์โบVG ต้องมีเกียร์พิเศษ ต้องมีระบบกันไหล กันแรด สุดท้ายจอดดมควันกันในเมืองหลวงทั้งนั้น พอออกต่างจังวัดทีก็ไม่ค่อยจะกด จะเร่งกัน จะตกแต่งเพิ่มเติมกล่องกันก็กลัวจะหมดประกัน สรุปทั้งหมดคือความกังวลเพราะอ่านกระทู้ที่เขาถกเถียงกัน ไม่ได้ไปอ่านหลักการออกแบบและความกว้าหน้าของเทคโนโลยีและการเรียนรู้ปรับตัวที่จะอยู่กับเทคโนโลยี
อ่านกระทู้พวกนี้ทีไร มันขึ้น อ่ะ มันขึ้น :sd42: :sd42: :sd42: :sd42: :sd42:
ขออภับมุณี
:sd23:
มาเพิ่มเติมข้อมูลต่อจากข้อมูลของพ่อมดซักนิดนึง ... อย่าถามว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ... บอกไม่ได้ เอาเป็นว่ามีพรายกระซิบมา
การนำ EGR เข้ามาใช้งานในเครื่องยนต์ มักถูกอ้างว่าเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการนำเอาไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่อีกครั้ง เพื่อเผาไหม้ไอน้ำมันที่อยู่ในไอเสียให้หมด นัยว่าช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในแง่ของลดไอน้ำมันที่ออกไปกับไอเสีย และช่วยประหยัดน้ำมัน เพราะเอาไอน้ำมันในไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่
ประเด็นมันอยู่ที่ แล้วทำไมเครื่องยนต์ไม่เผาน้ำมันให้หมดไปในครั้งเดียว หรือก็คือการทำให้เกิดการสันดาบที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อไม่ให้ไอน้ำมันเหลือออกมาเลยตั้งแต่ต้น สามารถทำได้หรือไม่ ... คำตอบคือ ทำได้ เทคโนโลยีสมัยนี้ขนาดเอาน้ำมาเติมให้รถยังวิ่งได้ ถ้าคนซื้อไม่กลัวระเบิดไฮโดรเจน (เป็นเทคโนโลยีการแยกธาตุของน้ำคือ H2O โดยแยกเอา ไฮโดนเจนออกมาเป็นเชื้อเพลิง และ อ๊อกซิเจนเป็นตัวช่วยให้เกิดการสันดาปสมบูรณ์) แล้วทำไมกะอีแค่ทำให้เผาไหม้น้ำมันให้หมดจะทำไม่ได้ การสันดาปที่สมบูรณ์จะมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเยอะ และเป็นการใช้พลังงานที่คุ้มค่ามากกว่ามาก โดยหลักการบริษัทผลิตรถก็รู้ เทคโนโลยีก็มี แต่จะทำหรือไม่นั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง
การสร้างเครื่องยนต์ที่สันดาปได้สมบูรณ์จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีความทนทานสูง เพราะการสันดาปที่สมบูรณ์ทำให้เกิดพลังงานและความร้อนที่สูงกว่า วัสดุต่างๆที่ใช้ผลิตเครื่องยนต์ย่อมต้องมีคุณภาพและความทนทานอย่างมาก รวมถึงระบบระบายความร้อนที่จะต้องเพิ่มขึ้นไปอีกเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถระบายความร้อนได้ทัน ซึ่งนั่นหมายความว่าต้นทุนการผลิตที่จะต้องเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ซื้อเองก็อาจจะไม่พร้อมที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้น
ดังนั้นการผลิตเครื่องยนต์ให้สันดาปได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ต้องถึงขนาดสมบูรณ์ แต่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงมาเพื่อให้สามารถขายได้ในระดับราคาที่ผู้ซื้อพอใจจึงกลายเป็นทางเลือกที่ Happy กันทุกฝ่าย การนำไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่ โดยผ่าน EGR นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะปริมาณอากาศดีน้อยลง อ๊อกซิเจนลดลง การเผาไหม้ก็ไม่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้พลังงานและความร้อนที่เกิดขึ้นลดลงตามไปด้วย ดังนั้นหากนำระบบ EGR เข้ามาใช้ เครื่องยนต์ที่ผลิตขึ้นมาก็สามารถลดความทนทานลงได้บ้าง รวมถึงระบบระบายความร้อนก็สามารถลดลงตามไปด้วย เป็นส่วนหนึ่งช่วยในการลดต้นทุนการผลิตที่ลดลง ดังนั้นการนำระบบ EGR เข้ามาใช้จึงทำให้สามารถผลิตเครื่องยนต์ได้ในต้นทุนที่ต่ำลง แต่ก็ต้องแลกกับความทนทานที่ลดลงตามไปด้วย แต่ยังมีความทนทานในระดับที่รองรับการใช้งานได้อย่างปกติ ตราบเท่าที่ระบบ EGR ยังใช้งานอยู่
ดังนั้นการอุด EGR ซึ่งทำให้ไอเสียไม่สามารถกลับเข้ามาในระบบเผาไหม้นั้นจึงเป็นการทำให้ได้พลังงานจากการเผาไหม้ที่มากกว่า และสิ่งที่ตามมาคือระดับความร้อนที่เกิดขึ้นสูงตามไปด้วย แต่อย่าลืมว่าเครื่องยนต์ที่ผลิตมานั้น คำนวนค่า Safety Factor เมื่อเปิดระบบ EGR ใช้งานอยู่ ดังนั้นการได้พลังงานที่มากขึ้นจากการอุด EGR ก็เป็นเหมือนการลด Safety Factor ของเครื่องให้ลดลง
ดังนั้นการอุดหรือไม่อุด EGR นั้นขอให้คิดใน 2 ด้าน
ด้านหนึ่งนั้น การอุดทำให้ได้พลังงานที่มากขึ้น ท่อร่วมไอดีสะอาดมากขึ้น การดูแลรักษาในส่วนของ EGR ลดลง และไม่ต้องมาล้างท่อไอดีให้เสียเงินเสียทอง
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ขอให้คำนึงไว้เสมอว่าการอุด EGR ทำให้ safety factor ของเครื่องยนต์ลดลง อะไหล่ส่วนอื่นๆที่ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับพลังงานและความร้อนสูงจากการอุด EGR อาจมีการเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นการดูแลรักษาอาจจะต้องทำมากกว่าปกติ เพื่อให้เครื่องยนต์มีอายุยาวนาน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมักจะเกิดจากผู้ใช้ไม่เข้าใจผลกระทบของการอุด EGR อย่างคบถ้วน อุดแล้ว แต่การบำรุงรักษาทำแค่ตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด (เขากำหนดตามการคำนวนว่าผู้ใช้ไม่อุด EGR) หรือบางที่แย่กว่านั้นคือไม่บำรุงรักษาตามที่กำหนดด้วย เมื่อมีอะไหล่บางส่วนพังเสียหาย ก็โทษว่ารถไม่ดี ผลิตไม่ดี แค่นั้น
นี่คือสิ่งที่ฟังพรายกระซิบมา
:L4399: :L4399:
ส่วนตัวผมนั้น อุด EGR ไปตอนประมาณไม่กี่พันกิโลเมตร และทำการบำรุงรักษามากกว่าปกติตามที่บริษัทกำหนด อะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลา ผมจะเปลี่ยนก่อนกำหนด รวมถึงของเหลวต่างๆนั้นผมก็จะเปลี่ยนก่อนกำหนดเสมอ เพื่อชดเชย Safety Factor ของเครื่องที่ลดลงด้วย
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ :L2758:
มันช่างต่างจากยุคแรกๆที่โต้เถียงกันด้วยข้อมูลผิวๆ รักสิ่งแวดล้อมจริงคงต้องถอยจักรยานแทนการถอยรถยนต์แล้วมัง :L2754:
-
ผมก็ได้อุดมาตอนงานมิตติ้ง ซิ่งสายฟ้า ที่ IFRIT วันนี้ว่าจะอุดเพิ่มครับที่พี่ป๊อปส่งมาให้ รวมล้างท่อรวมไอดีด้วยครับ :L2901:
-
ยิ่งอ่าน ยิ่งติดตาม ยิ่งได้ความรู้เพิ่มเติม ขอบคุณพี่ตาม และพรายกระซิบคับ
ดีใจที่ได้เข้ามาเป็นส่วนเล็กๆ ของบ้านหลังนี้ ^__^
จากที่ไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจในระบบเครื่องยนต์
เริ่มเรียกชื่อได้บ้าง ค่อยๆ อ่าน ถาม ประสบการณ์ จากพี่ๆ
เข้าใจมากขึ้น และจะติดตามไปเรื่อยๆ อบอุ่น จริงๆ คับ
-
มาเพิ่มเติมข้อมูลต่อจากข้อมูลของพ่อมดซักนิดนึง ... อย่าถามว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ... บอกไม่ได้ เอาเป็นว่ามีพรายกระซิบมา
การนำ EGR เข้ามาใช้งานในเครื่องยนต์ มักถูกอ้างว่าเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการนำเอาไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่อีกครั้ง เพื่อเผาไหม้ไอน้ำมันที่อยู่ในไอเสียให้หมด นัยว่าช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในแง่ของลดไอน้ำมันที่ออกไปกับไอเสีย และช่วยประหยัดน้ำมัน เพราะเอาไอน้ำมันในไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่
ประเด็นมันอยู่ที่ แล้วทำไมเครื่องยนต์ไม่เผาน้ำมันให้หมดไปในครั้งเดียว หรือก็คือการทำให้เกิดการสันดาบที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อไม่ให้ไอน้ำมันเหลือออกมาเลยตั้งแต่ต้น สามารถทำได้หรือไม่ ... คำตอบคือ ทำได้ เทคโนโลยีสมัยนี้ขนาดเอาน้ำมาเติมให้รถยังวิ่งได้ ถ้าคนซื้อไม่กลัวระเบิดไฮโดรเจน (เป็นเทคโนโลยีการแยกธาตุของน้ำคือ H2O โดยแยกเอา ไฮโดนเจนออกมาเป็นเชื้อเพลิง และ อ๊อกซิเจนเป็นตัวช่วยให้เกิดการสันดาปสมบูรณ์) แล้วทำไมกะอีแค่ทำให้เผาไหม้น้ำมันให้หมดจะทำไม่ได้ การสันดาปที่สมบูรณ์จะมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเยอะ และเป็นการใช้พลังงานที่คุ้มค่ามากกว่ามาก โดยหลักการบริษัทผลิตรถก็รู้ เทคโนโลยีก็มี แต่จะทำหรือไม่นั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง
การสร้างเครื่องยนต์ที่สันดาปได้สมบูรณ์จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีความทนทานสูง เพราะการสันดาปที่สมบูรณ์ทำให้เกิดพลังงานและความร้อนที่สูงกว่า วัสดุต่างๆที่ใช้ผลิตเครื่องยนต์ย่อมต้องมีคุณภาพและความทนทานอย่างมาก รวมถึงระบบระบายความร้อนที่จะต้องเพิ่มขึ้นไปอีกเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถระบายความร้อนได้ทัน ซึ่งนั่นหมายความว่าต้นทุนการผลิตที่จะต้องเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ซื้อเองก็อาจจะไม่พร้อมที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้น
ดังนั้นการผลิตเครื่องยนต์ให้สันดาปได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ต้องถึงขนาดสมบูรณ์ แต่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงมาเพื่อให้สามารถขายได้ในระดับราคาที่ผู้ซื้อพอใจจึงกลายเป็นทางเลือกที่ Happy กันทุกฝ่าย การนำไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่ โดยผ่าน EGR นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะปริมาณอากาศดีน้อยลง อ๊อกซิเจนลดลง การเผาไหม้ก็ไม่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้พลังงานและความร้อนที่เกิดขึ้นลดลงตามไปด้วย ดังนั้นหากนำระบบ EGR เข้ามาใช้ เครื่องยนต์ที่ผลิตขึ้นมาก็สามารถลดความทนทานลงได้บ้าง รวมถึงระบบระบายความร้อนก็สามารถลดลงตามไปด้วย เป็นส่วนหนึ่งช่วยในการลดต้นทุนการผลิตที่ลดลง ดังนั้นการนำระบบ EGR เข้ามาใช้จึงทำให้สามารถผลิตเครื่องยนต์ได้ในต้นทุนที่ต่ำลง แต่ก็ต้องแลกกับความทนทานที่ลดลงตามไปด้วย แต่ยังมีความทนทานในระดับที่รองรับการใช้งานได้อย่างปกติ ตราบเท่าที่ระบบ EGR ยังใช้งานอยู่
ดังนั้นการอุด EGR ซึ่งทำให้ไอเสียไม่สามารถกลับเข้ามาในระบบเผาไหม้นั้นจึงเป็นการทำให้ได้พลังงานจากการเผาไหม้ที่มากกว่า และสิ่งที่ตามมาคือระดับความร้อนที่เกิดขึ้นสูงตามไปด้วย แต่อย่าลืมว่าเครื่องยนต์ที่ผลิตมานั้น คำนวนค่า Safety Factor เมื่อเปิดระบบ EGR ใช้งานอยู่ ดังนั้นการได้พลังงานที่มากขึ้นจากการอุด EGR ก็เป็นเหมือนการลด Safety Factor ของเครื่องให้ลดลง
ดังนั้นการอุดหรือไม่อุด EGR นั้นขอให้คิดใน 2 ด้าน
ด้านหนึ่งนั้น การอุดทำให้ได้พลังงานที่มากขึ้น ท่อร่วมไอดีสะอาดมากขึ้น การดูแลรักษาในส่วนของ EGR ลดลง และไม่ต้องมาล้างท่อไอดีให้เสียเงินเสียทอง
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ขอให้คำนึงไว้เสมอว่าการอุด EGR ทำให้ safety factor ของเครื่องยนต์ลดลง อะไหล่ส่วนอื่นๆที่ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับพลังงานและความร้อนสูงจากการอุด EGR อาจมีการเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นการดูแลรักษาอาจจะต้องทำมากกว่าปกติ เพื่อให้เครื่องยนต์มีอายุยาวนาน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมักจะเกิดจากผู้ใช้ไม่เข้าใจผลกระทบของการอุด EGR อย่างคบถ้วน อุดแล้ว แต่การบำรุงรักษาทำแค่ตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด (เขากำหนดตามการคำนวนว่าผู้ใช้ไม่อุด EGR) หรือบางที่แย่กว่านั้นคือไม่บำรุงรักษาตามที่กำหนดด้วย เมื่อมีอะไหล่บางส่วนพังเสียหาย ก็โทษว่ารถไม่ดี ผลิตไม่ดี แค่นั้น
นี่คือสิ่งที่ฟังพรายกระซิบมา
:L4399: :L4399:
ส่วนตัวผมนั้น อุด EGR ไปตอนประมาณไม่กี่พันกิโลเมตร และทำการบำรุงรักษามากกว่าปกติตามที่บริษัทกำหนด อะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลา ผมจะเปลี่ยนก่อนกำหนด รวมถึงของเหลวต่างๆนั้นผมก็จะเปลี่ยนก่อนกำหนดเสมอ เพื่อชดเชย Safety Factor ของเครื่องที่ลดลงด้วย
ขอบคุณความรู้มากๆๆครับพี่พี่ปามาเนีย. :sd23:
-
อุดไปเรียบร้อย คันเร่ง ดันราง ปิ่นโต ข้าวน้อย ก็จัดมันให้หมด และกำลังจะตามมาด้วยหัวฉีด
ไม่ทราบว่าต้องบำรุงรักษาอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษบ้างครับ
เพียงเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก่อนระยะ 10,000 กม. ครั้งแรกเมื่อได้ 9,000 กม.ต้นๆ ครั้งที่ 2 ก็เปลี่ยนเมื่อ 18,000 กม.กว่าๆ (ปกติต้อง 20,000กม.) และครั้งที่2ก็เป็นแบบสังเคราะห์พิเศษครับ
เมื่อลงมือแต่ง ก็ย่อมต้องการจะทำให้สมบูรณ์ เพื่อรถที่เรารักมีมาตรฐานสูงขึ้นและอยู่ด้วยกันไปนานๆ
การได้ความรู้จากพี่ๆ เช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ปรารถนาที่สุด
มองที่ดีที่สุดต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้าชอบความประหยัดก็คงไม่ต้องทำอะไรแต่ทีแรก ใช้เดิมๆ ไปนั่นแหล่ะ
ขอบคุณครับ :sd23: :sd23: :sd23:
-
:L4365: :L4365: :L4365: :L2901:
-
อุดไปเรียบร้อย คันเร่ง ดันราง ปิ่นโต ข้าวน้อย ก็จัดมันให้หมด และกำลังจะตามมาด้วยหัวฉีด
ไม่ทราบว่าต้องบำรุงรักษาอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษบ้างครับ
เพียงเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก่อนระยะ 10,000 กม. ครั้งแรกเมื่อได้ 9,000 กม.ต้นๆ ครั้งที่ 2 ก็เปลี่ยนเมื่อ 18,000 กม.กว่าๆ (ปกติต้อง 20,000กม.) และครั้งที่2ก็เป็นแบบสังเคราะห์พิเศษครับ
เมื่อลงมือแต่ง ก็ย่อมต้องการจะทำให้สมบูรณ์ เพื่อรถที่เรารักมีมาตรฐานสูงขึ้นและอยู่ด้วยกันไปนานๆ
การได้ความรู้จากพี่ๆ เช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ปรารถนาที่สุด
มองที่ดีที่สุดต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้าชอบความประหยัดก็คงไม่ต้องทำอะไรแต่ทีแรก ใช้เดิมๆ ไปนั่นแหล่ะ
ขอบคุณครับ :sd23: :sd23: :sd23:
รายการของผมเวลาบำรุงรักษานะครับ ลองดูเป็นตัวอย่าง แต่ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ ขนาดผมนี่ช่างศูนย์เขาเรียกว่า "บ้า"
น้ำมันเครื่อง ทุก 10000 กม. (เปลี่ยนก่อนครบทุกหมื่นนิดหน่อย) ใช้สังเคราะห์แท้ เท่านั้น กึ่งสังเคราะห์ไม่เคยแตะ
กรองน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุกครั้งพร้อมน้ำมันเครื่อง
ไส้กรองอากาศ ปกติเขาเปลี่ยนทุก 20000 กม. ผมเปลี่ยนทุก 10000 กม. ไม่เคยเป่าทำความสะอาด เปลี่ยนเท่านั้น
น้ำมันเกียร์ ถ้าจำไม่ผิดจะเปลี่ยนทุก 40000 กม. ผมเปลี่ยนทุก 20000 กม. มาตั้งแต่ออกรถ
น้ำยาหม้อน้ำ ปกติเปลี่ยนทุก 40000 กม. ผมเปลี่ยนแทบจะทุก 10000 กม. แต่ไม่เคยเลย 20000 กม. จะเปลี่ยนครั้งนึง
กรองดีเซล อันนี้จัดไปทุก 10000 กม. น้ำมันบ้านเราคุณภาพแย่ ที่ว่าแน่ๆ แพงๆ แรงๆ ก็สกปรกถ้าไปเจอน้ำมันก้นถัง
น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ น้ำมันเฟืองท้าย เปลี่ยนก่อนกำหนด 10000 กม.
และยังมีรายการอะไหล่อื่นๆ ที่พอเริ่มมีอาการ ผมจะเปลี่่ยนทันที
วาล์วน้ำ ใช้รถมา 90000 กม. เปลี่ยนไปแล้ว 2 ตัว ตัวแรกเสีย วาล์วน้ำยัน เปิดไม่สุด ตัวที่สองเหมือนจะเริ่มมีอาการ เลยเปลี่ยนไปเลย
พัดลมฟรีปั๊ม มีอาการเหมือนมันจะฟรีมากเกิน ครั้งแรกใช้วิธีเติมน้ำยา ช่างเอาน้ำยาโตโยต้ามาเติม (ของมิตซูไม่มีขาย) เติมแล้วไม่ดี เสียงดัง ต้องไปเอาน้ำยาออก พอเอาออกแล้วก็ฟรีเกิน เลยไม่แก้ละ จัดการเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดเลย ใบพัดก็เปลี่ยน
สายพานไทม์มิ่ง ปกติเปลี่ยนที่แสนโล ผมเพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อวานที่หลักไมล์ 92000 โล
ในการเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง ปกติจะมีสเปเซอร์อยู่ 2-3 ตัวที่ช่างส่วนใหญ่จะไม่เปลี่ยนให้ แต่จะเอาของเดิมใช้ต่อ ผมจัดการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด (เรื่องนี้รอรายละเอียดในกระทู้ใหม่นะครับ เดี๋ยวหนูขาวจะมาเปิดกระทู้เข้าห้องทดลองอันใหม่ตอน "การเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง กำลังเรียบเรียงข้อมูลอยู่ครับ)
ปั๊มน้ำ ปกติช่างจะแนะนำว่าไม่ต้องเปลี่ยน ให้ไปเปลี่ยนที่ 200000โล แต่ตอนเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง ไหนๆก็รื้อมาแล้วเลยจัดมาเปลี่ยนไปซะเลย
SCV จริงๆไม่ต้องเปลี่ยน และของผมยังไม่เสีย แต่สั่งอะไหล่ไปแล้ว รอของอยู่ ได้ของมาเมื่อไหร่ก็เปลี่ยน
ล่าสุดสั่งอะไหล่ซีลวาล์ว (ที่อยู่ด้านบนของเครื่อง) ทั้งชุด รออะไหล่เช่นกัน มาเมื่อไหร่จับเปลี่ยนให้หมดพร้อมล้างท่อไอดี
ประมาณนี้ครับเท่าที่นึกออก .... เปลี่ยนจนช่างบอกว่า "บ้า" ไปแล้วครับ :sd42: :sd42: :sd42:
ไม่ต้องเปลี่ยนขนาดนี้นะครับ ... สำหรับเครื่องที่ให้พลังงานหรือกำลังมาก รวมถึงความร้อนที่สูง สิ่งที่ควรเปลี่ยนบ่อยกว่าที่กำหนดคือพวกของเหลวต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันเครื่องกับน้ำมันเกียร์ 2 อย่างนี้สำคัญมาก และได้รับผลกระทบจากเครื่องที่มีกำลังสูงและความร้อนสูงอย่างมาก ส่วนอะไหล่อื่นๆที่ต้องระวังคือพวกซีลต่างๆครับ รถกำลังสูงความร้อนมากพวกซีลต่างๆจะไปเร็วกว่าเวลาอันควร ซีลบางอย่างมีในรายการต้องเปลี่ยนก็ควรเปลี่ยนก่อนเวลา ส่วนซีลบางรายการไม่มีในรายการเปลี่ยน (คือรอเสียแล้วเปลี่ยน) อันนี้ต้องคอยดู คอยสังเกตุ หากเห็นมีรอยรั่วซึมเพียงเล็กน้อยก็ควรเปลี่ยนไปเลยครับ
:sd23: :sd23:
-
มาเพิ่มเติมข้อมูลต่อจากข้อมูลของพ่อมดซักนิดนึง ... อย่าถามว่าเอาข้อมูลมาจากไหน ... บอกไม่ได้ เอาเป็นว่ามีพรายกระซิบมา
การนำ EGR เข้ามาใช้งานในเครื่องยนต์ มักถูกอ้างว่าเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นการนำเอาไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่อีกครั้ง เพื่อเผาไหม้ไอน้ำมันที่อยู่ในไอเสียให้หมด นัยว่าช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในแง่ของลดไอน้ำมันที่ออกไปกับไอเสีย และช่วยประหยัดน้ำมัน เพราะเอาไอน้ำมันในไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่
ประเด็นมันอยู่ที่ แล้วทำไมเครื่องยนต์ไม่เผาน้ำมันให้หมดไปในครั้งเดียว หรือก็คือการทำให้เกิดการสันดาบที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อไม่ให้ไอน้ำมันเหลือออกมาเลยตั้งแต่ต้น สามารถทำได้หรือไม่ ... คำตอบคือ ทำได้ เทคโนโลยีสมัยนี้ขนาดเอาน้ำมาเติมให้รถยังวิ่งได้ ถ้าคนซื้อไม่กลัวระเบิดไฮโดรเจน (เป็นเทคโนโลยีการแยกธาตุของน้ำคือ H2O โดยแยกเอา ไฮโดนเจนออกมาเป็นเชื้อเพลิง และ อ๊อกซิเจนเป็นตัวช่วยให้เกิดการสันดาปสมบูรณ์) แล้วทำไมกะอีแค่ทำให้เผาไหม้น้ำมันให้หมดจะทำไม่ได้ การสันดาปที่สมบูรณ์จะมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าเยอะ และเป็นการใช้พลังงานที่คุ้มค่ามากกว่ามาก โดยหลักการบริษัทผลิตรถก็รู้ เทคโนโลยีก็มี แต่จะทำหรือไม่นั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง
การสร้างเครื่องยนต์ที่สันดาปได้สมบูรณ์จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีความทนทานสูง เพราะการสันดาปที่สมบูรณ์ทำให้เกิดพลังงานและความร้อนที่สูงกว่า วัสดุต่างๆที่ใช้ผลิตเครื่องยนต์ย่อมต้องมีคุณภาพและความทนทานอย่างมาก รวมถึงระบบระบายความร้อนที่จะต้องเพิ่มขึ้นไปอีกเพื่อให้เครื่องยนต์สามารถระบายความร้อนได้ทัน ซึ่งนั่นหมายความว่าต้นทุนการผลิตที่จะต้องเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ซื้อเองก็อาจจะไม่พร้อมที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้น
ดังนั้นการผลิตเครื่องยนต์ให้สันดาปได้ดีในระดับหนึ่ง ไม่ต้องถึงขนาดสมบูรณ์ แต่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงมาเพื่อให้สามารถขายได้ในระดับราคาที่ผู้ซื้อพอใจจึงกลายเป็นทางเลือกที่ Happy กันทุกฝ่าย การนำไอเสียกลับมาเผาไหม้ใหม่ โดยผ่าน EGR นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะปริมาณอากาศดีน้อยลง อ๊อกซิเจนลดลง การเผาไหม้ก็ไม่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้พลังงานและความร้อนที่เกิดขึ้นลดลงตามไปด้วย ดังนั้นหากนำระบบ EGR เข้ามาใช้ เครื่องยนต์ที่ผลิตขึ้นมาก็สามารถลดความทนทานลงได้บ้าง รวมถึงระบบระบายความร้อนก็สามารถลดลงตามไปด้วย เป็นส่วนหนึ่งช่วยในการลดต้นทุนการผลิตที่ลดลง ดังนั้นการนำระบบ EGR เข้ามาใช้จึงทำให้สามารถผลิตเครื่องยนต์ได้ในต้นทุนที่ต่ำลง แต่ก็ต้องแลกกับความทนทานที่ลดลงตามไปด้วย แต่ยังมีความทนทานในระดับที่รองรับการใช้งานได้อย่างปกติ ตราบเท่าที่ระบบ EGR ยังใช้งานอยู่
ดังนั้นการอุด EGR ซึ่งทำให้ไอเสียไม่สามารถกลับเข้ามาในระบบเผาไหม้นั้นจึงเป็นการทำให้ได้พลังงานจากการเผาไหม้ที่มากกว่า และสิ่งที่ตามมาคือระดับความร้อนที่เกิดขึ้นสูงตามไปด้วย แต่อย่าลืมว่าเครื่องยนต์ที่ผลิตมานั้น คำนวนค่า Safety Factor เมื่อเปิดระบบ EGR ใช้งานอยู่ ดังนั้นการได้พลังงานที่มากขึ้นจากการอุด EGR ก็เป็นเหมือนการลด Safety Factor ของเครื่องให้ลดลง
ดังนั้นการอุดหรือไม่อุด EGR นั้นขอให้คิดใน 2 ด้าน
ด้านหนึ่งนั้น การอุดทำให้ได้พลังงานที่มากขึ้น ท่อร่วมไอดีสะอาดมากขึ้น การดูแลรักษาในส่วนของ EGR ลดลง และไม่ต้องมาล้างท่อไอดีให้เสียเงินเสียทอง
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ขอให้คำนึงไว้เสมอว่าการอุด EGR ทำให้ safety factor ของเครื่องยนต์ลดลง อะไหล่ส่วนอื่นๆที่ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับพลังงานและความร้อนสูงจากการอุด EGR อาจมีการเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นการดูแลรักษาอาจจะต้องทำมากกว่าปกติ เพื่อให้เครื่องยนต์มีอายุยาวนาน
ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมักจะเกิดจากผู้ใช้ไม่เข้าใจผลกระทบของการอุด EGR อย่างคบถ้วน อุดแล้ว แต่การบำรุงรักษาทำแค่ตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนด (เขากำหนดตามการคำนวนว่าผู้ใช้ไม่อุด EGR) หรือบางที่แย่กว่านั้นคือไม่บำรุงรักษาตามที่กำหนดด้วย เมื่อมีอะไหล่บางส่วนพังเสียหาย ก็โทษว่ารถไม่ดี ผลิตไม่ดี แค่นั้น
นี่คือสิ่งที่ฟังพรายกระซิบมา
:L4399: :L4399:
ส่วนตัวผมนั้น อุด EGR ไปตอนประมาณไม่กี่พันกิโลเมตร และทำการบำรุงรักษามากกว่าปกติตามที่บริษัทกำหนด อะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนตามระยะเวลา ผมจะเปลี่ยนก่อนกำหนด รวมถึงของเหลวต่างๆนั้นผมก็จะเปลี่ยนก่อนกำหนดเสมอ เพื่อชดเชย Safety Factor ของเครื่องที่ลดลงด้วย
ขอบคุณพี่ตูมตาม ครับผมขุดขึ้นมานิดเดียว แต่ได้ความรู้ขึ้นมาอีกมากเลยครับ :L6428: :L6428: :L6428:
-
รายการของผมเวลาบำรุงรักษานะครับ ลองดูเป็นตัวอย่าง แต่ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ ขนาดผมนี่ช่างศูนย์เขาเรียกว่า "บ้า"
น้ำมันเครื่อง ทุก 10000 กม. (เปลี่ยนก่อนครบทุกหมื่นนิดหน่อย) ใช้สังเคราะห์แท้ เท่านั้น กึ่งสังเคราะห์ไม่เคยแตะ
กรองน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนทุกครั้งพร้อมน้ำมันเครื่อง
ไส้กรองอากาศ ปกติเขาเปลี่ยนทุก 20000 กม. ผมเปลี่ยนทุก 10000 กม. ไม่เคยเป่าทำความสะอาด เปลี่ยนเท่านั้น
น้ำมันเกียร์ ถ้าจำไม่ผิดจะเปลี่ยนทุก 40000 กม. ผมเปลี่ยนทุก 20000 กม. มาตั้งแต่ออกรถ
น้ำยาหม้อน้ำ ปกติเปลี่ยนทุก 40000 กม. ผมเปลี่ยนแทบจะทุก 10000 กม. แต่ไม่เคยเลย 20000 กม. จะเปลี่ยนครั้งนึง
กรองดีเซล อันนี้จัดไปทุก 10000 กม. น้ำมันบ้านเราคุณภาพแย่ ที่ว่าแน่ๆ แพงๆ แรงๆ ก็สกปรกถ้าไปเจอน้ำมันก้นถัง
น้ำมันเบรก น้ำมันพาวเวอร์ น้ำมันเฟืองท้าย เปลี่ยนก่อนกำหนด 10000 กม.
และยังมีรายการอะไหล่อื่นๆ ที่พอเริ่มมีอาการ ผมจะเปลี่่ยนทันที
วาล์วน้ำ ใช้รถมา 90000 กม. เปลี่ยนไปแล้ว 2 ตัว ตัวแรกเสีย วาล์วน้ำยัน เปิดไม่สุด ตัวที่สองเหมือนจะเริ่มมีอาการ เลยเปลี่ยนไปเลย
พัดลมฟรีปั๊ม มีอาการเหมือนมันจะฟรีมากเกิน ครั้งแรกใช้วิธีเติมน้ำยา ช่างเอาน้ำยาโตโยต้ามาเติม (ของมิตซูไม่มีขาย) เติมแล้วไม่ดี เสียงดัง ต้องไปเอาน้ำยาออก พอเอาออกแล้วก็ฟรีเกิน เลยไม่แก้ละ จัดการเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดเลย ใบพัดก็เปลี่ยน
สายพานไทม์มิ่ง ปกติเปลี่ยนที่แสนโล ผมเพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อวานที่หลักไมล์ 92000 โล
ในการเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง ปกติจะมีสเปเซอร์อยู่ 2-3 ตัวที่ช่างส่วนใหญ่จะไม่เปลี่ยนให้ แต่จะเอาของเดิมใช้ต่อ ผมจัดการเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด (เรื่องนี้รอรายละเอียดในกระทู้ใหม่นะครับ เดี๋ยวหนูขาวจะมาเปิดกระทู้เข้าห้องทดลองอันใหม่ตอน "การเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง กำลังเรียบเรียงข้อมูลอยู่ครับ)
ปั๊มน้ำ ปกติช่างจะแนะนำว่าไม่ต้องเปลี่ยน ให้ไปเปลี่ยนที่ 200000โล แต่ตอนเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง ไหนๆก็รื้อมาแล้วเลยจัดมาเปลี่ยนไปซะเลย
SCV จริงๆไม่ต้องเปลี่ยน และของผมยังไม่เสีย แต่สั่งอะไหล่ไปแล้ว รอของอยู่ ได้ของมาเมื่อไหร่ก็เปลี่ยน
ล่าสุดสั่งอะไหล่ซีลวาล์ว (ที่อยู่ด้านบนของเครื่อง) ทั้งชุด รออะไหล่เช่นกัน มาเมื่อไหร่จับเปลี่ยนให้หมดพร้อมล้างท่อไอดี
ประมาณนี้ครับเท่าที่นึกออก .... เปลี่ยนจนช่างบอกว่า "บ้า" ไปแล้วครับ :sd42: :sd42: :sd42:
ไม่ต้องเปลี่ยนขนาดนี้นะครับ ... สำหรับเครื่องที่ให้พลังงานหรือกำลังมาก รวมถึงความร้อนที่สูง สิ่งที่ควรเปลี่ยนบ่อยกว่าที่กำหนดคือพวกของเหลวต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันเครื่องกับน้ำมันเกียร์ 2 อย่างนี้สำคัญมาก และได้รับผลกระทบจากเครื่องที่มีกำลังสูงและความร้อนสูงอย่างมาก ส่วนอะไหล่อื่นๆที่ต้องระวังคือพวกซีลต่างๆครับ รถกำลังสูงความร้อนมากพวกซีลต่างๆจะไปเร็วกว่าเวลาอันควร ซีลบางอย่างมีในรายการต้องเปลี่ยนก็ควรเปลี่ยนก่อนเวลา ส่วนซีลบางรายการไม่มีในรายการเปลี่ยน (คือรอเสียแล้วเปลี่ยน) อันนี้ต้องคอยดู คอยสังเกตุ หากเห็นมีรอยรั่วซึมเพียงเล็กน้อยก็ควรเปลี่ยนไปเลยครับ
:sd23: :sd23:
พี่ตูมตามครับ ดูแล้วค่าบำรุงรักษาขอพี่นี่ถ้าจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับ :L6415: :L6415: :L6415:
-
อุดไปเรียบร้อย คันเร่ง ดันราง ปิ่นโต ข้าวน้อย ก็จัดมันให้หมด และกำลังจะตามมาด้วยหัวฉีด
ไม่ทราบว่าต้องบำรุงรักษาอะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษบ้างครับ
เพียงเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก่อนระยะ 10,000 กม. ครั้งแรกเมื่อได้ 9,000 กม.ต้นๆ ครั้งที่ 2 ก็เปลี่ยนเมื่อ 18,000 กม.กว่าๆ (ปกติต้อง 20,000กม.) และครั้งที่2ก็เป็นแบบสังเคราะห์พิเศษครับ
เมื่อลงมือแต่ง ก็ย่อมต้องการจะทำให้สมบูรณ์ เพื่อรถที่เรารักมีมาตรฐานสูงขึ้นและอยู่ด้วยกันไปนานๆ
การได้ความรู้จากพี่ๆ เช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ปรารถนาที่สุด
มองที่ดีที่สุดต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้าชอบความประหยัดก็คงไม่ต้องทำอะไรแต่ทีแรก ใช้เดิมๆ ไปนั่นแหล่ะ
ขอบคุณครับ :sd23: :sd23: :sd23:
เอาแบบพิเศษเพิ่มลูกชิ้นก็พอครับ ผมก็ไม่ได้อะไรมากกว่าเช็คตามระยะ แต่ที่แนะนำหลังมีการเปลี่ยนหัวฉีดแล้วดังนี้
1. น้ำมันเครื่องสังเคาระห์ (ตัวที่ผมได้รับคำแนะนชี้แนะมาคือ คาสตรอล เอจ ไทเทเนี่ยม ชุด 6+1 ลิตร ราคา 1940 บาท) ทุกระยะ 10,000 โล
2. น้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าเลือกได้ก็เชลล์ฟิวเซฟ ประมาณ 1-2 เดือนก็ผสม V-Power สัก 1000-1500 บาท ( เมื่อจะเดินทางและมีจังหวะอัดทำความเร็วยืนพื้นต่อเนื่อง)
3. กรองโซล่า อันนี้จำเป็นอย่างน้อยก็ 1 ชุดต่อ 20,000 โล ประมาณถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งเว้นครั้ง หรือเปลี่ยนทุกครั้งที่ 10000 โล ตัวละ 350 บาท
(หากเปลี่ยนช้ากับรถที่ติดกล่องและมีการดัดแปลงให้จ่ายน้ำมันแรงดันสูงเร็วๆ เมื่อมันตันมักจะมีปัญหาเครื่องไม่เรียบที่ความเร็วมากกว่า 120 kmh จะเหมือนรถโดนลมดึง กดก็ไม่ค่อยไปวูบๆ แต่หากกดเรื่อยๆสามารถวิ่งได้)
4. ติด SMG แล้วเปิด mode monitor engine temp หากตอนเช้าเมื่อนำรถมาใช้ เครื่อง 2500 cc หาก temp ยังไม่ถึง 88 องศาC อย่าเพิ่งเร่งเครื่องยนต์มากนัก ระบบเครื่อง ระบบเกียร์จะยังไม่พร้อมทำงาน(เครื่อง 3200 ต้องได้ 82 ก่อน จังหวะเปลี่ยนเกียร์จะยังไม่ปกติ แต่ไม่ต้องถึงกับจอด wram เครื่อง ให้ขับได้เลยหลัง start แต่ขับไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเค้นคันเร่ง )
5. เวลาจะดับเครื่อง ควรจะดับเมื่อ Engine Temp ลงมาเหลือ 88 (2500cc)หรือ 82-88 (3200cc) ในทุกครั้งที่ใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องติด turbo timer ให้เปลืองน้ำมัน
แค่นี้พอครับ (สำหรับรถติดกล่องจะเอาไปใช้ก็ได้นะครับ ข้อ 2-3-4-5 จำเป็นเลย ) ส่วนข้อ 1 ยังไม่ต้อง
-
:L2900: ขอบคุณครับพี่นะ :sd23: :sd23: :sd23:
ขอก๊อป พิมพ์ตัวโตๆ ไว้ดูในรถเลยครับ :L2897:
-
:L2900: ขอบคุณครับพี่นะ :sd23: :sd23: :sd23:
ขอก๊อป พิมพ์ตัวโตๆ ไว้ดูในรถเลยครับ :L2897:
ระวังบังหน้ากระจกรถนะครับ อันตราย :sd42:
-
ระวังบังหน้ากระจกรถนะครับ อันตราย :sd42:
เอาไว้บังเวลาติดไฟแดงก็ดีนะครับ กันโดนแอบส่อง :sd42: :L2905:
-
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ ครับ :sd23:
-
เอาแบบพิเศษเพิ่มลูกชิ้นก็พอครับ ผมก็ไม่ได้อะไรมากกว่าเช็คตามระยะ แต่ที่แนะนำหลังมีการเปลี่ยนหัวฉีดแล้วดังนี้
1. น้ำมันเครื่องสังเคาระห์ (ตัวที่ผมได้รับคำแนะนชี้แนะมาคือ คาสตรอล เอจ ไทเทเนี่ยม ชุด 6+1 ลิตร ราคา 1940 บาท) ทุกระยะ 10,000 โล
2. น้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าเลือกได้ก็เชลล์ฟิวเซฟ ประมาณ 1-2 เดือนก็ผสม V-Power สัก 1000-1500 บาท ( เมื่อจะเดินทางและมีจังหวะอัดทำความเร็วยืนพื้นต่อเนื่อง)
3. กรองโซล่า อันนี้จำเป็นอย่างน้อยก็ 1 ชุดต่อ 20,000 โล ประมาณถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งเว้นครั้ง หรือเปลี่ยนทุกครั้งที่ 10000 โล ตัวละ 350 บาท
(หากเปลี่ยนช้ากับรถที่ติดกล่องและมีการดัดแปลงให้จ่ายน้ำมันแรงดันสูงเร็วๆ เมื่อมันตันมักจะมีปัญหาเครื่องไม่เรียบที่ความเร็วมากกว่า 120 kmh จะเหมือนรถโดนลมดึง กดก็ไม่ค่อยไปวูบๆ แต่หากกดเรื่อยๆสามารถวิ่งได้)
4. ติด SMG แล้วเปิด mode monitor engine temp หากตอนเช้าเมื่อนำรถมาใช้ เครื่อง 2500 cc หาก temp ยังไม่ถึง 88 องศาC อย่าเพิ่งเร่งเครื่องยนต์มากนัก ระบบเครื่อง ระบบเกียร์จะยังไม่พร้อมทำงาน(เครื่อง 3200 ต้องได้ 82 ก่อน จังหวะเปลี่ยนเกียร์จะยังไม่ปกติ แต่ไม่ต้องถึงกับจอด wram เครื่อง ให้ขับได้เลยหลัง start แต่ขับไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเค้นคันเร่ง )
5. เวลาจะดับเครื่อง ควรจะดับเมื่อ Engine Temp ลงมาเหลือ 88 (2500cc)หรือ 82-88 (3200cc) ในทุกครั้งที่ใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องติด turbo timer ให้เปลืองน้ำมัน
แค่นี้พอครับ (สำหรับรถติดกล่องจะเอาไปใช้ก็ได้นะครับ ข้อ 2-3-4-5 จำเป็นเลย ) ส่วนข้อ 1 ยังไม่ต้อง
ขอบคุณครับ :sd23: น้ำมันเครื่องสงสัยต้องต่อรองกะศูนย์ขอนำไปเองดีกว่า :sd01:
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ จดๆๆ เก็บๆ บันทึก และเดินตาม :L2758:
-
เอาไว้บังเวลาติดไฟแดงก็ดีนะครับ กันโดนแอบส่อง :sd42: :L2905:
อ้าวตำรวจกลัวตำรวจด้วยกันซ่ะแล้ว 555
-
ขอบคุณครับ :sd23: น้ำมันเครื่องสงสัยต้องต่อรองกะศูนย์ขอนำไปเองดีกว่า :sd01:
เดี๋ยวนี้หลายศูนย์ก็ไม่ยอมให้นำน้ำมันเครื่องไปเองแล้วครับพี่เอ กรณีนี้ต้องเปลี่ยนเองข้างนอกก่อนเข้าศูนย์เช็คระยะเพื่อรักษาสิทธิ์ประกันตามคู่มือครับ
-
ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนครับ ความรู้ที่ไม่ต้องไปถามใครอีก
-
:sd23: :L2900:
-
เดี๋ยวนี้หลายศูนย์ก็ไม่ยอมให้นำน้ำมันเครื่องไปเองแล้วครับพี่เอ กรณีนี้ต้องเปลี่ยนเองข้างนอกก่อนเข้าศูนย์เช็คระยะเพื่อรักษาสิทธิ์ประกันตามคู่มือครับ
มันมีทริคครับ"น้ำมันเครื่่องอยู่หลังรถนะน้อง" ;D ;D
-
เอาแบบพิเศษเพิ่มลูกชิ้นก็พอครับ ผมก็ไม่ได้อะไรมากกว่าเช็คตามระยะ แต่ที่แนะนำหลังมีการเปลี่ยนหัวฉีดแล้วดังนี้
1. น้ำมันเครื่องสังเคาระห์ (ตัวที่ผมได้รับคำแนะนชี้แนะมาคือ คาสตรอล เอจ ไทเทเนี่ยม ชุด 6+1 ลิตร ราคา 1940 บาท) ทุกระยะ 10,000 โล
2. น้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าเลือกได้ก็เชลล์ฟิวเซฟ ประมาณ 1-2 เดือนก็ผสม V-Power สัก 1000-1500 บาท ( เมื่อจะเดินทางและมีจังหวะอัดทำความเร็วยืนพื้นต่อเนื่อง)
3. กรองโซล่า อันนี้จำเป็นอย่างน้อยก็ 1 ชุดต่อ 20,000 โล ประมาณถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งเว้นครั้ง หรือเปลี่ยนทุกครั้งที่ 10000 โล ตัวละ 350 บาท
(หากเปลี่ยนช้ากับรถที่ติดกล่องและมีการดัดแปลงให้จ่ายน้ำมันแรงดันสูงเร็วๆ เมื่อมันตันมักจะมีปัญหาเครื่องไม่เรียบที่ความเร็วมากกว่า 120 kmh จะเหมือนรถโดนลมดึง กดก็ไม่ค่อยไปวูบๆ แต่หากกดเรื่อยๆสามารถวิ่งได้)
4. ติด SMG แล้วเปิด mode monitor engine temp หากตอนเช้าเมื่อนำรถมาใช้ เครื่อง 2500 cc หาก temp ยังไม่ถึง 88 องศาC อย่าเพิ่งเร่งเครื่องยนต์มากนัก ระบบเครื่อง ระบบเกียร์จะยังไม่พร้อมทำงาน(เครื่อง 3200 ต้องได้ 82 ก่อน จังหวะเปลี่ยนเกียร์จะยังไม่ปกติ แต่ไม่ต้องถึงกับจอด wram เครื่อง ให้ขับได้เลยหลัง start แต่ขับไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเค้นคันเร่ง )
5. เวลาจะดับเครื่อง ควรจะดับเมื่อ Engine Temp ลงมาเหลือ 88 (2500cc)หรือ 82-88 (3200cc) ในทุกครั้งที่ใช้งาน โดยไม่จำเป็นต้องติด turbo timer ให้เปลืองน้ำมัน
แค่นี้พอครับ (สำหรับรถติดกล่องจะเอาไปใช้ก็ได้นะครับ ข้อ 2-3-4-5 จำเป็นเลย ) ส่วนข้อ 1 ยังไม่ต้อง
ขอบคุณพี่นะ อีกครั้งครับ ประหยัดไปอีกเรื่องล่ะ "No Need" :L2904: :L2888: :L2906:
-
มันมีทริคครับ"น้ำมันเครื่่องอยู่หลังรถนะน้อง" ;D ;D
ทริคหักคอใช่ไหมครับพี่อ้วน :sd42: :sd42: :sd42:
-
คราวหน้าต้องหิ้วน้ำมันเครื่องเข้าศูนย์ซะแล้ว
ขวดเล็กเหลืออยู่ เอาไปผสมกันได้ป่าวครับ
-
มันมีทริคครับ"น้ำมันเครื่่องอยู่หลังรถนะน้อง" ;D ;D
ผมก็ใช้ประมาณนี้แหละครับพี่อ้วน พอดีศูนย์ที่ผมไปใช้บริการเขายังให้เอานมค.ไปเองได้อ่ะนะ ;D ;D
คราวหน้าต้องหิ้วน้ำมันเครื่องเข้าศูนย์ซะแล้ว
ขวดเล็กเหลืออยู่ เอาไปผสมกันได้ป่าวครับ
ได้ครับพี่ตุ้ย ครั้งที่แล้วผมก็เอาขวด 1 ลิตรที่สะสมจาก 6 ครั้งไป 6 ขวดเหมือนกันครับ :L2904:
-
ผมก็ใช้ประมาณนี้แหละครับพี่อ้วน พอดีศูนย์ที่ผมไปใช้บริการเขายังให้เอานมค.ไปเองได้อ่ะนะ ;D ;D
ได้ครับพี่ตุ้ย ครั้งที่แล้วผมก็เอาขวด 1 ลิตรที่สะสมจาก 6 ครั้งไป 6 ขวดเหมือนกันครับ :L2904:
ครั้งแรก 9,xxx โล ใช้กึ่งสังเตราะห์ที่ศูนย์มิตซู
ครั้งสอง 18,xxxโล ใช้สังเคราะห์แท้ศูนย์มิตซู (ที่เหลือครั้งแรก ไม่ได้เอามาใช้)
ครั้งสาม จะใช้คลาสตรอล เอจ ไทเทเนี่ยม (ที่เหลือครั้งที่สอง มันคนละยี่ห้อ)
อย่างนี้ก็ใช้ได้หรอครับ :sd23:
-
ตอนแรกผมก็ขับรถอย่างเดียวพอมาเป็นสมาชิดบ้านปามาเนียผมอ่านจากกระทู้หลายๆกระทู้บวกกับเพื่อนที่เป็นช่างอยู่ศูนย์มิตซูด้วยแล้วผมก็ได้สั่งแผ่นอุด EGR กับพี่ป๊อปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเมื่อได้รับของผมให้เพื่อนที่เป็นช่างจัดการให้ทันที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่ามมาครับ :L2888: :L2888: :L2888:
-
ผมอุดตอน 45000 ครับ :L2906: :L2906:
-
ครั้งแรก 9,xxx โล ใช้กึ่งสังเตราะห์ที่ศูนย์มิตซู
ครั้งสอง 18,xxxโล ใช้สังเคราะห์แท้ศูนย์มิตซู (ที่เหลือครั้งแรก ไม่ได้เอามาใช้)
ครั้งสาม จะใช้คลาสตรอล เอจ ไทเทเนี่ยม (ที่เหลือครั้งที่สอง มันคนละยี่ห้อ)
อย่างนี้ก็ใช้ได้หรอครับ :sd23:
นมค.สังเคราะห์แท้ 100% ของแต่ละยี่ห้อถ้าเหลือแล้วจะใช้ผสมกันไม่ได้
เพราะแต่ล่ะยี่ห้อใช้อาจจะใช้เคมีที่ผสมแตกต่างกัน
ไม่เหมือนกึ่งฯที่ใช้ BASE LUBE เหมือนๆกัน งงใหมพี่ตุ้ย
-
นมค.สังเคราะห์แท้ 100% ของแต่ละยี่ห้อถ้าเหลือแล้วจะใช้ผสมกันไม่ได้
เพราะแต่ล่ะยี่ห้อใช้อาจจะใช้เคมีที่ผสมแตกต่างกัน
ไม่เหมือนกึ่งฯที่ใช้ BASE LUBE เหมือนๆกัน งงใหมพี่ตุ้ย
ตามพี่อ้วนบอกเลยครับพี่ตุ้ย ที่ผมเคยทำมันเป็นสังเคราะห์แท้ยี่ห้อเดียวกันทั้งหมดครับ (คาสตรอน เอจ) :L2904:
-
ตามพี่อ้วนบอกเลยครับพี่ตุ้ย ที่ผมเคยทำมันเป็นสังเคราะห์แท้ยี่ห้อเดียวกันทั้งหมดครับ (คาสตรอน เอจ) :L2904:
นมค.สังเคราะห์แท้ 100% ของแต่ละยี่ห้อถ้าเหลือแล้วจะใช้ผสมกันไม่ได้
เพราะแต่ล่ะยี่ห้อใช้อาจจะใช้เคมีที่ผสมแตกต่างกัน
ไม่เหมือนกึ่งฯที่ใช้ BASE LUBE เหมือนๆกัน งงใหมพี่ตุ้ย
ต้องลองหน่อยแล้ว คลาสตรอล เอจ :sd23:
-
ตอนแรกผมก็ขับรถอย่างเดียวพอมาเป็นสมาชิดบ้านปามาเนียผมอ่านจากกระทู้หลายๆกระทู้บวกกับเพื่อนที่เป็นช่างอยู่ศูนย์มิตซูด้วยแล้วผมก็ได้สั่งแผ่นอุด EGR กับพี่ป๊อปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเมื่อได้รับของผมให้เพื่อนที่เป็นช่างจัดการให้ทันที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่ามมาครับ :L2888: :L2888: :L2888:
พี่โอ๊ตไม่ล้างก่อนอุดเหรอครับ :L2761:
-
ยิ่งอ่านยิ่งได้รับแต่ความรู้ ขอเก็บเข้าคลังหน่อยนะครับพี่ๆ ขอบคุณครับสำหรับความรู้ที่มีมาให้ :sd23: :sd23: :L2758:
-
พี่โอ๊ตไม่ล้างก่อนอุดเหรอครับ :L2761:
หมายถึงล้สงไอดีหรือป่าวครับพี่แม็ค
-
พี่โอ๊ตไม่ล้างก่อนอุดเหรอครับ :L2761:
ส่วนอื่นๆที่ถอดมาล้างหมดครับ ไอดีพอดูแล้วเพื่อนบอกว่ายังไม่ค่อยมีเขม่าครับมีนิดหน่อยก็เลยยังไม่ได้ล้างครับบวกกับเครื่องมือช่างไม่ครบครับ
-
พี่ทูต ล้างให้ :sd23:
พี่อ้วน คนอุด :sd23:
ต่อไป ต้องมีการถอดล้าง/บำรุงรักษาอย่างไรไหมครับ :L2758:
-
นั่งอ่านจนจบ ได้ความรู้เยอะเลยครับ :L2900:
-
นั่งอ่านจนจบ ได้ความรู้เยอะเลยครับ :L2900:
เก็บข้อมูลให้หมดอิอิ :L2900:
-
พี่ทูต ล้างให้ :sd23:
พี่อ้วน คนอุด :sd23:
ต่อไป ต้องมีการถอดล้าง/บำรุงรักษาอย่างไรไหมครับ :L2758:
:L2739: :L2759:
-
พี่ทูต ล้างให้ :sd23:
พี่อ้วน คนอุด :sd23:
ต่อไป ต้องมีการถอดล้าง/บำรุงรักษาอย่างไรไหมครับ :L2758:
:L2900: เลยครับพี่ตุ้ย
-
เอารูปที่ผมอุด EGR กับล้างท่อรวมไอดีมาให้ชมครับ
ถอดออกมาเป็นแบบนี้ครับ
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131413_zpsxd1ovrzb.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131413_zpsxd1ovrzb.jpg.html)
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131426_zpslbj7kuvz.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131426_zpslbj7kuvz.jpg.html)
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131459_zpsunkf8vts.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131459_zpsunkf8vts.jpg.html)
รูปนี้ขนาดล้างออกบ้างแล้ว
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131539_zpslizk6rys.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131539_zpslizk6rys.jpg.html)
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131547_zpsbt9mlpxe.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131547_zpsbt9mlpxe.jpg.html)
อันนี้ล้างแล้ว ดูใหม่เลย
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131646_zps5i99gwhu.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131646_zps5i99gwhu.jpg.html)
ขอบอกว่ารถผมปี 2012 ขับ 2 VG Turbo วิ่ง 6x,xxxx โล สภาพก็อย่างที่เห็นครับ
-
:L2734:
:L2758: ครับพี่โต
-
รูปสุดท้ายหลังจากล้างแล้วป่าวครับ ดูสะอาดปิ้งเลย :L2900:
-
รูปสุดท้ายหลังจากล้างแล้วป่าวครับ ดูสะอาดปิ้งเลย :L2900:
ใช่ครับพี่ตุ้ย รูปก่อนล้างไม่ได้ถ่ายไว้ครับเพราะมือเลอะน้ำมันหาคนมาถ่ายรูปให้ยากครับ :sd42: :sd42: :sd42:
หลังล้างเสร็จยังกะขับรถใหม่ป้ายแดงเลยครับ :L2901: :L2901: :L2901:
-
เอารูปที่ผมอุด EGR กับล้างท่อรวมไอดีมาให้ชมครับ
ถอดออกมาเป็นแบบนี้ครับ
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131413_zpsxd1ovrzb.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131413_zpsxd1ovrzb.jpg.html)
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131426_zpslbj7kuvz.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131426_zpslbj7kuvz.jpg.html)
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131459_zpsunkf8vts.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131459_zpsunkf8vts.jpg.html)
รูปนี้ขนาดล้างออกบ้างแล้ว
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131539_zpslizk6rys.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131539_zpslizk6rys.jpg.html)
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131547_zpsbt9mlpxe.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131547_zpsbt9mlpxe.jpg.html)
อันนี้ล้างแล้ว ดูใหม่เลย
(http://i1293.photobucket.com/albums/b591/tatoto91/Mobile%20Uploads/20140815_131646_zps5i99gwhu.jpg) (http://s1293.photobucket.com/user/tatoto91/media/Mobile%20Uploads/20140815_131646_zps5i99gwhu.jpg.html)
ขอบอกว่ารถผมปี 2012 ขับ 2 VG Turbo วิ่ง 6x,xxxx โล สภาพก็อย่างที่เห็นครับ
พี่โต ใช้บริการล้างที่ไหนครับ
กำลังหาที่ล้างด้วยครับ :sd23:
-
พี่โต ใช้บริการล้างที่ไหนครับ
กำลังหาที่ล้างด้วยครับ :sd23:
ใช้บริการตัวเองครับ บังเอิญว่าวันที่ล้างนั้นมีพี่ที่ทำงานเขาจะอุด EGR ของวีโก้ด้วย และที่ทำงานมีเครื่องมือครบก็เลยจัดการกันเองครับ ล้างพร้อมอุดด้วยกันทั้งสองคันเลยครับ ถ้าผ่านมาระยองเดี๋ยวล้างให้ฟรีเลยครับ :L2901:
-
กลับมานั่งอ่านเป็นรอบที่สามแล้วครับ จนรถใกล้แสนโลแล้วตัดสินใจได้แล้วครับ ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีดีครับผม :sd23:
-
อยากอุดเหมือนกัน น่าจะทำให้ระบบไม่มีคราบเขม่ามาจับมากเหมือนในรูป
-
กลับมานั่งอ่านเป็นรอบที่สามแล้วครับ จนรถใกล้แสนโลแล้วตัดสินใจได้แล้วครับ ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีดีครับผม :sd23:
เหมือนผมเลยครับพี่โก๋ ผมเป็นสมาชิกใหม่ เพิ่งเข้ามาไม่นาน พึ่งรู้ข้อมูลดีๆ จากพี่ๆ ได้ไม่นาน ตอนนี้กำลังหาร้านทำอยู่ รถ ปี 2012 วิ่งไป 80,000 โลแล้วครับ
-
เหมือนผมเลยครับพี่โก๋ ผมเป็นสมาชิกใหม่ เพิ่งเข้ามาไม่นาน พึ่งรู้ข้อมูลดีๆ จากพี่ๆ ได้ไม่นาน ตอนนี้กำลังหาร้านทำอยู่ รถ ปี 2012 วิ่งไป 80,000 โลแล้วครับ
ก่อนอุดก็ล้างท่อร่วมไอดีก่อนนะ วิ่งตั้ง 80000 โลตันแล้วม้าง ;D ;D
ปล.ก็อุดและล้างตอนเปลี่ยนประเก็นซะทีเดียวเลย
-
อยากอุดเหมือนกัน น่าจะทำให้ระบบไม่มีคราบเขม่ามาจับมากเหมือนในรูป
ถ้าพี่เหน่งอุดเเล้วคงไม่มีให้เห็นอีกเลยคับ.
-
ก่อนอุดก็ล้างท่อร่วมไอดีก่อนนะ วิ่งตั้ง 80000 โลตันแล้วม้าง ;D ;D
ปล.ก็อุดและล้างตอนเปลี่ยนประเก็นซะทีเดียวเลย
ขอบคุณครับพี่อ้วนที่แนะนำผม ผมก็คิดไว้แบบนั้น เดี๋ยวผมจะเอารถไปซ่อมที่ 0 ผมก็คงจะทำพร้อมกันเลย แต่ผมถามพี่อ้วนแนะนำถึงความน่าจะเป็นไปได้ 2 ข้อ
1.ช่างที่ 0 จะล้างท่อร่วมไอดีให้ผมไหม ตอนเปลี่ยนประเก็น ( หรือต้องบอกช่างด้วย )
2. อุด egr ที่ 0 ช่างจะทำให้ผมไหม
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับพี่อ้วนที่แนะนำผม ผมก็คิดไว้แบบนั้น เดี๋ยวผมจะเอารถไปซ่อมที่ 0 ผมก็คงจะทำพร้อมกันเลย แต่ผมถามพี่อ้วนแนะนำถึงความน่าจะเป็นไปได้ 2 ข้อ
1.ช่างที่ 0 จะล้างท่อร่วมไอดีให้ผมไหม ตอนเปลี่ยนประเก็น ( หรือต้องบอกช่างด้วย )
2. อุด egr ที่ 0 ช่างจะทำให้ผมไหม
ขอบคุณครับ
ผมเคยสอบถามทางศูนย์เรื่องล้อท่อ + อุด EGR ทางศูนย์แจ้งว่าไม่สามารถทำได้นอกเหนือจารเช็ค/ตรวจสอบ/เปลี่ยน/ดูแลอะไหล่เครื่องยนต์ตามระยะ
แนะนำให้ทำนอกศูนย์ครับ
พี่โจลองสอบถามกับช่างของศูนย์พร้อมข้อคำแนะนำมาเปรียบเทียบดูอีกทีนะครับ.... :L2736: :L2736:
-
ผมเคยสอบถามทางศูนย์เรื่องล้อท่อ + อุด EGR ทางศูนย์แจ้งว่าไม่สามารถทำได้นอกเหนือจารเช็ค/ตรวจสอบ/เปลี่ยน/ดูแลอะไหล่เครื่องยนต์ตามระยะ
แนะนำให้ทำนอกศูนย์ครับ
พี่โจลองสอบถามกับช่างของศูนย์พร้อมข้อคำแนะนำมาเปรียบเทียบดูอีกทีนะครับ.... :L2736: :L2736:
ขอบคุณมากครับพี่่ จะเป็นข้อมูลในวันที่ผมเข้า 0
-
ผมเคยสอบถามทางศูนย์เรื่องล้อท่อ + อุด EGR ทางศูนย์แจ้งว่าไม่สามารถทำได้นอกเหนือจารเช็ค/ตรวจสอบ/เปลี่ยน/ดูแลอะไหล่เครื่องยนต์ตามระยะ
แนะนำให้ทำนอกศูนย์ครับ
พี่โจลองสอบถามกับช่างของศูนย์พร้อมข้อคำแนะนำมาเปรียบเทียบดูอีกทีนะครับ.... :L2736: :L2736:
ขออนุญาติเห็นแย้งเสี่ยซักนิด
ในข้อ 1 พี่โจสามารถให้ 0 ดำเนินการล้างท่อร่วมไอดีได้เลย และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้ เพราะโดยปกติ 0 ก็มีการบริการในส่วนนี้อยู่เหมือน ค่าบริการแต่ล่ะ 0 อยู่ที่ประมาณ 3-5 พันบาท
ข้อ2 พี่โจต้องนำแผ่นอุดไปเองครับ และบอกให้ช่างติดตั้งให้เลยครับ
-
ขออนุญาติเห็นแย้งเสี่ยซักนิด
ในข้อ 1 พี่โจสามารถให้ 0 ดำเนินการล้างท่อร่วมไอดีได้เลย และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้ เพราะโดยปกติ 0 ก็มีการบริการในส่วนนี้อยู่เหมือน ค่าบริการแต่ล่ะ 0 อยู่ที่ประมาณ 3-5 พันบาท
ข้อ2 พี่โจต้องนำแผ่นอุดไปเองครับ และบอกให้ช่างติดตั้งให้เลยครับ
ชอบคุณครับพี่อ้วน ผมจะคุยกับที่0 อย่างที่พี่แนะนำครับ วันนี้ผมได้รับโทรศัพท์จาก 0 ตอน 4 โมงเย็น ว่าอะไหล่ที่สั่งไปมาแล้วครับ ( ประเก็นท่อร่วมไอดี) เดี๋ยวผมจะไปพรุ่งนี้เลยครับ ประมาณ 10 โมงเช้า ว่าจะอุด egr และล้างท่อร่วมไอดีด้วย มีพี่แนะนำแบบนี้ผมก็มีข้อมูลไปพอสมควร ขอบคุณมากครับพี่ เดี๋ยวจะมาเรียนให้พี่ๆทราบครับ
แต่ว่าค่าล้างท่อร่วมไอดี 3 ถึง 4 พันเลยหรอครับ คืนนี้นอนไม่หลับแน่ผม
-
ผมคงตัองไปอุดแล้วล่ะครับ..เดี๋ยวนัดคิวพี่นกดีกว่า ขอบคุณข้อมูลดีๆน่ะครับ
-
ผมคงตัองไปอุดแล้วล่ะครับ..เดี๋ยวนัดคิวพี่นกดีกว่า ขอบคุณข้อมูลดีๆน่ะครับ
จัดเลยครับพี่ลีโอ ผมอุดตอน4000 โลครับ
-
:L2900: :L2900: ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ดีๆทั้งนั้นครับ ขอบคุณครับ :L2734: :L2734:
-
จัดเลยครับพี่ลีโอ ผมอุดตอน4000 โลครับ
รับทราบครัชเดี๋ยวนัดคิวพี่นก....จัดครับจัด... :L2900:
-
ไม่ได้อุดมาตั้งแต่แรกครับ แต่ตอนนี้ ควัน เริ่มดำ ตอนเร่งเครื่องแล้ว ควันออกมาเป็น ลูกๆ ครับตอน แรก ศูนย์แนะนำลง ซอฟต์แวร์ใหม่ แต่อาการหายไปรอบนึง ตอนนี้ ก็กลับมา ดำ อีกรอบแล้วว ครับ ขอบคุณ พี่ๆ มากๆครับสำหรับข้อมูล ตอนนี้ ต้องหาที่ ซื้อ หรือ อุด EGR แล้วละ
ผมเอง วีโก้ อุดแล้ววิ่งดี ไม่สะดุดเครื่องสะอาด ควันไม่ดำ ครับ
-
สวนใหญ่สมาชิกเราอุดกันที่ไหรครับขอบคุณครับ ผมอยู่แถวพระประแดงครับ
:L4387: :L6415:
-
สวนใหญ่สมาชิกเราอุดกันที่ไหรครับขอบคุณครับ ผมอยู่แถวพระประแดงครับ
:L4387: :L6415:
ส่วนใหญ่พี่ๆเค้าอุดพร้อมกับติดกล่องดันรางกันที่ร้านสาย 2 คัพ
-
ส่วนใหญ่พี่ๆเค้าอุดพร้อมกับติดกล่องดันรางกันที่ร้านสาย 2 คัพ
ร้านสาย2 อยู่แถวไหนครับ ท่าอุดอย่างเดี่ยวได้มั่ยครับผมขับไม่เร็วครับ :L4399:
-
ร้านสาย2 อยู่แถวไหนครับ ท่าอุดอย่างเดี่ยวได้มั่ยครับผมขับไม่เร็วครับ :L4399:
พี่อยู่แถวไหนคัพ เอาที่ใกล้ๆบ้านก้อได้คัพ สาย 2 ก้อร้านไอฟริต ถ.บางแวก หรือที่อ่อนนุช อู่พี่นก
หรือบาง 0 ก็รับอุดฯเหมือนกัน ลองเช็คดูก่อนคัพ
-
ไปอุดEGR มาแล้วครับ ที่อู่คุณนก :L4365: :L4373:
หลังเสร็จเบากระเป๋า รถวิ่งออกตัวดีขึ้นเยอะครับ :sd01:
(http://upic.me/i/wi/20150612_170155.jpg)(http://upic.me/i/tn/20150612_170513.jpg)(http://upic.me/i/z3/20150612_170531.jpg)(http://upic.me/i/it/20150612_164906.jpg)(http://upic.me/i/19/20150612_164952.jpg)(http://upic.me/i/m4/20150612_165104re.jpg)(http://upic.me/i/xh/20150612_165339.jpg)(http://upic.me/i/vi/20150612_174821.jpg)(http://upic.me/i/9z/20150612_174914.jpg)(http://upic.me/i/zg/20150612_175554.jpg)
-
ได้รถมาสัปดาห์แรก ก็ให้พี่นก 99 autorun จัดการอุดเรียบร้อยแล้วครับ
-
ของผมอุด EGR ด้วยสายปิดมอเตอร์ EGR ครับ ไม่ได้แผ่นอุด ซื้อรถ มาก้อใช้ปิดมอเตอร์เลย ครับบ :L2901: :L2901: :L2901: :L2901: :L2901:
-
ของผมอุด EGR ด้วยสายปิดมอเตอร์ EGR ครับ ไม่ได้แผ่นอุด ซื้อรถ มาก้อใช้ปิดมอเตอร์เลย ครับบ :L2901: :L2901: :L2901: :L2901: :L2901:
คืออะไรครับ ปิดมอเตอร์ EGR ::) รบกวนเพื่อข้อมูลหน่อยครับ
-------------------------------------------
แชร์เพิ่มเติมสำหรับเพื่อนสมาชิก
- ปกติเครื่องจะเช็ค motor egr ตลอดถ้าเสียหรือมีปัญหาจากลิ้นค้างจะมีไฟโชว์
- New Firmware ของศูนย์ที่ลงให้ จะสั่งปิด motor egr เป็น 0 เช่นกัน (คล้ายอุดเพื่อไม่ให้ไอเสียผ่าน แต่ยังแนะนำให้อุด)
- อุด 1 ชิ้นกันทางไหล แต่ท่อเลอะ
- อุดมากกว่า 1 ชิ้น ปิดกั้นทางไหลไปเลย
- ถ้าวันไหน motor เสียไฟโชว์ ไม่ต้องซื้อใหม่นะครับ ใส่ตัวต้านทานหลอกกล่องแทน motor ไปเลยครับ ประหยัดกว่าแต่แนะนำหาคุณสมบัติทนความร้อนดีๆหน่อยนะครับ
-
ของผมอุด EGR ด้วยสายปิดมอเตอร์ EGR ครับ ไม่ได้แผ่นอุด ซื้อรถ มาก้อใช้ปิดมอเตอร์เลย ครับบ :L2901: :L2901: :L2901: :L2901: :L2901:
:L2761: มันแตกต่างจากแบบใช้แผ่นอุดอย่างไร อธิบายการทำงานของสายปืดมอเตอร์EGRหน่อยครับ เผื่อเป็นข้อมูล
:L2732: :L2758:
-
:L2761: มันแตกต่างจากแบบใช้แผ่นอุดอย่างไร อธิบายการทำงานของสายปืดมอเตอร์EGRหน่อยครับ เผื่อเป็นข้อมูล
:L2732: :L2758:
คืออะไรครับ ปิดมอเตอร์ EGR ::) รบกวนเพื่อข้อมูลหน่อยครับ
-------------------------------------------
แชร์เพิ่มเติมสำหรับเพื่อนสมาชิก
- ปกติเครื่องจะเช็ค motor egr ตลอดถ้าเสียหรือมีปัญหาจากลิ้นค้างจะมีไฟโชว์
- New Firmware ของศูนย์ที่ลงให้ จะสั่งปิด motor egr เป็น 0 เช่นกัน (คล้ายอุดเพื่อไม่ให้ไอเสียผ่าน แต่ยังแนะนำให้อุด)
- อุด 1 ชิ้นกันทางไหล แต่ท่อเลอะ
- อุดมากกว่า 1 ชิ้น ปิดกั้นทางไหลไปเลย
- ถ้าวันไหน motor เสียไฟโชว์ ไม่ต้องซื้อใหม่นะครับ ใส่ตัวต้านทานหลอกกล่องแทน motor ไปเลยครับ ประหยัดกว่าแต่แนะนำหาคุณสมบัติทนความร้อนดีๆหน่อยนะครับ
มันเป้นสายที่ใช้ต่อค่อมกะแอร์โฟร์อ่ะครับ เห้นมีขายทั่วไป ครับ ราคาก้อแล้วแต่ร้าน ตามภาพเลย ครับ
(http://upic.me/i/kt/10996381_1055771831105375_5379474252329610129_n.jpg)