Pajero Sport Mania ปาเจโร่สปอร์ตมาเนีย
Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) => Pa Mania On Tour & Meetings => ข้อความที่เริ่มโดย: พี่มัติ [Foazee] ที่ 20 ตุลาคม 2013, 01:02:37
-
เนื่องด้วยวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านคือวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮาของชาวมุสลิม และปีนี้เป็นช่วงที่ตรงกับช่วงเวลาปิดเทอมของเด็กๆ ผมและครอบครัวจึงมีโอกาสกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในวันตรุษและพบปะญาติพี่น้อง (โดยปรกติก็จะกลับบ้าง แต่ต้องดูวันว่างของลูกๆ [ช่วงปิดเทอม] เป็นหลัก
แผนการเดินทาง
เดินทางไปยะลาวันจันทร์ที่ 14 และเดินทางกลับกรุงเทพฯ วันศุกร์ที่ 18 (เนื่องจากวันเสาร์-อาทิตย์เด็กๆ มีเรียนพิเศษและช่วงนี้ขาดเรียนไม่ได้ด้วย)
การเดินทางไปยะลา
เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 04:30น เป้าหมายคือต้องถึงยะลาก่อน 5 โมงเย็นเพื่อความปลอดภัย น้ำมันถังแรกเป็น diesel caltex techron เดิมอีกครั้งก็ประมาณช่วงชุมพร ระยะทางประมาณ 550 กิโลเมตร พยายามหาปั๊ม shell แต่ไม่พบเลยต้องจบที่ ปตท. และมาจบถังที่สองที่ยะลา ระยะทางก็ประมาณ 550 กิโลเมตร เช่นกัน สรุปคือ ระยะทางจาก กรุงเทพฯ ถึงยะลา 1,100 กิโลเมตร ผมใช้น้ำมันไปสองถังพอดี กับความเร็วที่ใช้ตลอดเส้นทางทางคือ 130-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีบ้างครั้งที่ไหลไปแถวๆ 160 แต่ก็ลดๆ ลงมาเพราะแกรงใจภรรยาที่นั่งข้างๆ อัตราการสิ้นเปลืองพลังงานใช้ได้เลยที่เดียว คงเป็นเพราะรถผมเป็น ปา 4WD และใช้ความเร็วค่อนข้างสูงด้วย
น้ำหนักบรรทุกไปยะลา
ผู้โดยสารร่วมผมด้วยทั้งหมด 5 ภรรยาผมนั่งหน้า คุณป้า(พี่สาวผม) นั่งกับลูกชายผมวัย 5 ขวบตรงที่นั่งแถวสอง (ต้องบอกว่าลูกชายผมนอนมากกว่า) ส่วนลูกสาวผมวัย 10 ขวบก็นอนเช่นกันตรงที่นั่งแถวสามนั้นเอง กระเป๋าเสื้อผ้า 3 ใบขนาดใหญไม่มาก พร้อมกระเป๋ากล้องและกระเป๋า notebook ที่ต้องติดตัวไปด้วย
สภาพเส้นทาง
สภาพถนนต้องบอกว่าไม่ดีนัก มีหลุม บ่อเป็นบางช่วง และบางช่วงก็กำลังซ่อมแซมถนนใหม่ต้องเบี่ยงเข้าอีกช่องทาง ขับสวนทางกันเป็นต้น แต่สภาพถนนนี้ซิกลับกี่ครั้งก็ยังคงโทรมเช่นเดิม เดิมทีขับรถเก๋งยาง 205/55R16 ต้องคอยหลบและบางช่วงก็ต้องคลานกันไปประมาณนี้ แต่รอบนี้ขับน้องปา วิ่งสบายสำหรับหลุมเล็กๆ
ความเป็นอยู่ในเมืองยะลา
ช่วงการเดินทางเมื่อเข้าเขตอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาซึ่งเป็นด่านแรกที่จะเข้าพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ก็จะพบกับด่านของทหารด่านแรก และจะพบด่านย่อยๆ รายทางบ้าง จะมาพบด่านใหญ่อีกครั้งบริเวณเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดยะลาและปัตตานีครับ และก่อนเข้าตัวเมืองยะลา
ความเป็นอยู่ของประชาชนก็คือการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป เพียงแค่ต้องระแวดระวังตัวมากขึ้น ทำธุระต่างๆ เรียบร้อยก็รีบกลับบ้านประมาณนี้ ร้านค้าต่างๆ ก็เปิดทำการปรกติแต่เพียงปิดเร็วกว่าเมื่ออดีต เวลาประมาณทุ่มนี้ร้านค้าก็จะเริ่มปิด ถนนบ้างเส้นก็จะปิดไม่ให้สรรจร
วันสำคัญ วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา
ในเช้าวันตรุษต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อร่วมพิธีละหมาด สำหรับเทศบาลนครยะลาจะจัดให้มีการละหมาดกลางแจ้งบริเวรสนามของศูนย์เยาวชนจังหวัดยะลา โดยทุกคนจะร่วมละหมาดพร้อมเพรียงกันเวลาประมาณ 07:30 น.
การเดินทางจากยะลาไปนครศรีธรรมราช
เนื่องจากแฟนผมเป็นคนนครศรีฯ และเป็นจุดพักก่อนที่จะขับกลับกรุงเทพฯ ครั้นจะขับยาวจากยะลา กรุงเทพฯ ผมต้องออกจากยะลาเช้ามืด เพื่อที่จะถึงกรุงเทพฯ ไม่ดึกมาก แต่การออกจากยะลาเช้ามืดก็จะไม่ปลอดภัยอีกเช่นกัน จึงขอไปหยุดพักที่นครศรีฯ ก่อนโดยออกจากยะลาช่วงบ่ายสองก็จะถึงนครศรีฯช่วงเย็นพอดี รอบนี้น้ำหนักบรรทุกมากว่ากว่าเดิมเพราะสิ่งของที่พี่สาวเตรียมไว้ให้ โดยที่เด็กๆ ไม่สามารถนอนที่เบาะแถวสามได้แล้ว ความเร็วที่ใช้ก็ปะมาณ 120-140 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การเดินทางจากนครศรีธรรมราชมายังกรุงเทพฯ
เริ่มออกจากนครศรีฯ ประมาณ 09:00 น. ขับมาด้วยความเร็วเท่าเดิมคือ 130-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง มีบ้างครั้งที่ไหลไปแถวๆ 160 แต่สุดท้ายมาเจอแจ็คพ๊อต นั้นคือด่านตรวจของตำรวจทางหลวง แบบตั้งโตีะเป็นกิจลักษณะเลย ช่วงประมาณสุราษฎร์ธานี แต่ความเร็วที่ผมโดนเรียกคือ 126 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยชำระค่าปรับไปตามระเบียบ 400 บาท :sd21: :sd21: รอบนี้ใช้น้ำมัน shell diesel nitro+ วิ่งได้ลื้นขึ้น จบที่ 600 กิโลเมตร/ถัง
น้ำหนักบรรทุกสุดท้าย
คุณพ่อตาจัดการเตรียมของใส่กล่องทั้งผลไม้ให้หลานแบบเต็มที่ ต้องบอกว่าด้านท้ายเต็มไปด้วยข้าวของ หนักกว่าเดิม
กว่าจะถึงกรุงเทพฯ
ช่วงเวลาที่กลับเข้ากรุงเทพฯเป็นวันศุกร์และไม่ใช่ช่วงเทศกาลแต่รถก็มาตามปรกติ บางช่วงมีน้ำท่วมขังแถวถนนพระราม 2 ฝนก็มาตกหนักอีก กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม
-
บทสรุปของการเดินทาง กรุงเทพฯ -> ยะลา -> นครศรีธรรมราช -> กรุงเทพฯ
ระยะทางทั้งหมดประมาณ 2,500 กิโลเมตร ขับมาด้วยความเร็วประมาณ 130-150, 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วงล่าง EMU full set ช่วยได้มาก การเข้าโค้งเพียงแค่ผ่อน แล้วสาดตามแนว 120 หรือ 130 ตามความเหมาะสมไม่มีอาการโยนเวลากลับเข้าทางตรง หรือจะเป็นช่วงแซงซ้าย หรือแซงขวาเป็นต้น ภรรยาที่นั่งข้างไม่มีเสียงบ่นอะไร ถึงแม้ในบางครั้งเข็มไมล์วิ่งไปที่ 160 แล้วก็ตาม ด้วยความนิ่งของตัวรถ เด็กๆ นั่งหลับแบบสบาย จะมีกระเทือนบางเวลาที่ผ่านหลุม บ่อตามสภาพถนนที่ไม่สู้ดีนัก ถือเป็นการนวด spring 2,500 กิโลเมตร กับน้ำหนักบรรทุกเต็มท้ายที่เดียว
การเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมต้องเตรียมแผนสำหรับเจ้ากล่องปิ่นโต และระบบเบรคที่ไว้ใจได้มากกว่านี้ เพราะบางช่วงเวลาที่ขับมาด้วยความเร็วทางช่องทางขวาปรากฎว่ามีรถช้าขวางหน้า และไม่ยอมหลบในทีแรก เราจำเป็นต้องชลอ แต่เมื่อเราต้องการเร่งแซงช่องทางซ้าย กลับเปิดไฟเข้าช่องซ้าย เราก็ต้องเบรคเพื่อจะได้ตีขวา แต่ช่วงเวลาดังกล่าวรอบเครื่องตกไปแล้วครั้นจะออกตัวให้เร็วขึ้นก็ได้ไม่มาก
เป็นประสบการณ์การขับรถยาวของเจ้าปาดำครั้งแรก การขับขี่สบาย แต่เบาะนั่งไม่สบายนั่ง มีอาการปวดหลังแต่ไม่มาก เพราะพยายามปรับองศาการนั่งใหม่
ขอบคุณครับ :sd23: :sd23:
-
พี่มัติ ขับไกลจริงๆ แถมยังต้องทำเวลาอีก :L2900:
ดูแล้วขับสี่พี่ วิ่งทางไกลก็ประหยัดเหมือนกันนะครับ ประหยัดกว่าขับสองของผมอีก
สงสัยพี่มัติกลับมางานนี้ แหกต่อไปนี่ Recaro แน่ๆเลย :L2736:
-
:L2900: :L2900: ครับพี่มัติ ขับทางไกลๆขนาดนี้ถ้าไม่มี Emu ช่วยสงสัยคงเหนื่อยกว่านี้มากเลยครับ :L4398: :L2901:
-
:L2900: :L2900: :L2900:
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวการเดินทางครับพี่มัติ
ผมเดินทางไกลบ่อยแต่ไม่ถนัดในการมาเหลาให้ฟังกัน(ชอบอ่านมากกว่า)
EMU ช่วยได้ดีในการเดินทางไกลจริงๆครับผมยืนยันด้วยอีกคน
วันจันทร์นี้ผมก็เดินทางลงใต้เหมือนกันครับ ไปตรวจงานคราวนี้
จะได้ลองทดสอบอุปกรณ์ที่ไปติดเพิ่มเติมมาว่าเป็นไงบ้าง
สำหรับการเดินทางไกล ตั้งแต่ระบบช่วงล่างจนถึงเครื่องยนต์
ขอมอบ :L6428: ที่10ให้พี่มัติ อีก 1 Like ครับสำหรับเรื่องราวดีๆ
ขอบคุณครับ
:L2900: :L2904: :L6428: :L2901:
-
บทสรุปของการเดินทาง กรุงเทพฯ -> ยะลา -> นครศรีธรรมราช -> กรุงเทพฯ
ระยะทางทั้งหมดประมาณ 2,500 กิโลเมตร ขับมาด้วยความเร็วประมาณ 130-150, 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วงล่าง EMU full set ช่วยได้มาก การเข้าโค้งเพียงแค่ผ่อน แล้วสาดตามแนว 120 หรือ 130 ตามความเหมาะสมไม่มีอาการโยนเวลากลับเข้าทางตรง หรือจะเป็นช่วงแซงซ้าย หรือแซงขวาเป็นต้น ภรรยาที่นั่งข้างไม่มีเสียงบ่นอะไร ถึงแม้ในบางครั้งเข็มไมล์วิ่งไปที่ 160 แล้วก็ตาม ด้วยความนิ่งของตัวรถ เด็กๆ นั่งหลับแบบสบาย จะมีกระเทือนบางเวลาที่ผ่านหลุม บ่อตามสภาพถนนที่ไม่สู้ดีนัก ถือเป็นการนวด spring 2,500 กิโลเมตร กับน้ำหนักบรรทุกเต็มท้ายที่เดียว
การเดินทางครั้งนี้ทำให้ผมต้องเตรียมแผนสำหรับเจ้ากล่องปิ่นโต และระบบเบรคที่ไว้ใจได้มากกว่านี้ เพราะบางช่วงเวลาที่ขับมาด้วยความเร็วทางช่องทางขวาปรากฎว่ามีรถช้าขวางหน้า และไม่ยอมหลบในทีแรก เราจำเป็นต้องชลอ แต่เมื่อเราต้องการเร่งแซงช่องทางซ้าย กลับเปิดไฟเข้าช่องซ้าย เราก็ต้องเบรคเพื่อจะได้ตีขวา แต่ช่วงเวลาดังกล่าวรอบเครื่องตกไปแล้วครั้นจะออกตัวให้เร็วขึ้นก็ได้ไม่มาก
เป็นประสบการณ์การขับรถยาวของเจ้าปาดำครั้งแรก การขับขี่สบาย แต่เบาะนั่งไม่สบายนั่ง มีอาการปวดหลังแต่ไม่มาก เพราะพยายามปรับองศาการนั่งใหม่
ขอบคุณครับ :sd23: :sd23:
สวัสดี บังมัติ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ได้อ่านบันทึกการเดินทางแล้วผมรู้แล้วว่าบังมัติจัดอยู่ในกลุ่มใช้รถประเภทไหน ขอแนะนำดังนี้ (ถ้ามีโอกาสเลือกจะควักกระเป๋า)
1. ถ้าเป็น EMU Full set อยู่แล้ว หาโอกาสเปลี่ยน สปริงหลังเป็นเบอร์938 (เพราะ load เยอะพอสมควร) และเมื่อมีการบันทุกจะนิ่มกว่า 910 แต่หนึบกว่า
2. ถ้ายังไม่เปลี่ยนล้อ ให้มองหาล้อที่มีกะทะล้ออยู่ในช่วง 8-9 นิ้ว และ offset มากกว่าล้อติดรถเพื่อขยายฐานออกมา เช่น
2.1. ขอบ 17 กะทะ 8 นิ้ว ยาง 265
2.2. ขอบ 18 กะทะ 9 นิ้ว offset 5-25 ยาง 265-285
2.3 ขอบ 20 กะทะ 9 นิ้ว offset 18-20 ยาง 275/55
* ถ้าอยากได้ใช้งานทั่วไปก็ 2.1 / แต่ถ้าอยากได้แบบจบสวยด้วย ก็กระโดดข้ามมา 2.3 ครับ ลงทุนยางดีหน่อยพวก toyo opht จะนุ่มและดีกว่าล้อเดิม (ยกเว้นสันสะพาน)
* ล้อหน้ากว้าง วิ่งทางขุรขระเก็บหลุมดีกว่าหน้าแคบครับ
3. เปลี่ยนจานเบรคซ่ะ บรรทุกขนาดนี้ วิ่งความเร็วนี้ หากได้เบรคแรงๆเอาไม่อยู่แน่นอน (มันจะไหลและมีระยะเบรคต่างกับบรรทุกน้อย)
4. เปลี่ยนท่อ HSK hi power / ใส่กล่องดันราง ช่วยเรื่องแรงบิด
5. ใส่กล่องคันเร่ง ช่วยผ่อนแรงเหยียบ
6. หาเบาะดีๆสักชุด ของเก่าบิ้วใหม่ก็ได้สำหรับเดินทางไกล (เบาะเก่าจะปรับ จะแก้มุมอย่างไร ก็เทียบไม่ได้ครับ)
***ถ้าได้ทั้ง 6 ข้อนี้ รับรองว่าการเดินทางกลับยะลาครั้งหน้าจะเหมือนขับรถคนละคันครับ
:L4399:
-
ใช้ iPad mini ตอบได้ไมาค่อยสะดวกเลย iOS 7 กับภาษาไทยมีปัญหาหน่วงจริงๆ
กลับบ้านขอเพิ่มรายละเอียดอีกทีนะครับ
-
บ้านพ่อของผมอยู่อำเภอเบตง ไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว กลัวเรื่องความปลอดภัย แต่จริงๆแล้วเบตงเป็นเมืองที่น่าอยู่จริงๆครับ สงสัยต้องกลับไปเยี่ยมบ้านที่เบตงบ้างแล้ว :sd42: :sd42: :sd42:
-
ผมคิดจะกลับปัตตานีสิ้นปีคงต้องเตรียมพร้อม :L6415:
-
สวัสดี บังมัติ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ได้อ่านบันทึกการเดินทางแล้วผมรู้แล้วว่าบังมัติจัดอยู่ในกลุ่มใช้รถประเภทไหน ขอแนะนำดังนี้ (ถ้ามีโอกาสเลือกจะควักกระเป๋า)
1. ถ้าเป็น EMU Full set อยู่แล้ว หาโอกาสเปลี่ยน สปริงหลังเป็นเบอร์938 (เพราะ load เยอะพอสมควร) และเมื่อมีการบันทุกจะนิ่มกว่า 910 แต่หนึบกว่า
2. ถ้ายังไม่เปลี่ยนล้อ ให้มองหาล้อที่มีกะทะล้ออยู่ในช่วง 8-9 นิ้ว และ offset มากกว่าล้อติดรถเพื่อขยายฐานออกมา เช่น
2.1. ขอบ 17 กะทะ 8 นิ้ว ยาง 265
2.2. ขอบ 18 กะทะ 9 นิ้ว offset 5-25 ยาง 265-285
2.3 ขอบ 20 กะทะ 9 นิ้ว offset 18-20 ยาง 275/55
* ถ้าอยากได้ใช้งานทั่วไปก็ 2.1 / แต่ถ้าอยากได้แบบจบสวยด้วย ก็กระโดดข้ามมา 2.3 ครับ ลงทุนยางดีหน่อยพวก toyo opht จะนุ่มและดีกว่าล้อเดิม (ยกเว้นสันสะพาน)
* ล้อหน้ากว้าง วิ่งทางขุรขระเก็บหลุมดีกว่าหน้าแคบครับ
3. เปลี่ยนจานเบรคซ่ะ บรรทุกขนาดนี้ วิ่งความเร็วนี้ หากได้เบรคแรงๆเอาไม่อยู่แน่นอน (มันจะไหลและมีระยะเบรคต่างกับบรรทุกน้อย)
4. เปลี่ยนท่อ HSK hi power / ใส่กล่องดันราง ช่วยเรื่องแรงบิด
5. ใส่กล่องคันเร่ง ช่วยผ่อนแรงเหยียบ
6. หาเบาะดีๆสักชุด ของเก่าบิ้วใหม่ก็ได้สำหรับเดินทางไกล (เบาะเก่าจะปรับ จะแก้มุมอย่างไร ก็เทียบไม่ได้ครับ)
***ถ้าได้ทั้ง 6 ข้อนี้ รับรองว่าการเดินทางกลับยะลาครั้งหน้าจะเหมือนขับรถคนละคันครับ
:L4399:
เห็นด้วย แต่ไม่มีในกระเป๋า เรื่องจริง ที่ไม่ต้องบรรยาย
-
เหตุผลแรกที่เลือกรถแบบ PPV แบบ 7 ที่นั่งคือเรื่องประโยชน์ใช้สอยและการบรรทุกเป็นหลัก บรรทุกในที่นี้คือการที่เด็กๆ ได้นั่ง นอนสบายเวลาเดินทางไกล และสัมภาระและข้าวของตอนขากลับซึ่งจะมากกว่าขาไปเสมอ และสามารถขับไปยังที่ต่างๆ ได้ง่าย :sd42:
สำหรับคำแนะนำของบังนะนั้นอยู่ในแผนที่วางไว้เกือบครบเลยครับ
1. สปริงผมคง upgrade ไปที่ 938 แน่นอนครับ
2. สำหรับล้อนั้นคงจบที่ 20" 9" ที่มองไว้ก็เป็น kmc xd rockstar version 1 นะครับ (ขอเป็นชาว rock กับเขาด้วย) ยางก็เป็น cooper ltz at 275/55r20 ครับ
3. จานเบรคก็คงเปลี่ยน แต่จานโหลยังไม่เห็นแววว่าจะมาเมื่อไหร่ และเพื่อนผมแนะนำให้เปลี่ยน คาลิปเปอร์เป็น brembo 4 pots ของ subaru sti :L6415:
4,5. ตอนนี้ท่อเป็น hks hipower แล้วครับ ก็คงติดกล่องคันเร่งกับเจ้าปิ่นโต ก็ปุ๊ดป๊าดแล้ว
6. เบาะนั่งนี้สำคัญมาก ขับยาวเป็น 10 ชั่วโมง ปรับยังไงมันก็ยังปวด ทั้งหลัง ทั้งก้น อาศัยที่ออกกำลังกาย ยึดกล้ามเนื้อหน่อยก็หาย แต่เวลาขับมันทำแบบนั้นไม่ได้ก็ต้องทนนั่งไป :sd06:
7. เพิ่มจากของบังนะนั้นคือ roof box เพราะขากลับที่ไรของเยอะกว่าไปทุกที เด็กๆ ก็หลับตรงที่นั่งแถวสามไม่ได้ ที่มองๆ ไว้ก็เป็น thule pacific 200 หรืออาจจะใหญกว่านั้น คงต้องดูขนาดที่แท้จริงอีกที
ทั้งหมดนี้กระเป๋าแหกแล้วแหกอีก :L6415: :L6415: :L6415:
แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และความสะดวกสบายด้วย
ถ้าครบทั้ง 7 ข้อนี้ต้องบอกว่า ครบถ้วน กระบวนการของปาดำ 4WD ที่ผมวางไว้แล้วครับ จับแต่งหน้าทาปากอีกนิด ก็ OK แล้วครับ
:sd42: :sd42: :sd42: :sd42: