Pajero Sport Mania ปาเจโร่สปอร์ตมาเนีย
Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) => Miscellaneous => ข้อความที่เริ่มโดย: เต้ย แม่กลอง ที่ 26 สิงหาคม 2013, 20:00:43
-
ไม่รู้ พี่ ๆ ท่านใด เจอเหมือนผมบ้าง
ขับ ๆ รถอยู่ หรือบางที จอดรถนอกชายคา ก็มีหยดเหลือง ๆ แหมะ ลงมาหน้ากระจกบ้าง ตัวถังบ้าง
จริง ๆ เลย อยากรู้มันคืออะไร ?
ล่าสุด ไม่ได้ทันสังเกตุ เนื่องจาก "ปาขาว" มอมไปเยอะ เพิ่งจะขัดสีฉวีวรรณ เมื่อสักครู่ พบอยู่บนฝากระโปรงรถ ล้าง ขัด เช็ด แล้ว ก็เหลือดวง ๆ สีเหลืองทิ้งเอาไว้เป็นอนุสรณ์ให้ดูต่างหน้า
คันเก่า ก็เจอ แต่ด้วยไม่ค่อยสนใจ เพราะ ปี ๆ เดี๋ยวก็เคลมประกันทำสีรอบคัน
แต่นี่ มันเจ็บใจ รถใหม่ ๆ ก็เอาอีกแล้ว
พี่ ๆ ท่านใดเจอแล้วมีวิธีแก้ไขบ้างไหมครับ
-
(http://upic.me/i/l0/1150137_551087144927651_2144533794_n.jpg) (http://upic.me/show/46725828)
-
ผมโดนประจำ ทั้งๆที่ไม่ได้ไปจอดใกล้ต้นไม้แต่อย่างใด...........แต่บางทีจอดใต้แนวสายไฟฟ้าครับ
สิ่งที่ผมเจอ.... อะไรไม่รู้สีเหลืองๆ ลักษณะหยดมาจากฟากฟ้า
แล้วก็ สิ่งที่ถูกขับออกมาผ่านตูดของสัตว์มีปีกที่เรียกว่า "นก" สิ่งนี้ถ้าปล่อยไว้นานมีผลเสียกับสีรถนะครับ เคยแล้ว เป็นคราบเหลืองเลย ต้องใช้น้ำยาขัดสีค่อยๆลูบเบาๆ
บางครั้งผมก็ลองดูมั่วๆไปหมดครับ แต่สุดท้าย ไอ้จุดสีเหลืองๆซึ่งออกยากมาก ผมใช้น้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ครับ Touche Clean ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ถูๆวนๆ สักพักให้ข้อนิ้วล็อค ก็ออกครับ
ถ้าเป็นยางมะตอย ผมใช้ Sonax ครับ ออกดีสุดๆ
ผมชอบลองครับ :L2754: :L2754: :L2754: :L2754:
-
ขอบพระคุณครับพี่แมค
-
ขอบพระคุณครับพี่แมค
รถผมเองผมกล้าลองครับ ส่วนรถท่านอื่นๆต้องคิดหน่อยนะครับ 55555
สำหรับพี่เต้ยน่าจะรู้จักดีนะครับ Touche Clean น่ะครับ เพราะผมเห็นทักษะพี่เต้ยแล้วน่าจะเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ชัวร์ๆ
ถ้าเจ้าสีเหลืองของพี่เต้ยเป็นยางมะม่วงหรือยางจากต้นไม้ อันนี้ต้องลองดูนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมใช้ครีมตัวไหน แต่เคยโดนมาแล้วเป็นยางมะม่วง แต่จำไม่ได้ว่าผมใช้อะไรเช็ด ระหว่าง น้ำยาขัดสี ทัชชี่คลีน โซแน็ค แล้วก็กระปุกขาวๆที่ซื้อจากท็อปซุปเปอร์จำยี่ห้อไม่ได้ซักทีทั้งๆที่ใช้บ่อยมาก เดี๋ยวผมออกไปดูให้ครับ
ไปดูมาให้แล้วครับ มันชื่อ สเตคลีน ......... อ่านว่า สะ-เต-คลีน นะครับ ไม่ใช่ คอ-นอก-รีต ครับ :L2736:
-
เป็นน้ำยา ที่เมื่อก่อนเคยใช้ครับ หลัง ๆ มานี่ ไม่ค่อยใช้ เท่าไหร่ครับ
-
เป็นน้ำยา ที่เมื่อก่อนเคยใช้ครับ หลัง ๆ มานี่ ไม่ค่อยใช้ เท่าไหร่ครับ
ผมมีติดรถไว้เลยนะครับ เจอเมื่อไหร่มันช่วยได้ครับ ถ้าช่วยไม่ได้ผมก็จะลองดูอีกสองตัวที่เหลือ ก็เรามีรถสีขาวนี่ครับ มันเลยเห็นง่ายกว่าใครเค้า :L2754: :L2754: :L2754:
-
เดี๋ยว คงได้ซื้อติดรถ ไว้ล้างครับ
-
จำได้ว่า เมื่อ สักปี สองปี ที่เกิดหยดเหลือง ๆ ใหม่ ๆ รายการของสรยุทธก็เคยนำเสนอเรื่องนี้ แต่ก็เหมือนเงียบหายไป
เมื่อครู่เลยลองค้นหาในเน็ตดู
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2550 16:08 น.
เชียงใหม่ -ชาวบ้านที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับความเดือดร้อนจากหยดน้ำประหลาด ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มีกลิ่นคล้ายอุจจาระ วอนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เกรงว่าจะเป็นสารพิษอันตราย
ครอบครัวข้าราชการตำรวจ ที่พักอาศัยในแฟลตของสถานีตำรวจภูธรตำบลช้างเผือก ในตัวเมืองเชียงใหม่กว่า 100 ครอบครัว บริเวณถนนโชตนา ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนจากหยดน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ลักษณะสีเหลืองมีกลิ่นเหม็นคล้ายอุจจาระมาเป็นเวลานานเกือบ 2 เดือน ทำให้ไม่สามารถตากผ้าหรือสิ่งของไว้กลางแจ้งได้ นอกจากนั้นรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่จอดไว้บริเวณหน้าแฟลตมีแต่รอยคราบหยดน้ำสีเหลือง ที่ตกลงมาจนสกปรกเลอะเทอะ
ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว บอกว่า ก่อนที่ละอองหรือหยดน้ำจะตกลงมา ได้สังเกตและเฝ้าติดตามมานานนับเดือน พบว่ามีเครื่องบินพาณิชย์บินผ่าน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นจุดเลี้ยวของเส้นทางเครื่องบิน หลังขึ้นบินจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ จากนั้นไม่เกิน 10 นาทีจะมีละอองหรือหยดน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า และมักจะเกิดก่อนเวลา 11.00 น. จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และพิสูจน์หาสาเหตุโดยเร็ว เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย
ล่าสุดวันนี้(20 ก.พ.50)เจ้าหน้าที่สำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงพื้นที่เข้า ไปพิสูจน์ แต่กลับไม่พบละอองและหยดน้ำ และได้สอบถามชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งยังยืนยันว่า มีละอองหรือหยดน้ำสีเหลืองที่ตกลงมาจากท้องฟ้าจริง หลังจากเครื่องบินบินผ่านไม่ใช่ปลิว หรือตกมาจากบริเวณอาคารใกล้เคียง
นายสุเทพ ฟองศรี นักวิชาการ สำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่บอกว่า เบื้องต้นจะใช้สำลีเเช็ดคราบหยดน้ำสีเหลือง ที่ติดตามตัวถังรถยนต์และตามหน้าแฟลตเป็นตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์ ทางเคมีโดยแช่ในน้ำยา เอช ไอ ทูหากเป็นอุจจาระ จะมีโคโลฟอร์มของแบคทีเรีย คาดว่าจะทราบผลภายใน 18 ชั่วโมงหรือในวันพรุ่งนี้ ( 21 ก.พ. 50 )
วิธีที่สอง ได้เก็บตัวอย่างไปเพาะเลี้ยงเชื้อ และตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า หยดน้ำประหลาดที่พบเป็นมาจากแหล่งใดต้องรอยืนยันผลการตรวจก่อน
ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000020833
-
"แม่รำพึง" ยังคาใจ วอน "จุฬา-มหิดล" ชี้แจง ฝุ่นเหลืองจากฟ้ามาได้อย่างไร
Sun, 2008-08-24 00:44
หลังจากที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แถลงผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำฝน และฝุ่นสีเหลืองที่ตกใน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามการร้องเรียนของชาวบ้านที่อ้างว่า เป็นมลภาวะที่เกิดจากมาจากโครงการโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา โดยระบุว่า ตัวอย่างน้ำฝนที่เก็บจากหลังคาของชาวบ้านและกลางแจ้งไม่มีค่าความกรด ส่วนฝุ่นสีเหลืองนั้นได้อ้างผลการตรวจสอบของคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล ที่ระบุว่าเป็นละอองเรณูของต้นกก ดาวเรือง ทานตะวัน และต้นปาล์ม ขณะที่ผลสรุปจากภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สรุปว่าเป็นละอองเรณูพืชดอกหลายวงศ์
ล่าสุด 23 สิงหาคม 2551 นายสุพจน์ ส่งเสียง รองประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ได้ตั้งข้อสงสัยว่า กรณีที่นักวิชาการจากจุฬาฯ-มหิดล ออกมาแก้ต่างลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับให้กลุ่มทุนบางสะพานว่าหยดสีเหลืองที่หยดลงจากท้องฟ้า อ.บางสะพานกินบริเวณกว้าง 25 กิโลเมตรเป็นเกสร ดอกกก ดอกดาวเรือ ดอกปาล์มนั้น ขัดแย้งกับก่อนหน้านี้หลายเดือนที่ทางจุฬาฯ เคยทำหนังสือยืนยันว่าเป็นขี้ผึ้ง
รองประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง จึงเรียกร้องให้นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญทั้ง จุฬา-มหิดล ชี้แจงรายละเอียด รวมถึงอธิบายกระบวนการที่เกสรดอกไม้ ดอกกก ดอกดาวเรือง หรือปาล์ม กลายเป็นหยดสีเหลืองตกลงในพื้นที่บางสะพานว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เหตุใดในอดีตจึงไม่มี แล้วแหล่งที่มาจากไหน ทั้งนี้นายสุพจน์ ตั้งข้อสังเกตว่า จังหวัดประจวบฯ เป็นพื้นที่แคบติดทะเลที่มีลมส่วนใหญ่มาจากตะวันออกเฉียงเหนือ และไม่มีป่าใหญ่ ไม่มีพื้นที่ปลูกดอกไม้ หากว่าเป็นเกสรดอกปาล์มที่มีปริมาณมากขนาดนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นพื้นที่เกษตรส่วนใหญ่ซึ่งไม่ควรขยายอุตสาหกรรม เพราะจะเกิดการทำลายผลการเกษตร
นอกจากนี้ยังได้ตั้งคำถามถึงกระบวนการตรวจสอบที่ไม่โปร่งใส และไม่เป็นธรรมกับชาวบ้านในพื้นที่ด้วย
"การเก็บตัวอย่างเก็บอย่างไร ใครเป็นตัวแทนรับรู้บ้างในการเก็บ เพราะชาวบ้านไม่เข้าใจวิธีการหรอก หากแต่ว่ามีผู้ที่จะเสียผลประโยชน์ไปเกี่ยวข้องไปร่วมขบวนการ ก็คงไม่เป็นธรรมต่อชาวบ้านผู้ที่ได้รับผลกระทบ อย่าลืมว่าชาวบ้านเขากระทบ แก้ปัญหาที่ผลกระทบ เพราะชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องซื้อน้ำ จะทำอย่างไร ไม่ว่าการที่ออกมาบอกว่าน้ำฝนตรวจแล้วดื่มได้ ตรวจอย่างไร หากนำตัวอย่างน้ำฝนที่ตกมาแล้วหลายชั่วโมงไปตรวจ ก็คงไม่ได้ผลอะไร ในเมือความเป็นจริงเวลาฝนตกใหม่ ๆ แม้แต่ปลาหางนกยูงยังตายเลย
"อยากเรียกร้องให้กรมควบคุมมลพิษรับผิดชอบ มิใช่ให้กลุ่มทุนมาปัดภาระบอกว่าชาวบ้านอุปทานไปเอง อยากถามว่า แล้วคุณจะแก้อุปทานชาวบ้านอย่างไร ใครเป็นต้นเหตุอุปทาน หากแก้ไม่ได้ ใครจะชดเชยจ่ายค่าความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านได้ อยากจะรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างชาวบ้านไม่ใช้เป็นผู้ก่อ และมันไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแน่นอน การที่มีอุตสาหกรรมเผาน้ำมันเตาอยู่กว่าสามแสนลิตรต่อวัน 24 ชั่วโมงที่มีกำมะถันเกือบ 2 % เช่นนี้ ทุกหน่วยงานต้องออกมารับผิดชอบจริงจัง อย่าปัดภาระเพียงเพราะว่าไม่ใช้ความเดือดร้อนของตน.." นายสุพจน์ กล่าว
ที่มา : http://prachatai.com/journal/2008/08/17809
-
ขออีกสักข่าวนะครับ
ชาวบ้าน อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรีพบน้ำสีเหลืองตกจากฟ้า หวั่นอันตราย วอนรัฐเร่งตรวจสอบ
วันที่ 24 เมษายน ต.วังลึก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ชาวบ้านฮือฮาหลังมีน้ำสีเหลืองตกมาจากท้องฟ้าเป็นจำนวนมากและเป็นระยะเวลานานหลายเดือนส่งผลให้ไม่กล้านำเสื้อผ้าหรือสิ่งของ โดยเฉพาะของกินมาวางบริเวณกลางแจ้ง เกรงว่า หยดน้ำสีเหลืองที่ตกลงมาจะส่งผลให้ได้รับอันตราย รวมทั้งต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาตรวจสอบ
นางประเสริฐ ขาวพันธ์ อายุ 74 ปี ชาวอำเภอสามชุก กล่าวว่า หลังเกิดหยดน้ำสีเหลืองตกลงมา ชาวบ้านเรียกว่า ฝนเหลือง ซึ่งตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเห็นเรื่องราวดังกล่าวมาก่อน ยอมรับว่า กลัวเพราะถือว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมชาติ น่าจะเป็นสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างที่จะบ่งบอกว่าโลกไม่ปกติเหมือนก่อนแล้ว ขณะนี้ไม่กล้านำผ้ามาตากไว้ด้านนอกเหมือนเคยเพราะเกรงว่าน้ำสีเหลืองจะตกลงไปที่ผ้าและเป็นผดผื่นได้ บางครั้งก็ต้องนำผ้ามาตากกลางแจ้ง เมื่อผ้าแห้งแล้วรีบเก็บเพราะเกรงว่าน้ำสีเหลืองที่ชาวบ้านจะตกใส่เสื้อผ้า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเก็บตัวอย่างหรือมาตรวจสอบ
(http://www.koratdailynews.com/wp-content/uploads/2011/03/5.jpg) (http://www.koratdailynews.com/wp-content/uploads/2011/03/4.jpg)
ก่อนหน้านี้ จ.ระยอง ฝนตกกลางดึกรุ่งเช้าพบจุดสีเหลือง เกาะติดฝากระโปรงรถยนต์ เจ้าหน้าที่รีบเข้าตรวจสอบ หลังชาวบ้านกระจายข่าวเป็นฝนกรด
โดยวันที่ 26 มี.ค. 54 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านชุมชนบ้านพง ซอยสุขุมวิท 23 เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยองว่ารถยนต์กระบะแค๊ปยี่ห้อ อีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์สีบรอนซ์ และรถยนต์กระบะแค๊ป ยี่ห้ออีซูซุ สีเขียว จอดทิ้งไว้หน้าบ้านถูกฝนที่ตกลงมาเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาบริเวณฝากระโปรงรถ ด้านหน้ามีจุดสีเหลืองเล็กๆจำนวนหลายจุด ชาวบ้านเกรงจะเป็นฝนปนสารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรมหรือชาวบ้านเรียกว่า ฝนกรด
นายนพเก้า สินนอก อายุ 53 ปี กล่าวว่าเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. – 02.00 น. เกิดฝนตกลงมาพอรุ่งเช้ามีเจ้าหน้าที่จากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เดินทางมาตรวจสอบพร้อมเก็บตัวอย่างจุดสีเหลืองบริเวณฝากระโปรงรถยนต์ไป ตนก็ไม่ทราบว่าจุดสีเหลืองเป็นสาเหตุมาจากฝนที่ตกลงมาเหลือไม่และฝนที่ตกลงมาจะเป็นอันตรายหรือไม่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบนับว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี
นางอารีย์ ธรรมวรรณ อายุ 30 ปี ชาวบ้านกล่าวว่าช่วงที่โรงงานชัตดาว์นมักจะมีเสียงดังมากเวลากลางคืนจะเห็น ปล่องไฟสีแดง ปล่อยควันดำเป็นภาพที่น่าตกใจ และถ้ามีฝนตกลงมา จะสังเกตเห็นตะกอนสีดำก้นภาชนะที่รองน้ำฝน ก็ฝากให้เจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลบ้าง แต่โรงงานหลายแห่งในขณะนี้ก็มีดีอยู่บ้าง ชุมชนหลายชุมชนในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุดจะได้รับแจกเครื่องกรองน้ำไว้อุปโภค บริโภค
นายประทีป เอ่งฉ้วน ผอ.สำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ชี้แจงว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ว่าที่ชุมชนบ้านพงโดนฝนตกเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ฝากระโปรงรถมีจุดสีเหลืองเกาะติดอยู่หลายจุดชาวบ้านเกรงจะเป็นฝนเหลืองตามที่ชาวบ้านเข้าใจกันเอง จึงให้เจ้าหน้าที่ กนอ. เอ็นพีซี และเอสแอลอี ซึ่งมีความชำนาญด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยเดินทางไปดูที่เกิดเหตุและ เก็บตัวอย่างมาตรวจสอบหาสาเหตุ ผลการตรวจวิเคราะห์ PH ตัวอย่างความเป็นกรด-ด่างมีค่า 6 PPM กว่าถือว่าปกติไม่เป็นอันตราย ขณะนี้ได้ส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ห้องแล็ปต่อไป และให้มีการตรวจการฟุ้งกระจายครอบคลุมพื้นที่บริเวณใกล้เคียงแต่ก็ไม่พบสิ่ง ผิดปกติแต่อย่างใด
นายประทีป กล่าวยืนยันว่าไม่ใช่ฝนกรดแน่นอน ตามที่ชาวบ้านมีความเข้าใจ คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากฝุ่นละอองเกสรดอกไม้ต้นคูนบริเวณดังกล่าวเมื่อถูกฝน ทำให้เกิดจุดสีเหลืองเกาะติดฝากระโปรงรถ แต่ก็ไม่ทิ้งประเด็นสาเหตุจากปล่องควันโรงงานที่อยู่เหนือชุมชนบ้านพง ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ที่มา : http://www.job1hit.com/news/4066/
-
อืม...น่าคิดๆ
-
ตกลงมันคืออะไรนี่ เคยเจอเหมือนกัน ผมใช้น้ำมันก๊าซเช็ดออก
:L2761:
-
ตกลงมันคืออะไรนี่ เคยเจอเหมือนกัน ผมใช้น้ำมันก๊าซเช็ดออก
:L2761:
เอ…นั่นดิ พี่ทศ ครับ ตกลงว่ามันคืออะไรกันแน่
รถผมก็มี เคยเห็นอยู่แว่บๆวันก่อนนี้เอง ยังนึกว่าเป็นขี้นก
ใครทราบผลสรุปที่แน่ชัดกันบ้างครับ…
:L2761: :L2761: :L2761: :L2759:
-
ตกลงมันคืออะไรนี่ เคยเจอเหมือนกัน ผมใช้น้ำมันก๊าซเช็ดออก
:L2761:
เอ…นั่นดิ พี่ทศ ครับ ตกลงว่ามันคืออะไรกันแน่
รถผมก็มี เคยเห็นอยู่แว่บๆวันก่อนนี้เอง ยังนึกว่าเป็นขี้นก
ใครทราบผลสรุปที่แน่ชัดกันบ้างครับ…
:L2761: :L2761: :L2761: :L2759:
ผมว่าเป็นขี้พวกแมลงครับ ใช้น้ำมันก๊าซนี่แหละครับถูกสุดเช็ดแล้วออกเกลี้ยงครับ
:L2904:
-
ไม่อยากตอบว่ามาจากใหน เท่าที่สังเกตดูและคิดเอาเอง
พื้นที่ ระยอง มาบตาพุด แหลมฉบัง อ่าวอุดม พบเจอบ่อย ที่สังเกต พื้นที่เหล่านี้จะมีโรงกลั่น
โรงงานผลิต สารต่างๆจากปิโตเลี่ยม และมีปล่องระบายควันพิษ ทั้งที่เป็นเขม่าจากการเผาโดยตรง
และเป็นปล่องเผาไอระเหยสารพิษที่ยอดปล่อง สารพวกนี้ไม่ได้ถูกเผาหมดไป ทั้งหมด จะมีหลงเหลือ
อยู่ในอากาศ และถูกลมพัดพาไป หรือลอยตัวขึ้น เนื่องจากมีอุณภูมิที่ร้อนกว่าอากาศปกติ เมื่อเศษ
เขม่าและสารที่หลงเหลือลอยตัวและถูกลมพัดไปประทะกับอากาศเย็นหรือความชื้นจะรวมตัวกันเป็น
ละอองเล็กบ้างใหญ่บ้างตกลงสู่พื้นดิน สีมีทั้งเหลือง เทา ดำ น้ำตาล แล้วแต่ว่ามาจากแหล่งที่ปล่อย
ออกมา
แต่ที่อ่านด้านบน มีหน่วยงานออกมาบอกว่าเป็น เกษรดอกไม้ ขี้ผึ้ง มีค่าPH ไม่เป็นอันตราย ว่ากันไป
ต่างๆนาๆ แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าหน่วยงานและคนตรวจเหล่านั้น ไม่กล้าที่จะเอาสารที่พบเจอ เช่นในน้ำฝน
หรือ ขี้ผึ้ง หรืออากาศที่ถูกปนเปื้อนกับสารเหล่านี้ ไปสำผัสกับร่างกายของตัวท่านเอง แน่นอน ชาวบ้าน
ก็รับผลกระทบกันไป นี่แหละความแพงของต้นทุนจากพลังงานและผลิตภัณท์จากโรงงาน ที่ปล่อยมลพิษ
ไว้กับพื้นที่ตั้งโรงงาน ที่ไม่ต้องลงทุนกำจัดให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
ใครที่อยู่ใกล้กับปล่องปล่อยควันหรือปล่องเผาควันพิษโรงกลั่นลองสังเกตดูว่าควันพวกนี้จะลอยขึ้น
ไปหาเมฆที่อยู่ด้านบนเสมอ ลองสังเกตดูครับ
-
ไม่อยากตอบว่ามาจากใหน เท่าที่สังเกตดูและคิดเอาเอง
พื้นที่ ระยอง มาบตาพุด แหลมฉบัง อ่าวอุดม พบเจอบ่อย ที่สังเกต พื้นที่เหล่านี้จะมีโรงกลั่น
โรงงานผลิต สารต่างๆจากปิโตเลี่ยม และมีปล่องระบายควันพิษ ทั้งที่เป็นเขม่าจากการเผาโดยตรง
และเป็นปล่องเผาไอระเหยสารพิษที่ยอดปล่อง สารพวกนี้ไม่ได้ถูกเผาหมดไป ทั้งหมด จะมีหลงเหลือ
อยู่ในอากาศ และถูกลมพัดพาไป หรือลอยตัวขึ้น เนื่องจากมีอุณภูมิที่ร้อนกว่าอากาศปกติ เมื่อเศษ
เขม่าและสารที่หลงเหลือลอยตัวและถูกลมพัดไปประทะกับอากาศเย็นหรือความชื้นจะรวมตัวกันเป็น
ละอองเล็กบ้างใหญ่บ้างตกลงสู่พื้นดิน สีมีทั้งเหลือง เทา ดำ น้ำตาล แล้วแต่ว่ามาจากแหล่งที่ปล่อย
ออกมา
แต่ที่อ่านด้านบน มีหน่วยงานออกมาบอกว่าเป็น เกษรดอกไม้ ขี้ผึ้ง มีค่าPH ไม่เป็นอันตราย ว่ากันไป
ต่างๆนาๆ แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าหน่วยงานและคนตรวจเหล่านั้น ไม่กล้าที่จะเอาสารที่พบเจอ เช่นในน้ำฝน
หรือ ขี้ผึ้ง หรืออากาศที่ถูกปนเปื้อนกับสารเหล่านี้ ไปสำผัสกับร่างกายของตัวท่านเอง แน่นอน ชาวบ้าน
ก็รับผลกระทบกันไป นี่แหละความแพงของต้นทุนจากพลังงานและผลิตภัณท์จากโรงงาน ที่ปล่อยมลพิษ
ไว้กับพื้นที่ตั้งโรงงาน ที่ไม่ต้องลงทุนกำจัดให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
ใครที่อยู่ใกล้กับปล่องปล่อยควันหรือปล่องเผาควันพิษโรงกลั่นลองสังเกตดูว่าควันพวกนี้จะลอยขึ้น
ไปหาเมฆที่อยู่ด้านบนเสมอ ลองสังเกตดูครับ
คิดเหมือนพี่โอเลยครับ.....เคยไปนอนที่ระยอง.....ผมเคยเห็นไอ้หยดเหลืองๆนี่บนร่มบริเวณสระว่ายน้ำของโรงแรมที่ระยอง.....ดูไปก็เหมือนละอองเกสรดอกไม้ หรือขี้นกอะไรซักอย่าง......แต่เพื่อนที่ทำงานอยู่ในมาบตาพุตมากระซิบว่า....สระว่ายน้ำแบบ outdoor ในระยองอย่าลงไปเล่น.....เพราะสารพิษที่ลอยอยู่ในอากาศจะตกลงมาสะสมอยู่ในน้ำในสระ.....เพื่อนมันก็บอกอีกว่า "เห็นไอ้หยดเหลืองๆนั่นมั๊ย"......"นั่นแหละ....."
:L2739: :L2739: :L2739:
-
คิดเหมือนกันครับ
-
โดนเหมือนกัน ปาขาวนี่เห็นชัดเลย สงสัยอยู่ว่าคืออะไร ล้างออกยากมากเลย
เดี๋ยวต้องลองตามที่พี่แม็คบอก :L2904:
-
เมื่อก่อนผมก็วิตกกังวลกับอาการนี้เช่นกัน ทั้งเช็ด ทั้งถู ยังไงก้อไม่ออก มีผู้รู้แนะนำให้เอาทิชชู่ชุบน้ำ เช็ดคราบออกแล้วปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น คราบเหลืองที่ฝังอยู่มันจะหายไปใน 2-3 วันครับ ซึ่งผมได้ลองทำ แปลกครับมันหายไปเอง อัศจรรย์ยิ่งนัก ลองดูครับ
-
เมื่อก่อนผมก็วิตกกังวลกับอาการนี้เช่นกัน ทั้งเช็ด ทั้งถู ยังไงก้อไม่ออก มีผู้รู้แนะนำให้เอาทิชชู่ชุบน้ำ เช็ดคราบออกแล้วปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น คราบเหลืองที่ฝังอยู่มันจะหายไปใน 2-3 วันครับ ซึ่งผมได้ลองทำ แปลกครับมันหายไปเอง อัศจรรย์ยิ่งนัก ลองดูครับ
ความรู้ใหม่นะเนี่ย ขอบคุณพี่เล็กที่แบ่งปันเคล็ดลับครับ :sd23:
-
เมื่อก่อนผมก็วิตกกังวลกับอาการนี้เช่นกัน ทั้งเช็ด ทั้งถู ยังไงก้อไม่ออก มีผู้รู้แนะนำให้เอาทิชชู่ชุบน้ำ เช็ดคราบออกแล้วปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น คราบเหลืองที่ฝังอยู่มันจะหายไปใน 2-3 วันครับ ซึ่งผมได้ลองทำ แปลกครับมันหายไปเอง อัศจรรย์ยิ่งนัก ลองดูครับ
และมันก็จริง ๆ อย่างว่า กลับไปส่อง จุดเดิม หายไปเอง เอ๊ะ มันคือคราบอะไร อัศจรรย์พันลึก ล่องหนได้ด้วย !!!
:L2888:
-
เมื่อก่อนผมก็วิตกกังวลกับอาการนี้เช่นกัน ทั้งเช็ด ทั้งถู ยังไงก้อไม่ออก มีผู้รู้แนะนำให้เอาทิชชู่ชุบน้ำ เช็ดคราบออกแล้วปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้น คราบเหลืองที่ฝังอยู่มันจะหายไปใน 2-3 วันครับ ซึ่งผมได้ลองทำ แปลกครับมันหายไปเอง อัศจรรย์ยิ่งนัก ลองดูครับ
และมันก็จริง ๆ อย่างว่า กลับไปส่อง จุดเดิม หายไปเอง เอ๊ะ มันคือคราบอะไร อัศจรรย์พันลึก ล่องหนได้ด้วย !!!
:L2888:
เป็นเฉพาะกับรถสีขาวหรือเปล่า หรือสีอื่นๆมีใครเคยเจอไหมครับ :L2761:
-
ยินดีที่ได้แบ่งปันความรู้ครับ :L2754:
-
เด๋วลองทำดูบ้างครับ พี่เล็ก
-
เป็นเฉพาะกับรถสีขาวหรือเปล่า หรือสีอื่นๆมีใครเคยเจอไหมครับ :L2761:
คันเก่า สีบรอนซ์ ก็ เจอนะครับ
-
เด๋วลองทำดูบ้างครับ พี่เล็ก
ลองดูแล้ว จะร้อง :L2888: