Pajero Sport Mania ปาเจโร่สปอร์ตมาเนีย
Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) => Performance Talks & Engine Modifications => ข้อความที่เริ่มโดย: ตูมตาม ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2013, 15:03:23
-
หม้อครับหม้อ..........อยากรู้หม้ออะไร....พบกันที่นี่เร็วๆนี้ :L2904: :L2906: :L2901:
(http://upic.me/i/3g/17-60-large.jpg)
-
หม้อครับหม้อ..........อยากรู้หม้ออะไร....พบกันที่นี่เร็วๆนี้ :L2904: :L2906: :L2901:
(http://upic.me/i/3g/17-60-large.jpg)
มัทั้งหม้อ ทั้งปิ่นโต เอาละเว้ยยยยยย ปามาเนียชวนเข้าครัว 5555555
งานนี้สงสัยต้องเกี่ยวกับอะไรไฟ เตาแก็ส หรืออะไรร้อนๆแน่ๆเลย ควันลอยมาเชียว
-
หูดำด้วยไหมครับพี่ตาม :sd42: :sd42: :sd42:
-
ดูน่าติดตาม
:sd13:
เดี๋ยวหากะละมังมาขายบ้าง
:sd42:
-
หม้อครับหม้อ..........อยากรู้หม้ออะไร....พบกันที่นี่เร็วๆนี้ :L2904: :L2906: :L2901:
(http://upic.me/i/3g/17-60-large.jpg)
มีก่องข้าว มีปิ่นโต มีหม้อ จะมีอะไรเพิ่มมาอีก ..พี่ตาม.. ไหนจะสูตรผีบอกอีก บ้านนี้มีของแปลกมาเรื่อยเลย :L2905: :L2905: :L2905:
-
หม้อครับหม้อ..........อยากรู้หม้ออะไร....พบกันที่นี่เร็วๆนี้ :L2904: :L2906: :L2901:
(http://upic.me/i/3g/17-60-large.jpg)
ดูลักษณะของหม้อใบนี้แล้ว :L2750:.....ผิวมันวาว วัสดุค่อนข้างดี หูยึดดูเรียบง่ายแต่แข็งแรง เหมือนงาน hand made เลย ท่าทางจะไม่ธรรมดา :L2734:
-
อยากเอารูปหม้อมาลงบ้างกล้วพี่ๆจะเขามาดูจนระบบล้มนะสิ :L2754:
-
:L4365: :L4365: :L4365: :L2761: :L2761: :L2761:
-
อยากเอารูปหม้อมาลงบ้างกล้วพี่ๆจะเขามาดูจนระบบล้มนะสิ :L2754:
พี่โย
เอามาลงเลยครับ
พอจะรอดูอยู่หน้า web เลย :sd10:
-
เปิดมาก็เจอหน้าหม้อเลยครับ :L2905: :L2905:
-
:L4396: :L4396:เข้ามาเว็บปามาเนียทีไร มีเรื่องให้ขำ และกระเป๋าแหก
แต่ได้ของดีมีคุณภาพ เช่นเดียวกับคุณภาพของเว็บจริงๆ เรื่อง หม้อ
อยากจะดูตอนต่อไปจังเลยครัย ฮาา :L4398: :L4398: :L4399: :L4399: :sd23: :sd23:
ขอบคุณมากๆ ครับ
-
หม้อที่ว่านี่ มีอายุราชการกี่ปีครับ ดูแล้วมีเหตุอันต้องย้ายกรมไปอยู่ราชฑัณฑ์มั้ยเนี่ย :L6428:
-
เปิดมาก็เจอหน้าหม้อเลยครับ :L2905: :L2905:
จริงด้วยพี่ทอม หน้านี่มัน ...หน้าหม้อชัดๆ ...หม้อขาวซะด้วยแสดงว่ายังไม่ผ่านการใช้งาน
:L2905: :L2905: :L2905:
-
:L2905: :L2905: :L2905:
อดใจรอกันหน่อย....ติดตามกันต่อไปว่า....หม้ออะไรเอ่ย......ขาวๆ สดๆ ไม่เคยใช้งาน :L2906: :L2897: :L2901:
(http://upic.me/i/if/10801-1.jpg)
-
เข้ามาดูหม้อ :L4365:
-
มานั่งรอหน้าหม้อ น้ำแฉะไปหมด 55555 :L2894: :L2893: :L4396:
-
สงสัยจะต้องเพิ่ม บอร์ดหน้าแรกเพิ่ม "หน้าหม้อ" รับรองไ้ด้.... จะเป็น บอร์ด ยอดนิยมไปเลย :L6428:
-
เข้ามาปูเสื่อรอดูหม้อพี่ตามทคับ :L2904: :L2904: :L2904:
-
:L4365: ดูด้วยครับ :L2901:
-
ดูแล้ว........หม้อ....... พี่ตาม มีคนสนใจเยอะน้อ
-
เรื่องคือว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ผม พี่ตาม และพี่สุ แวะไปตีหม้อกันมา......
หลังจากนั้นเราต่างก็รอผลการักษาว่าอาการบางอย่างจะหายไปไหม และที่เรียกว่านกเขาไม่ขัน เกี่ยวอะไรกันไหม 5555 รอชมกันต่อไป :L2905: :L2905: :L2905: :L2905:
-
เรื่องคือว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ผม พี่ตาม และพี่สุ แวะไปตีหม้อกันมา......
หลังจากนั้นเราต่างก็รอผลการักษาว่าอาการบางอย่างจะหายไปไหม และที่เรียกว่านกเขาไม่ขัน เกี่ยวอะไรกันไหม 5555 รอชมกันต่อไป :L2905: :L2905: :L2905: :L2905:
ถ้า ผบ.เปิดเข้ามาดู ท่าทางจะมีงานเข้านะครับพี่นะ :L2905: :L2905: :L2905:
-
:L4365: :L4365: :L4365:
มาแอบฟัง ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน บทสรุปออกมามะไหร่
รับรอง งานนี้มี "พลิก"
-
:L4365: :L4365: :L4365:
มาแอบฟัง ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน บทสรุปออกมามะไหร่
รับรอง งานนี้มี "พลิก"
พี่เจมส์ จะพลิกหม้อเหรอครับ
จะให้หม้อคว่ำ หรือ หม้อหงายดีอ่ะ
เอ่ หรือ ว่าหม้อส่าย หว่า :L2905: :L2905: :L2905:
-
:L4365: :L4365: :L4365:
มาแอบฟัง ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน บทสรุปออกมามะไหร่
รับรอง งานนี้มี "พลิก"
พี่เจมส์ จะพลิกหม้อเหรอครับ
จะให้หม้อคว่ำ หรือ หม้อหงายดีอ่ะ
เอ่ หรือ ว่าหม้อส่าย หว่า :L2905: :L2905: :L2905:
ผู้ใหญ่เค้าคุยไรกันอะน้องมะเข้าใจ :L2897: :-*
-
หาๆๆๆๆ อะไรหม้อๆ นะครับ... เมื่อไรดีครับ...
กำลังจะลงมอเตอร์เวย์พอดีเลยครับ...
อิอิ
-
:L4365: :L4365: :L4365:
มาแอบฟัง ผู้ใหญ่เค้าคุยกัน บทสรุปออกมามะไหร่
รับรอง งานนี้มี "พลิก"
พี่เจมส์ จะพลิกหม้อเหรอครับ
จะให้หม้อคว่ำ หรือ หม้อหงายดีอ่ะ
เอ่ หรือ ว่าหม้อส่าย หว่า :L2905: :L2905: :L2905:
แหมๆๆๆ พี่วี มะค่อยเหนหน้าเหนตา พอมาก็เล่นเอาขนลุกเลยน้า
พี่ตามไม่ยอมมาสรุป งานนี้มีหวัง "ไกลก่าทะเล" แน่นอน
:sd42: :sd42: :sd42: :L2901: :L2901:
-
มาดูพี่ๆ เค้ารุมตีหม้อกัน :-* :-*
-
งง......งง........
-
งง......งง........
=พี่จ่าครับ
อย่างงนาน เปิดกระโปรง ก็เห็นหม้อแล้ว :L4396: :L4396: :L4396:
พี่ตามรีบเฉลยหน่อยนะ กระทู้นี้อาจได้รับสิทธิโดนแบน :L2905: :L2905: :L2905:
-
:L4365: เข้ามาดู เพราะว่า จะว่ากันเรื่อง หม้อ แท้ๆเรา .... ได้ยินไม่ได้เล้ย..
-
งง......งง........
=พี่จ่าครับ
อย่างงนาน เปิดกระโปรง ก็เห็นหม้อแล้ว :L4396: :L4396: :L4396:
พี่ตามรีบเฉลยหน่อยนะ กระทู้นี้อาจได้รับสิทธิโดนแบน :L2905: :L2905: :L2905:
จับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิดครับพี่สุ แต่เห๊นว่าประเด็นน่าสนใจ จึงยกผลประโยชน์ให้จำเลยไปก่อน :L2904: :L2736: :L6419:
-
งง......งง........
=พี่จ่าครับ
อย่างงนาน เปิดกระโปรง ก็เห็นหม้อแล้ว :L4396: :L4396: :L4396:
พี่ตามรีบเฉลยหน่อยนะ กระทู้นี้อาจได้รับสิทธิโดนแบน :L2905: :L2905: :L2905:
เปิดกระโปรงมาเห็นแบบนี้ สังเกตุด้วยนะว่าหม้อขาว หรือหม้อดำ
ถ้าหม้อขาวคงดูนานหน่อย ว่าทำอย่างไร
แต่ถ้าหม้อดำคงปิด...พรั๊บ....ปึ๊ง.....ลงในทันที
แต่ถ้ามีน้ำแฉะๆด้วยนะรับรอง :L4396: :L4396: :L4396: :L4396: :L2888: :L2888: :L2888: :L4373:
-
เอาแล้วครับพี่น้อง ชาว pamania :sd06:
-
ยังขาด "ไห" เดี๋ยวเอามานำเสนอ :sd42:
-
วันเปิดหม้อหาแบบนี้ไปช่วยเปิด ด้วยดีกว่า ใครว่าดียกมือขึ้น
(http://upic.me/i/k7/1dsc_0160.jpg)
-
วันเปิดหม้อหาแบบนี้ไปช่วยเปิด ด้วยดีกว่า ใครว่าดียกมือขึ้น
(http://upic.me/i/k7/1dsc_0160.jpg)
:L4365: พี่โย โกหกกันหรือเปล่าเนี่ย ไม่เห็น "หม้อ" เลย ;D
-
วันเปิดหม้อหาแบบนี้ไปช่วยเปิด ด้วยดีกว่า ใครว่าดียกมือขึ้น
(http://upic.me/i/k7/1dsc_0160.jpg)
อะ..... :L2739: :L2739:.....บอกแล้วว่าอย่าเสียงดังไปพี่โย.....เดี๋ยวมีคนมาแย่ง :L6419: :L6419:
-
วันเปิดหม้อหาแบบนี้ไปช่วยเปิด ด้วยดีกว่า ใครว่าดียกมือขึ้น
(http://upic.me/i/k7/1dsc_0160.jpg)
อะ..... :L2739: :L2739:.....บอกแล้วว่าอย่าเสียงดังไปพี่โย.....เดี๋ยวมีคนมาแย่ง :L6419: :L6419:
อ่ะจึ๊ยยยย เค้าไปด้วยๆๆๆ ถึงป่วยก็จะปายยย วันใหนๆๆ เมื่อไหร่ๆๆ :sd42: :sd42: :sd42: :L2901: :L2901:
-
ยังขาด "ไห" เดี๋ยวเอามานำเสนอ :sd42:
"ไหขึ้นรถฟรี"หรือเปล่า พี่ทศ :L2753: :L2901:
-
ยังขาด "ไห" เดี๋ยวเอามานำเสนอ :sd42:
"ไหขึ้นรถฟรี"หรือเปล่า พี่ทศ :L2753: :L2901:
55+ ถ้ารถไฟเต็มขึ้นรถผมแทนก็ได้ครับ
-
ยังขาด "ไห" เดี๋ยวเอามานำเสนอ :sd42:
"ไหขึ้นรถฟรี"หรือเปล่า พี่ทศ :L2753: :L2901:
555 พี่คมมามุกนี้ ขอหลบก่อน :L2901:
:sd42:
-
แอบมองมาสองวันละ เมื่อไรจะเฉลยเนี่ย
ปล.ตอนสมัครเวปนี้ ช่วงแรกๆที่ดูแฟนก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เปิดปามาเนียเมื่อไหร่ เมียมายืนข้างหลังทุกที 555 สงสัยจะกลัวอาการ แหกเรื้อรัง
-
ได้แบบพี่โย ยอมตายเลยผม...
:L2754:
-
แอบมองมาสองวันละ เมื่อไรจะเฉลยเนี่ย
ปล.ตอนสมัครเวปนี้ ช่วงแรกๆที่ดูแฟนก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เปิดปามาเนียเมื่อไหร่ เมียมายืนข้างหลังทุกที 555 สงสัยจะกลัวอาการ แหกเรื้อรัง
ใจเย็นๆครับพี่โจ๊ก หม้องามๆจะเอามาโชว์กันง่ายๆได้ไงครับ หม้อนี้ virgin ซะด้วยนะครับ .... :L4384: :L4384:
-
เข้ามาดูหม้อด้วยคนครับ :L2739: ;D
-
แอบมองมาสองวันละ เมื่อไรจะเฉลยเนี่ย
ปล.ตอนสมัครเวปนี้ ช่วงแรกๆที่ดูแฟนก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เปิดปามาเนียเมื่อไหร่ เมียมายืนข้างหลังทุกที 555 สงสัยจะกลัวอาการ แหกเรื้อรัง
ใจเย็นๆครับพี่โจ๊ก หม้องามๆจะเอามาโชว์กันง่ายๆได้ไงครับ หม้อนี้ virgin ซะด้วยนะครับ .... :L4384: :L4384:
แต่พี่สุแอบไปลูบมาก่อนแล้ว แกยังโทรมาเล่าให้ฟังเลยว่า...พี่นะหม้อสวยว่ะ 5555
-
555 พี่นะอย่าออกอากาศมาก ที่ทำงานผมมีเข้ามาอ่านบ่อยเหมือนกัน :L2905: :L2905: :L2905:
ผมไปดูมา หม้อสวยจริงๆ ครับ แต่ยังไม่ได้ลองนะครับ :L4396: :L4396: :L4396:
-
:sd10: :sd10: :sd10: ชอบๆ หม้อแบบนี้
-
อยากจะเห็นแล้วสิครับ :sd10: :sd10:
-
แอบมองมาสองวันละ เมื่อไรจะเฉลยเนี่ย
ปล.ตอนสมัครเวปนี้ ช่วงแรกๆที่ดูแฟนก็ยังไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เปิดปามาเนียเมื่อไหร่ เมียมายืนข้างหลังทุกที 555 สงสัยจะกลัวอาการ แหกเรื้อรัง
ใจเย็นๆครับพี่โจ๊ก หม้องามๆจะเอามาโชว์กันง่ายๆได้ไงครับ หม้อนี้ virgin ซะด้วยนะครับ .... :L4384: :L4384:
แต่พี่สุแอบไปลูบมาก่อนแล้ว แกยังโทรมาเล่าให้ฟังเลยว่า...พี่นะหม้อสวยว่ะ 5555
ซักอยากเห็วไวไว แล้วซิครับว่าจะเป็นหม้อแบบไหนครับ :L2888:
-
คงไม่ต้องถอดหม้อ hi power ออกกันหรอกนะครับ เพิ่งจะใส่มาเอง
ว่าแต่เมื่อไหร่พี่นะจะโชว์ หม้อ ซักที่ล่ะเนี่ย
ถือว่าเป็นบุคคลที่สมาชิกอยากเห็น หม้อ มากที่สุดเลยนะครับ :sd42: :L2905:
-
:sd42: :sd42:
ใจเย็นๆครับใกล้จะได้แพรมมาให้ชมแล้วครับ ระหว่างรอคลำหม้อขาวๆ เลยไปนั่งจ้องหม้อดำๆไปพลางๆก่อน :L2754:
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/E30734BF-8CED-4356-849D-8A22058D3A91-4358-0000014FA73F6442_zps0c0d46d7.jpg)
-
หม้อใบใหญ่ดีจังครับ ออกดำๆหน่อย ดูแล้วหน้าจะแจ๋ม :L2754:
-
สวัสดีพี่ๆที่เฝ้าติดตามเรื่องหม้อๆทุกท่าน :L2754: :L2754: ..... ได้เวลามาเฉลยซะทีว่าหม้อที่ว่านี้มันคืออะไรกันน้อ :L4363: :L4363:.....หม้อที่ผมหมายถึงในที่นี้คือเจ้านี่ครับ
(http://upic.me/i/so/om6x1.gif)
Credit ภาพจาก www.radiator-th.com
ถูกต้องครับ....มันคือ "หม้อน้ำ" ของน้องปาเรานั่นเอง :L6425: :L6425: :L2754: :L2754:
จริงๆเรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว....มีเหตุการณ์ผ่านเข้ามามากมาย....มีหลายสาเหตุปัจจัยเกิดขึ้น.....มีข้อมูลจากหลายแหล่ง....มีคำปรึกษาจากพี่ๆหลายท่าน.....กว่าจะรวบรวมมาเป็นข้อมูลจากประสบการณ์ (เน้นนะครับ จากประสบการณ์ ภาคทฤษฎีไม่ค่อยถนัด) ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในที่นี้ครับ
เรื่องราวมันยาว.....คงจะเป็นมหากาพย์เรื่องหนึ่งให้พี่ๆที่สนใจติดตามได้เพลิดเพลินกันนะครับ
-
ตอนที่1 จุดเริ่มต้นของความร้อน (แรง)
ต้องขอบอกก่อนว่าน้องปาผมเป็น Y11 2.5VG Turbo 4x4 นะครับ.....ดังนั้นข้อมูลทั้งหมด ที่ผมจะนำมาแชร์ในครั้งนี้เป็นข้อมูลที่มีพื้นฐานมาจากรถรุ่นนี้นะครับ....สำหรับรถรุ่นอื่นๆ เดี๋ยวรอพี่ๆท่านอื่นคงจะมาแชร์กันบ้าง :L2736:
เรื่องราวต้องย้อนไปตั้งแต่ต้นปี 2011 เมื่อผมตัดสินใจที่จะซื้อน้องปา......เริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลต่างๆ หลายแหล่ง....ถึงแม้ผมจะชอบหลายๆอย่างในน้องปา แต่ก็ติดใจอยู่ตรงที่ขนาดของเครื่องกับขนาดของรถ....คือผมเคยใช้ Honda CRV และ Accord เครื่อง 2.4 ซึ่งเป็นเครื่องเบนซิน ซึ่งผมก็ยังรู้สึกว่าเครื่อง 2.4 สำหรับรถทั้ง 2 รุ่นนั้นจะพอรับได้อยู่ในเรื่องของอัตราเร่ง และการออกตัว ซึ่งเครื่อง Honda นั้นขึ้นชื่อว่าจี๊ดจ๊าดอยู่แล้วในเรื่องของการออกตัว.....แต่เมื่อเทียบกับน้องปา เครื่อง 2.5 ถึงแม้จะใส่ VG Turbo เข้ามา แต่ต้องแบกน้ำหนักเกือบ 2 ตัน และเป็นเครื่องดีเซลที่ไม่ถนัดในเรื่องของอัตราเร่งอยู่แล้ว....ผมก็เลยสงสัยว่ามันจะอืดมากมายขนาดไหน จะแบกน้ำหนักตัวถังที่หนักขนาดนั้นได้ยังงัย ..... ซึ่งผลการ test drive ที่โชว์รูม ผมก็พอทราบว่าน้องปาเราออกตัวค่อนข้างช้า ต้องรอรอบให้ Turbo ทำงาน ถึงจะลากเจ้าตัวถังหนักๆนี่ไปได้......ไม่ถูกใจวัยรุ่นอย่างผมเท่าไหร่.....แต่เมื่อเทียบกับทุกอย่างแล้ว....ผมก็ยังตัดสินใจซื้อน้องปา....และคิดว่าเรื่องอัตราเร่ง การออกตัว เดี๋ยวค่อยไปแก้ไขเอา :L2756: :L2756:
หลังจากจองน้องปาเรียบร้อยแล้ว...ผมก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการตกแต่งต่างๆ การปรับปรุงประสิทธิภาพของน้องปาให้ดียิ่งขึ้น......และได้มาอ่านพบ review ของพี่นะ พี่อ๊อด ในบ้านปาโซไซตี้.....ตั้งแต่นั้นมาผมก็เข้ามาอ่าน ศึกษา comment และ review ของพี่นะ พี่อ๊อด ตลอด........อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็อ่านไป......จนสรุปในใจได้ว่า เอาละ กล่องข้าวน้อย 2 ที่พี่นะ พี่อ๊อด review นี่แหละน่าจะช่วยแก้ปัญหาผมได้......จนพี่นะจัด meeting ที่ร้าน iFRIT ครั้งที่ 1 ตอนนั้นผมยังไม่ได้รถ....รู้สึกเสียดายมาก ไม่ได้ไปร่วมเพราะยังไม่มีรถ แถมไม่รู้จักใคร....ออกแนวเขินๆ ไม่กล้าไป......งานครั้งนั้นผ่านไป ผมได้มานั่งอ่าน review จากพี่ๆที่เขาไปร่วมงาน ไปติดกล่องอะไรกันว่ามันดียังไง.......ก็คิดเอาในใจว่า.....เอาละรอได้รถก่อนเหอะ ร้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ เดี๋ยวมั่วเข้าไปติดเองที่ร้านก็ได้วะ :L2754: :L2754:
จนมาช่วงกลางๆปี ผมได้รับน้องปาขาวมาครอบครองสมใจ......หลังจากได้มา ผมก็เริ่มศึกษาการใช้งานจากประสบการณ์จริง...ลองขับ ลองลุย ลองวัดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน.....ถือได้ว่าเป็นรถที่ดีทีเดียว แต่ก็มีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ 2-3 อย่างที่วางแผนไว้ว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพของน้องปาซักหน่อย.....และ 1 ในนั้นก็คือ เรื่องอัตราเร่ง การออกตัว ที่คาใจมาตั้งแต่ก่อนซื้อ.......ก็หาข้อมูลให้มากขึ้น พบว่าเรื่องกล่องอะไรนี่มันมีหลายค่าย หลายสำนักอยู่....บางสำนักเขาว่าดี แต่แพงจัง....บางสำนักก็จะเอาแต่แรง ประมาณซื้อปาแต่จะโมให้มันกลายเป็นเฟอร์รารี่ว่างั้น.....สำนักเหล่านี้ยังไม่เข้าตาผมเท่าไหร่...เพราะผมเน้นเป็นรถใช้งานประจำวัน แค่อยากจะปรับปรุงจุดอ่อนของน้องปาเท่านั้น ไม่ได้แต่งเอาไว้เข้าสนามแข่ง หรือขึ้นไปวิ่งลู่ไดโนบ้าพลังอะไรแบบนั้น.......จึงกลับมาที่กล่องข้าวน้อย ที่พี่นะ พี่อ๊อดได้ review เอาไว้ ซึ่ง concept ของพี่นะ พี่อ๊อด ตรงใจผมมาก ตรงที่ว่า ไม่เน้นเอาแรงจนเสีย safety factor ของเครื่องไป.....เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพของรถให้ดีขึ้น เหมาะกับการใช้งานประจำวัน เหมาะกับเป็นรถครอบครัว....ไม่เน้นแรงแบบบ้าพลัง.....ถ้าบ้าพลังแบบนั้นไม่ต้องซื้อปาครับ ผมมี Civic FD เครื่อง 2.0 แต่งซะจะเป็น transformer อยู่แล้ว......ถึงจะถูกใจ แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปติดนะครับ ด้วยความกลัวที่ว่า เราจะไปคุยกับร้านรู้เรื่องหรือเปล่าวะเนี่ย.....กล่องอะไรก็ไม่รู้ มีท้ายรงท้ายราง แมร่งอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ แถมด้วยอุด EGR ไรนี่อีก....โอ้ยเยอะ....เข้าไปคนเดียว คุยไม่รู้เรื่อง อายเขาอีก........เก็บความอยากไว้ต่อไปครับ....หาข้อมูลไปเรื่อยๆ....รอไปเรื่อยๆ .... ประมาณว่า ไม่รีบว่างั้น :L2732: :L2732:
เดชบุญ (หรือบาปหว่า :L2761:) จากนั้นไม่นาน พี่นะก็จัด meeting ที่ร้าน iFRIT อีกครั้งเป็น meeting ครั้งที่ 2......... :L2754: :L2754: คราวนี้แหละ ไม่พลาด พร้อมละตรู ได้ :L6415: กับเขาซักทีละทีนี้ :L4384:.....แต่ก่อนหน้าจะถึงวัน meeting ไม่นาน.....มี review มาจากพี่ท่านนึง (ขอสงวนนามไว้นะครับ) รถเค้าเป็นรุ่นเดียวกับผมเป๊ะๆเลย 2.5VG Turbo 4x4......ลงกล่องข้าวน้อยเรียบร้อย.....แต่มีปัญหาเรื่องความร้อนครับ....พี่ท่านนั้นมา post review ในเชิงสอบถามพี่นะ พี่อ๊อด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก....ผมก็ทราบแค่ว่า รถพี่แกติดกล่องข้าวน้อยแล้วเครื่องร้อน......เอาละซิ ลังเลแล้วซิผม....เท่าที่อ่านข้อมูลดันเป็นรุ่นนี้รุ่นเดียวซะด้วย....พวก ขับเคลื่อน 2 ล้อก็ไม่เป็น พวกเครื่อง 3.2 ก็ไม่ร้อน.......กลับไปนอนคิดอีกหลายตลบว่าจะเอายังงัย.......สุดท้าย....เอาวะ.....เป็นไงเป็นกัน....ลองกันดูซักตั้ง...ยังงัยก็คงมีพี่ๆคอยให้คำแนะนำกันบ้างละวะว่าจะแก้ยังงัย......เห็นว่ามันเป็นกล่องมาเสียบ...ถ้าไม่ไหว ก็ถอดทิ้งซะ.....และปลอบใจตัวเองอีกหน่อยว่า อาจเป็นที่รถพี่ท่านนั้นคนเดียวก็ได้ม้าาาาาาาาาาาาาาาง :sd42: :sd42: :sd42: ก็ไม่เห็นมีคนอื่นๆที่มาติดเขามาบ่นนี่หน่า :sd42: :sd42: :sd42:
ทั้งหมดนั้นจึงเป็นที่มาของความร้อน(แรง) ในน้องปาขาวอวบของผมครับ....ใน meeting ครั้งที่ 2 ที่พี่นะ พี่อ๊อดจัดนั้น....ผมได้ติดกล่องข้าวน้อย2....ซึ่งมาพร้อม smart gauge....เป็นอุปกรณ์การเสริมประสิทธิภาพเครื่องยนต์ชิ้นแรกในน้องปาผมครับ :L2734: :L2734: และผมก็มาทราบเมื่อหลังติดเสร็จแล้วว่า รถผมเป็นคันที่ 2 เท่านั้นที่เป็น รุ่น 2.5VG Turbo 4x4 ที่เข้ามาติดกล่องข้าวน้อย2 ณ เวลานั้น :L2739: :L2739: :L2739: :L2879: ซวยแล้วตรู
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
-
ตอนที่ 2 โมเครื่องใหม่ หัวใจร้อนรุ่ม (ร้อนมว๊าาาาาาาาาก)
เอาละครับ มาต่อกันในตอนที่ 2.........ตอนที่ผมติดกล่องข้าวน้อยนั้น พี่นะมีออกโปรโมชั่น อุด EGR ฟรี ทำท้ายรางฟรี.....ประมาณว่า step 1 กับ step 2 เสียเงินเท่ากัน.....งั้นช้าอยู่ใย...จัด step2 ไปเลยพี่อย่าช้า.......ตอนนั้นปัญหาเรื่องเครื่องร้อนถูกลบเลือนไปด้วยบรรยากาศเม้ากันมันหยดในงาน meeting....ได้เห็นรถแต่งงามๆหลายๆคัน...มัวแต่นั่งฟังพี่นะ พี่อ๊อด คุยจนเพลิน.....รถผมอยู่คิวที่ 4 หรือ 5 นี่แหละ ที่จะติดกล่องข้าวน้อย......ผ่านไปถึงประมาณเที่ยง....มีพี่คนนึง (ทราบทีหลังว่าคือพี่ปอนด์) มาบอกว่า พี่ๆ รถพี่เสร็จแล้ว ลองเอาไปเทสดู........ :L2888:......ในที่สุดจะได้ลองน้องปาโฉมใหม่แล้ว.....ไม่รอช้าครับ กระโดดขึ้นรถ.....มาเห็นไอ้เจ้า smart gauge นั่งทำหน้าเศร้าๆอยู่หน้ารถ พร้อมตัวเลขแมวอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด....พี่ปอนด์คนเดิมเดินมาสอนบอกวิธีการใช้มัน ปรับยังงัย ตั้งค่ายังงัย กันขโมยตั้งแบบไหน ค่านี้หมายถึงอะไร ค่าโน้นหมายถึงอะไร...... :sd42: :sd42: :sd42:....สารภาพเลย....ไอ้ที่พี่ปอนด์อธิบายมานั้น ผมจำได้แค่ 5% ที่เหลืออีก 95% ใส่พานส่งคืนพี่ปอนด์ไปหมดตั้งกะ 5 นาทีหลังพี่ปอนด์อธิบายจบ :sd42: :sd42: :sd42:
เอาหละ...เสร็จพิธีกรรมอบรมการใช้งานละ...ลองจริงกันเลย.....พอถอยรถตั้งลำออกจากซอยได้ปุ๊บ.....กดเลยครับ :sd42: :sd42:.....ได้ยินเสียงดัง "เอี๊ยยยยยยยยยยยยยยยด" เสียงยางเบิร์นล้อฟรี....โอ้ววววว ไม่น่าเชื่อ แค่กล่องเล็กๆใบเดียวจะทำให้รถเครื่องดีเซล ใหญ่ หนัก ขนาดนี้ออกตัวล้อฟรีได้ :L4384: .......ผมยกคันเร่งนิดนึง เพื่อไม่ให้มันฟรีทิ้งซะหมด......รอบตกลงนิดแล้วกดต่อเลยครับ......เจ้าปาขาวก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว......ครั้งแรกที่ขับต้องบอกเลยว่า อืม.....ออกตัวดีขึ้นเยอะ.....กดปุ๊บเป็นมา ไม่ต้องรอรอบ.....แบบนี้ซิถึงจะกระฉับกระเฉงหน่อย......ในใจผมนึกถึงแต่ความแรง อัตราเร่งที่ดีขึ้น ทำให้น้องปากลายเป็นรถที่น่าขับมากขึ้นแยะเลย :sd42: :sd42:....ถูกใจวัยรุ่นอย่างผมว่างั้น :sd42: :sd42:.......แต่ทันใดนั้นเอง :L2739: :L2739:.....ก็มีเสียง "ปี๊ดดดดดดดดดด" ดังมาจาก Smart Gauge ผมเหลือบตาไปมอง......เห็นมีไฟเตือนขึ้นที่ค่า ECT (Engine Coolant Temperature).....ค่านี้เป็นค่าเดียวละมั้งที่ผมจำได้จากการอธิบายของพี่ปอนด์ทั้งหมด.....เหลือบไปมองตัวเลข......ทะลุ 100 องศาไปแล้ว........ตอนนั้น review ของพี่ที่มาติดก่อนผมแว๊บบบบบเข้ามาในหัวทันที.....พร้อมกับนึกในใจว่า เอาแล้วตรู งานเข้าซะแล้ว.....อาการเดียวกันเลย....เครื่องร้อนแหงๆ......แต่ยังตั้งสติครับ....ไม่ตื่นจนเกินไป....ยกคันเร่งขึ้นก่อน.....สายตาเหลือบไปมองที่เข็มวัดอุณหภูมิที่หน้าปัดน้องปา......อ้าว..เฮ้ย....ทำไมเข็มมันไม่ขยับวะ.....แล้ว smart gauge มันร้องเตือนได้ไง ตกลงมันร้อนหรือเปล่าหว่า........หลายคำถามแว๊บเข้ามาในหัว.....หรือเข็มวัดอุณหภูมิเราจะเสีย.....หรือ Smart Gauge มันจะอ่านค่าเพี้ยน.....แล้วนี่ตกลงมันร้อนหรือเปล่าวะเนี่ย....เง็ง :sd06:.......เก็บคำถามพวกนี้ไว้ก่อน....ตั้งสติ.....ขับต่อ.....กดคันเร่งเบาๆ....มองดูค่า ECT ที่ Smart gauge เห็นตัวเลขความร้อนเริ่มลดลงจาก 100 กว่า ลงมาเหลือ 98-99.....Smart Gauge หยุดร้อง.......ขับไปเรื่อยๆ ในใจก็คิดโน่นคิดนี่....เริ่มกลุ้ม เริ่มเซ็ง......จนมาถึงถนนอักษะ อันเป็นสถานที่ลองรถประจำของพี่ๆที่ไปใช้บริการที่ร้าน iFRIT.....จดรถสงบนิ่ง....ตั้งสติก่อน.......มันเป็นที่รถ....หรือมันเป็นที่คน :L2761:
คนที่ผมหมายถึงก็คือตัวผมเองครับ.....และหมายถึงวิธีการขับของผม....ตอนออกจากร้านมา ด้วยความมันกดคันเร่งซะมิด....เป็นไปได้ที่เครื่องเมื่อมีการปรับแต่ง ความร้อนก็เพิ่มขึ้น วิธีการขับของเราอาจจะผิดก็ได้.....พอคิดได้แบบนี้ก็ลองใหม่ครับ....ไม่ใช่วิธีขับแบบใหม่นะครับ....ลองขับมันแบบเดิมนั่นแหละ....ดูซิว่ามันจะร้องเตือนอีกมั๊ย.....ว่าแล้วก็กดเป็นเต็มเหนี่ยวครับ.....ออกตัวอย่างแรง กดค้าง ลากรอบ.....ผลคือ Smart gauge ร้องเตือน...ความร้อนขึ้นไปเกิน 100 อีกครั้ง.....ok ยกคันเร่ง เบาเครื่อง กลับรถ มาจอด เตรียมลองรอบต่อไป......รอบแรก แสดงว่าการขับแบบกดมิด แช่นาน แบบนี้คงไม่เหมาะกับรถ....แต่ก็ยังแปลกใจว่า ตลอดเวลาที่ขับ ไอ้เข็มความร้อนนี่มันไม่เห็นจะขยับเลย......ไม่เป็นไร ช่างมันก่อนเรื่องเข็ม.....ลองใหม่....คราวนี้ลองกดไม่มิด เอาแบบค่อยๆขึ้น แต่กดแช่ยาวๆ....ผลก็คือ อุณหภูมิ ยังขึ้นเกิน 100 อยู่ดี....ลองแบบนี้อยู่หลายรอบ บางรอบก็ไม่เกินร้อยแต่ก็อยู่ประมาณ 99 บางรอบก็เกินร้อย....ฟังเสียง smart gauge เตือนจนปวดหู
เอาละ....จอดรถ...คิดก่อน....เอ ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ขับไม่ได้เลยซิ มันร้องเตือนตลอด ความร้อนทะลุ 100 ได้ง่ายๆ แบบนี้จะขับยังงัยหว่า......คิดไปคิดมา...เอ้า....ลองใหม่.....ลองแบบค่อยๆเติมคันเร่งในรอบต้น และใช้วิธี กดแล้วยก ยกแล้วกด ค่อยๆเติมแบบนี้ไปเรื่อยๆ....ผลคือความร้อนไม่เกิน 100 ละ....มาวนเวียนอยู่ที่ 97-99....ลองอยู่หลายรอบก็เป็นเหมือนเดิม.....เอาละโว้ย เจอวิธีขับแล้ว......ไม่เป็นไร ขับแบบนี้ไปก่อน เดี๋ยวไปหาข้อมูลอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน....อย่างน้อยก็พอขับไปได้ อุณหภูมิ ไม่สูงเกินจนร้องเตือนก็ ok แล้ว.....และอย่างน้อยก็ได้รอบต้นดีขึ้น เพียงแต่ต้องเปลี่ยนวิธีขับเล็กน้อย.....จากนั้นก็เลยกลับไปที่ร้าน iFRIT
หลังจากกลับมาที่ร้านก็มาอัพเดทให้พี่ปอนด์ฟังเรื่องความร้อน และเรื่องวิธีขับที่ทั้งทำให้ร้อน และวิธีที่ประคองไม่ให้ร้อนได้.....ได้รับการอธิบายจากพี่ปอนด์ว่า ไม่ต้องตกใจกับการเตือนของ smart gauge ที่มันเตือนไม่ใช่บอกว่าเครื่องพังแล้ว แต่เป็นการเตือนเพื่อบอกว่า ให้ยกคันเร่งหน่อย ถ้าเหยียบต่อหนูจะพังแล้วนะ......อ๊ะ....อย่างงี้พอได้ ไม่ใช่เตือนว่าพังแล้ว แต่เตือนว่าถ้ากดต่อจะพัง....อย่างงี้ถ้ามันเตือนแล้วถอนคันเร่งก็ยังพอทันนิ.... :L2736:...เอาละอย่างน้อยยังพอขับได้ ไม่ต้องถอดกล่องทิ้ง......พี่ปอนด์บอกว่าให้ลองใช้ไปก่อน เก็บข้อมูลมาแชร์กัน แล้วเดี๋ยวมาหาวิธีแก้ปัญหากันอีกที
สรุป....จากงาน meeting ครั้งนั้น....ผมได้แรงสมใจ และได้ร้อนมาเป็นของแถม พร้อมคำถามในใจอีกเพียบที่ยังต้องไปหาคำตอบต่อไป :L2761: :L2761:
(โปรดติดตามตอนต่อไป คืนนี้ไปนอนก่อนละคร้าาาาบ) :L4400:
-
สวัสดีพี่ๆที่เฝ้าติดตามเรื่องหม้อๆทุกท่าน :L2754: :L2754: ..... ได้เวลามาเฉลยซะทีว่าหม้อที่ว่านี้มันคืออะไรกันน้อ :L4363: :L4363:.....หม้อที่ผมหมายถึงในที่นี้คือเจ้านี่ครับ
(http://upic.me/i/so/om6x1.gif)
Credit ภาพจาก www.radiator-th.com
ถูกต้องครับ....มันคือ "หม้อน้ำ" ของน้องปาเรานั่นเอง :L6425: :L6425: :L2754: :L2754:
จริงๆเรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว....มีเหตุการณ์ผ่านเข้ามามากมาย....มีหลายสาเหตุปัจจัยเกิดขึ้น.....มีข้อมูลจากหลายแหล่ง....มีคำปรึกษาจากพี่ๆหลายท่าน.....กว่าจะรวบรวมมาเป็นข้อมูลจากประสบการณ์ (เน้นนะครับ จากประสบการณ์ ภาคทฤษฎีไม่ค่อยถนัด) ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังในที่นี้ครับ
เรื่องราวมันยาว.....คงจะเป็นมหากาพย์เรื่องหนึ่งให้พี่ๆที่สนใจติดตามได้เพลิดเพลินกันนะครับ
ก่อนจะอ่านมหากาพย์ต่อ ขอกระแทก :L6428: ให้หนึ่งดอกก่อนเลย สำหรับความร้อนแรงที่ผ่านมาสามหน้าแบบไม่รู้เรื่องอะไร นอกจากหม้อขาวหม้อดำ :L2905: :L2905:
-
ตอนที่1 จุดเริ่มต้นของความร้อน (แรง)
ต้องขอบอกก่อนว่าน้องปาผมเป็น Y11 2.5VG Turbo 4x4 นะครับ.....ดังนั้นข้อมูลทั้งหมด ที่ผมจะนำมาแชร์ในครั้งนี้เป็นข้อมูลที่มีพื้นฐานมาจากรถรุ่นนี้นะครับ....สำหรับรถรุ่นอื่นๆ เดี๋ยวรอพี่ๆท่านอื่นคงจะมาแชร์กันบ้าง :L2736:
เรื่องราวต้องย้อนไปตั้งแต่ต้นปี 2011 เมื่อผมตัดสินใจที่จะซื้อน้องปา......เริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลต่างๆ หลายแหล่ง....ถึงแม้ผมจะชอบหลายๆอย่างในน้องปา แต่ก็ติดใจอยู่ตรงที่ขนาดของเครื่องกับขนาดของรถ....คือผมเคยใช้ Honda CRV และ Accord เครื่อง 2.4 ซึ่งเป็นเครื่องเบนซิน ซึ่งผมก็ยังรู้สึกว่าเครื่อง 2.4 สำหรับรถทั้ง 2 รุ่นนั้นจะพอรับได้อยู่ในเรื่องของอัตราเร่ง และการออกตัว ซึ่งเครื่อง Honda นั้นขึ้นชื่อว่าจี๊ดจ๊าดอยู่แล้วในเรื่องของการออกตัว.....แต่เมื่อเทียบกับน้องปา เครื่อง 2.5 ถึงแม้จะใส่ VG Turbo เข้ามา แต่ต้องแบกน้ำหนักเกือบ 2 ตัน และเป็นเครื่องดีเซลที่ไม่ถนัดในเรื่องของอัตราเร่งอยู่แล้ว....ผมก็เลยสงสัยว่ามันจะอืดมากมายขนาดไหน จะแบกน้ำหนักตัวถังที่หนักขนาดนั้นได้ยังงัย ..... ซึ่งผลการ test drive ที่โชว์รูม ผมก็พอทราบว่าน้องปาเราออกตัวค่อนข้างช้า ต้องรอรอบให้ Turbo ทำงาน ถึงจะลากเจ้าตัวถังหนักๆนี่ไปได้......ไม่ถูกใจวัยรุ่นอย่างผมเท่าไหร่.....แต่เมื่อเทียบกับทุกอย่างแล้ว....ผมก็ยังตัดสินใจซื้อน้องปา....และคิดว่าเรื่องอัตราเร่ง การออกตัว เดี๋ยวค่อยไปแก้ไขเอา :L2756: :L2756:
หลังจากจองน้องปาเรียบร้อยแล้ว...ผมก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการตกแต่งต่างๆ การปรับปรุงประสิทธิภาพของน้องปาให้ดียิ่งขึ้น......และได้มาอ่านพบ review ของพี่นะ พี่อ๊อด ในบ้านปาโซไซตี้.....ตั้งแต่นั้นมาผมก็เข้ามาอ่าน ศึกษา comment และ review ของพี่นะ พี่อ๊อด ตลอด........อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็อ่านไป......จนสรุปในใจได้ว่า เอาละ กล่องข้าวน้อย 2 ที่พี่นะ พี่อ๊อด review นี่แหละน่าจะช่วยแก้ปัญหาผมได้......จนพี่นะจัด meeting ที่ร้าน iFRIT ครั้งที่ 1 ตอนนั้นผมยังไม่ได้รถ....รู้สึกเสียดายมาก ไม่ได้ไปร่วมเพราะยังไม่มีรถ แถมไม่รู้จักใคร....ออกแนวเขินๆ ไม่กล้าไป......งานครั้งนั้นผ่านไป ผมได้มานั่งอ่าน review จากพี่ๆที่เขาไปร่วมงาน ไปติดกล่องอะไรกันว่ามันดียังไง.......ก็คิดเอาในใจว่า.....เอาละรอได้รถก่อนเหอะ ร้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ เดี๋ยวมั่วเข้าไปติดเองที่ร้านก็ได้วะ :L2754: :L2754:
จนมาช่วงกลางๆปี ผมได้รับน้องปาขาวมาครอบครองสมใจ......หลังจากได้มา ผมก็เริ่มศึกษาการใช้งานจากประสบการณ์จริง...ลองขับ ลองลุย ลองวัดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน.....ถือได้ว่าเป็นรถที่ดีทีเดียว แต่ก็มีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ 2-3 อย่างที่วางแผนไว้ว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพของน้องปาซักหน่อย.....และ 1 ในนั้นก็คือ เรื่องอัตราเร่ง การออกตัว ที่คาใจมาตั้งแต่ก่อนซื้อ.......ก็หาข้อมูลให้มากขึ้น พบว่าเรื่องกล่องอะไรนี่มันมีหลายค่าย หลายสำนักอยู่....บางสำนักเขาว่าดี แต่แพงจัง....บางสำนักก็จะเอาแต่แรง ประมาณซื้อปาแต่จะโมให้มันกลายเป็นเฟอร์รารี่ว่างั้น.....สำนักเหล่านี้ยังไม่เข้าตาผมเท่าไหร่...เพราะผมเน้นเป็นรถใช้งานประจำวัน แค่อยากจะปรับปรุงจุดอ่อนของน้องปาเท่านั้น ไม่ได้แต่งเอาไว้เข้าสนามแข่ง หรือขึ้นไปวิ่งลู่ไดโนบ้าพลังอะไรแบบนั้น.......จึงกลับมาที่กล่องข้าวน้อย ที่พี่นะ พี่อ๊อดได้ review เอาไว้ ซึ่ง concept ของพี่นะ พี่อ๊อด ตรงใจผมมาก ตรงที่ว่า ไม่เน้นเอาแรงจนเสีย safety factor ของเครื่องไป.....เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพของรถให้ดีขึ้น เหมาะกับการใช้งานประจำวัน เหมาะกับเป็นรถครอบครัว....ไม่เน้นแรงแบบบ้าพลัง.....ถ้าบ้าพลังแบบนั้นไม่ต้องซื้อปาครับ ผมมี Civic FD เครื่อง 2.0 แต่งซะจะเป็น transformer อยู่แล้ว......ถึงจะถูกใจ แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปติดนะครับ ด้วยความกลัวที่ว่า เราจะไปคุยกับร้านรู้เรื่องหรือเปล่าวะเนี่ย.....กล่องอะไรก็ไม่รู้ มีท้ายรงท้ายราง แมร่งอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ แถมด้วยอุด EGR ไรนี่อีก....โอ้ยเยอะ....เข้าไปคนเดียว คุยไม่รู้เรื่อง อายเขาอีก........เก็บความอยากไว้ต่อไปครับ....หาข้อมูลไปเรื่อยๆ....รอไปเรื่อยๆ .... ประมาณว่า ไม่รีบว่างั้น :L2732: :L2732:
เดชบุญ (หรือบาปหว่า :L2761:) จากนั้นไม่นาน พี่นะก็จัด meeting ที่ร้าน iFRIT อีกครั้งเป็น meeting ครั้งที่ 2......... :L2754: :L2754: คราวนี้แหละ ไม่พลาด พร้อมละตรู ได้ :L6415: กับเขาซักทีละทีนี้ :L4384:.....แต่ก่อนหน้าจะถึงวัน meeting ไม่นาน.....มี review มาจากพี่ท่านนึง (ขอสงวนนามไว้นะครับ) รถเค้าเป็นรุ่นเดียวกับผมเป๊ะๆเลย 2.5VG Turbo 4x4......ลงกล่องข้าวน้อยเรียบร้อย.....แต่มีปัญหาเรื่องความร้อนครับ....พี่ท่านนั้นมา post review ในเชิงสอบถามพี่นะ พี่อ๊อด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก....ผมก็ทราบแค่ว่า รถพี่แกติดกล่องข้าวน้อยแล้วเครื่องร้อน......เอาละซิ ลังเลแล้วซิผม....เท่าที่อ่านข้อมูลดันเป็นรุ่นนี้รุ่นเดียวซะด้วย....พวก ขับเคลื่อน 2 ล้อก็ไม่เป็น พวกเครื่อง 3.2 ก็ไม่ร้อน.......กลับไปนอนคิดอีกหลายตลบว่าจะเอายังงัย.......สุดท้าย....เอาวะ.....เป็นไงเป็นกัน....ลองกันดูซักตั้ง...ยังงัยก็คงมีพี่ๆคอยให้คำแนะนำกันบ้างละวะว่าจะแก้ยังงัย......เห็นว่ามันเป็นกล่องมาเสียบ...ถ้าไม่ไหว ก็ถอดทิ้งซะ.....และปลอบใจตัวเองอีกหน่อยว่า อาจเป็นที่รถพี่ท่านนั้นคนเดียวก็ได้ม้าาาาาาาาาาาาาาาง :sd42: :sd42: :sd42: ก็ไม่เห็นมีคนอื่นๆที่มาติดเขามาบ่นนี่หน่า :sd42: :sd42: :sd42:
ทั้งหมดนั้นจึงเป็นที่มาของความร้อน(แรง) ในน้องปาขาวอวบของผมครับ....ใน meeting ครั้งที่ 2 ที่พี่นะ พี่อ๊อดจัดนั้น....ผมได้ติดกล่องข้าวน้อย2....ซึ่งมาพร้อม smart gauge....เป็นอุปกรณ์การเสริมประสิทธิภาพเครื่องยนต์ชิ้นแรกในน้องปาผมครับ :L2734: :L2734: และผมก็มาทราบเมื่อหลังติดเสร็จแล้วว่า รถผมเป็นคันที่ 2 เท่านั้นที่เป็น รุ่น 2.5VG Turbo 4x4 ที่เข้ามาติดกล่องข้าวน้อย2 ณ เวลานั้น :L2739: :L2739: :L2739: :L2879: ซวยแล้วตรู
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
:sd42: :sd42: :sd42: ขำกลิ้งเมื่ออ่านตัวแดงจบ
สู้อดทนศึกษาอยู่แรมปี มาหลงกล พี่นะกับพี่อ๊อดซะแล้ว :L4396: :L4396: :L4396:
-
ตอนที่ 2 โมเครื่องใหม่ หัวใจร้อนรุ่ม (ร้อนมว๊าาาาาาาาาก)
เอาละครับ มาต่อกันในตอนที่ 2.........ตอนที่ผมติดกล่องข้าวน้อยนั้น พี่นะมีออกโปรโมชั่น อุด EGR ฟรี ทำท้ายรางฟรี.....ประมาณว่า step 1 กับ step 2 เสียเงินเท่ากัน.....งั้นช้าอยู่ใย...จัด step2 ไปเลยพี่อย่าช้า.......ตอนนั้นปัญหาเรื่องเครื่องร้อนถูกลบเลือนไปด้วยบรรยากาศเม้ากันมันหยดในงาน meeting....ได้เห็นรถแต่งงามๆหลายๆคัน...มัวแต่นั่งฟังพี่นะ พี่อ๊อด คุยจนเพลิน.....รถผมอยู่คิวที่ 4 หรือ 5 นี่แหละ ที่จะติดกล่องข้าวน้อย......ผ่านไปถึงประมาณเที่ยง....มีพี่คนนึง (ทราบทีหลังว่าคือพี่ปอนด์) มาบอกว่า พี่ๆ รถพี่เสร็จแล้ว ลองเอาไปเทสดู........ :L2888:......ในที่สุดจะได้ลองน้องปาโฉมใหม่แล้ว.....ไม่รอช้าครับ กระโดดขึ้นรถ.....มาเห็นไอ้เจ้า smart gauge นั่งทำหน้าเศร้าๆอยู่หน้ารถ พร้อมตัวเลขแมวอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด....พี่ปอนด์คนเดิมเดินมาสอนบอกวิธีการใช้มัน ปรับยังงัย ตั้งค่ายังงัย กันขโมยตั้งแบบไหน ค่านี้หมายถึงอะไร ค่าโน้นหมายถึงอะไร...... :sd42: :sd42: :sd42:....สารภาพเลย....ไอ้ที่พี่ปอนด์อธิบายมานั้น ผมจำได้แค่ 5% ที่เหลืออีก 95% ใส่พานส่งคืนพี่ปอนด์ไปหมดตั้งกะ 5 นาทีหลังพี่ปอนด์อธิบายจบ :sd42: :sd42: :sd42:
เอาหละ...เสร็จพิธีกรรมอบรมการใช้งานละ...ลองจริงกันเลย.....พอถอยรถตั้งลำออกจากซอยได้ปุ๊บ.....กดเลยครับ :sd42: :sd42:.....ได้ยินเสียงดัง "เอี๊ยยยยยยยยยยยยยยยด" เสียงยางเบิร์นล้อฟรี....โอ้ววววว ไม่น่าเชื่อ แค่กล่องเล็กๆใบเดียวจะทำให้รถเครื่องดีเซล ใหญ่ หนัก ขนาดนี้ออกตัวล้อฟรีได้ :L4384: .......ผมยกคันเร่งนิดนึง เพื่อไม่ให้มันฟรีทิ้งซะหมด......รอบตกลงนิดแล้วกดต่อเลยครับ......เจ้าปาขาวก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว......ครั้งแรกที่ขับต้องบอกเลยว่า อืม.....ออกตัวดีขึ้นเยอะ.....กดปุ๊บเป็นมา ไม่ต้องรอรอบ.....แบบนี้ซิถึงจะกระฉับกระเฉงหน่อย......ในใจผมนึกถึงแต่ความแรง อัตราเร่งที่ดีขึ้น ทำให้น้องปากลายเป็นรถที่น่าขับมากขึ้นแยะเลย :sd42: :sd42:....ถูกใจวัยรุ่นอย่างผมว่างั้น :sd42: :sd42:.......แต่ทันใดนั้นเอง :L2739: :L2739:.....ก็มีเสียง "ปี๊ดดดดดดดดดด" ดังมาจาก Smart Gauge ผมเหลือบตาไปมอง......เห็นมีไฟเตือนขึ้นที่ค่า ECT (Engine Coolant Temperature).....ค่านี้เป็นค่าเดียวละมั้งที่ผมจำได้จากการอธิบายของพี่ปอนด์ทั้งหมด.....เหลือบไปมองตัวเลข......ทะลุ 100 องศาไปแล้ว........ตอนนั้น review ของพี่ที่มาติดก่อนผมแว๊บบบบบเข้ามาในหัวทันที.....พร้อมกับนึกในใจว่า เอาแล้วตรู งานเข้าซะแล้ว.....อาการเดียวกันเลย....เครื่องร้อนแหงๆ......แต่ยังตั้งสติครับ....ไม่ตื่นจนเกินไป....ยกคันเร่งขึ้นก่อน.....สายตาเหลือบไปมองที่เข็มวัดอุณหภูมิที่หน้าปัดน้องปา......อ้าว..เฮ้ย....ทำไมเข็มมันไม่ขยับวะ.....แล้ว smart gauge มันร้องเตือนได้ไง ตกลงมันร้อนหรือเปล่าหว่า........หลายคำถามแว๊บเข้ามาในหัว.....หรือเข็มวัดอุณหภูมิเราจะเสีย.....หรือ Smart Gauge มันจะอ่านค่าเพี้ยน.....แล้วนี่ตกลงมันร้อนหรือเปล่าวะเนี่ย....เง็ง :sd06:.......เก็บคำถามพวกนี้ไว้ก่อน....ตั้งสติ.....ขับต่อ.....กดคันเร่งเบาๆ....มองดูค่า ECT ที่ Smart gauge เห็นตัวเลขความร้อนเริ่มลดลงจาก 100 กว่า ลงมาเหลือ 98-99.....Smart Gauge หยุดร้อง.......ขับไปเรื่อยๆ ในใจก็คิดโน่นคิดนี่....เริ่มกลุ้ม เริ่มเซ็ง......จนมาถึงถนนอักษะ อันเป็นสถานที่ลองรถประจำของพี่ๆที่ไปใช้บริการที่ร้าน iFRIT.....จดรถสงบนิ่ง....ตั้งสติก่อน.......มันเป็นที่รถ....หรือมันเป็นที่คน :L2761:
คนที่ผมหมายถึงก็คือตัวผมเองครับ.....และหมายถึงวิธีการขับของผม....ตอนออกจากร้านมา ด้วยความมันกดคันเร่งซะมิด....เป็นไปได้ที่เครื่องเมื่อมีการปรับแต่ง ความร้อนก็เพิ่มขึ้น วิธีการขับของเราอาจจะผิดก็ได้.....พอคิดได้แบบนี้ก็ลองใหม่ครับ....ไม่ใช่วิธีขับแบบใหม่นะครับ....ลองขับมันแบบเดิมนั่นแหละ....ดูซิว่ามันจะร้องเตือนอีกมั๊ย.....ว่าแล้วก็กดเป็นเต็มเหนี่ยวครับ.....ออกตัวอย่างแรง กดค้าง ลากรอบ.....ผลคือ Smart gauge ร้องเตือน...ความร้อนขึ้นไปเกิน 100 อีกครั้ง.....ok ยกคันเร่ง เบาเครื่อง กลับรถ มาจอด เตรียมลองรอบต่อไป......รอบแรก แสดงว่าการขับแบบกดมิด แช่นาน แบบนี้คงไม่เหมาะกับรถ....แต่ก็ยังแปลกใจว่า ตลอดเวลาที่ขับ ไอ้เข็มความร้อนนี่มันไม่เห็นจะขยับเลย......ไม่เป็นไร ช่างมันก่อนเรื่องเข็ม.....ลองใหม่....คราวนี้ลองกดไม่มิด เอาแบบค่อยๆขึ้น แต่กดแช่ยาวๆ....ผลก็คือ อุณหภูมิ ยังขึ้นเกิน 100 อยู่ดี....ลองแบบนี้อยู่หลายรอบ บางรอบก็ไม่เกินร้อยแต่ก็อยู่ประมาณ 99 บางรอบก็เกินร้อย....ฟังเสียง smart gauge เตือนจนปวดหู
เอาละ....จอดรถ...คิดก่อน....เอ ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็ขับไม่ได้เลยซิ มันร้องเตือนตลอด ความร้อนทะลุ 100 ได้ง่ายๆ แบบนี้จะขับยังงัยหว่า......คิดไปคิดมา...เอ้า....ลองใหม่.....ลองแบบค่อยๆเติมคันเร่งในรอบต้น และใช้วิธี กดแล้วยก ยกแล้วกด ค่อยๆเติมแบบนี้ไปเรื่อยๆ....ผลคือความร้อนไม่เกิน 100 ละ....มาวนเวียนอยู่ที่ 97-99....ลองอยู่หลายรอบก็เป็นเหมือนเดิม.....เอาละโว้ย เจอวิธีขับแล้ว......ไม่เป็นไร ขับแบบนี้ไปก่อน เดี๋ยวไปหาข้อมูลอย่างอื่นก่อนแล้วค่อยว่ากัน....อย่างน้อยก็พอขับไปได้ อุณหภูมิ ไม่สูงเกินจนร้องเตือนก็ ok แล้ว.....และอย่างน้อยก็ได้รอบต้นดีขึ้น เพียงแต่ต้องเปลี่ยนวิธีขับเล็กน้อย.....จากนั้นก็เลยกลับไปที่ร้าน iFRIT
หลังจากกลับมาที่ร้านก็มาอัพเดทให้พี่ปอนด์ฟังเรื่องความร้อน และเรื่องวิธีขับที่ทั้งทำให้ร้อน และวิธีที่ประคองไม่ให้ร้อนได้.....ได้รับการอธิบายจากพี่ปอนด์ว่า ไม่ต้องตกใจกับการเตือนของ smart gauge ที่มันเตือนไม่ใช่บอกว่าเครื่องพังแล้ว แต่เป็นการเตือนเพื่อบอกว่า ให้ยกคันเร่งหน่อย ถ้าเหยียบต่อหนูจะพังแล้วนะ......อ๊ะ....อย่างงี้พอได้ ไม่ใช่เตือนว่าพังแล้ว แต่เตือนว่าถ้ากดต่อจะพัง....อย่างงี้ถ้ามันเตือนแล้วถอนคันเร่งก็ยังพอทันนิ.... :L2736:...เอาละอย่างน้อยยังพอขับได้ ไม่ต้องถอดกล่องทิ้ง......พี่ปอนด์บอกว่าให้ลองใช้ไปก่อน เก็บข้อมูลมาแชร์กัน แล้วเดี๋ยวมาหาวิธีแก้ปัญหากันอีกที
สรุป....จากงาน meeting ครั้งนั้น....ผมได้แรงสมใจ และได้ร้อนมาเป็นของแถม พร้อมคำถามในใจอีกเพียบที่ยังต้องไปหาคำตอบต่อไป :L2761: :L2761:
(โปรดติดตามตอนต่อไป คืนนี้ไปนอนก่อนละคร้าาาาบ) :L4400:
โอ้ มหากาพย์พี่ตามอ่านมันส์ ชวนน่าติดตามต่อจริงๆ :L2734:
ว่าแต่พี่ตามนี่ มีความใจเย็น อดทนและความพยายามสูงนะ :L2900:
เป็นคนอื่นคงแจ่นกลับร้าน iFrit ตั้งแต่ปรี๊ดแรกที่ smart gauge ร้องแล้ว นี่ยังอุตสาห์ไปลองรถต่อ จนได้วิธีขับแบบไม่ให้เครื่องร้อน :L2900: :L4399: :L2905: :L2905: :L2905:
-
:L2900: :L2734: :L2734: :L2734:
-
เรียน พี่ตาม
หลายครั้งที่อ่านบทความ แล้วรู้สึกว่า ตัวเราเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว เป็นบทความที่ถ่ายทอดจากผู้ได้รับประสบการณ์จริงที่น่าติดตามมากครับ
รออ่านตอนต่อไป
ขอบคุณครับ ;) ;) ;)
-
ตอนที่3 เรียนรู้ปัญหา แล้วค่อยหาวิธีแก้ไข
เอาละครับพี่ๆ มาต่อกันกับมหากาพย์หม้อน้ำตอนที่ 3 กันต่อเลย....หลังจากติดตั้งกล่องข้าวน้อยเสร็จแล้ว....ก็มานั่งทำใจว่าจะต้องอยู่กับไอ้อาการร้อนๆของเครื่อง....ผมก็เริ่มสนใจหาข้อมูลเกี่ยวกับไอ้ความร้อนของเครื่องให้มากขึ้น....แต่ข้อมูลที่มีการบันทึกไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้มีไม่มาก....เพราะเป็นเรื่องเฉพาะรุ่น และน้องปาเองในรุ่นอื่นๆที่ไม่ใช่ 2.5VG Turbo 4x4 ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความร้อนกันมากนัก จึงทำให้ข้อมูลที่ได้มานั้นค่อนข้างจำกัด
แหล่งข้อมูลแรกเลยคือเพื่อนผมที่อยู่ออสเตรเลีย เจ้าเพื่อนคนนี้เป็นฝรั่งครับ เป็นเจ้าของอู่ทำรถพวก EVO ทั้งลงแข่ง และแต่งทั้งเครื่องทั้งช่วงล่างให้กับลูกค้าที่ซื้อ EVO แล้วยังแรงกันไม่พอ....เจ้าเพื่อนคนนี้คุ้นเคยกับ Mitsu เป็นอย่างดี เพราะถือว่าเป็นคู่ค้ากับพวก Dealer คือพอมีลูกค้าซื้อ EVO แล้วอยากแต่งเพิ่ม Dealer ก็จะส่งมาให้ที่อู่ของเพื่อนผมคนนี้....ผม email ไปสอบถามเรื่องเกี่ยวกับความร้อนของเครื่องน้องปา (ที่ออสเรียกว่า Challenger) เจ้าเพื่อนผมมันอธิบายว่า เครื่องของน้องปาเป็นเครื่อง 2.5 ซึ่งจริงๆแล้วขนาดมันจะเล็กไปสำหรับเอามาใส่ในรถคันใหญ่ยักษ์แบบนี้ ทาง Mitsu จึงออกแบบเจ้า VG Turbo มาเพื่อเพิ่มกำลังให้น้องปา และยังมีการเปลี่ยนอะไหล่อีกบางอย่าง (ผมจำไม่ได้ละ เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง มันบอกชื่อมาเป็นภาษาอังกฤษ) เพื่อให้น้องปามีกำลังมากขึ้น....ว่าง่ายๆคือ โรงงานมันโมมาให้แล้วว่างั้น....นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ความร้อนของเครื่องตัวนี้ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว....พอเราเอาไปโมเพิ่ม ติดกล่องเพิ่ม เพิ่มแรงดันที่ราง ความร้อนมันก็เลยสูงมากขึ้นไปอีกเป็นธรรมดา....ยังงัยก็ตามเจ้าเพื่อนผมมันไม่ค่อยคุ้นเคยกับเครื่องดีเซล จับแต่เครื่อง EVO มันก็เลยแนะนำวิธีแก้ลำบาก......ก็ได้ความรู้จากมันมาบ้าง แต่ก็ยังต้องหาข้อมูลต่อไป :L2756:
โดยข้อมูลที่ได้เห็นบ่อยที่สุดเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องความร้อนก็คือ "การเปลี่ยนวาล์วน้ำ" .... แรกๆ ผมก็งงๆ ว่าไอ้วาล์วน้ำนี่มันคืออะไรฟระ.....ค้นข้อมูลต่อไปเรื่อยๆค่อยรู้ว่า เจ้าวาล์วน้ำนี่เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่หลักในการเปิดน้ำให้วนในระบบเครื่องเพื่อกระจาย และระบายความร้อน....หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นจุดเริ่มต้นของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์.....จากการไปพูดคุยกับพี่หน่อยหัวหน้าช่างที่ศูนย์ที่รู้จักกัน (เพราะเข้าศูนย์นี้ประจำ คุยกับช่างบ่อย จนรู้จัก สามารถปรึกษาได้) จึงทราบว่าน้องปา 4x4 วาล์วน้ำจะเปิดในช่วงอุณหภูมิประมาณ 85-87 องศา (ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วถูกต้องหรือเปล่าเหมือนกัน).....ดังนั้นบางค่ายบางสำนักที่ทำการแต่งเครื่องกันจะบอกว่า ในเมื่อเครื่องมันร้อน ก็เปลี่ยนวาล์วน้ำ เพื่อให้วาล์วน้ำเปิดเร็วขึ้น อาจจะที่ 70 กว่าๆ องศา.......เมื่อเปิดวาล์วน้ำเร็วขึ้น รถก็ระบายความร้อนเร็วขึ้น อุณหภูมิก็ต่ำลง ไม่ร้อนละ.....เออ ฟังดูเหมือนจะตรงประเด็น.....พวกนี้เขาแนะนำว่าให้เอาวาล์วน้ำของเซฟฟิโร่ ที่เปิดเร็วกว่ามาใส่ รับรองใส่ปุ๊บ หายร้อนทันที ราคาประหยัด ค่าตัวไม่แพง......ครั้งแรกที่ผมอ่านข้อมูลนี้ก็คิดว่า...เออเข้าท่า....แต่มาเฉลียวใจตรงที่....ถ้ามันง่ายอย่างงี้...ทำไมพี่นะ พี่อ๊อด หรือ พี่ปอนด์ พี่ต้อมที่ IFRIT ไม่แนะนำเราหว่า.......พี่ๆเขามีความรู้กันมากมาย ดูแล้วเล่นอะไรกันมาเยอะก็น่าจะรู้เรื่องนี้ ไหงไม่แนะนำเรา.....หรือจะหมกเม็ดไม่ยอมบอกฟระ :L6419:
ใจจริงก็อยากโทรไปถาม เพราะเคยได้เบอร์พี่นะไปแล้ว....แต่...ค่อนข้างเกรงใจ ทราบมาว่าคนโทรไปหาแกเยอะ PM ก็ท่วม ตอบไม่รู้จักหมดจักสิ้น......เลยเก็บคำถามไว้ในใจ และขับน้องปาแบบประคองความร้อนต่อไปก่อน ยังไม่ตัดสินใจว่าจะแก้วิธีไหน...ไม่เดือนร้อน เพราะขับประคองความร้อนไปก็พอขับได้......จนในที่สุด...สวรรค์บันดาล บุพเพสันนิวาศ ทำให้มีโอกาสได้คุยกับพี่นะ :L2734:.....พอมีช่องรีบหยอดคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนวาล์วน้ำเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความร้อนทันที......พี่นะอธิบายให้ฟังยาวเหยียด....เอาเป็นว่าโดยสรุปคือ....เปลี่ยนวาล์วน้ำอุณหภูมิลดลงจริง....แต่มันจะลดลงมากกว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการทำงานของเครื่องยนต์ จะทำให้เกิดการสึกหรอสูงมาก.....และอีกอย่างนึงคือน้ำมันเกียร์....คือน้องปาเราใช้ความร้อนจากหม้อน้ำไปอุ่นน้ำมันเกียร์ด้วย ซึ่งถ้าอุณหภูมิของน้ำไม่ได้ จะทำให้ประสิทธิภาพของน้ำมันเกียร์ลดลง (เหมือนขับตอนเครื่องเย็นๆ แล้วเกียร์มันไม่ค่อยจะเปลี่ยน).....เอาละซิโว้ยยยยยยย...จะแก้ปัญหาเรื่องความร้อน.....ดันเฉือกมาเจอปัญหาเรื่องความเย็นอีก....น้ำมันเกียร์อีก....โอ้วววววว แมร่งจะ Go So Big กันไปใหญ่ละทีนี้ :sd06:
หลังจากได้ความรู้จากพี่นะแล้ว..... :sd42: :sd42: ยังไม่เชื่อครับ....ท่าทางแกขี้โม้หน่อยๆ โม้เราหรือเปล่าก็ไม่รู้ :sd42: :sd42:.....ไปถามพี่หน่อยช่างที่ศูนย์ และอีเมล์ไปหาเพื่อนที่ออสเตรเลีย.....ได้รับการยืนยันในหลักการว่าถูกต้อง ถึงแม้ว่าในรายละเอียดอาจไม่เหมือนพี่นะเล่าให้ฟังทั้งหมด.....แต่โดยหลักการแล้วใช่เป็นแบบนั้นจริงๆ.....เพื่อนผมยังบอกว่าในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม เครื่องยนต์จะสึกหรอมากกว่าตอนเครื่องร้อนเสียอีก.....และถ้ามีอาการเครื่องเย็นเกินไป....จะมีผลต่อระบบเกียร์ ในระยะยาวเกียร์อาจจะพังได้...... :L2739: :L2739:
จึงกลายเป็นว่า แทนที่ผมจะได้วิธีแก้ปัญหาเรื่องตัวร้อน.....กลับได้เรียนรู้ระบบการกระจายความร้อน และระบายความร้อนของเครื่องยนต์มาแทน (เรียนแบบผิวเผิน snakeๆ fishๆ นะครับ).....พร้อมทั้งเพิ่มปัญหาเข้าไปอีก แทนที่จะแก้เรื่องร้อนอย่างเดียว ทีนี้ต้องมามีข้อแม้ด้วยว่า.....ต้องไม่ร้อนและไม่เย็นเกินไป....... :sd42: :sd42: :sd42: โจทย์แรกว่ายากแล้ว โจทย์หลังนี่ยากกว่าหลายเท่า :sd27: :sd27:
(โปรดติดตามตอนต่อไป ไปทำงานก่อนนะคร้าาาาาบ)
-
อ่านเพลินเลยครับพี่ตาม :L2900: รอตอนต่อไปนะครับ :L6419:
-
มารอฟังด้วย ผมอ่านในกระทู้ต่า่ง ๆ ใน web ความร้อนรุ่นก่อน ยังไงก็ไม่เกิน 95 ของผมเดิมๆ ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเครื่องทั้งนั้น 2.5 vg 4x4 เหยียบไม่ทันไร ความร้อนทะลุ 100 ไปแล้ว (ผมตั้ง smart gauge ไว้ที่ 100 ).... อยากลอง กล่องข้าวน้อย... ปิ่นโต.... อะไรของพวกพี่เหมือนกัน แต่ผมอยู่ไกล กลัวมีปัญหาแล้ว หาคนช่วยแก้ลำบาก เลยกะว่าอีกซักปี 2 ปี ค่อยว่ากัน.... DIY ตัวกระจุ๊กกระจิ๊ก แก้เสี้ยนไป พลาง ๆ ก่อน
-
มาหาว่าเราโม้ งั้นขอคั่นเวลาเอาข้อมูลมาโม้ต่ออีกหน่อย " อย่าตกใจเรื่องความร้อน แต่ให้เข้าใจเรื่องความร้อน "
http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.0.html (http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.0.html)
:L2734: :L2736:
ก่อนติดตามตอนต่อไป ลองศึกษากระทู้ที่เอามาให้ไปพลางๆก่อนครับ จะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
การแก้ปัญหาของเราคือ การทำให้น้ำถ่ายเทความร้อนให้เร็วกว่าปกติเพื่อที่จะคงอุณหภูมิทำงานให้นานมากที่สุด เพื่อยืดระยะเวลาการคงตัวของwater temp ไม่ให้ต่ำและสูง
จนเกินไป ให้อยู่ใน range ที่เราต้องการแค่นั้น และเกิดการถ่ายเทความร้อนได้ดีที่สุด จึงแก้ปัญหาที่จุดนี้แทน
***ด้วยงาน hand made ต่อชิ้นต่อคันด้วยวัสดุจาก japan เกือบหมด เพื่อทดลองสภาวะการทรงตัวของ water temp ไม่ใช่การลด temp ในขณะที่เรารีดอัตราเร่งกันครับ
**ปัญหานี้เลือกเฉพาะคนตีนโหดและเข้าใจเรื่องความร้อนแล้วเพราะการทดลองมีความเสี่ยงทุกขณะ จนกว่าจะได้ข้อสรุปให้เพื่อสมาชิกที่สนใจเดินตามกันมาถ้าต้องการ
**ตอนนี้เราก็พบประเด็น 1 อย่างที่ต้องปรับแก้ไข ทางผู้ผลิตจึงยอมขึ้นแบบใหม่ให้อีก1ใบเพื่อปรับแก้จุดนั้นด้วย และจะเอามาทดสอบกันอีกครั้งครับ
-
มารอฟังด้วย ผมอ่านในกระทู้ต่า่ง ๆ ใน web ความร้อนรุ่นก่อน ยังไงก็ไม่เกิน 95 ของผมเดิมๆ ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเครื่องทั้งนั้น 2.5 vg 4x4 เหยียบไม่ทันไร ความร้อนทะลุ 100 ไปแล้ว (ผมตั้ง smart gauge ไว้ที่ 100 ).... อยากลอง กล่องข้าวน้อย... ปิ่นโต.... อะไรของพวกพี่เหมือนกัน แต่ผมอยู่ไกล กลัวมีปัญหาแล้ว หาคนช่วยแก้ลำบาก เลยกะว่าอีกซักปี 2 ปี ค่อยว่ากัน.... DIY ตัวกระจุ๊กกระจิ๊ก แก้เสี้ยนไป พลาง ๆ ก่อน
อะฮ่า.....งั้นมาถูกที่เลยครับพี่ชิน....ต้องตามมหากาพย์เรื่องนี้ยาวๆเลยครับพี่.....เดี๋ยวตอนจบ....พี่ชินจะได้ตีรถเข้ากรุงเทพฯมา :L6415: :L6415: ยกชุดใหญ่กลับบ้านเลยพี่ :L2905: :L2905: :L2901:
-
:L6428: :L6428: :L6428:
-
ตอนที่ 4 กระเป๋าแหก กับ Smart Gauge
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ติดตามมหากาพย์หม้อกันอย่างใกล้ชิดนะครับ :L4399: :L4399: ค่อยๆติดตามกันไปทีละตอนครับ....จะได้ทราบว่าทำไมตอนจบมันถึงจบแบบนั้น :L2761: :L2761: :L4363:
สำหรับตอนที่ 4 นี้ ผมจะเล่าถึงเจ้า Smart Gauge ของผมครับ....จริงๆแล้ว เจ้า Smart Gauge นี่แหละที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่มีมัน ผมก็ไม่รู้ว่าน้องปามีอาการตัวร้อน เรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่เกิด :sd27: :sd27: .....รู้งี้บอกไม่เอา smart gauge แล้วขอลดราคาซะจบเรื่อง :L2754: :L2754: .... อ้าว...อย่าคิดว่าแค่พูดเล่นๆนะครับ....บางสำนักแต่งเขาทำกันอย่างงี้จริงๆนะ....โมเครื่องอัดเข้าไป....ไม่ต้องกลัวเรื่องร้อน เพราะลูกค้าไม่มี smart gauge ก็ไม่รู้ว่าร้อน....กว่าจะรู้ตัวว่าร้อน ก็โน่นครับ ปั๊มแตก ฝาโก่งกันไปเรียบร้อย :L4391: :L4391:....แต่สำหรับกล่องข้าวน้อย Smart gauge มีมาในชุด...และตัวกล่องก็สั่งงานผ่าน Smart gauge ด้วย....ผมก็เลยต้องติดมันมา...โดยไม่ได้ตั้งใจ :L2732: :L2732:
เรื่องของเรื่องก็คือ......ผมยังติดใจสงสัยไม่หายว่า...ทำไม Smart Gauge ร้องเตือนแล้ว เข็มความร้อนที่หน้าปัดมันไม่ขยับ....ในใจมีความหวังเล็กๆว่า Smart Gauge มันต้องเพี้ยนแหงๆ :L2754: :L2754:....พยายามหลอกตัวเองว่าตัวไม่ร้อนว่างั้น....ได้มีโอกาสถามหลายๆคนทั้งพี่นะ พี่อ๊อด พี่ปอนด์....ได้คำอธิบายมาคล้ายกันว่า.....Smart Gauge วัดอุณหภูมิด้วยระบบ digital ซึ่งมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากกว่าเข็มที่ตัวเรือนไมล์....คือถ้าความร้อนไม่ได้ขึ้นและแช่อยู่นานๆหน่อย ประเภทขึ้นแล้วเดี๋ยวก็ลงแบบน้องปา....เข็มความร้อนมันไม่ทันได้ขยับครับ....แต่ Smart Gauge เป็น digital ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของอุณหภูมิอย่างละเอียด.....เทพนะ เทพอ๊อดเขาอธิบายมาประมาณนี้
ถึงเทพทั้ง 2 จะอธิบายละเอียดยังงัย....มีเหรอที่มารร้ายอย่างผมจะเชื่อ :L2754: :L2754:.....ในใจก็ยังไม่เชื่อเต็มที่ 100% .... มันยังติดอยู่ในใจว่า Smart Gauge อ่านค่าเพี้ยนหรือเปล่า.....แต่วิธีพิสูจน์ยังงัยนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน.....เก็บเป็นคำถามคาใจไปเรื่อย....จนอยู่มาวันนึง ระหว่างที่นั่งหาโปรแกรมอะไรซักอย่างใน iPhone ก็ไปเจอกับเจ้านี่เข้าครับ
มันคือ โปรแกรม Dashcommand ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ใน iPhone สามารถเชื่อมต่อกับ ECU ของรถ ผ่าน port OBDII....ทำให้เราสามารถดึงค่าต่างๆที่ ECU บันทึกไว้เกี่ยวกับรถขึ้นมาดูได้ เช่น ความเร็ว รอบ ระดับน้ำมัน รวมไปถึงอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันด้วย (อันสุดท้ายนี่ต้องมีการคำนวนค่าหลายอย่างถึงจะแม่นยำ ถ้าเอาเฉพาะค่าที่อ่านได้จะไม่แม่นยำซักเท่าไหร่) ..... ผมสนใจเจ้าโปรแกรมนี้ขึ้นมาทันที...เพราะค่าหนึ่งที่มันสามารถอ่านได้คือ ECT ซึ่งเป็นค่าเดียวกับที่ Smart Gauge อ่านได้ ....... น่าสนใจทีเดียวครับ.....อ่านข้อมูลเสร็จเหลือบไปเห็นราคา.....โอีววววววว.... 65$ .....โห...แพงโคตร.....เข้าไปหาข้อมูลในเน็ต.....ปรากฏว่าถ้าเป็นโปรแกรมแบบนี้ในแอนดรอย (samsung) จะเป็นอีกโปรแกรมนึง ใช้ฟรีไม่ต้องจ่ายกะตังค์....แต่ใน iPhone มีเจ้า dashcommand นี่แหละที่เขา review กันว่าดี แม่นยำ น่าเชื่อถือ......แต่ต้องจ่ายตังค์......แพงวะ....คิดหนัก......ระหว่างคิดว่าจะเอาไงดีก็....เออ...ไปดูที่รถก่อนดีกว่า port OBDII อยู่ไหนยังไม่รู้เลย......ไปที่รถ เปิดประตูฝั่งคนขับ....เอามือล้วงไปคลำๆหาเจ้า OBDII .........อ้าววววววว.....มีปลั๊กเสียบอยู่.....ไรวะ....เง็ง.....ก้มๆไปดู.....มองตามสายปลั๊กไป....อ้าว....ปลั๊ก smart gauge นี่หว่า......ในสมองแว๊บตอนพี่ปอนด์สอนใช้ smart gauge ขึ้นมาทันที....คุ้นๆว่าพี่ปอนด์เคยบอกเหมือนกันว่ามัน connect กับ OBDII ....แต่อย่างที่บอก ผมใส่พานส่งคืนพี่ปอนด์ไปหมดแระ.....ปิดรถ กลับมานั่งนึกก่อน.....เอ...มี โปรแกรมที่พอจะตรวจสอบค่า ECT เพื่อเปรียบเทียบกับ Smart Gauge ได้....แต่ไม่มี port OBDII ให้ใช้.....แล้วจะทำไงดีหว่า.......ความคิดแรก....ถอด smart gauge ออก......วัดด้วย dashcommand แล้วค่อย...เอา smart gauge เสียบกลับเพื่อวัดเปรียบเทียบ.......ไม่ได้.......เพราะถ้าถอด smart gauge ก็ต้องปิดกล่องข้าวน้อยก่อน.....ไอ้ที่ร้อนๆ มันก็ไม่ได้วัดอะซิ.........โอ๊ยยยยยยย.....คิดไม่ออก....เอาไงดีฟระ
ตั้งสติใหม่.....เอาวะกลับเข้าไปอ่านใน Dashcommand ใหม่......เอ....แล้วมันจะเอา iPhone ไปต่อกับ OBDII ได้ไงฟระ.......อ๋อออออออ.....มันต้องมี connector 1 ตัว.......ของบริษัทเดียวกับ dashcommand ก็มีขาย เจ้าconnector ตัวนี้....ตามเข้าไปอ่านข้อมูลของบริษัท.....ถึงได้รู้ว่า connector มี 2 แบบ.....แบบที่เป็นสายต่อตูด iPhone เลย กับแบบที่ connect ด้วย Bluetooth.....เอาละเหวย.....ทั้งสองแบบ แพงพอๆกัน ต้องสั่งจากนอกด้วย......แต่ไม่อยากสั่งจากนอก....เอาไงดี.....ลองหาข้อมูลในไทยดีกว่า.....ค้นไปค้นมา....ไปเจอเว็บนึงผมจำชื่อไม่ได้ เป็นเว็บบอร์ดเกี่ยวกับ OBDII โดยเฉพาะ.....เข้าไปดูๆ อ่านๆ.....ค้นๆ ไปเรื่อย....จนไปเจอกระทู้ขายสาย connector มีขายทั้ง 2 แบบ คนขายทำงานอยู่แถวสีลม.....เออๆๆๆๆๆ ไม่ไกล.....รีบโทรไปหาเขาเลย....ปรากฏว่า connector แบบเสียบกับ iPhone เลยไม่มี ของหมด ยังไม่รู้จะเข้าเมื่อไหร่ อันนี้ถูกสุดอยากได้ แต่ไม่มีของ...เหลือแต่ connector ผ่าน Bluetooth อันนี้แพงกว่าแยะ....อันนี้ 2000 กว่าเกือบ 3000...... :sd06: :sd06:....โหไรวะเนี่ยแพงๆทั้งนั้นเลยเว้ย :L6415:
หลังจากหาข้อมูล อ่านเพิ่มเติมมาอีกระยะ.....สรุปว่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่จะทำการวัดเปรียบเทียบค่า ECT กับ smart gauge นั้นสามารถหาได้ครบแล้ว ด้วยงบประมาณครึ่งหมื่น....... :sd06: :sd06:.....ทุกอย่างถ้าจะเอาก็หาได้....iPhone โปรแกรม สาย connector....แต่ที่สำคัญที่สุดคือ....แล้วจะไปต่อกับ port OBDII ยังงัย.....เพราะเจ้า smart gauge จอง port ตัวนี้อยู่.....หาข้อมูลต่อไปก็ไม่ได้อะไรมาก....เอาวะ...โทรไปหาคนขาย connector แล้วกัน.....เล่าให้เขาฟังว่า port มันไม่ว่าง จะทำไงได้บ้าง....เขาแนะนำว่า งั้นพี่ไปหา OBDII splitter มาซิ......อ้าววววววว....มันมี splitter ด้วยเว้ย.....ไม่เคยรู้มาก่อน.....แต่ที่คนขาย connector ไม่มีขาย....ต้องหาจากที่อื่น.....เข้าไปหาในเน็ตเจอแต่ source เมืองนอก....หาอยู่หลายวันจนไปเจอคนนึงขายอยู่....แถมอยู่ไม่ไกลจากบ้านด้วย :L2734: :L2734: :L2734:....ราคาประมาณ 5-600 มั้งถ้าผมจำไม่ผิด.......รวมต้นทุนทั้งหมดประมาณ 5000-6000 คิดหนักเลยทีนี้ :L2739: :L2761:
ระหว่างคิด...กลับไปดูข้อมูล Dashcommand .... อะ....มันมีหลาย skin ให้เลือก load มาใช้....งามๆทั้งนั้น มีให้เลือกหลายแบบ...แบบสวยๆเยอะ....เออ....ถ้าเอามาใช้ตลอด แบบขึ้นรถปุ๊บ ก็ connect iPhone เข้ากับ OBDII ก็จะได้มาตรวัดงามๆมาปรากฏอยู่หน้ารถ....เข้าท่าดีเหมือนกัน.....ซื้อมาไม่เสียเที่ยว.....วัดค่าเปรียบเทียบ Smart Gauge ได้เอามาหล่อต่อด้วย....เอาวะ......จัดไป.....ใช้เวลาจัดการนัดรับของ จ่ายเงินอีก 2-3 วัน....เป็นอันเสร็จ อุปกรณ์ครบ....โปรแกรมพร้อม :L6415: :L6415:
พอมีวันว่าง ก็รีบเลยครับ......จัดการถอดปลั๊ก Smart Gauge ออก....ใส่เจ้าตัว Splitter เข้าไป.....ปลายข้างนึงเอาปลั๊ก Smart gauge มาต่อ อีกข้างเอา connector มาต่อ....เปิดเครื่อง iPhone เตรียม sync กับ connector....สตาร์ทรถ และเริ่มการ sync .... ระหว่างที่กำลัง sync นั่นเอง....ผมก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง......โอ้วววววววว.....พระเจ้าช่วย......ไฟเครื่องโชว์.....เอาแล้วโว้ย งานเข้าละทีนี้....ไม่รู้เป็นเพราะอะไร.....เอาไงดี....สิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัวคือ พี่อ๊อดเคยบอกว่าไฟรูปเครื่องโชว์ มันจะมี error code ซึ่ง Smart Gauge สามารถอ่านและลบ code ได้.....เอาหละ ดับเครื่องก่อน ถอดทุกอย่างออก เสียบปลั๊ก smart gauge กลับเข้าตำแหน่งเดิม...สตาร์ใหม่ ไฟรูปเครื่องยังโชว์อยู่....จัดการหา function ใน smart gauge ....ลบ code ซะ....ไฟยังไม่ดับ....เอ...ยังงัย....ลองดับเครื่อง สตาร์ทใหม่อีกที....เออ....ไฟหายไปละ.......เอ้าลองอีกที.....ทำเหมือนเดิม ต่อ splitter กับ connector เข้าไป....สตาร์ทเครื่อง....sync......คราวนี้ไฟรูปเครื่องไม่โชว์.....สำเร็จ......เมื่อ sync เสร็จแล้ว.....ข้อมูลหลายๆอย่างก็ไปปรากฏบนหน้าจอ iPhone
หลังจากตั้งค่าต่างๆเรียบร้อยแล้ว.....ก็จัดการเอารถออกไปวิ่งทดสอบ....เพื่อวัดค่าต่างๆ......ค่าวัดรอบค่อนข้างตรงกับหน้าปัดไมล์ แต่ค่าความเร็วใน dashcommand จะน้อยกว่าค่าความเร็วที่ไมล์น้องปาเล็กน้อย ประมาณ 5-7 กม./ชม. (เหมือนกับที่วัดจากตัว GPS เลย)......ค่าอื่นๆบางอย่าง ยังวัดไม่ได้ เช่น ปริมาณน้ำมันที่เหลือ อัตราการกินน้ำมัน...ค่าพวกนี้ต้องมีการกรอกข้อมูลของรถลงไปในโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมคำนวนร่วมกัน เพื่อความแม่นยำ.....และไอ้เจ้าค่าพวกนี้ที่ต้องกรอกไปนี่ไม่ง่ายนะครับ ภาษาอังกฤษล้วนๆ และยังไม่แน่ใจเรื่องหน่วยการวัดของแต่ละค่าอีก....เล่นเอางง....ไม่เป็นไร...ปล่อยไปก่อน.....ทีนี้มาที่ค่าพระเอกของเรา ค่า ECT อุณหภูมิ....ที่ผมเคยเชื่อว่า smart gauge อาจจะเพี้ยน....ผลการทดสอบวิ่งในเบื้องต้น....ค่า ECT ที่อ่านได้จากทั้ง smart gauge และจาก dashcommand นั้น เท่ากัน...อาจมีคลาดเคลื่อนกันบ้างประมาณ 1 องศา ซึ่งถือว่าเล็กน้อยมาก......สรุป.....Smart Gauge ไม่เพี้ยน...... :L4386: :L4386:
ok ไม่เพื้ยน ไม่เป็นไร.....เสียเงินไปแล้ว เอามาหล่อก็ได้ฟระ....แหม มีมาตรวัดเท่ๆ งามๆ แหล่มๆ มาอยู่หน้ารถ....ไม่ต้องไปเปลี่ยนสีไฟเรือนไมล์ให้เมื่อย......แต่พอทดสอบเสร็จ....ลองขับทางยาวๆ......มันมาอีกแล้วครับ....ไฟรูปเครื่องโชว์อีกครั้ง....อ้าว...เวร...งานเข้าอีกละ.....จัดการดับเครื่อง ถอด connector และ clear code พอสตาร์ทใหม่ไฟก็หายไป.....ผมลองใช้เจ้า iPhone dashcommand นี้อยู่ประมาณ อาทิตย์นึง....ไฟรูปเครื่องโชว์บ้าง ไม่โชว์บ้าง....เอาแน่เอานอนไม่ได้....สรุป....ถอดออกครับ....เก็บเข้ากล่อง...ไม่รู้ว่าเป็นอะไร....จนต่อมาผมได้มีโอกาสคุยกับพี่อ๊อดเกี่ยวกับการต่อ RV Meter ถึงได้ทราบว่า จุด connector พวกนี้หากสัญญาณไม่ดีมันจะกวน และทำให้ ECU งง กับสัญญาณแปลกๆ เป็นผลให้ไฟรูปเครื่องโชว์....ซึ่งสาเหตุหลักน่าจะมาจากสาย splitter ที่ด้อยคุณภาพครับ....แต่ผมก็ไม่ได้ลองหาสายดีๆ มาต่อดูนะ....โครงการนี้พับเก็บไว้เพียงเท่านี้
สรุป....ผมเสียเงินไปอีกครึ่งค่อนหมื่น....เพื่อแลกกับคำว่า "Smart Gauge ไม่เพี้ยนนะจ๊ะ".....เท่านั้น.....ดังนั้นจะบอกว่า smart gauge ผมนี่แพงที่สุดใน 3 โลกก็ว่าได้ :sd42: :sd42: :sd42: :sd42:
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
-
OBDII Splitter
(http://upic.me/i/eg/l_obd2_20000.jpg)
OBDII Connector Bluetooth
(http://upic.me/i/bc/elm-327-bluetooth-elm327-bluetooth-wireless-obd-ii-327-bluetooth.jpg)
Dashcommand
(http://upic.me/i/jw/3422-1-dashcommand-obd-ii-gauge-dashboards.jpg)
(http://upic.me/i/g3/dsc_1337.jpg)
(http://upic.me/i/fz/a8901289812289.gif)
(http://upic.me/i/uk/dash-command.png)
-
เพิ่งรู้นะว่าพี่ตามเป็นคนมีความพยายามสูง.....มาก :sd23: :L4384: :L2734: :L2753: :L2900: :L6415:
-
OBDII Splitter
(http://upic.me/i/eg/l_obd2_20000.jpg)
OBDII Connector Bluetooth
(http://upic.me/i/bc/elm-327-bluetooth-elm327-bluetooth-wireless-obd-ii-327-bluetooth.jpg)
Dashcommand
(http://upic.me/i/jw/3422-1-dashcommand-obd-ii-gauge-dashboards.jpg)
(http://upic.me/i/g3/dsc_1337.jpg)
(http://upic.me/i/fz/a8901289812289.gif)
(http://upic.me/i/uk/dash-command.png)
เข้ามานั่งอ่านมหากาพย์ของพี่ตาม ได้สาระและความบันเทิงมากๆ ครับ :L4399: :L4399: :L4399:
PS. ที่ตั้ง Iphone สวยเรียบดีคับพี่ตาม :L2888: :L2888: :L2888:
-
555
ขำพี่ตามว่าพี่นะขี้โม้ ผมก็ว่างั้น แต่ทุกเรื่องที่แกตอบ ก็ตรงประเด็นและเป็นแนวทางที่ให้เราตัดสินใจได้ดีครับ
ขอบคุณ มหากาพย์ "หม้อ"
-
พี่ตามครับผมต่อไอ้เจ้า OBDII Connector Bluetooth ตัวเดียวกันกับของพี่ตามเลยครับ ของผมก็ไฟรูปเครื่องโชครับ ผมใช้กับโปรแกรม torque ใน android ตอนแรก clearcode ก็ไม่หายต้องดับเครื่องแล้วก็เปิดใหม่ถึงจะหายครับ แต่พอเอาเจ้านี่แสกน code อีกก็ยังเจอ
error U1073 U1100 U1102 แต่ ไฟเครื่องไม่โชครับ ผมก็เลยถอดเก็บเลยครับ แล้วที่สงสัยอีกว่ารถผมเวลาใช้เกียร์ +/- แล้วอัดให้เกียร์มันเปลี่ยนเองที่ประมาณ 3800 +- รอบก็ยังไม่เปลี่ยนให้ เพราะให้เจ้านี้หรือป่าว รูปหน้าตาโปรแกรมครับ
(http://image.ohozaa.com/i/ed5/d3Ci9Y.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wG1WWt1UckBmOFqX)
-
เพิ่งรู้นะว่าพี่ตามเป็นคนมีความพยายามสูง.....มาก :sd23: :L4384: :L2734: :L2753: :L2900: :L6415:
แอบเก็บข้อมูลอยู่นานนะเนี่ย แบบนี้เราโม้หรือโกหกอะไรไปสงสัยโดนแฉไม่มีเหลือ 55555
แล้วพี่ตามจำได้หรือยังว่าผมโกหกอะไรไปบ้าง 555555
:L2905:
-
555
ขำพี่ตามว่าพี่นะขี้โม้ ผมก็ว่างั้น แต่ทุกเรื่องที่แกตอบ ก็ตรงประเด็นและเป็นแนวทางที่ให้เราตัดสินใจได้ดีครับ
ขอบคุณ มหากาพย์ "หม้อ"
แสดงว่าโม้ช่วยเพื่อนได้ และไอ้ที่พี่ตามหลงคารมอยู่ตอนนี้จนกลายเป็นหนูทดลองเพราะมาฟังเรื่องโม้นี่แหละ เลยโดนไปอีะดอกของการแหก
และเข้าข่าย นิทานเรื่องหนึ่ง
(http://www.pajerosportmania.com/forum/Themes/default/images/hidetag.png)
:sd37: :sd13:
-
อ่านที่พี่ตามเขียนมาแล้ว น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
ก็เกิดข้อสงสัยว่าเจ้า Smart Gauge มันสามารถติดตั้งกับรถปาเจโร่เครื่องเบนซินได้หรือไม่ครับ
เพราะเท่าที่ใช้งานเครื่องมันก็ค่อนข้างร้อนเอาเรื่องเหมือนกัน :L4399:
-
ตอนนี้ ใครคนหนึ่ง คงเหนื่ิอยมากขึ้นเรื่อยๆ ;D ปามาเนีย :L2900:
-
555
ขำพี่ตามว่าพี่นะขี้โม้ ผมก็ว่างั้น แต่ทุกเรื่องที่แกตอบ ก็ตรงประเด็นและเป็นแนวทางที่ให้เราตัดสินใจได้ดีครับ
ขอบคุณ มหากาพย์ "หม้อ"
แสดงว่าโม้ช่วยเพื่อนได้ และไอ้ที่พี่ตามหลงคารมอยู่ตอนนี้จนกลายเป็นหนูทดลองเพราะมาฟังเรื่องโม้นี่แหละ เลยโดนไปอีะดอกของการแหก
และเข้าข่าย นิทานเรื่องหนึ่ง
:sd37: :sd13:
เรื่องหม้อก้อสนุก+ได้ความรู้ดี
ขั้นรายการของพี่นะก็ : :L2739:ไม่แพ้กันเลย
-
เริ่มสงสารใครคนหนึ่ง วันๆคงเหนื่อยน่าดู
:L2761:
-
อ่านของพี่นะ แล้วเห็นภาพเลย...
555
อย่าไปสนใจครับ... บ้านใคร บ้านมัน...
เกลือหยิบมือ กับน้ำทะเล เทียบกันไม่ได้ครับ...
-
555 ใครคนหนึ่ง 555
พี่นะ โม้อีกแล้ว อย่าเอาความจริงมาพูดเล่นครับ :L2905: :L2905: :L2905:
พี่ปอ พูดน้อยต่อยหนักนะ คำคมสั้นๆ อ่านแล้วได้ใจความ
-
สงสัยต้องเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น "หม้อ....กับใครคนหนึ่ง" :L2900: :L2901:
-
พี่ตามครับผมต่อไอ้เจ้า OBDII Connector Bluetooth ตัวเดียวกันกับของพี่ตามเลยครับ ของผมก็ไฟรูปเครื่องโชครับ ผมใช้กับโปรแกรม torque ใน android ตอนแรก clearcode ก็ไม่หายต้องดับเครื่องแล้วก็เปิดใหม่ถึงจะหายครับ แต่พอเอาเจ้านี่แสกน code อีกก็ยังเจอ
error U1073 U1100 U1102 แต่ ไฟเครื่องไม่โชครับ ผมก็เลยถอดเก็บเลยครับ แล้วที่สงสัยอีกว่ารถผมเวลาใช้เกียร์ +/- แล้วอัดให้เกียร์มันเปลี่ยนเองที่ประมาณ 3800 +- รอบก็ยังไม่เปลี่ยนให้ เพราะให้เจ้านี้หรือป่าว รูปหน้าตาโปรแกรมครับ
(http://image.ohozaa.com/i/ed5/d3Ci9Y.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wG1WWt1UckBmOFqX)
สวัสดีครับพี่ทอม...ขอบคุณที่ติดตามมหากาพย์หม้อครับผม :L4399: :L4399:
ไม่แน่ใจว่า code ที่ขึ้นเครื่องพี่ทอมคืออะไรนะครับ ปกติ code ที่เคยเจอจะขึ้นต้นด้วย P ครับ....เดี๋ยวพี่อ๊อดพี่นะมาเห็นน่าจะแนะนำได้.....ส่วนเรื่องเกียร์ไม่เปลี่ยน ไม่น่าเกี่ยวกับโปรแกรมนะครับ (ยกเว้นเจ้า error พวกนั้นจะไปกวนระบบเกียร์ด้วย) ตามความเข้าใจของผม โปรแกรมพวกนี้มันแค่ดึงค่าจะ ECU มาประมวลผล และแสดงผลให้เราดูด้วย interface งามๆ แค่นั้นเองครับ....มันไม่ได้ไปออกคำสั่งให้ ECU ทำอะไรหรือไม่ทำอะไรครับ
อันนี้ความเข้าใจของผม (แบบงูๆปลาๆนะครับ) เดี๋ยวรอพี่ๆที่มีความรู้ท่านอื่นมาเสริมให้พี่ทอมอีกทีนะครับ :L4399: :L4399:
-
555
ขำพี่ตามว่าพี่นะขี้โม้ ผมก็ว่างั้น แต่ทุกเรื่องที่แกตอบ ก็ตรงประเด็นและเป็นแนวทางที่ให้เราตัดสินใจได้ดีครับ
ขอบคุณ มหากาพย์ "หม้อ"
แสดงว่าโม้ช่วยเพื่อนได้ และไอ้ที่พี่ตามหลงคารมอยู่ตอนนี้จนกลายเป็นหนูทดลองเพราะมาฟังเรื่องโม้นี่แหละ เลยโดนไปอีะดอกของการแหก
และเข้าข่าย นิทานเรื่องหนึ่ง
:sd37: :sd13:
โอย..........โคตรของโคตรขำ no comment ขอขำอย่างเดียว :L4396: :L4396: :L4396: :L4396: :L4396:
-
ตอนที่5 เรียนรู้เรื่องร้อน
เอาละครับพี่ๆ กลับมาต่อกันกับตอนที่ 5 ดีกว่าครับ....ละครขั้นเวลาเรื่องใครคนหนึ่งจบไปแล้ว....เดี๋ยวคงมีตอนต่อไปมาเรื่อยๆ :L2734:
สำหรับตอนที่ 5 เป็นตอนที่ผมเริ่มที่จะต้องมาเรียนรู้เรื่องความร้อนของน้องปาซะแล้ว.....เรื่องของเรื่องก็ไม่มีไรมาก....คือมันไม่มีทางเลือกอะครับ....เปลี่ยนวาล์วน้ำก็ไม่ใช่แนว กลัวพาลเอาเกียร์พังไปด้วย.....smart gauge ก็ดันไม่เพี้ยนอีก....จะถอดกล่องข้าวน้อยออกก็เสียดาย ใช้ดีซะด้วย.....เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน :L2756:
จะว่ากันตามจริงแล้วผมก็อยู่กับไอ้ความร้อนนี่ได้นะ....จากวันที่เทสรถที่ถนนอักษะ...ผมพอจะรู้ว่าการเหยียบแช่ทำให้เครื่องร้อนเร็วและร้อนมาก....ต้องเหยียบแล้วก็ยก.....แต่ก็รู้มาแค่นี้...ความเคยชินที่ขับเครื่องเบนซินมาทำให้ยังชินกับการเหยียบแช่....และอีกอย่างนึงที่ยากคือจังหวะยกนี่แหละครับ...คือมันก็ไม่รู้ว่าจะยกที่จังหวะไหน แช่ได้นานแค่ไหนถึงยก......เบื้องต้น ผมได้รับคำแนะนำจากพี่อ๊อดในเรื่องของการเหยียบคันเร่งน้องปากินกล่องข้าวอย่างผม...พี่อ๊อดแนะนำว่า เวลาเหยียบคันเร่งให้เหมือนรินน้ำชา...ที่ต้องรินแล้วยก....อืมมมมม...เห็นภาพนะ....ผมก็พอทำได้ถ้าไม่ลืม และกลับไปใช้ความเคยชินเดิมๆในการกดแช่ :L4398:
ก็พยายามที่จะอยู่กับมันนี่แหละครับ...ขับแบบประคองความร้อนไปเรื่อยๆ....จนอยุ่มาวันหนึ่ง....พี่ท่านที่ใช้น้องปารุ่น 2.5VG Turbo 4x4 ที่ติดกล่องข้าวน้อยเป็นคันแรก และมีปัญหาเรื่องความร้อน.....แกเล่นคลิบ VDO ตอนขับรถแล้วร้อนจน smart gauge ร้องเตือนมาโพสให้ดูเลย......โอ้ววววว...น่าสนใจทีเดียว....พี่เขาขับแบบกดไม่หนักมาก แต่กดแช่ยาวๆ....จนความร้อนขึ้นมาเกิน 100 แกก็เบาเครื่องลง ความร้อนก็ตกลง....ในคลิบแกลองให้ดูอยู่ 2-3 ครั้ง smart gauge ร้องเตือนความร้อนทุกครั้ง.....ผมดูคลิบขอผงพี่ท่านนี้อยู่หลายรอบ....ดูไปดูมา...ได้ข้อสังเกตุมาอย่างนึงว่า....มันจะร้อนจน smart gauge ร้องเตือนเมื่อความเร็วเกิน 120 มาซักหน่อยนึง (ในคลิบ พี่เขาถ่ายอยู่ในรถตอนเขาขับ ถ่ายให้เห็นไมล์น้องปาเลย)....ในใจก็นึกว่า...เออ แปลกดีวะ....มันเป็นเหมือนกันทุกครั้งเลย.....เอ...แล้วรถเราจะเป็นเหมือนเขามั๊ยนะ :L2761: :L2739:....ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ผมเริ่มสงสัยว่า...เจ้าความร้อนนี่ในแต่ละช่วงความเร็ว และในแต่ละระดับการจูนนี่มันจะเป็นยังงัยบ้าง :L2761:
ผมเริ่มต้นสังเกตุเรื่องความร้อนจากการทำงานของพัดลมระบายความร้อนก่อน.....ทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน ปกติผมจะไม่ดับเครื่องทันที แต่จะสตาร์ททิ้งไว้ประมาณซัก 5 นาที ... ซึ่งโดยส่วนมากผมก็ไม่ได้ยืนเฝ้ามันไว้หรอกครับ ก็เข้าไปในบ้าน ทำโน่นทำนี่ แล้วเดี๋ยวค่อยออกมาดับเครื่อง.....ทีนี้ผมสงสัยในใจว่า....เอ...เจ้าเครื่อง 2.5VG ที่ยัดลงมาในรถขับสี่นี่ ปกติความร้อนมันควรจะอยู่เท่าไหร่หนอ.....ผมจึงสังเกตุจากการเริ่มและหยุดทำงานของพัดลมระบายอากาศ.....พอกลับบ้านแทนที่จะสตาร์ททิ้ไว้แล้วเดินเข้าบ้านไป......ผมลองนั่งสังเกตุด้วยการฟังเสียงพัดลม......ปกติเวลาเข้าถึงบ้านค่า ECT ที่หน้าจอจะอยู่ราวๆ 93-94 องศา....ที่อุณหภูมิระดับนี้จะได้ยินเสียงดังเหมือนพัดลมระบายอากาศยังทำงานอยู่.....นั่งดูไปเรื่อยๆ....จนความร้อนลงมาที่ 91 ไอ้เสียงคล้ายพัดลมนี่ก็ดับไป....และความร้อนก็ลงต่อเนื่องไปจนอยู่ประมาณ 88-89 ..... เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ผมลองนั่งสังเกตุอยู่ 3-4วัน ก้เจอแต่แบบนี้ทุกวัน.....เอาละ....มาลองกลับกันบ้าง...ทีนี้ผมมาลองตอนเช้า ซึ่งปกติจะ warm เครื่องซัก 5 นาที....ก็เลยมาลองดู คือแทนที่จะ warm เฉยๆ ผมเข้าเกียร์ว่าง และกดคันเร่ง ให้รอบขึ้น เพื่อดึงความร้อนขึ้นมาก.....ผลออกมาปรากฎว่าไอ้เจ้าเสียงเหมือนพัดลมระบายอากาศนี่มันก็กลับมาดังอีกตอนอุณหูมิขึ้นถึง 91 องศา.....สรุปจาการทดสอบนี้ว่า การระบายความร้อนของเครื่องจุดเริ่มทำงาน และหยุดทำงานอยู่ที่ 91 องศา....ถ้าเป็นเช่นนั้น อุณหภูมิที่เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องยนต์ก็ต้องไม่ต่ำกว่า 91 องศาละซิ......ถ้างั้นแสดงว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมกับเครื่อง 2.5VG 4x4 ต่างจากเครื่อง 3.2 อย่างสิ้นเชิง....เพราะ 3.2 ความร้อนปกติขึ้นมายังไม่ถึง 91 องศาเลยด้วยซ้ำ :L2761:
การทดสอบต่อมาของผมคือการเปรียบเทียบระดับความร้อนเมื่อตอนเปิดกับปิดกล่องข้าวน้อย....เพื่อจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันแตกต่างกันแค่ไหน....เพราะจากการสังเกตุ เครื่องพยายามรักษาอุณหภูมิให้อยู่ไม่ต่ำกว่า 91องศา.....smart gauge ตั้งเตือนท่ี่ 100 องศา....นี่มันต่างกันแค่ 9 องศาเองนะ....มิน่ามันถึงร้องเตือนง่ายจัง......เอาละครับมาที่การทดสอบ....เริ่มทดสอบด้วยการปิดกล่องข้าวน้อย โดยตั้ง mode เป็น standard...จากการทดลองอยุ่หลายวัน พบว่าความร้อนจะขึ้นมาวนเวียนอยู่แถวๆ 94-96องศา....ถ้าไม่อัดมากความร้อนก็จะมาคาสูงสุดอยู่ที่ 96หรือ97...แต่ถ้ากดอัดมากๆก็มีสิทธิเลย 97 ได้เหมือนกัน แต่ก็ไปไม่ถึง 100...จากนั้นก็ทดสอบแต่ละ mode ของกล่องข้าวน้อยไปทีละ mode ซึ่งได้ตารางสรุปอุณหภูมิดังนี้
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/My%20new%20buddy/ECT1.jpg)
ผลสรุปในการทดสอบช่วงนี้คือ....ไม่ว่าจะเปิดกล่องข้าวน้อยหรือไม่ ระดับความร้อนมันก็วนเวียนอยู่แถวๆ 94-96 ถ้าปิดกล่อง ที่ความร้อนระดับ 96 จะค่อนข้างผ่านยาก คือจะแช่อยุ่ที่ 96 ค่อนข้างนาน จนสุดท้ายเมื่อต้องยกคันเร่ง เลยทำให้อุณหภูมิต่ำลงมาใหม่....ส่วนถ้เปิดกล่องข้าว อุณหภูมิก็วนเวียนอยู่ในระดับเดิม เพียงแต่ที่อุณหภูมิ 96 นั้นจะผ่านไปง่ายกว่า คือมันทะลุขึ้นไปได้ง่ายและเร็วกว่าเท่านั้นเอง
(การทดสอบเรียนรู้เรื่องร้อนยังไม่หมด....เขียนตอนเดียวเดี๋ยวยาวเกิน....เก็บไว้สำหรับบทต่อไป....โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ)
-
มารอ หม้อพี่ตาม ตอนต่อไป ;D
-
พึ่งรู้ว่าพี่ตามเป็นนักเขียนนะเนี้ย สามารถเขียนแล้วให้คนอย่างผมเข้าใจง่ายดีมาก :L2900: :L2900:
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องหม้อ จะมีเรื่องให้มานั่งเขียนได้ขนาดนี้ บางอย่างผมก็นำมาคิดและเปรียบเทียบกับVG 2.5 X2 ที่ผมใช่อยู่
แต่มันจะต่างที่ค่าร้อนเท่านั่นเอง ของผมค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ประ 90-91 ไม่มากกว่านััน แต่มันก็เคยร้องเตือน ตอนขึ้นเขาปักธงชัย
ที่ขึ้นเขาประมาณ 9 กม. ผมอาจจะเค้นเครื่องมันหนักเกินไป ตั้งไว้ที่โหมด 2 แล้วขึ้นเขาด้วยความเร็วที่ต่ำ แต่รอบเครื่องที่สูง
ความเร็วไม่น่าจะเกิน 40 กม/ชม แต่รอบเครื่องบางครั้งขั้นไปถึงที่ 3พันกว่ารอบ ผลที่ออกมาค่า ECT ทะลุร้อย ร้องเตือน ติสๆๆ
ไม่ยอมหยุด จอดดับเครื่องพักประมาณ 3 นาที เสียงนั้นหายไป แต่ขับขึ้นเขาไปได้อีก ประมาณ 1 กม ร้องเหมือนเดิม ก็เลยโทรถามพี่นะ ว่า
เกิดจากสาเหตุอะไร พี่นะก็อธิบายต่างๆนาๆ โน่น นี่ นั้น สุดท้ายพี่นะบอก พี่ปรี ตั้งโหมด ECO ก่อน นั่นแหละหายร้อง รายละเอียดที่มันร้อง และสาเหตุ
ก็คือเราไม่ได้ศึกษาเรื่องการใช้ สมาร์ทเกจ ให้เข้าใจให้ท่องแท้ก่อน (นึกว่ามันมีปัญหา อิๆ) จริงแล้วที่ผมติดกล่องข้าวน้อย 2 เพราะว่าผมอยากขับแซง อยากออกตัวให้มันกระฉับ กระเฉง แซงรถเมย์ 132 ให้มันเนียนๆหน่อย
ก็เท่านั้นเองครับ ก่อนไปติดผมแอบศึกษาข้อมูลของหลายค่ายอยู่เหมือนกัน แต่คนที่พอจะอธิบายแล้ว เราพอจะเข้าใจ
ไม่คิดจะฟันเราอย่างเดียว ก็พี่นะ พี่อ๊อด นี่แหละ ได้ทั้งกล่อง ได้ทั้งการขับขี่ที่ดีขึ้น แถมได้เพื่อนอีก หาได้ที่ไหน น้อ ;D ;D ;D
-
ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากเห็น หม้อพี่ตูมตามเร็วๆ เพราะปัญหานี้เป็นสิ่งที่ หลายๆ คนอยากรู้ อยากหาย ขนาดผม 3.2 ยังมีให้เห็นเลยครับตอนเร่งแบบยาวๆ ประมาณ 170 up กดแช่ยาวไม่ได้
เจ้าสมาทร์เกท ร้องลั่นเลย :D
-
หม้อเล็กก็มีผลกับความร้อนครับ ตอนนี้กำลังมอนิเตอร์อยู่
เคยสังเกตุมัย ว่าเวลาล้างรถใหม่ๆแล้วรู้สึกอัตตราเร่งดี // หรือตอนเช้าๆ/ฝนตก ขับดีรอบมาไว
ให้หม้อใหญ่พี่ตามจบก่อน แล้วจะตามด้วยหม้อเล็ก
:sd42:
-
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ติดตามตำนานหม้อของผมนะครับ :L2754: :L2754: :L4399: :L4399: เดี๋ยวคืนนี้มีเวลาจะมาต่อกันในตอนที่ 6 ครับ :L2734: :L2734:
แหม....พี่ปรี....ข้อมูลพี่ปรีนี่เข้ากับเนื้อหาในตอนที่ 6 ของผมมากเลยครับพี่.....ยังกะรู้ใจผมว่าตอนต่อไปผมจะเขียนเกี่ยวกับอะไร :L2734: :L2734: :L2734:
-
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ติดตามตำนานหม้อของผมนะครับ :L2754: :L2754: :L4399: :L4399: เดี๋ยวคืนนี้มีเวลาจะมาต่อกันในตอนที่ 6 ครับ :L2734: :L2734:
แหม....พี่ปรี....ข้อมูลพี่ปรีนี่เข้ากับเนื้อหาในตอนที่ 6 ของผมมากเลยครับพี่.....ยังกะรู้ใจผมว่าตอนต่อไปผมจะเขียนเกี่ยวกับอะไร :L2734: :L2734: :L2734:
ต้มม่ารอดูตอนจบเรื่องหม้อๆ ของพี่ตาม รอดูเฉลย ว่ามันจะจบแบบไหน แบบตอนเดียวจบ หรือว่ามีหลายตอนเหมือนบ้านผีปอบ 5555+++
:L2905: :L2905: :L2905:
-
ตอนที่ 6 เรียนรู้เรื่องร้อน (ต่อ)
เอาละครับมาต่อกันที่ตอนที่ 6 ยังคงเป็นตอนที่เกี่ยวกับการเก็บข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความร้อนของน้องปานะครับ สำหรับผม ทฤษฎีไม่ค่อยรู้เรื่องครับ...อาศัยทดลอง ทดสอบ ลองกันจริงในภาคปฏิบัติเลยครับ
ข้อมูลเกี่ยวกับความร้อนส่วนใหญ่ในตารางในตอนที่ 5 เป็นการเก็บข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นในเมือง-ชานเมือง จะมีต่างจังหวัดบ้างแต่ก็ใกล้ๆ เช่นพัทยา ระยอง หัวหิน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นพื้นที่ราบเกือบทั้งหมด.....ในพื้นที่ราบๆแบบนี้ วิธีการขับแบบกดแล้วยก นั้นถือได้ว่าใช้งานได้ดีทีเดียว...ตลอดเวลาที่ใช้มาไม่มีกรณี smart gauge ร้องเตือนอุณหภูมิสูงอีกเลย....แต่ผมก็ยังไม่สามารถหาวิธีการ "กดแล้วยก" ที่แน่นอนได้....เป็นเพียงเห็นอุณหภูมิสูงเมื่อไหร่ก็ยกเท่านั้นเอง :L6419: :L6419:
ถึงจะเป็นการทดสอบในพื้นที่ราบ ผมก็ยังพอพบปัญหาบ้างเมื่อต้องขึ้นสะพานสูงๆ เช่นสะพานพระราม3 หรือสะพานข้ามแม่น้ำบนกาญจนาภิเษกช่วง สุขสวัสดิ์-บางนา....ทุกครั้งที่ขึ้นสะพานสูงๆ เมื่อไปถึงยอดสะพาน ความร้อนจะขึ้นมาค่อนข้างสูง ทั้ง2สะพานนี้เมื่อถึงยอดสะพานความร้อนจะอยู่ประมาณ 99-100 องศา....หรือบางครั้งก็เกิน 100 องศาขึ้นไปอีก.....หลังจากที่ได้ทดสอบมาซักพัก....ผมตั้งสมมติฐานไว้ในใจว่า ทางราบนั้นการควบคุมความร้อนด้วยวิธีการขับนั้นพอทำได้ แต่สำหรับทางชันนั้นไม่สามารถช่วยได้ เพราะเมื่อขึ้นทางชันโอกาสที่จะยกคันเร่งนั้นแทบไม่มี....เป็นเพียงสมมติฐาน แต่ยังไม่ได้มีเวลาทดสอบ :L4398: :L4398:
จนโอกาสมาถึง เมื่อผมมี trip เดินทางไปกาญจนบุรี เส้นทางที่ใช้ทดสอบคือ เขื่อนศรีนครินทร์-ศรีสวัสดิ์.....เส้นทางช่วงนี้เป็นทางขึ้นเขาแบบค่อยๆขึ้น ตรงๆ ไม่มีโค้งมากนัก....ผลการทดสอบ ขึ้นเขาไปได้ไม่เท่าไหร่ smart gauge ก็ร้องเตือนความร้อน...ผมพยายามใช้วิธีการขับแบบกดแล้วยก แต่ก็ทำได้ยาก เพราะเป็นทางขึ้นเขาตลอด พอยกเมื่อไหร่ความเร็วก็ตกมากเกินไป...คือถ้าขับแบบนี้พอจะรักษาความร้อนไม่ให้สูงได้ แต่รักษาความเร็วไม่ได้.....สุดท้าย ทริบนี้ผมต้องปิดกล่องขับช่วงขึ้นเขาไป.....พอปิดกล่องความร้อนก็วนเวียนอยู่แถวๆ 96-98 ในช่วงขึ้นเขา....ทริบนี้แทบจะยืนยันสมมติฐานที่ผมตั้งไว้ :L4386: :L4386:
ผมมีโอกาสได้ทดสอบอีกครั้งในอีกทริบถัดมาไม่นาน คราวนี้ขึ้นเขาใหญ่....ก่อนขึ้นเขา ผมยังลังเลว่าจะปิดกล่องดีหรือไม่....สุดท้ายตัดสินใจว่าขอลองซักหน่อย.....พอขึ้นไปซักแป๊บนึง ถึงช่วงที่เป็นทางขึ้นเขาและมีโค้งเยอะๆ...ผมนึกในใจว่าคงไม่รอดแน่....แต่พอขึ้นจริงๆ ช่วงนี้ความร้อนขึ้นมาแต่ไม่มาก อยู่ประมาณ 98-100 ยังไม่ถึงกับ smart gauge ร้องเตือน....แปลกดี....ทีขึ้นศรีสวัสดิ์ ไม่ชันดันร้อน....เขาใหญ่ชันกว่าตั้งเยอะไม่ร้อน....เออ..งงดี......แต่พอขึ้นไปพ้นช่วงที่มีโค้งเยอะๆ เริ่มเป็นทางที่ตรงๆมากขึ้น แต่ยังขึ้นเขาอยู่....คราวนี้ smart gauge ดันร้องเตือน....เออออออ....ยิ่งงง.....มันอะไรของมันฟระ?? :L2761: :L2761:
โอกาสทดสอบรอบที่ 3 คราวนี้เป็นการขึ้นภูหินร่องกล้า....ผมใช้เส้นทางขึ้นจากฝั่งพิษณุโลก (คนละฝั่งกับที่พวกเราขึ้นใน trip ปามาเนียครั้งที่1) เส้นทางเป็นทางขึ้นเขา คดเคี้ยว และชันมากกว่าเขาใหญ่......ผมคิดในใจว่าคงไม่รอดเหมือนกัน เพราะมันชันมาก....แต่พอขึ้นไปแล้ว....ความร้อนกับอยู่ประมาณ 98-100 เท่านั้น....ไม่สูงอย่างที่คิด.......ผมเริ่มเอาข้อมูลที่รวบรวมไว้มานั่งคิดๆ พิจารณาดูดีๆอีกครั้ง...มันต้องมีอะไรแน่ๆ ทำไมขึ้นเขาไม่ชันดันร้อน พอขึ้นเขาชันๆดันไม่ร้อน :L2761: :L2761:
จากการทดสอบขึ้นเขาทั้ง 3 ทริบ...รวมกับอีก 2-3 ครั้งที่ไม่ใช่ทางขึ้นเขาที่สูงมากๆ เช่นเพชรบุรี แก่งกระจาน......ในช่วงที่ความร้อนขึ้นสูงหรือไม่สูงนั้น เส้นทางและวิธีการขับผมมีลักษณะที่คล้ายๆกัน พอจะสรุปได้แบบนี้ครับ
เส้นทางที่ความร้อนจะขึ้นสูง....เป็นทางชันที่ชันไม่มากนัก และมีลักษณะที่สำคัญเหมือนกันคือไม่มีโค้งมากนัก เช่นทางไปศรีสวัสดิ์ การขึ้นสะพาน ลักษณะมันคล้ายๆกัน.....เส้นทางแบบนี้พอขับแล้วความร้อนจะขึ้นสูง เนื่องจากไม่มีโอกาสได้ยกคันเร่งเลย มันเป็นทางตรงๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ พอยกคันเร่งเมื่อไหร่ ความเร็วจะตกลงมาก ก็ต้องเร่งมากอีก....สุดท้ายเลยคุมความร้อนไม่อยู่ :L2739: :L2739:
เส้นทางที่ความร้อนขึ้นแต่ไม่สูงมาก....ลักษณะก็เหมือนกันคือ ทางขึ้นถึงแม้จะชัน แต่มีโค้งเยอะ.....การขับขึ้นเส้นทางลักษณะนี้ความร้อนกลับขึ้นไม่สูง....เป็นเพราะอะไร....มานั่งคิดๆดู....รถคันเดียวกัน...เส้นทางเปลี่ยนไป...อย่างนึงที่เปลี่ยนตามเส้นทางคือวิธีการขับ.....คือเวลาขับขึ้นเส้นทางแบบนี้ วิธีการขับผมจะเป็นแบบ เข้าโค้งเร็วและออกจากโค้งเร็ว.....เหมือนตอนขึ้นทับเบิก ทางขึ้น-ลงเขาแบบนี้ผมจะขับค่อนข้างเร็ว.....โดยการขับคือทำความเร็ว (ทำรอบ) ระดับหนึ่ง...พอถึงหน้าโค้งเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ....รอบจะขึ้นไปสูงในจังหวะนี้พร้อมกับ engine brake จะช่วยชลอรถไว้นิดนึง....และในจังหวะที่ชลอนี่แหละครับที่จะเป็นจังหวะเข้าโค้ง....ตลอดการเข้าโค้งรอบเครื่องจะอยู่สูง....พอหัวรถพ้นโค้ง....เปลี่ยนเกียร์ขึ้น....รอบที่สูงพอเปลี่ยนเกียร์ขึ้นปุ๊บ รถก็พร้อมออกตัวทันทีที่เติมคันเร่ง....วิธีการขับแบบนี้ (ผมคิดเองนะ) มันประหยัดเบรกดี....ไม่ต้องเบรกหน้าโค้งบ่อยๆ....และการกดคันเร่งเมื่อออกจากโค้งก็ไม่ต้องกดมาก เพราะเลี้ยงรอบมาสูงอยู่แล้ว......และการขับแบบนี้แหละครับที่น่าจะทำให้เครื่องมันไม่ร้อนมากนัก.....เพราะมีช่วงที่ยกคันเร่งนาน (เกือบตลอดการเข้าโค้ง).....คือถึงจะเป็นทางขึ้นเขาชันๆ แต่ถ้าเป็นทางคดเคี้ยว จะมีช่วงให้ยกคันเร่งได้เยอะตอนก่อนเข้าโค้ง และการเลี้ยงรอบไว้สูงตลอดโค้ง ทำให้ตอนออกจากโค้งไม่ต้องกดคันเร่งมาก....เมื่อเทียบกับการขับขึ้นทางชันไม่มากแต่เป็นทางตรงยาวๆแล้ว.....มีช่วงการยกคันเร่งได้มากกว่า....จึงอาจเป็นผลให้ความร้อนขึ้นไม่สูงมากนัก :L2736: :L2736:
ดังนั้นจากการทดสอบต่อเนื่องอีกหลายครั้งผมพอจะสรุปได้ว่า น้องปาผมถ้าเป็นทางชันที่มีโค้งไม่กลัว กลัวทางชันตรงๆยาวๆมากกว่า....ถึงจะพอสรุปได้ แต่ก็เป็นการสรุปในแง่ของการใช้งาน....แต่ยังนึกถึงต้นเหตุหรือสาเหตุที่แท้จริงของไอ้ความร้อนนี้ไม่ออกครับ :L2761: :L2761:
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
-
อภิ มหากาพย์ จริงๆ พี่ตามเรา :L2900: :L2900: :L2900:
-
ยิ่งอ่านยิ่งอยากติดตาม :L2900: :L4399:
-
มาเพิ่มข้อมูลคั้นเวลาครับ
อ้างอิงเครดิต จาก พี่นะ@ปามาเนีย post#3 http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.msg18986/topicseen.html#msg18986 (http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.msg18986/topicseen.html#msg18986)
:L4363: :L2739:
การกำเนิดของความร้อน ลองสังเกตุกันดู
(http://upic.me/i/xw/1.crp.jpg)
รถเดิมๆปกติที่ไม่ได้ใส่กล่องดันรางคอมมอลเรียล จะให้ค่าแรงดันคอมมอลเรียล(CRP)เป็นไปตามการออกแบบที่คำนวณไว้ ดังนั้นจากรูปจะสังเกตุว่าเส้นสีฟ้าคือแรงดันที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นซึ่งมีสโลปไม่ชันมากจะค่อยๆขึ้นตามจังหวะการเพิ่มน้ำหนักของคันเร่งหรือระยะของคันเร่งลึกลงเรื่อยๆ จะสังเกตุว่าเส้นสีแดงก็คือเส้นของความร้อนที่เกิดจากขบวนการสันดาปของเครื่องยนต์เมื่อยิ่งมากยิ่งเร็วขึ้นเท่าไหร่ก็สร้างความร้อนมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้นการเกิดของความร้อนจึงขึ้นตามแรงดันcrp ที่เพิ่มขึ้น และเส้นสีเขียวด้านล่างคืออัตราการระบายความร้อนของหม้อน้ำซึ่งสามารถระบายได้ทันและเหมาะสมกับความร้อนที่เกิดขึ้นในช่วงต่อหนึ่งหน่วยของเวลา ตามหลักการออกแบบเชิงพานิช(เชิงพานิชก็คือต้นทุนที่ดีที่สุดและได้สัดส่วนของกำไรที่ดีที่สุด) ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก
ต่อมามาดูรูปนี้ เมื่อเราดันราง
(http://upic.me/i/mp/2.crp.jpg)
เมื่อรถเราไปใส่กล่องดันราง ก็คือการใส่อุปกรณ์ไปหลอกล่อให้กล่องECU จ่ายน้ำมันมากกว่าปกติเพื่อสร้างค่าแรงดัน crp ใหม่ โดยปกติแล้วการคำนวณที่ผิดผลาดของกล่องecu นั้นก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เขาก็ยังออกแบบ sensorท้ายรางมาช่วยไม่ไให้แรงดันcrpสูงมากเกินไปจนรางฉีดคอมมอลเรียลมีปัญหา ซึ่งพอค่าสูงเกินกำหนด sensor ท้ายรางจะเปิดทิ้งทำให้แรงดันลดลง กำลังลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ พอเราไปใส่กล่องและปรับแต่งsensorท้านรางแล้วจะทำให้ sensor ทนแรงดันมากขึ้นกว่าเดิม ผผลก็คือเครื่องยนต์สามารถสร้างแรงดัน crp ได้สูงมากกว่าเดิมในระยะการกดคันเร่งที่เท่ากันเมื่อมีการหลอกแรงดันcrpแล้วจะทำให้แรงดันสูงมากกว่าปกติ ทำให้รถมีอัตราเร่งดีขึ้นมาก ดังรูปที่เส้นสีฟ้ามีการยกตัวขึ้นตามความสามารถของการปรับจูน และเมื่อค่า crp เริ่มช้นและตั้งสูงขึ้นก็เกิดความร้อนขึ้นตามเป็นปกติของการทำงานของเครื่องยนต์ และหากเราค่อยๆกดเติมคันเร่งก็คือการค่อยๆเพิ่มค่า crp ให้ค่อยๆสูงขึ้นแบบรูปแรกบน การเกิดความร้อนก็ช้าลงตามปกติ
คราวนี้มาดูเรื่องการกดคันเร่งเร็ว กดแช่ เค้น กับการกดช้า มีผลอย่างไร
(http://upic.me/i/hh/ax7n1.jpg)
สังเกตุจากภาพแรกเมื่อเราใส่กล่องดันรางก็ทำให้รถเรามีความสามารถดีดเส้นสีฟ้าขึ้นไปได้และทำให้ได้อัตรเร่งที่ดีกว่าเดิมแจาเรากดคันเร่งแต่พอหอมปากหอมคอ ค่อยๆเติม ค่อยๆริน ค่อยๆกดเติมแบบรินน้ำชา(สูตรรั้วสังสะสี) รถเราก็จะมีอัตราเร่งขึ้นตามจังหวะกดและการเกิดความร้อนก็ค่อยๆเกิดตามปกตินั้นแหละ พอเรากดช้าการเดิความร้อนช้าทำให้หม้อน้ำมีโอกาสระบายความร้อนได้ทันการเกิดของความร้อนในหนึ่งช่วงเวลาก็เป็นแบบนี้เรื่อยไป
คารวนี้พอเรามากดคันเร่งแบบยัดคันเร่ง เค้นคันเร่ง กันและรกเราก็เปิดความสามารถโดยการดันราง ทำท้ายรางกันมาแล้ว คราวนี้เส้นสีฟ้าสามารถตั้งชันได้ง่ายมาก ผลคือรถจะมีแรงฉุดดึงที่เร็ว เสียงเครื่องที่มีกำลังขึ้น ค่า crp สูงขึ้นโดยฉับพลัน ในขณะเดียวกันความร้อนก็มาในฉับพลันเมื่อกัน แต่เราลืมไปหรือป่าวว่าการระบายความร้อนของหม้อน้ำเราเชิงพานิชนั้นมันคืออะไร คือมันก็ระบายตามspecของมัน แต่เราสร้างความร้อนต่อเนื่องและอยู่นอกเหนือขีดจำกัดของสโลปของแรงดัน crp จึงเกิดการระบายความร้อนไม่ทันและช่วงเค้นก็จะกลายเป็นความร้อนสะสมในเครื่องที่ยังระบายไม่หมด พอเรายิ่งเค้นยิ่งสูงของเก่าก็สะสม ของใหม่ก็สร้างความร้อนก็เลยสูงตามแค่นั้นเอง จังหวะนี้หากเรามี SMG ก็จะร้องเตือนบอกว่า " พอก่อนเว้ยเฮ้ย! ยกหน่อยรอให้หม้อน้ำระบายความร้อนก่อนเดี๋ยวกดใหม่ " ถ้าเราเชื่อเราก็ยกค้างไว้ water temp ก็ลดลง สักพักก็กดใหม่ได้ แต่ถ้าเราไม่ยกล่ะก็ร้องลั่นอยู่แบบนั้นจนกว่าอะไรจะบินออกจากเครื่องสักชิ้น2ชอ้นคงจะหยุด ถ้ามันมากพอ
นี้คือเหตุการณ์ปกติของมันนะครับ ฉะนั้นเรียนรู้และเข้าใจมันก่อนว่าความร้อนมาจากไหน และเกิดได้อย่างไร หากงงและสับสนว่าทำไมคันอื่นยี้ห้ออื่นไม่เป็น รบกวนกลับไปอ่านตอน2 และต้นของตอน 3 ใหม่อีกครั้งครับ
แนวทางแก้ปัญหาของปามาเนีย คืออะไร มาดูรูปนี้
(http://upic.me/i/4n/9dx4..jpg)
จากภาพเมื่อเรายอมรับแล้วว่าการเกิดความร้อนคืออะไร และเราพอจะลดจังหวะตรงนั้นอีกสักหน่อยได้อย่างไร ก็เลยใช้ทฤษฎีจากรั้วสังกะสีที่สอนเรามามาวอเคาระห์และวางแผนการทำอย่างไรให้ เส้นสีเขียวมี range กว้างขึ้นเพื่อให้มีความสามารถรั้งเส้นสีแดงไว้ในขณะที่เส้นสีฟ้ากำลังถูกเค้นขึ้นไปเพื่อรีดแรงและอัตราเร่ง ก็คือการทำอย่างไรก็ได้ในการระบายความร้อนให้เร็ว ระบายความร้อนสะสมให้เร็ว ช่วยให้ความสามารถในการระบายความร้อนในหนึ่งช่วงเวลามากขึ้น ก็คือการทำให้น้ำคายความร้อนให้อยู่ในอุณหภูมิใช้งานให้เร็วที่สุด เพื่อวนเวียนในระบบ จึงเป็นที่มาของเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของการคายความร้อนของเครื่องยนต์
หมายเหตุ : สิ่งที่ทำ สิ่งที่แก้ไข และสิ่งที่ทดสอบ ไม่ได้ทำเพื่อให้เพื่อนสมาชิกไปเค้นความเร็วปลายและอัตราเร่งกันนะครับ ทำเพื่อ safety เครื่องยนต์และเพื่อประสิทธิภาพในส่วนที่เราดัดแปลงแก้ไขเท่านั้น อย่าเอาวิธีนี้ไปใช้แล้วบอกว่ายืนพื้นอยู่ 200+ แค่ 15 นาที เครื่องพังเลย แบบนั้นต้องปรึกษาร้านเฉพาะทางแล้วนะครับ
-
ความรู้ทั้งนั้นครับ พี่นะ :L2900: หน้าพาไปเลี้ยงเหล้าขาวสักขวด :sd23: น้องๆแซวเล่นครับ :L2901:
-
นั่งอ่านรวดเดียว 5หน้า
ต้องพูดว่าทางโรงงานSetupมาโดยมี ระยะความปลอดภัย(Safety Factor)ไว้ระดับหนึ่ง
ส่วนพวกเราที่ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่โรงงานให้มา โดยเฉพาะพี่นะ ที่หลอกล่อสารพัดให้เออออห่อหมก
และพยายามเตือนอยู่ตลอดเรื่องนี้ตลอด แต่เรามักจะฟังแต่หม้อ ..เอ้ย ความแรงงงงงง อย่างเดียว
สุดท้าย เพิ่มเงินอีกนิด ขยายระยะความปลอดภัย(Safety Factor) ขึ้นอีกหน่อย
และฟังเสียงเตือนจากพี่นะ จาก16ตอน
!ค่าซ่อมมันแพง อยากแรงพึงระวัง (ยังอ่านไม่หมดเลย มันไม่มันเหมือนนิยายของ ตูมตามอิอิ ) :sd10:
-
ความรู้ทั้งนั้นครับ พี่นะ :L2900: หน้าพาไปเลี้ยงเหล้าขาวสักขวด :sd23: น้องๆแซวเล่นครับ :L2901:
มากรุงเทพเมื่อไหร่พา 8 เทพไปให้เลี้ยงข้าวเลยครับ :L2904:
-
นั่งอ่านรวดเดียว 5หน้า
ต้องพูดว่าทางโรงงานSetupมาโดยมี ระยะความปลอดภัย(Safety Factor)ไว้ระดับหนึ่ง
ส่วนพวกเราที่ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่โรงงานให้มา โดยเฉพาะพี่นะ ที่หลอกล่อสารพัดให้เออออห่อหมก
และพยายามเตือนอยู่ตลอดเรื่องนี้ตลอด แต่เรามักจะฟังแต่หม้อ ..เอ้ย ความแรงงงงงง อย่างเดียว
สุดท้าย เพิ่มเงินอีกนิด ขยายระยะความปลอดภัย(Safety Factor) ขึ้นอีกหน่อย
และฟังเสียงเตือนจากพี่นะ จาก16ตอน
!ค่าซ่อมมันแพง อยากแรงพึงระวัง (ยังอ่านไม่หมดเลย มันไม่มันเหมือนนิยายของ ตูมตามอิอิ ) :sd10:
เออสวัสดีครับ ไม่ทราบว่าพี่ชื่ออะไรครับอ่านออกเสียงว่าอะไร ผมทักไม่ถูกเลย พอดีอยู่จากชื่อก็ไม่กล้าออกเสียงครับ
อ่าน 16 ตอนจบแล้วมาสรุปให้ฟังอีกทีนะครับ
:L2753:
-
นั่งอ่านรวดเดียว 5หน้า
ต้องพูดว่าทางโรงงานSetupมาโดยมี ระยะความปลอดภัย(Safety Factor)ไว้ระดับหนึ่ง
ส่วนพวกเราที่ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่โรงงานให้มา โดยเฉพาะพี่นะ ที่หลอกล่อสารพัดให้เออออห่อหมก
และพยายามเตือนอยู่ตลอดเรื่องนี้ตลอด แต่เรามักจะฟังแต่หม้อ ..เอ้ย ความแรงงงงงง อย่างเดียว
สุดท้าย เพิ่มเงินอีกนิด ขยายระยะความปลอดภัย(Safety Factor) ขึ้นอีกหน่อย
และฟังเสียงเตือนจากพี่นะ จาก16ตอน
!ค่าซ่อมมันแพง อยากแรงพึงระวัง (ยังอ่านไม่หมดเลย มันไม่มันเหมือนนิยายของ ตูมตามอิอิ ) :sd10:
เออสวัสดีครับ ไม่ทราบว่าพี่ชื่ออะไรครับอ่านออกเสียงว่าอะไร ผมทักไม่ถูกเลย พอดีอยู่จากชื่อก็ไม่กล้าออกเสียงครับ
สวัสดีครับ พี่นะ ผม B-chan ครับ bonlert ครับ ตามกันมาตั้งแต่ web แรกแล้วครับ ผ่าน100,000 Kmไม่นานครับ
รถแทบไม่มีปัญหาเลย. หรือว่ามีก็แก้กันไปเลยไม่รู้สึก อบอุ่นครับ webนี้
อ่าน 16 ตอนจบแล้วมาสรุปให้ฟังอีกทีนะครับ
:L2753:
-
ตอนที่ 7 บทสรุปของความร้อน
จากตอนที่ 5 และ 6 ข้อสรุปของผมจากการทดสอบสรุปไว้ในใจว่า...พื้นราบ ถนนธรรมดา ใช้วิธีกดแล้วยก หรือขับแบบเลี้ยงความร้อน คือพยายามยกคันเร่งให้เร็วในจังหวะที่ต้องชลอ ปล่อยไหลยาวๆ วิธีนี้คุมความร้อนได้หมด ความร้อนวนเวียนอยู่แถว 95-98....ถ้าเป็นทางขึ้นเขาแบบคดเคี้ยว เปิดกล่องข้าวน้อยวิ่งได้ ความร้อนไม่สูงมาก แต่ต้องขับแบบเข้า-ออกโค้งให้เร็ว ใช้เบรกให้น้อย ใช้เกียร์ให้เยอะ......ส่วนถ้าเป็นทางขึ้นเขาแบบค่อยๆขึ้น ไม่มีโค้ง ขึ้นยาวๆ ตรงๆ อันนี้ไม่รอดครับ ปิดกล่องขับสถานเดียว......จะเห็นได้ว่าบทสรุปในใจผมนั้น เนื่องมาจากมันมาจากการทดลองขับจริง ดังนั้นบทสรุปจึงเป็นไปในทางการใช้งาน วิธีการใช้งาน มากกว่าที่จะเป็นหลักการ หรือหลักวิชาการ แบบที่พี่นะเอามาขั้นเวลาให้ได้อ่านกัน
บทสรุปแบบผม มีข้อดีคือมันใช้งานได้เลย เพราะระบุวิธีใช้งาน....แต่มันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรครับ ไม่ได้ศึกษาถึงต้นเหตุและแนวทางการแก้ปัญหาแบบที่พี่นะสามารถทำได้....ของผมแค่ให้อยู่กับมันได้....ช่วงที่ผมเก็บข้อมูลต่างๆนั้น ไม่ค่อยได้คุยกับพี่นะ พี่อ๊อดบ่อยๆครับ....เก็บข้อมูล ทดลองไปเรื่อย เก็บไว้คนเดียว ไม่ได้เอาไปแชร์ให้ใครฟัง จะมีก็แค่พี่ปอนด์ IFRIT ที่จะมาคอยถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็แชร์ข้อมูลไป เพื่อให้แกลองดูวิธีปรับจูน.....ผมก็อยู่กับเจ้าความร้อนนี่มาเรื่อยๆแหละครับ....จนวันหนึ่งอะไรๆก็เปลี่ยนไป
วันนั้นเป็นวันที่ผมได้คุยกับพี่ท่านที่ขับเครื่อง 2.5VG 4x4 เหมือนผมและมาติดกล่องข้าวน้อยก่อนหน้าผม (เป็นคันแรก) และมีปัญหาเรื่องความร้อน (ท่านเดียวกับที่ผมกล่าวถึงว่าเอาคลิบมาลงให้ดูในตอนก่อนหน้านี้).....คือพี่เขาจะเข้าไปที่ IFRIT เพื่อทดสอบรถให้พี่ปอนด์ IFRIT ดูว่ามันร้อนยังงัย ร้อนแค่ไหน....เพื่อถามหาแนวทางการแก้ป้ญหาจาก IFRIT.....เขามาชวนผมไปด้วยกัน เพราะเรามีปัญหาเรื่องความร้อนทั้งคู่......พอไปเจอกันที่ IFRIT ผมไปถึงก่อน ก็เล่าให้พี่ปอนด์ฟังเกี่ยวกับข้อมูลที่ผมทดสอบมา....ณ เวลานั้นปัญหาของผมอยู่แค่ว่า....เวลายกคันเร่งแล้ว พอความร้อนมันลงช้า เลยทำความเร็วไม่ได้.....ต่างกันกับพี่ท่านนั้นที่ขับแล้วความร้อนมันขึ้นจน smart gauge ร้องเตือนบ่อยๆ....เมื่อพี่ท่านนั้นมาถึง เราก็เอารถไปลองกันที่ถนนอักษะ มีพี่เจ้าของรถ ผม และพี่ปอนด์
พี่ท่านนั้นเขาอยากให้ผมลองขับรถเขาก่อน เพื่อให้พี่ปอนด์ดู และให้ผมเปรียบเทียบกับรถผมด้วย......ผมก็ขับให้ดู...ขับแบบอัดเลยนะครับ กดคันเร่งหนักๆ ลากยาวๆ กะเอาให้ร้อนคาตาพี่ปอนด์ไปเลย....ปรากฏว่าความร้อนขึ้น แต่ไม่สูงมากอยู่ประมาณ 98-99 .....อะไรกันฟระ.....ผมลองขับอยู่ 2-3 รอบมันก็ไม่ร้อนจน smart gauge เตือน.......ท่าทางน้องปาจะกลัวหมอเว้ย....ขับเองร้อน พอเจอหมอแม่มไม่ร้อนซะงั้น......เลยต้องเปลี่ยนคนขับครับให้พี่เขามาขับเอง......พี่ท่านนี้ก็ขับแบบเดียวกับผมคือกดหนักๆ ลากยาวๆ ไม่พอ....เพิ่มด้วยการเปลี่ยนเกียร์เอง ลากรอบยาวๆ......กะว่าคราวนี้ร้อนแน่ๆ.....แต่ปรากฏว่าเหมือนเดิมครับ....มันก็ไม่ได้ร้อนจน smart gauge เตือนอีก......ชักสงสัย....เฮ้ยนี่มันยังงัยกันวะนี่.....กะมาถามหาการแก้ปัญหาจากพี่ปอนด์ แต่พอมาถึงปัญหามันดันไม่เกิด....แม่มหน้าแหกละทีนี้.....พี่เขาขับอยู่อีก 2-3 เที่ยวมันก็เหมือนเดิมคือร้อนขึ้นมาแค่ประมาณ 98-99 ไม่ถึงระดับที่ smart gauge จะเตือน.......ผมเลยบอกพี่เขาว่าผมขอขับอีกรอบครับ
ทีนี้พอผมมาขับอีกรอบ...บนถนนอักษะ รถน้อย ถนนใหญ่ อัดได้ตามใจชอบ....แต่ระยะทางมันสั้นทั้งถนนยาวแค่ไม่กี่กิโลเอง.......ตอนขับรอบนี้ผมก็สังเกตุพฤติกรรมของความร้อนไปด้วย....ผมสังเกตุเห็นว่า....พอออกตัวที่ต้นทาง...ความร้อนอยู่ประมาณ 90-91......กดยาวๆตลอดถนน....จนความร้อนมันขึ้นมาเรื่อย...มาอยู่ที่ 98-99.....ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ความร้อนมันไม่ขึ้นครับ....แต่ประเด็นมันน่าจะอยู่ที่เราต้องถอนคันเร่งซะก่อน เพราะมันสุดถนนแล้ว.....พอกดมาหนัก ความเร็วก็สูง ก็ต้องถอนคันเร่งแต่ไกล.....ระหว่างที่ถอนคันเร่งออกแล้ว....เห็นว่าความร้อนมันลดลงเร็วมากจาก 99 แป๊บเดียว ลงมาเหลือ92-93 แล้ว......ผมลองวิ่งอีก 2-3 รอบมันก็เหมือนกัน......อาการนี้แสดงว่า...ความร้อนมันก็ขึ้นอยู่แหละ...แต่ทางสั้น...ต้องยกก่อน....และจากที่วิ่งมาเร็วๆ ทำให้ลมปะทะหน้าเครื่องเยอะ.....ระบายความร้อนได้เร็ว....ความร้อนเลยลงเร็ว
พอกลับมาที่ IFRIT ...... มานั่งลองพูดคุยกัน แชร์ข้อมูลกันอีกที....เลยสรุปออกมาว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การใส่กล่องข้าวน้อยเข้าไป.....แต่ปัญหามันอยู่ที่ระบบระบายความร้อนต่างหาก......ผมคาดว่าระบบระบายความร้อนของเครื่องตัวนี้มันออกแบบมาสำหรับรถเดิมๆเท่านั้น และต้องเป็นเดิมๆเท่านั้นถึงจะระบายได้ทัน เหมือนว่าระบบมันสุดๆแล้วก็ระบายได้แค่นี้.....ทีนี้พอใส่กล่องข้าวน้อย ทำท้ายราง....แรงดันเพิ่มขึ้นเป็นปกติอยู่แล้ว...อุณหภูมิมันก็เพิ่มตามมาด้วยแน่นอน อันนี้เรารู้อยู่แล้วตั้งกะก่อนใส่กล่องข้าวนอย....แต่ที่ตอนนั้นเราไม่รู้คือ ระบบระบายความร้อนมันทำได้แค่ระบายให้รถเดิมๆ......ดังนั้นการกดแล้วยกจึงช่วยได้ เพราะระหว่างที่ยก....แรงดันจะไม่สูง ไม่ก่อให้เกิดความร้อนเพิ่มขึ้น....และแรงลมที่ปะทะหน้าเครื่องก็ช่วยให้ระบายได้ทัน....เมื่อระบายทัน ความร้อนก็ลดลง......เมื่อเป็นแบบนี้ การแก้ปัญหาจากการจูนจึงทำไม่ได้ เพราะถ้าจะจูนให้หายก็คือต้องไม่จูนเลย ขับเดิมๆ....ก่อนแยกย้าย ผมบอกให้พี่เขาลองขับขึ้นทางด่วนแล้วกดยาวๆดูว่ามันจะร้องเตือนอีกมั๊ย....ระยะทางบนทางด่วนมียาวกว่าถนนอักษะที่เราลองรถ....เท่าที่ได้รับทราบคือมันก็ร้อนจนร้องเตือนเวลากดยาวๆ และทางยาวๆ
ผมจึงกลับมาสรุปได้อีกครั้งว่า.....ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่การระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในเครื่อง....คือตอนกดคันเร่ง...ความร้อนก็เกิดขึ้นมาก.....สะสมไว้....ระบบระบายความร้อนมันระบายความร้อนสะสมนี้ไม่ทัน คือระบายได้น้อยกว่าความร้อนที่เกิดขึ้นใหม่จากการกดคันเร่งค้างไปยาวๆ......อุณหภูมิก็เลยขึ้น.....แต่พอยกคันเร่ง ให้ลมปะทะหน้าเครื่องเยอะๆหน่อย (ปล่อยไหลมาจากความเร็วสูงๆ) ความร้อนจะลงมาเร็วมาก เพราะความร้อนที่เกิดใหม่มีน้อย (ไม่ได้กดคันเร่ง) + มีลมเข้าหน้าเครื่องช่วยระบายให้
พอสรุปได้แบบนี้ก็เอากลับมาปรับกับวิธีการขับของผมใหม่....เพราะผมมันมีปัญหาบางครั้งเวลายกคันเร่งแล้วความร้อนลงช้ามาก....ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่ผมขับไม่ค่อยเร็ว....คือผมยกคันเร่งเพื่อให้ระบายความร้อนที่ความเร็วไม่สูง.....ลมปะทะหน้าเครื่องก็เลยไม่มาก....พึ่งระบบระบายความร้อนของรถอย่างเดียวความร้อนก็เลยลงช้าหน่อย.....แต่บทสรุปใหม่...ทำให้ผมคิดว่าน่าจะหาจุดที่ยกคันเร่งแบบพอดีๆได้ โดยยกแล้วยังมีลมปะทะหน้าเครื่องเยอะๆ จะได้ระบายเร็วๆ พอความร้อนลงมาแล้วจะได้ทำความเร็วได้ต่อ (อันนี้สำหรับวิ่งทางต่างจังหวัดนะครับ วิ่งในเมืองไม่ต้องขนาดนี้ เพราะรถติด พอติดอยู่เฉยๆ ระบบระบายความร้อนก็ค่อยๆระบายไปจนความร้อนมันลดลงอยู่ดี)
หลังจากลองทดสอบหาระดับความเร็วที่เหมาะสมอยู่อีกหลายพัก....สุดท้ายมาจบที่ระดับความเร็ว 120 กม./ชม. ครับ....คือที่ความเร็วนี้ความร้อนจะขึ้นมาประมาณ 97-98.....ไม่ร้อนเกินไป.....และมีลมปะทะหน้าเครื่องเยอะ.....ความร้อนจะลงเร็ว....โดยวิธีการที่ผมขับคือ ขับเหมือนปกติ ไม่ต้องสนใจความร้อน....พอความเร็วมาอยู่ที่ 120 กม./ชม. ให้ยกคันเร่งนิดนึง.....ไม่ต้องยกทั้งหมด....ยกแค่พอให้ความเร็วอยู่คงที่ที่ 120 ก็พอ.....ให้ความเร็วคงที่อยู่ในระดับนี้ประมาณ 10 วินาที....จะเริ่มเห็นความร้อนมันเริ่มต่ำลง.....พอเห็นความร้อนลงปุ๊บ ก็เติมคันเร่งต่อได้เลย.....ความร้อนก็จะค่อยๆลงไปเรื่อยๆ....และไปวนเวียนขึ้นลงอยู่แถวๆ 95-97 ประมาณนี้.....ด้วยวิธีนี้ผมสามารถทำความเร็วได้ 180-190 โดยที่ smart gauge ไม่ร้องเตือน....และบางครั้งที่ความเร็วประมาณ 150-160 ความร้อนก็ลงมาอยู่ที่ 92-93 บ้างก็มี....สบายละทีนี้...ขับเต็มที่ไม่ต้องกลัวร้อนละ...แค่ยกคันเร่งตอน 120 พอ.....ไปยาวเลยทีนี้
และนี่เองที่เป็นที่มาของการขับแบบ "ตูมตาม Style" (มันเป็นไงให้ไปถามพี่กิตติครับ แกเป็นคนตั้งชื่อให้).....เพราะพอถนนว่างพอมีทางวิ่ง ผมก็จะพยายามให้ความเร็วขึ้นในระดับ 120.....พอมีรถคันหน้าช้า.....ผมไม่ค่อยอยากชลอด้วยการกดเบรกครับ เพราะการขับแบบเร่งแล้วเบรกแบบนี้ไม่ช่วยเรื่องระบายความร้อนเลย (ยิ่งถ้าประเภทเร่งแล้วเบรก แล้วกดเร่งต่อ นี่ความร้อนขึ้นแบบเร็วมากครับ)......พอไม่เบรก อยากปล่อยไหลยาว....ข้างหน้าช้า.....ก็เลยมีทางเลือกเดียวคือ "มุด" ครับ.......และการมุดนี่แหละครับที่นำมาซึ่งการ :L6415: :L6415: ยาวเหยียด....เพราะการมุดต้องอาศัยช่วงล่างที่ดี เบรกที่ดีมากๆครับ.....สุดท้ายเลย :L6415: :L6415: :L6415: ไปเลยทั้งชุด :L4386: :L4386:
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
-
Aggressive Style :L2901:
-
คุณ ตูมตาม. เขียนอารมณ์นี้
ถ้ามีพล๊อดเรื่องดีๆหน่อยเกี่ยวข้องกับเทคนิคบ้านๆแบบ
แมคไกเวอร์ ทำหนังสือขาย น่าจะเป็นbest seller ได้ไม่ยาก จริงๆนะ
มันจริงๆ :L2900:
-
คุณ ตูมตาม. เขียนอารมณ์นี้
ถ้ามีพล๊อดเรื่องดีๆหน่อยเกี่ยวข้องกับเทคนิคบ้านๆแบบ
แมคไกเวอร์ ทำหนังสือขาย น่าจะเป็นbest seller ได้ไม่ยาก จริงๆนะ
มันจริงๆ :L2900:
ขอบคุณครับพี่บุญเลิศ (หากชื่อผิดต้องขออภัยครับ). :L4399: :L4399:
-
ถูกแล้วครับ ผมผิดเอง
ว่าแต่ว่ารออ่านอยู่
ยังกับละครหลังข่าวแนะ
-
ขอใช้สิทธิพาดพิงครับ :L2756: เพิ่งรู้ว่าขับมุดซะขนาดนั้นเพื่อ ที่จะช่วยระบายความร้อนให้หม้อ นะเนี่ย :sd06: :sd06: :sd06: :L2905: :L2905: :L2905:
-
ขอใช้สิทธิพาดพิงครับ :L2756: เพิ่งรู้ว่าขับมุดซะขนาดนั้นเพื่อ ที่จะช่วยระบายความร้อนให้หม้อ นะเนี่ย :sd06: :sd06: :sd06: :L2905: :L2905: :L2905:
นี่ขนาดอยู่กวางโจว ยังรู้ว่ามีคนพาดพิง หรือนอนไม่หลับอะครับทั่นประทาน :L2905: :L2901:
-
สวัสดีครับ พี่นะ ผม B-chan ครับ bonlert ครับ ตามกันมาตั้งแต่ web แรกแล้วครับ ผ่าน100,000 Kmไม่นานครับ
รถแทบไม่มีปัญหาเลย. หรือว่ามีก็แก้กันไปเลยไม่รู้สึก อบอุ่นครับ webนี้
อ่าน 16 ตอนจบแล้วมาสรุปให้ฟังอีกทีนะครับ
:L2753:
สวัสดีครับ พี่บุญเลิศ
พอดีในเวปปามาเนียนี้ เรายินดีที่จะเปิดเผยตัวตนกันเพื่อความโปร่งใสและเพื่อมิตรภาพที่แท้จริงหลายๆอย่าง เราเอาข้อดีข้อเสียจากบ้านเก่าที่เล่นกันมา มาปรับเปลี่ยนเพื่อเป็นแนวทางใหม่ของปามาเนีย ดังนั้นจึงมีการตั้งกติกาไว้ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อย และที่เกี่ยวข้องกับพี่ เหลือแรกเดียวครับดังนี้
1. เรื่องรูปถ่าย หน้าชัด แบบเห็นตัวจริงแล้วทักทายได้เลยหรือหากเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มากๆ สมาชิกหลายท่านจะได้ระวัง ให้ความเคารพแบบญาติผู้ใหญ่ในการโต้ตอบสำนวนและการตอบคำถามนะครับ
และเพื่อความจริงใจต่อกัน แบบเปิดหน้าตาครับ
2. ชื่อที่โชว์ในบอร์ด (ไม่จำเป็นต้องเหมือนชื่อ log in) เราจะใช้ชื่อเรียกจริงตามด้วยฉายา หรือถิ่นฐาน หรือชื่ออย่างเดียวที่จะเรียกขานกันก็ได้ครับ เช่นหากพี่ชื่อbonlert ก็อาจจะเป็น bonlert หรือ lert bchan หรือ bonlert bchan หรือชัดเจนเลยก็ พี่เลิศ bchan ประมาณนี้แหละครับ
ขอรบกวนพี่ บุญเลิศ อีกครั้งนะครับและหากมีท่านใดแจ้งแล้วผมขออภัยในการสื่อสารซ้ำซ้อนอีกครั้งนะครับ
ขอบคุณและยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจครับ
-
ขออภัยด้วยครับ ผมอ่านไม่ถ้วนเอง
ใช้ NicNameนี้ มานับ10ปี จนลืมไปว่าไม่ใช่ชื่อเรียกเวลาเจอหน้ากัน
กำลังพยายามเปลี่ยนชื่ออยู่ แต่ลืม รหัสไปแล้วรอAdminมาช่วยอยู่
ยินดีครับ ที่จะปฎิบัติตามกฎของบ้านนี้ อยากอยู่แบบพึ่แบบน้องอย่างนี้แหละครับ :sd23: :sd23:
-
ก่อนอื่นต้องขออภัยมิตรรักแฟนนิยายหม้อทุกท่านที่ผมหายหน้าหายตาไปนาน.....ด้วยภารกิจงานราษฎร์งานหลวงรัดตัวเป็นอย่างยิ่ง....จนไม่มีเวลามาเล่ากันต่อ...คืนนี้มีเวลาเล็กน้อย....มาว่ากันต่ออีกซักหน่อยละกันครับ :L4387:
ตอนที่8 หายาแก้ตัวร้อน
หลังจากเสียเวลาไปซะหลายเดือนกับความพยายามเข้าใจและอยู่กับความร้อนให้ได้....พอจะสรุปได้ว่าปัญหาน้องปาตัวร้อนมาจากปัญหาด้านการ "ระบายความร้อน" มากกว่าที่จะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการกำเนิดความร้อน.......ผมพอจะสรุปการขับน้องปา vs ความร้อนได้ประมาณนี้
1. ขับในเมือง/รถเยอะ รถติด.....การขับในเมืองรถจะติดไม่ติด....ขับได้ปกติครับ แทบไม่ต้องดูสมาร์ทเกจเลย...เพราะมันไม่ร้อนหรอกครับ...ทำไมนะหรือ...ก็เพราะในเมืองที่รถเยอะ รถติดๆ จะขับยังงัยก็ต้องมีจังหวะยกคันเร่ง หรือจอดเฉยๆเวลารถติด....ช่วงนี้แหละครับที่น้องปาเราต้องการเพื่อการระบายความร้อนได้ท้น
2. ขับนอกเมือง/รถเยอะ.....แบบนี้ก็ขับได้เหมือนขับในเมือง เพราะมีจังหวะให้ยกคันเร่ง ระบายความร้อนได้ตลอด
3. ขับนอกเมือง/รถโล่ง......แบบนี้แหละครับที่จะเป็นปัญหาสำหรับน้องปาของผม...เนื่องจากถนนมันโล่งมาก...ดังนั้นเวลาจะทำความเร็วมันไม่มีจังหวะยกคันเร่งให้ระบายความร้อนได้เลย.....ขับแบบเหยียบเพลิน...ความร้อนขึ้นสูงทันที...ต้องคอยระวังดูความร้อน และคอยยกระบายความร้อนที่ความเร็ว 120 ตลอด
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่มากับความร้อนของน้องปาเรื่อยมา...ชีวิตก็ปกติสุขดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร...มีปัญหาบ้างเวลาเจอถนนที่โล่งมากๆ หรือทางชันขึ้นเขาแบบตรงๆยาวๆ....พอเจอแบบนี้ก็ปิดกล่องข้าวน้อยเอาครับ....แบบนี้ก็สามารถใช้งานได้ปกติเรื่อยมาจนมาครั้งหนึ่ง......ครั้งนั้นผมไปทริบทำบุญบริจาคของกับกลุ่มเพื่อนที่จังหวัดพิษณุโลก....ตอนเข้าไปบริจาคถนนเป็นทางลูกรังฝุ่นเพียบ....ลุยกินฝุ่นมาเต็มๆ.....พอบริจาคของเสร็จ...คณะที่ไปด้วยกันนอนค้างอีกคืนในตัวเมืองพิษณุโลก....จริงๆผมมีธุระต้องกลับแต่เหนื่อยมากเลยตัดสินใจนอนก่อน แล้วตื่นแต่เช้ามือตีรถกลับกรุงเทพไปประชุมตอนเช้าที่กรุงเทพ......พอตอนเช้ามือผมออกเดินทาง...ระหว่างทางมีความรู้สึกว่า...ทำไมความร้อนมันไม่ลงเร็วเหมือนทุกที....พยายามยกที่ 120 แล้วความร้อนก็ลงไม่มาก...พอเติมคันเร่งความร้อนก็ขึ้นไปอีก......ต้องขับแบบประคองความร้อนไปเรื่อยๆ ถนนว่างๆ วิ่งได้แค่ 110-120 ....ทำเวลาได้ช้ามาก.....จนมาเกือบถึงนครสวรรค์....ฟ้าเริ่มสว่าง....เลยจอดที่ปั๊มน้ำมัน....ลองนั่งสังเกตุความร้อนดูแล้ว...มันลงช้ามาก ขนาดจอดอยู่เฉยๆนะ.....เลยนั่งคิดไปคิดมา....เอ...ทำไมอยู่ๆน้องปาเรามีอาการแบบนี้หว่า......ตรวจดูน้ำในหม้อน้ำ หม้อพัก...ก็ปกติทุกอย่าง....ทำไมมันระบายความร้อนได้ช้าลง.....จนมาเอะใจว่า เราเอารถไปลุยฝุ่นมานี่นา.....ฝุ่นเยอะมากๆด้วย....เลยวิ่งต่อไปหาร้านยาง...ขอยืมสายลมมาเป่าหม้อน้ำไล่ฝุ่นซะหน่อย...ปรากฎว่าฝุ่นออกมาเยอะมาก...และหลังจากเป่าแล้วความร้อนระบายเร็วขึ้น.....ทำความเร็วได้มากขึ้น.....ค่อยยังชั่วหน่อย...เลยอัดยาวๆกลับกรุงเทพฯกันเลยเช้านั้น
หลังจากเหตุการณ์นั้น....ผมชักเริ่มไม่มั่นใจในระบบระบายความร้อนของน้องปาซะละ...แค่ฝุ่นแค่เนี้ย....เล่นซะระบายความร้อนไม่ทัน.....ที่ถ้าลงไปลุยโคลนมีหวังได้นั่งกินข้าวลิงอยู่กลางทางแหงมๆ......ก็เลยเริมมาคิดว่า...จะทำยังงัยถึงจะแก้การระบายความร้อนไม่ทันของน้องปาได้.....เริ่มคิดอย่างจริงจัง....หลังจากหาข้อมูลมาซักระยะ...จากผู้เชี่ยวชาญ 3-4 ทาง....ยืนยันตรงกันว่า.....ที่ระบายความร้อนไม่ทันเพราะหม้อน้ำ.....ด้วยหลายๆเหตุผลด้วยกันที่ทำให้มันระบายไม่ทัน.....จนในที่สุดหลังทริบภูทับเบิก ด้วยความอนุเคราะห์จากพี่นะ.....ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านที่สามารถทำแล้วแก้ปัญหาได้จบ ไม่ต้องมาเสียเงินหลายรอบ.....ผมจึงตัดสินใจจัดหม้อน้ำใบใหม่มาซะ 1 ใบ.....ตอนหน้ามาดูกันว่ามันเป็นยังงัย
โปรดติดตามตอนต่อไป
-
:L2888: มารอชมครับพี่ตาม :L4398:
-
:L2888: มารอชมครับพี่ตาม :L4398:
-ของพี่โต 4WD หรือเปล่า ของพี่ตามกะของผม4WD :L4386: :L4387:
-
:L2888: มารอชมครับพี่ตาม :L4398:
-ของพี่โต 4WD หรือเปล่า ของพี่ตามกะของผม4WD :L4386: :L4387:
ขับ 2 GT 178 ม้า ปี 2012 ครับพี่ต๋อง
-
2.5 vg 4wd ปี2011 มารอติดตามครับ :sd10:
-
ปาผมกำลังตัวร้อนอยู่ :L2905: :L2905: :L2905: ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮยั๋ง
ความร้อนมาไวกว่าปกติทั้งเปิดกล่องและปิ๊ด กดออกตัวก็ไม่ได้มากนะครับวันก่อนทางขึ้นลอยฟ้าบรม ความเร็วที่ 80-100 กม/ชม SMGโชว์ความร้อนขึ้นไป90แล้ว ถ้าเบาลงก็จะขึ้นต่อที่110-120=90-92องศา ตอนยังปกติความเร็วที่ 120ก็ไม่เคยเห็นความร้อนขึ้นจนถึง 90-91นอกจะกดแซงแต่ยกคันเร่งก็จะลงมาอยู่ที่89องศา ถ้าจะเห็นความร้อนขึ้นไปที่90+ก็จะอยู่ที่ความเร็วเกิน130ไปแล้ว ความร้อนจะขึ้นมากกว่าปกติที่เคยๆๆใช้รถประมาณ2-3องศา :sd06: ลองเอารถไปวิ่งยาวๆต่อเนื่องดูเข็มความร้อนของรถก็ไม่ขึ้น อยากให้เข็มที่รถขึ้นจะได้ไปคุยกะศูยน์ให้ตรวจเช็ค :sd21:
-
ปาผมกำลังตัวร้อนอยู่ :L2905: :L2905: :L2905: ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮยั๋ง
ความร้อนมาไวกว่าปกติทั้งเปิดกล่องและปิ๊ด กดออกตัวก็ไม่ได้มากนะครับวันก่อนทางขึ้นลอยฟ้าบรม ความเร็วที่ 80-100 กม/ชม SMGโชว์ความร้อนขึ้นไป90แล้ว ถ้าเบาลงก็จะขึ้นต่อที่110-120=90-92องศา ตอนยังปกติความเร็วที่ 120ก็ไม่เคยเห็นความร้อนขึ้นจนถึง 90-91นอกจะกดแซงแต่ยกคันเร่งก็จะลงมาอยู่ที่89องศา ถ้าจะเห็นความร้อนขึ้นไปที่90+ก็จะอยู่ที่ความเร็วเกิน130ไปแล้ว ความร้อนจะขึ้นมากกว่าปกติที่เคยๆๆใช้รถประมาณ2-3องศา :sd06: ลองเอารถไปวิ่งยาวๆต่อเนื่องดูเข็มความร้อนของรถก็ไม่ขึ้น อยากให้เข็มที่รถขึ้นจะได้ไปคุยกะศูยน์ให้ตรวจเช็ค :sd21:
หวัดดีครับพี่ลีโจ....อยากให้พี่ลีโจสังเกตุอาการความร้อนช่วงความเร็วสูง+ทางยาวให้หน่อยครับ อย่างที่คุยนะครับ....ความเร็วซัก 140-160 ลองวิ่งยาวๆ ความเร็วคงที่ ลองสังเกตุระดับความร้อนและพฤติกรรมการขึ้นลงของความร้อนก่อนนะครับ....แล้วลองเอาข้อมูลมาแชร์กันก่อน...ถึงจะมองออกว่าน่าจะเป็นจากอะไรนะครับ
อย่างนึงเลยคือพี่ลีโจเปลี่ยนล้อมาเป็นล้อ 20......ตอนแรกที่เปลี่ยนล้อ....ธรรมชาติของคนขับจะขับเหมือนเดิม คือยังขับด้วยความรู้สึกเดิม กดคันเร่งแบบเดิม เติมคันเร่งแบบเดิม ที่เคยขับตอนล้อ 16 หรือ 17 ..... พอเปลี่ยนเป็นล้อ 20 ล้อใหญ่ขึ้น หน้ายางใหญ่ขึ้น......พอขับไปซักพัก....จะเริ่มเปลี่ยนจากการ "ขับแบบเดิม" มาเป็น "ขับความเร็วเท่าเดิม" ......คือพยายามจะเร่งด้วยอัตราเร่งเดียวกับตอนใส่ล้อเล็ก....ผลคือการกดคันเร่งมากขึ้น เค้นเครื่องมากขึ้น....อาจมีผลต่อความร้อนที่มากขึ้นได้บ้าง 2-3 องศานะครับพี่ลีโจ
ยังงัยเก็บอาการมาคุยกันก่อน...เพราะการที่ความร้อนเพิ่มขึ้นมาจากได้หลายสาเหตุนะครับ.....แม้แต่ฝุ่นเกาะบนครีบหม้อน้ำมากๆ ก็สามารถเป็นสาเหตุให้ความร้อนขยับขึ้นมากกว่าปกติได้บ้าง 2-3 องศาเช่นกันครับ (อันนี้ผมเคยมาแล้วตอนกลับจากทับเบิก).....ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกเยอะครับทั้งในส่วนของ mechanic เช่น วาล์วน้ำ หรือพัดลมฟรีปั๊ม หรือจะเป็นความเสียหายของ hardware เช่นท่อน้ำ หรือ sensor วัดอุณหภูมิ
ยังงัยพี่ลีโจลองเก็บข้อมูลมาดูกันก่อนครับ :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
-
ปาผมกำลังตัวร้อนอยู่ :L2905: :L2905: :L2905: ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮยั๋ง
ความร้อนมาไวกว่าปกติทั้งเปิดกล่องและปิ๊ด กดออกตัวก็ไม่ได้มากนะครับวันก่อนทางขึ้นลอยฟ้าบรม ความเร็วที่ 80-100 กม/ชม SMGโชว์ความร้อนขึ้นไป90แล้ว ถ้าเบาลงก็จะขึ้นต่อที่110-120=90-92องศา ตอนยังปกติความเร็วที่ 120ก็ไม่เคยเห็นความร้อนขึ้นจนถึง 90-91นอกจะกดแซงแต่ยกคันเร่งก็จะลงมาอยู่ที่89องศา ถ้าจะเห็นความร้อนขึ้นไปที่90+ก็จะอยู่ที่ความเร็วเกิน130ไปแล้ว ความร้อนจะขึ้นมากกว่าปกติที่เคยๆๆใช้รถประมาณ2-3องศา :sd06: ลองเอารถไปวิ่งยาวๆต่อเนื่องดูเข็มความร้อนของรถก็ไม่ขึ้น อยากให้เข็มที่รถขึ้นจะได้ไปคุยกะศูยน์ให้ตรวจเช็ค :sd21:
หวัดดีครับพี่ลีโจ....อยากให้พี่ลีโจสังเกตุอาการความร้อนช่วงความเร็วสูง+ทางยาวให้หน่อยครับ อย่างที่คุยนะครับ....ความเร็วซัก 140-160 ลองวิ่งยาวๆ ความเร็วคงที่ ลองสังเกตุระดับความร้อนและพฤติกรรมการขึ้นลงของความร้อนก่อนนะครับ....แล้วลองเอาข้อมูลมาแชร์กันก่อน...ถึงจะมองออกว่าน่าจะเป็นจากอะไรนะครับ
อย่างนึงเลยคือพี่ลีโจเปลี่ยนล้อมาเป็นล้อ 20......ตอนแรกที่เปลี่ยนล้อ....ธรรมชาติของคนขับจะขับเหมือนเดิม คือยังขับด้วยความรู้สึกเดิม กดคันเร่งแบบเดิม เติมคันเร่งแบบเดิม ที่เคยขับตอนล้อ 16 หรือ 17 ..... พอเปลี่ยนเป็นล้อ 20 ล้อใหญ่ขึ้น หน้ายางใหญ่ขึ้น......พอขับไปซักพัก....จะเริ่มเปลี่ยนจากการ "ขับแบบเดิม" มาเป็น "ขับความเร็วเท่าเดิม" ......คือพยายามจะเร่งด้วยอัตราเร่งเดียวกับตอนใส่ล้อเล็ก....ผลคือการกดคันเร่งมากขึ้น เค้นเครื่องมากขึ้น....อาจมีผลต่อความร้อนที่มากขึ้นได้บ้าง 2-3 องศานะครับพี่ลีโจ
ยังงัยเก็บอาการมาคุยกันก่อน...เพราะการที่ความร้อนเพิ่มขึ้นมาจากได้หลายสาเหตุนะครับ.....แม้แต่ฝุ่นเกาะบนครีบหม้อน้ำมากๆ ก็สามารถเป็นสาเหตุให้ความร้อนขยับขึ้นมากกว่าปกติได้บ้าง 2-3 องศาเช่นกันครับ (อันนี้ผมเคยมาแล้วตอนกลับจากทับเบิก).....ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกเยอะครับทั้งในส่วนของ mechanic เช่น วาล์วน้ำ หรือพัดลมฟรีปั๊ม หรือจะเป็นความเสียหายของ hardware เช่นท่อน้ำ หรือ sensor วัดอุณหภูมิ
ยังงัยพี่ลีโจลองเก็บข้อมูลมาดูกันก่อนครับ :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
ไม่ได้ปิดกล้องนะครับ ความเร็ว140 คงที่ครับ ความร้อน 95 ไม่มียกคันเร่ง สักพักก็ลงไปเลยๆไม่ได้จับเวลานะครับ(แต่ก็มีดูเวลาบาง) หน้าจะประมาณ30วิหรือกว่า ความร้อนไปคงที่อยู่ที่ 90 องศา ขาไปลองไม่ได้เลยครับรถแยะมากแถมติดเป็นช่วงอีก ขากลับก็เจอน้องฝนอีกเลยวิ่ง 140 ได้แค่รอบเดียวเอง
พี่เอเอารถไปลองเบลค+พวงมาลัยรอบแรกผมไปด้วยก็คุยกะพี่เอเรื่องความร้อน พี่เอก็ว่ารถผมอัดๆหน่อยมันก็ขึ้นนะความร้อน รอบ2ผมไม่ได้ไปด้วยลงรถมา บอกว่าไม่เคยเห็นความร้อนขึ้นไวอย่างงี้นะลองรถมาก็หลายคัน ผมก็ถามว่ายางเกี่ยวไหม พี่เอว่าก็มีส่วนแต่ก็น้อยนะ แก่บอกว่าหน้าจะเป็นที่วาล์วน้ำอาจเกิดตะกังหรือป่าวทำให้เปิดช้าหรือมีการติดขัด คุยกันเสร็จผมกลับไปที่รถติดเครื่องSMGโชว์ 97 องศา แล้วก็ลงอย่างรวดเร็ว
วีธีการขับขี่ผมก็ว่าผมขับไม่ได้ต่างจากเติมนะมีตาม จะแซงถึงกดคันเร่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะขึ้นนะครับ แต่ถ้าตอนนี้สิกดเป็นขึ้น90-91องศา จอดรถแล้วสักพักความร้อนจะอยู่ที่ 86 องศา พัดลมหน้าเครืองก็หมุนคงที่นะไม่เห็นมันจะช้าลงเลย (หรือมองไม่ออกหว่า)จะจับสังเกดต่อไป :L2736: :L2753:
-
ปาผมกำลังตัวร้อนอยู่ :L2905: :L2905: :L2905: ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮยั๋ง
ความร้อนมาไวกว่าปกติทั้งเปิดกล่องและปิ๊ด กดออกตัวก็ไม่ได้มากนะครับวันก่อนทางขึ้นลอยฟ้าบรม ความเร็วที่ 80-100 กม/ชม SMGโชว์ความร้อนขึ้นไป90แล้ว ถ้าเบาลงก็จะขึ้นต่อที่110-120=90-92องศา ตอนยังปกติความเร็วที่ 120ก็ไม่เคยเห็นความร้อนขึ้นจนถึง 90-91นอกจะกดแซงแต่ยกคันเร่งก็จะลงมาอยู่ที่89องศา ถ้าจะเห็นความร้อนขึ้นไปที่90+ก็จะอยู่ที่ความเร็วเกิน130ไปแล้ว ความร้อนจะขึ้นมากกว่าปกติที่เคยๆๆใช้รถประมาณ2-3องศา :sd06: ลองเอารถไปวิ่งยาวๆต่อเนื่องดูเข็มความร้อนของรถก็ไม่ขึ้น อยากให้เข็มที่รถขึ้นจะได้ไปคุยกะศูยน์ให้ตรวจเช็ค :sd21:
หวัดดีครับพี่ลีโจ....อยากให้พี่ลีโจสังเกตุอาการความร้อนช่วงความเร็วสูง+ทางยาวให้หน่อยครับ อย่างที่คุยนะครับ....ความเร็วซัก 140-160 ลองวิ่งยาวๆ ความเร็วคงที่ ลองสังเกตุระดับความร้อนและพฤติกรรมการขึ้นลงของความร้อนก่อนนะครับ....แล้วลองเอาข้อมูลมาแชร์กันก่อน...ถึงจะมองออกว่าน่าจะเป็นจากอะไรนะครับ
อย่างนึงเลยคือพี่ลีโจเปลี่ยนล้อมาเป็นล้อ 20......ตอนแรกที่เปลี่ยนล้อ....ธรรมชาติของคนขับจะขับเหมือนเดิม คือยังขับด้วยความรู้สึกเดิม กดคันเร่งแบบเดิม เติมคันเร่งแบบเดิม ที่เคยขับตอนล้อ 16 หรือ 17 ..... พอเปลี่ยนเป็นล้อ 20 ล้อใหญ่ขึ้น หน้ายางใหญ่ขึ้น......พอขับไปซักพัก....จะเริ่มเปลี่ยนจากการ "ขับแบบเดิม" มาเป็น "ขับความเร็วเท่าเดิม" ......คือพยายามจะเร่งด้วยอัตราเร่งเดียวกับตอนใส่ล้อเล็ก....ผลคือการกดคันเร่งมากขึ้น เค้นเครื่องมากขึ้น....อาจมีผลต่อความร้อนที่มากขึ้นได้บ้าง 2-3 องศานะครับพี่ลีโจ
ยังงัยเก็บอาการมาคุยกันก่อน...เพราะการที่ความร้อนเพิ่มขึ้นมาจากได้หลายสาเหตุนะครับ.....แม้แต่ฝุ่นเกาะบนครีบหม้อน้ำมากๆ ก็สามารถเป็นสาเหตุให้ความร้อนขยับขึ้นมากกว่าปกติได้บ้าง 2-3 องศาเช่นกันครับ (อันนี้ผมเคยมาแล้วตอนกลับจากทับเบิก).....ยังมีสาเหตุอื่นๆอีกเยอะครับทั้งในส่วนของ mechanic เช่น วาล์วน้ำ หรือพัดลมฟรีปั๊ม หรือจะเป็นความเสียหายของ hardware เช่นท่อน้ำ หรือ sensor วัดอุณหภูมิ
ยังงัยพี่ลีโจลองเก็บข้อมูลมาดูกันก่อนครับ :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
ไม่ได้ปิดกล้องนะครับ ความเร็ว140 คงที่ครับ ความร้อน 95 ไม่มียกคันเร่ง สักพักก็ลงไปเลยๆไม่ได้จับเวลานะครับ(แต่ก็มีดูเวลาบาง) หน้าจะประมาณ30วิหรือกว่า ความร้อนไปคงที่อยู่ที่ 90 องศา ขาไปลองไม่ได้เลยครับรถแยะมากแถมติดเป็นช่วงอีก ขากลับก็เจอน้องฝนอีกเลยวิ่ง 140 ได้แค่รอบเดียวเอง
พี่เอเอารถไปลองเบลค+พวงมาลัยรอบแรกผมไปด้วยก็คุยกะพี่เอเรื่องความร้อน พี่เอก็ว่ารถผมอัดๆหน่อยมันก็ขึ้นนะความร้อน รอบ2ผมไม่ได้ไปด้วยลงรถมา บอกว่าไม่เคยเห็นความร้อนขึ้นไวอย่างงี้นะลองรถมาก็หลายคัน ผมก็ถามว่ายางเกี่ยวไหม พี่เอว่าก็มีส่วนแต่ก็น้อยนะ แก่บอกว่าหน้าจะเป็นที่วาล์วน้ำอาจเกิดตะกังหรือป่าวทำให้เปิดช้าหรือมีการติดขัด คุยกันเสร็จผมกลับไปที่รถติดเครื่องSMGโชว์ 97 องศา แล้วก็ลงอย่างรวดเร็ว
วีธีการขับขี่ผมก็ว่าผมขับไม่ได้ต่างจากเติมนะมีตาม จะแซงถึงกดคันเร่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะขึ้นนะครับ แต่ถ้าตอนนี้สิกดเป็นขึ้น90-91องศา จอดรถแล้วสักพักความร้อนจะอยู่ที่ 86 องศา พัดลมหน้าเครืองก็หมุนคงที่นะไม่เห็นมันจะช้าลงเลย (หรือมองไม่ออกหว่า)จะจับสังเกดต่อไป :L2736: :L2753:
ได้อ่านข้อมูลของพี่ลีโจละครับ....เดี๋ยวขอเคลียร์งานก่อน แล้วจะมาตอบอีกทีนะครับ (ตอบตามประสบการณ์ผมนะ....ทฤษฎีไม่ค่อยแน่นจร้าาาาาา) :L4399: :L4399:
-
สงสัย งานนี้พี่ลีโจได้เปลี่ยนหม้อใหม่ไฉไลกว่าเดิมแหงๆ ;D ;D ;D
-
ขอบคุณครับพี่ตาม ผมได้มีPM ไปถามพี่โอ๋แล้ว(แต่ยังไม่ได้ตอบกลับ) ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ พี่โอ๋ใช้ล้อ20 และพึ่งจะติดกล้องข้าวน้อยเมื่อมิตติ้งที่ผ่านมาแต่วันนั้นSMGไม่มีของไม่รู้ว่าพี่เค้าได้หามาติดหรือยัง
สงสัย งานนี้พี่ลีโจได้เปลี่ยนหม้อใหม่ไฉไลกว่าเดิมแหงๆ ;D ;D ;D
ไม่อยากจะไฉไลเลยครับพี่สุภัท :sd21:
-
ปาผมกำลังตัวร้อนอยู่ :L2905: :L2905: :L2905: ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะฮยั๋ง
ความร้อนมาไวกว่าปกติทั้งเปิดกล่องและปิ๊ด กดออกตัวก็ไม่ได้มากนะครับวันก่อนทางขึ้นลอยฟ้าบรม ความเร็วที่ 80-100 กม/ชม SMGโชว์ความร้อนขึ้นไป90แล้ว ถ้าเบาลงก็จะขึ้นต่อที่110-120=90-92องศา ตอนยังปกติความเร็วที่ 120ก็ไม่เคยเห็นความร้อนขึ้นจนถึง 90-91นอกจะกดแซงแต่ยกคันเร่งก็จะลงมาอยู่ที่89องศา ถ้าจะเห็นความร้อนขึ้นไปที่90+ก็จะอยู่ที่ความเร็วเกิน130ไปแล้ว ความร้อนจะขึ้นมากกว่าปกติที่เคยๆๆใช้รถประมาณ2-3องศา :sd06: ลองเอารถไปวิ่งยาวๆต่อเนื่องดูเข็มความร้อนของรถก็ไม่ขึ้น อยากให้เข็มที่รถขึ้นจะได้ไปคุยกะศูยน์ให้ตรวจเช็ค :sd21:
เห็นพี่ตามทักเรื่องล้อเพิ่งนึกออกง่า พี่ลีโจเปลี่ยนมาเป็นล้อ 20นิ้ว และยางขนาด 32นิ้ว(275/55/R20) ซึ่งใส่กว่ายางขนาด 265/50R20 อยู่มาก
จำได้ตอนผมใส่ยาง size นี้ใหม่ๆ จากแมวป่าผมที่กระโจนไปกระโจนมาได้ดังใจปราถนา กลับกลายเป็นแมวเชื่องลดความปาดเปรียวช่วงต้นไปเยอะ
และด้วยน้ำหนักล้อยางที่มากขึ้นทำให้แรงเสียดทานมากขึ้น ฉะนั้นรถจึงต้องใช้แรงฉุดลากมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน นี้ก็เป็๋นสาเหตุหนึ่งในการเกิดความร้อนเร็ว
ระดับความร้อนของพี่ลีโจหากเทียบกับรถผมอาจจะใกล้เคียงกัน แต่ไม่ได้หมายถึงว่ามันร้อนเกินไปนะ เพราะหากแต่พี่ลีโจเทียบว่าแต่ก่อนกับตอนนี้อาจจะดูสูงกว่า
แบบนี้อาจเป็นไปได้บ้าง และต้องถามว่าพอรถลอยตัวความร้อนลดลงอย่างเร็วเลยใช่ไหมถ้าใช่ยิ่งมีส่่วนมากๆ
การแก้ไขยังไม่ต้องแก้อะไร หากยังมีล้อเดิมอยู่ลองสลับกลับมาใส่แค่ชั่วโมงเดียวก็รู้ผลแล้วครับว่าปกติไหม หลังจากนั้นก็เอาล้อ20มาใส่เพื่อความสบายใจต่อไปได้อีก
สำหรับการระบายความร้อนที่ความเร็วปลายหรือเวลาเค้นอัตรเร่งยาวๆนั้น ผมได้สั่งทำ made to order กันไปแล้วเป็นแบบ fin พิเศษจากญี่ปุ่นหลอดสำเร็จขนาด26มม. ขยายขึ้นมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัว แต่ทั้งนี้ยังคงสภาพอะไหล่เดิมทั้งหมดที่ต่อร่วม ประกอบกับงานเชื่อมมือทีละใบ ความเนีนยความเรียบร้อยอาจสู้ไม่ได้กับของตลาดแต่คุณภาพน่าจะตรงวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน และตอนนี้เราให้แก้ไขเป็น รุ่น R2 สำหรับ 2500cc แล้วนะครับ เพราะ R1 ที่ส่งมามี comment เรื่องมุมหักโค้งนิดหน่อย แต่เท่าที่ลองกันเบื้องต้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงนั้น ผมสั่งจองใบที่2 รุ่น R2 สำหรับเจ้าแมวป่าของผมทันทีครับ
***รุ้แบบนี้แล้ว ไม่ทราบว่าพี่ลีโจจะฝากเพิ่ม Order เลยไหมครับ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องทดสอบ ไม่ต้องลองผิดลองถูก ตามได้เลย และหากคุณตัดสินใจช้ากว่านี้อาจจะมีคำว่าเหงือกแห้ง เพราะที่ที่เราสั่งทำนี้แนะนำตรงมาจากรั้วสังกะสีเลย แต่รอกันนานมากเพราะมัวแต่ไปทำรถเบนซินกันหมด :L4363:
-
เอาละครับขอมาเพิ่มเติมจากพี่นะหน่อยนะครับ
จากอาการที่พี่ลีโจเล่ามา....ช่วงออกตัว + ทำความเร็วเพิ่ม เครื่องจะร้อนกว่าที่เคยเป็น.....ส่วนในช่วงที่รถลอยตัวแล้ว และใช้ความเร็วคงที่ ความร้อนจะกลับลงมาอยู่ที่ประมาณ 90
จากอาการนี้....เหมือนกับรถผม หรือรถที่เป็น VG Turbo 4x4 จะเป็นกันนะครับ.....อาการเป็นแบบนี้แหละครับ.....แล้วปัญหาอยู่ที่ไหน.....เหมือนอย่างที่ผมได้เล่าให้ฟังในกระทู้นี้นะครับ.....ปัญหาน่าจะมาจาก "การระบายความร้อนไม่ทัน" ..... ต้นเหตุมันเป็นอย่างงี้ครับ
จะสังเกตุเห็นว่าในช่วงออกตัว + ทำความเร็วเพิ่ม.....เราต้องกดคันเร่งมาก บูตสูง ECU จ่ายน้ำมันเยอะ แรงดันในรางสูง ประกอบกับรถพี่ลีโจติดกล่องข้าวน้อย + ทำท้ายราง.....ในช่วงที่กดคันเร่งมาก หรือบูตสูงนี้แหละครับ ความร้อนมันจะมามาก....ทีนี้ระบบระบายความร้อนของน้องปาออกแบบมาให้เพียงพอกับเฉพาะรถ "สแตนดาร์ด" .... รถที่ไม่สแตนดาร์ดอย่างพี่ลีโจ ระบบระบายความร้อนก็เลยระบายไม่ทัน.....เมื่อระบายไม่ทันมันก็สะสม.....คือความร้อนที่เกิดขึ้นตลอดเวลาช่วงที่กดมันมากกว่าความสามารถของระบบที่จะระบายความร้อนออกได้ ส่วนที่เหลือของความร้อนที่ระบายไม่ทันก็เลยไปสะสมอยู่ในระบบ....และเจ้าความร้อนสะสมนี่แหละครับที่ทำให้อุณหภูมิมันสูงขึ้นตามการสะสมของมัน.....อย่างที่พี่ลีโจเห็นบนสมาร์ทเกทนั้นแหละครับ
ต่อมาพอพี่ลีโจทำความเร็วได้ในระดับที่ต้องการ (ที่เราคุยกันคือประมาณ 140-160) แล้วลองยกคันเร่งให้ความเร็วอยู่แค่คงที่ ให้ลอยตัวอยู่แบบนั้นยาวๆ........จะเห็นว่าความร้อนจะลดลง.....เพราะในช่วงที่ขับแบบความเร็วคงที่ หรือประคองความเร็วไว้นิ่งๆ.....เราจะไม่ต้องกดคันเร่งมากนัก.....บูตจะไม่สูงเหมือนตอนแรก....แรงดันในรางไม่มากเหมือนตอนเพิ่มความเร็ว.....ความร้อนที่เกิดขึ้นมาก็มี แต่ไม่มากเท่าตอนแรก......ทีนี้รถอยู่บนความเร็วสูง....ลมที่เข้ามาปะทะที่หน้าหม้อน้ำช่วยระบายความร้อนได้มาก.....มากกว่าอัตราการเพิ่มของความร้อน...เมื่อระบายได้ในอัตราที่มากกว่าความร้อนที่เกิด.....ความร้อนสะสมก็น้อยลงเรื่อยๆ....อย่างที่เห็นคืออุณหภูมิลดลง.....เป็นอาการปกติของน้องปาครับ แต่จะพบมากในรุ่น VG Turbo 4x4 เพราะรุ่นนี้น้ำหนักมากกว่า และมีระบบขับเคลื่อนที่ซับซ้อนมากกว่า ทำให้ถึงแม้จะอยู่ใน mode ขับ 4x2 ก็ยังมีการเสียกำลังไปบ้าง....ส่งผลให้ผู้ที่ใช้รุ่น 4x4 ต้องกดคันเร่งมากขึ้นเพื่อเรียกกำลังรถมากกว่าในการขับเคลื่อนรถออกไป (จะสังเกตุเห็นว่ารุ่น 4x4 มักจะกินน้ำมันมากกว่า 4x2 ก็ด้วยเหตุนี้เช่นเดียวกัน)....ดังนั้นความร้อนที่เกิดในรุ่น 4x4 จึงมากกว่า 4x2 จึงพบเห็นอาการนี้ได้ในรุ่น 4x4 มากกว่า
แต่รถที่ลีโจเป็น 4x2 ทำไมถึงมีอาการแบบนี้.......สมมติฐานของผมหลังจากเห็นข้อมูลพี่ลีโจแล้ว ผมยังยืนยันว่าเป็นเพราะ ล้อ+ยางที่พี่ลีโจเปลี่ยนมาใหม่.....ขนาดของล้อ + ยางใหม่พี่ลีโจ ใหญ่กว่าล้อ+ยางเดิมค่อนข้างเยอะ.....อย่างที่พี่นะบอกไว้ (ผมเพิ่งทราบขนาดยาง+ล้อใหม่ของพี่ลีโจตอนคุยกับพี่นะ).....ดังนั้นล้อ+ยางใหม่พี่ลีโจจึงมาเพิ่มแรงเสียดทาน หรือแรงในการยึดเกาะถนนเพิ่มขึ้น.....ดีขึ้นในเรื่องของการทรงตัว และการขับขี่.....แต่ก็ต้องเปลืองกำลังเครื่องมากขึ้น.....ทีนี้พอพี่ลีโจ "ขับเหมือนเดิม" คือขับด้วยอัตราเร่ง + ความเร็วเท่าเดิม.....สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือการกดคันเร่งที่มากขึ้น (บางทีอาจไม่รู้สึกตัวนะพี่ลีโจ เพราะคนเราส่วนใหญ่จะชินกับการขับรถที่ อัตราเร่ง+ความเร็วเหมือนเดิม มากกว่าการ กดคันเร่งเท่าเดิม).....นั่นก็แปลว่า รถพี่ลีโจที่เป็น 4x2 กำลังกลายร่างไปเป็น 4x4 ในเรื่องของน้ำหนักและความต้องการกำลังเครื่องที่มากเพื่อดันรถให้เคลื่อนที่ไปครับ......อาการความร้อนพี่ลีโจก็เลยมีอาการคล้ายๆกับที่ 4x4 มักจะเป็น
แต่จากระดับความร้อนที่พี่ลีโจบอกมานั้น ยังถือว่าไม่ร้อนเท่ารถผมที่เป็น 4x4 จริงๆนะครับ ดังนั้น พี่ลีโจยังสบายใจใช้งานได้ปกติ....เพียงแต่มองระดับความร้อนไว้บ้าง ถ้ามันขึ้นมาก็ยกคันเร่งซักนิด....ผ่อนหน่อย ให้ระบบระบายความร้อนมันระบายออกไปซักหน่อยก่อนแล้วค่อยเติมคันเร่งต่อ แค่นี้ก็ใช้งานได้สบายทุกสภาพการณ์แล้วครับ.....ระดับความเร็วที่ควรยกคันเร่งให้ระบายความร้อนซักนิดนึงคือที่ 120 กม/ชม นะครับ สำหรับรถผม.....เผื่อเป็นแนวทางให้พี่ลีโจในการยกคันเร่งครับ
ถ้าพี่ลีโจไม่แต่ใจว่าสมมติฐานนี้จะถูกหรือไม่....พิสูจน์ได้ง่ายๆอย่างที่พี่นะบอกครับ คือเอาล้อเดิมมาใส่กลับเข้าไป (ถ้าล้อ+ยางเดิมยังอยู่)....ลองขับดูซัก 1-2 อาทิตย์ ดูว่าพฤติกรรมความร้อนมันกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ ถ้ากลับไปเหมือนก่อนเปลี่ยนล้อ+ยาง....ก็ชัวร์ครับ....เป็นเพราะล้อ+ยางนี่แหละ......แต่ถ้าไม่อยากถึงขนาดพิสูจน์.....จริงๆก็มีกรณีตัวอย่างรถที่เปลี่ยนล้อ+ยางใหญ่แล้วความร้อนจะขึ้นมากกว่ารถที่เป็นล้อ+ยางเดิมนะครับ......คือแมวป่าพี่นะ กับฉลามขาวพี่อ๊อด.....รถทั้ง 2 คันนี้ทำมาใน step 4 เท่ากัน.....ทุกอย่างเกือบจะเหมือนกัน.....แมวป่าล้อ+ยางใหญ่เบิ๊ม....ฉลามขาวล้อ+ยางเดิม......สังเกตุดู ผมเห็นพี่นะร้อนก่อนทุกที....สมาร์ทเกทร้องลั่นก่อนตลอดครับ
ดังนั้นผมว่า hardware ทุกอย่างของพี่ลีโจน่าจะปกติ......เพราะน้ำในหม้อพักไม่พร่อง....แสดงว่าไม่รั่วหรือไม่มีอากาศไปค้างอยู่ในระบบ....เมื่อรถลอยตัวความร้อนลดลง....แสดงว่าระบบระบายความร้อน (การเวียนน้ำ + พัดลม) ยังทำงานอยู่ ไม่มีตัวไหนหยุดทำงาน......ผมจึงคิดว่ามันน่าจะปกตินะครับ
สุดท้ายคือการดูแลรักษา....เมื่อรถพี่ลีโจกำลังกลายพันธ์มากลายเป็น 4x4 สิ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือหม้อน้ำนะครับ....อย่าให้มีฝุ่นเกาะมากๆ.....2-3 อาทิตย์ ผมจะเอาเครื่องเป่าลมมาเป่าซะที (อย่าเป่าแรงมากนะครับ เดี๋ยวครีบหม้อน้ำล้ม)....และเอาน้ำเบาๆ ล้างบริเวณหม้อน้ำซักหน่อยครับ....แค่นี้ก็ใช้กันได้ยาวๆครับพี่ลีโจ
แต่ถ้าพี่ลีโจอยากลดความร้อนลง....คือเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ดีขึ้น...ความร้อนสะสมมันจะได้มีไม่มากนัก (อุณหภูมิมันจะได้ขึ้นช้าลง) และระบายความร้อนได้เร็วขึ้น.....ถ้าอยากได้แบบนี้......ก็ตามลายแทงพี่นะไปเลยครับ.......เดี๋ยวเสร็จงาน ผมจะเอาตัวเป็นๆมาให้ชมกัน.....Prototype ของตัวนี้อยู่ที่ผมเองแหละครับ.....กำลังทดสอบระบบอยู่ ที่อยู่กับผมตอนนี้เป็น R1 ชิ้นแรกที่สั่งผลิตออกมา....ส่วน R2 เป็น version แก้ไขข้อบกพร่องที่จะสามารถทำให้นำมาใช้กับเครื่อง 2500 ได้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพราะ R1 เป็นงานชิ้นแรกที่ทำ และเข้ากันกับเครื่อง 3200 มากกว่าคับ.......ถ้าสนใจโทรตรงหาพี่นะได้เลยครับท่าน :L4399: :L4399:
:L4399: :L4399: :L4399: :L4398: :L4398: :L4398: :L2900: :L2900: :L2897: :L2901:
-
อ่านกระทู้พี่ตามจบมี PM ยิงตรงมาทันที ไม่ทราบว่าพี่ลีโจจะพักผ่อนก่อนซักใบไหมครับ 2500 เหมือนกัน แนวทางเดียวกัน จะได้หล่อไปพร้อมๆกันนะครับ
ตัดสินใจช้า ไม่มีเพื่อนนะครับ ถามพี่ตามดูว่า ทุรนทุรายกับ R2 ขนาดไหน 5555555
-
ส่วนอาการที่พี่ลีโจบอกว่า....น้าปิงเอารถมาจอดหลังจากไปลองรถแล้ว....พอพี่ลีโจมาสตาร์ทรถแล้วความร้อนขึ้นไป 97 พอสตาร์ทแป๊บเดียวความร้อนก็ลงมา.....อันนี้ไม่ต้องแปลกใจครับ ปกติครับผม รถทุกคันก็เป็นครับ
สมมติฐานได้ว่าน้าปิงเอารถไปลอง ก็คงลองอัด ลองเบรก ลองเข้าโค้งแรงๆ พอสมควร.....ตอนกลับมาร้านความร้อนคงอยู่ประมาณ 90 กลางๆ....ซึ่งเป็นระดับความร้อนที่เครื่องยังต้องการให้ระบบระบายความร้อนช่วยระบายความร้อนอยู่....ยังต้องการให้พัดลมหน้าเครื่องทำงาน.....วาล์วน้ำยังเปิดอยู่ เพื่อให้น้ำไหลเวียนช่วยระบายความร้อน......ทีนี้พอมาถึงร้านก็คงดับเครื่องทันที.......เกิดอะไรขึ้น......ระบบทั้งหมดก็หยุดทำงานซิครับ.....พัดลมก็หยุด....ระบบเวียนน้ำก็หยุด...ทุกอย่างหยุดหมด.....แล้วอะไรจะช่วยระบายความร้อนในเครื่องละครับ.....คำตอบคือไม่มี......เมื่อไม่มีระบบช่วยระบายความร้อน ความร้อนมันก็สะสมค้างเติ่งอยู่ในระบบ....มันก็ค่อยๆพาอุณหภูมิค่อยๆขึ้นไป.....มันจะขึ้นไปบ้างครับ แต่ไม่มากนักจากระดับที่เป็นอยู่ตอนดับเครื่อง......ตอนพี่ลีโจสตาร์ทรถอีกทีความร้อนมาอยุ่ที่ 97 ผมเดาว่าตอนน้าปิงเอารถมาจอดความร้อนน่าจะอยู่ประมาณ 93-94 ประมาณนี้แหละครับ.......ผมก็เคยเป็นครับ...ขับมาความร้อนอยู่ 96 ดันลืมครับ มาถึงรีบดับเครื่องจะไป 7-11 พอซื้อน้ำเสร็จออกมาสตาร์ทรถ....ความร้อนที่สมาร์ทเกทปาเข้าไป 100 หละครับ
กลับกัน พอพี่ลีโจสตาร์ทรถ.....ระบบระบายความร้อนทุกอย่างก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม.....มันก็ช่วยระบายความร้อนออกไปต่อ.....อุณหภูมิก็เลยลดลงเร็ว (เร็วกว่าจอดรถทิ้งไว้เฉยๆ)......ดังนั้นผมสรุปให้ว่าปกติครับ และนี่เป็นอีกจุดนึงที่ผมคิดว่าระบบระบายความร้อนของรถพี่ลีโจยังปกติอยู่ครับ เพราะยังสามารถระบายความร้อนสะสมได้ดีอยู่.....ถ้ามีอะไรบางอย่างในระบบพัง....รับรองระบายความร้อนได้ไม่เร็วแบบนี้หรอกครับ
เปลี่ยนวิธีการจอดรถด้วยนิดนึงนะครับพี่ลีโจ....รถที่มีอาการแบบนี้ ผมแนะนำให้ก่อนออกจากบ้านตอนเช้า (หรือตอนไหนก็แล้วแต่ที่สตาร์ทรถใหม่หลังจากจอดไว้นานๆ) วอร์มเครื่องซัก 5 นาทีนะครับ (อันนี้จริงๆควรทำสำหรับรถทุกคัน).....และที่สำคัญมากสำหรับน้องปาที่มีอาการแบบรถพี่ลีโจ หรือรถผม....คือพอขับรถมาถึงที่หมายแล้ว....จอดแล้ว.....อย่าเพิ่งดับเครื่องนะครับ.....วอร์มดาวเครื่องซักหน่อย......วอร์มดาวน์นานแค่ไหน......ให้ลองสังเกตุที่เสียงพัดลมหน้าเครื่องครับ.....ถ้ายังมีเสียงดังอยู่แสดงว่าเครื่องยังต้องการระบายความร้อนอยู่.....ให้วอร์มดาวน์จนกว่าเสียงพัดลมจะเบาลงครับ....ให้เครื่องมันได้ระบายความร้อนก่อนที่จะดับมันนะครับ......แบบนี้ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้ครับ
:L4399: :L4399: :L4399: :L4398: :L4398: :L4398: :L2897: :L2897:
-
อ่านกระทู้พี่ตามจบมี PM ยิงตรงมาทันที ไม่ทราบว่าพี่ลีโจจะพักผ่อนก่อนซักใบไหมครับ 2500 เหมือนกัน แนวทางเดียวกัน จะได้หล่อไปพร้อมๆกันนะครับ
ตัดสินใจช้า ไม่มีเพื่อนนะครับ ถามพี่ตามดูว่า ทุรนทุรายกับ R2 ขนาดไหน 5555555
:L2754: :L2754: :L2754:...อีกไม่นานครับพี่นะ...อีกไม่นาน....อีกไม่นานผมคงต้องไปกราบขอให้เขาทำให้อะครับ :L2905: :L2905: :L2905: :L2905: :L2905: :L2905: :L2905: :L2900: :L2900: :L2901: :L2901:
-
อีกหนึ่งตัวอย่างนะพี่ลีโจ....อยากรู้ว่าล้อใหญ่มันทำให้ความร้อนขึ้นมั๊ย.....โน่นเลยครับ...โทรคุยกับ Black Angle ได้เลยครับ....ขานั้นเครื่อง 3200 นะครับ ปกติ เครื่องรุ่นนี้เย็นจะตาย....รถวิ่งไป หนูยังนั่งแทะสายไฟอยู่ในห้องเครื่องได้เลย :L2754: :L2754: :L2754: :L2754:......แต่ Black Angle 3200 + Step 4 + ล้อใหญ่ + ยางอย่างโหด ดอกยางน้องๆแทรกเตอร์.....เห็นพึมพำๆ ห่วงความร้อนตลอดเหมือนกันคร้าาาาาาาบ :L2754: :L2754: :L2754:
-
ส่วนอาการที่พี่ลีโจบอกว่า....น้าปิงเอารถมาจอดหลังจากไปลองรถแล้ว....พอพี่ลีโจมาสตาร์ทรถแล้วความร้อนขึ้นไป 97 พอสตาร์ทแป๊บเดียวความร้อนก็ลงมา.....อันนี้ไม่
เปลี่ยนวิธีการจอดรถด้วยนิดนึงนะครับพี่ลีโจ....รถที่มีอาการแบบนี้ ผมแนะนำให้ก่อนออกจากบ้านตอนเช้า (หรือตอนไหนก็แล้วแต่ที่สตาร์ทรถใหม่หลังจากจอดไว้นานๆ) วอร์มเครื่องซัก 5 นาทีนะครับ (อันนี้จริงๆควรทำสำหรับรถทุกคัน).....และที่สำคัญมากสำหรับน้องปาที่มีอาการแบบรถพี่ลีโจ หรือรถผม....คือพอขับรถมาถึงที่หมายแล้ว....จอดแล้ว.....อย่าเพิ่งดับเครื่องนะครับ.....วอร์มดาวเครื่องซักหน่อย......วอร์มดาวน์นานแค่ไหน......ให้ลองสังเกตุที่เสียงพัดลมหน้าเครื่องครับ.....ถ้ายังมีเสียงดังอยู่แสดงว่าเครื่องยังต้องการระบายความร้อนอยู่.....ให้วอร์มดาวน์จนกว่าเสียงพัดลมจะเบาลงครับ....ให้เครื่องมันได้ระบายความร้อนก่อนที่จะดับมันนะครับ......แบบนี้ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ได้ครับ
:L4399: :L4399: :L4399: :L4398: :L4398: :L4398: :L2897: :L2897:
มาเพิ่มเติมอีกครับ เรื่องการจอดรถก่อนจะดับเครื่องและรถคันนั้นมี SMG ผมใช้วิธีแบบนี้โดยที่ไม่ได้ติดตั้ง Turbo timer ให้เปลืองน้ำมัน
..รถผมมี engine temp เดินเบาที่ 87-88องศาC ฉะนั้นไม่ว่าผมจะขับใน style ไหนก็ตาม ความร้อนจะวิ่งขึ้นวิ่งลงอย่างไรก็ตาม เมื่อ water temp ที่ smg ผมยังไม่ลงมาที่ 87-88 ผมจะยังไม่ดับเครื่อง รอไม่นานพอเครื่องยนต์ทำงานสักพักโดยไม่มีแรงเค้น engine temp ก็ลงมาที่ 87-88 ผมก็ดับเครื่องเท่านั้นเอง
...อีกกรณีก็คือ จะซัดทางยาวมาอย่างไรก็ตาม พอใกล้ๆมราจอดก็เหล่ตาไปดู SMG ถ้าอยู่แถวๆ 89-88 เมื่อจอดรถผมก็ดับทันทีเพราะช่วงเรายกคันเร่งหม้อน้ำก็ระบายออกไปเกือบหมดแล้ว ( ยกเว้นกรณีเดียวที่ต้องดับทันที คือขี้จะออกครับ 5555)
....สำหรับเรื่องกลัวเทอร์โบพัง น้ำมันเครื่องร้อน หรืออะไรก็ตาม ให้ลองกลับไปอ่านเรื่อง 16 ตอน อ่านตอน10 จะทราบว่าทำไมพวกผมถึงแก้ที่ water temp อย่างเดียวโดยไม่ได้ไปแก้หรือเพิ่มเติมส่วนอื่นๆเลย เพราะน้ำในเครื่องเราช่วยรักษา engine temp เท่านั้นครับ ไม่ได้ช่วยระบายเป็นแค่ตัวถ่ายเทความร้อนมา
-
อีกหนึ่งตัวอย่างนะพี่ลีโจ....อยากรู้ว่าล้อใหญ่มันทำให้ความร้อนขึ้นมั๊ย.....โน่นเลยครับ...โทรคุยกับ Black Angle ได้เลยครับ....ขานั้นเครื่อง 3200 นะครับ ปกติ เครื่องรุ่นนี้เย็นจะตาย....รถวิ่งไป หนูยังนั่งแทะสายไฟอยู่ในห้องเครื่องได้เลย :L2754: :L2754: :L2754: :L2754:......แต่ Black Angle 3200 + Step 4 + ล้อใหญ่ + ยางอย่างโหด ดอกยางน้องๆแทรกเตอร์.....เห็นพึมพำๆ ห่วงความร้อนตลอดเหมือนกันคร้าาาาาาาบ :L2754: :L2754: :L2754:
Black Angle ยางใหญ่กว่า 33 นิ้ว / แมวป่าแค่ 32 นิ้ว
-
อีกหนึ่งตัวอย่างนะพี่ลีโจ....อยากรู้ว่าล้อใหญ่มันทำให้ความร้อนขึ้นมั๊ย.....โน่นเลยครับ...โทรคุยกับ Black Angle ได้เลยครับ....ขานั้นเครื่อง 3200 นะครับ ปกติ เครื่องรุ่นนี้เย็นจะตาย....รถวิ่งไป หนูยังนั่งแทะสายไฟอยู่ในห้องเครื่องได้เลย :L2754: :L2754: :L2754: :L2754:......แต่ Black Angle 3200 + Step 4 + ล้อใหญ่ + ยางอย่างโหด ดอกยางน้องๆแทรกเตอร์.....เห็นพึมพำๆ ห่วงความร้อนตลอดเหมือนกันคร้าาาาาาาบ :L2754: :L2754: :L2754:
ว่าจะไม่เสียบแล้ว โดนพาดพิงจนได้ :L4387:
ทุก step ที่ทำมีผลกับสองเรื่อง หนึ่ง เรื่องความร้อน สอง เรื่องอัตราบริโภค :L2742:
สำหรับเครื่อง 3.2 เรื่องความร้อนไม่เด่นชัดนัก อย่างมากก็แค่รู้สึกไม่เหมือนเดิม เพิ่มมา1-2องศา จนเราเริ่มชินกับมันไปเอง (กรณีมีSMGให้monitorนะ) :L2736:
ความร้อนจะมาระบายไม่ทันอีกทีก็ตอนอัดยาวด้วย top speed ครับ :L2740:
ส่วนเรื่องกินนํ้ามันก็ตีเฉลี่ยไปเลย 1โล/ลิตร ต่อหนึ่งรายการที่ทำเพิ่ม :sd42: :sd42: :sd42:
ติดกล่อง เปลี่ยนหัวฉีด ใส่ยางใหญ่ ติดกันแคล้ง ทุกวันนี้วิ่งในเมืองอยู่ที่ 7โล/ลิตรครับ นอกเมืองก็บวกหนึ่ง :L2746:
-
ขอขอบคุณพี่ตาม พี่นะ พี่กิต ที่มาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ครับ ถ้ามันเป็นเพราะยางก็จะได้หายหว่งครับ เช็คน้ำมันล่าสุดแต่มีเหียบมีกดบ้างไม่ได้คงที่ บริโภคจากเดิมไปอีก.5ลิตรจร้าจะลองวัดใหม่อีก2ถัง
-
ขอขอบคุณพี่ตาม พี่นะ พี่กิต ที่มาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ครับ ถ้ามันเป็นเพราะยางก็จะได้หายหว่งครับ เช็คน้ำมันล่าสุดแต่มีเหียบมีกดบ้างไม่ได้คงที่ บริโภคจากเดิมไปอีก.5ลิตรจร้าจะลองวัดใหม่อีก2ถัง
ทำใจไปเลยพี่ลีโจ....ยางใหญ่ขนาดนั้น ทั้งหนัก ทั้งแรงเกาะถนนเยอะ....เปลืองแน่นอนจร้าาาาาาา :L2734: :L2734:....แลกมากับความหล่อ + ความปลอดภัย.....คุ้มครับ :L2734: :L2734:
-
ขอขอบคุณพี่ตาม พี่นะ พี่กิต ที่มาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ครับ ถ้ามันเป็นเพราะยางก็จะได้หายหว่งครับ เช็คน้ำมันล่าสุดแต่มีเหียบมีกดบ้างไม่ได้คงที่ บริโภคจากเดิมไปอีก.5ลิตรจร้าจะลองวัดใหม่อีก2ถัง
วัดแบบไหนครับพี่ลีโจ แล้วได้คุณความเพี้ยนของขนาดที่เพิ่มขึ้นหรือป่าวเพราะเส้นรอบวงต่างกัน ตัวอย่างแบบนี้
ล่าสุดไประยองวิ่งในขบวนตามกัน รถผมยาง 275/55R20 วิ่งยืนพื้น 140-145 / เทียบกับรถพี่อ้นยางเดิมติดรถ วิ่งอยู่ 155-160 km/h / เทียบกับหน้าจอ GPS ขึ้น 142-147 แบบนี้พี่ลีโจจะคำนวณอย่างไร
ระยะทางเดียวกันรถผมวิ่งได้ 185โล รถยางเดิมวิ่งได้ 208 โล แบบนี้แสดงว่ารถผมต้องเอาค่าเพี้ยนมาเป็นตัวคูณกลับเพื่อเทียบยางเดิม
-
ขอขอบคุณพี่ตาม พี่นะ พี่กิต ที่มาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ครับ ถ้ามันเป็นเพราะยางก็จะได้หายหว่งครับ เช็คน้ำมันล่าสุดแต่มีเหียบมีกดบ้างไม่ได้คงที่ บริโภคจากเดิมไปอีก.5ลิตรจร้าจะลองวัดใหม่อีก2ถัง
วัดแบบไหนครับพี่ลีโจ แล้วได้คุณความเพี้ยนของขนาดที่เพิ่มขึ้นหรือป่าวเพราะเส้นรอบวงต่างกัน ตัวอย่างแบบนี้
ล่าสุดไประยองวิ่งในขบวนตามกัน รถผมยาง 275/55R20 วิ่งยืนพื้น 140-145 / เทียบกับรถพี่อ้นยางเดิมติดรถ วิ่งอยู่ 155-160 km/h / เทียบกับหน้าจอ GPS ขึ้น 142-147 แบบนี้พี่ลีโจจะคำนวณอย่างไร
ระยะทางเดียวกันรถผมวิ่งได้ 185โล รถยางเดิมวิ่งได้ 208 โล แบบนี้แสดงว่ารถผมต้องเอาค่าเพี้ยนมาเป็นตัวคูณกลับเพื่อเทียบยางเดิม
ผมว่าเอาคร่าวๆเถอะพี่นะ เดี๋ยวพี่ๆเขาจะคำนวนลำบากอะ :L2749: :sd06: :sd42: :L4396: :L2905:
-
ขอขอบคุณพี่ตาม พี่นะ พี่กิต ที่มาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ครับ ถ้ามันเป็นเพราะยางก็จะได้หายหว่งครับ เช็คน้ำมันล่าสุดแต่มีเหียบมีกดบ้างไม่ได้คงที่ บริโภคจากเดิมไปอีก.5ลิตรจร้าจะลองวัดใหม่อีก2ถัง
วัดแบบไหนครับพี่ลีโจ แล้วได้คุณความเพี้ยนของขนาดที่เพิ่มขึ้นหรือป่าวเพราะเส้นรอบวงต่างกัน ตัวอย่างแบบนี้
ล่าสุดไประยองวิ่งในขบวนตามกัน รถผมยาง 275/55R20 วิ่งยืนพื้น 140-145 / เทียบกับรถพี่อ้นยางเดิมติดรถ วิ่งอยู่ 155-160 km/h / เทียบกับหน้าจอ GPS ขึ้น 142-147 แบบนี้พี่ลีโจจะคำนวณอย่างไร
ระยะทางเดียวกันรถผมวิ่งได้ 185โล รถยางเดิมวิ่งได้ 208 โล แบบนี้แสดงว่ารถผมต้องเอาค่าเพี้ยนมาเป็นตัวคูณกลับเพื่อเทียบยางเดิม
ผมว่าเอาคร่าวๆเถอะพี่นะ เดี๋ยวพี่ๆเขาจะคำนวนลำบากอะ :L2749: :sd06: :sd42: :L4396: :L2905:
พี่นะจัดหนักเลยอะ ผมก็คิดเอาง่ายๆครับพี่นะเอาระยะตั้งหารด้วยน้ำมันที่เติมเลย :sd42: :L2739:
-
ผมว่าเอาคร่าวๆเถอะพี่นะ เดี๋ยวพี่ๆเขาจะคำนวนลำบากอะ :L2749: :sd06: :sd42: :L4396: :L2905:
OK ขอโทษทีครับ นึกว่าพี่ลีโจจะเข้าใจชัดเจน งั้นสรุปสั้นๆนะครับ
" ล้อมันเพี้ยนกว่าเดิม จึงได้ระยะน้อยกว่าเดิม เอามาคิดก็เปลืองกว่าเดิม มนด้สนการคำนวณ) ครับ
-
ผมว่าเอาคร่าวๆเถอะพี่นะ เดี๋ยวพี่ๆเขาจะคำนวนลำบากอะ :L2749: :sd06: :sd42: :L4396: :L2905:
OK ขอโทษทีครับ นึกว่าพี่ลีโจจะเข้าใจชัดเจน งั้นสรุปสั้นๆนะครับ
" ล้อมันเพี้ยนกว่าเดิม จึงได้ระยะน้อยกว่าเดิม เอามาคิดก็เปลืองกว่าเดิม มนด้สนการคำนวณ) ครับ
แมวป่าพี่นะออกกระโจนต่างจังหวัด ได้ประมาณกี่โลต่อลิตรครับ
-
ตอนที่ 9 หม้อเก่า vs. หม้อใหม่
มาว่ากันต่อเลยครับ....วันนี้จะเอาหม้อมาให้ชม....แต่ก่อนจะเริ่มชม...ขอย้อนอดีตซักนิดนะครับ.....ระหว่างที่ทดสอบหาวิธีอยู่กับความร้อนไป ก็ได้รับคำแนะนำจากหลายๆท่านว่า....ถ้าจะเอาให้อาการตัวร้อนหาย....วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือ "เปลี่ยนหม้อน้ำใหญ่ขึ้น"......เพราะหม้อน้ำเดิมมันเล็กไป......ตอนฟังมันก็เข้าใจง่ายดีนะ...หม้อเล็กระบายไม่ดี...เอาหม้อใหญ่มาใส่ก็จบ.....พอฟังๆไปหลายคนแนะนำ....ผมก็เริ่มสนใจ.....สนใจไป สนใจมา ความสนใจกลายเป็นความสงสัย.....เริ่มสงสัยว่าหม้อน้ำมันจะใหญ่ขึ้นได้ยังงัยหนอ.......ลองไปเปิดดู....ห้องเครื่องน้องปาเราก็เต็มแน่นซะขนาดนั้น มันจะขยายยังไงหว่า?????......ซ้ายหรือขวานี่หมดสิทธิ์ เพราะหม้อเดิมก็กว้างสุดช่วงตรงของหน้ารถแล้ว...เลยไปกว่านั้นไม่น่าจะได้....แถมมีกระปุกน้ำมันเกียร์มาขวางอีก.....ดังนั้นขยายให้ใหญ่ขึ้นในด้านซ้าย-ขวาคงไม่ได้....มันก็น่าจะเหลือแค่ด้านเดียวคือขยายลงด้านล่าง....ผมก็ลองมุดลงไปดู......พื้นที่ที่จะขยายได้ก็มีไม่มากนัก....ระยะหว่างระหว่างส่วนล่างของหม้อน้ำกับกันแคร้งชิ้นหน้ามีเหลืออยู่ไม่มากนัก....มันจะขยายได้ใหญ่แค่ไหนกันเชียว แถมเห็นมีทั้งท่อแอร์ ท่อน้ำมันเกียร์ยั้วเยี้ยไปหมด มันจะไม่ขวางทางกันเองหรือไง......งงครับ เก็บความงงไว้อยู่ในใจ....จนได้รับลายแทงจากพี่นะ....ที่ปรึกษารั้วสังกะสี ให้ตำแหน่งที่เหมาะสมกับการไปจัดหม้อใหญ่มา.....เมื่อรื้อหม้อเดิมออกมา เทียบกับหม้อใหม่ ผมถึงได้รู้ว่า.....อ๋อ.....ที่ว่ามันใหญ่ขึ้น มันเป็นอย่างงี้นี่เอง....นอกจากนั้นยังพบประเด็นอีกอย่างที่น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้องปาเครื่อง 2.5 ระบายความร้อนได้ไม่ดีเหมือนเครื่อง 3.2 (เครื่อง 3.2 อุณหภูมิจะต่ำกว่าเครื่อง 2.5 ยิ่งถ้าเป็นเครื่อง 2.5 VG ยิ่งร้อนยิ่งกว่า)......เอาละครับ เดี๋ยวมาชมกันได้เลย.....ผมจะเอามาให้ดูแบบเทียบกันระหว่างหม้อเก่า หม้อใหม่ เลยนะครับ :L4399: :L4399:
-
มาชมหน้าตากันก่อนครับ.....ด้านซ้ายคือหม้อใหม่เป็น version R1 ด้านขวาเป็นหม้อเดิมที่ถอดออกมา
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/CC3024F8-C3DF-4056-9AD6-272EC41E9A2F-6968-0000026BF4B16412_zps7e01d8a1.jpg)
ขนาด dimension กว้าง ยาว ขนาดใกล้เคียงกับของเดิม.....ที่สำคัญ ตำแหน่งจุดยึด...ทำแหน่งท่อต่างๆต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมแป๊ะๆ ครับ.....version R1 ใช้วัสดุอลุมิเนียม ไส้ในเป็นอุปกรณ์นำเข้าจากญี่ปุ่น (รายละเอียดเดี๋ยวให้พี่นะมาอธิบายเสริมให้ฟังอีกทีนะครับ ผมไม่ค่อยตั้งใจฟังเวลาเขาอธิบาย)
-
-ขัดจังหวะพี่ตามสักนิด แล้วปัญหา ไม่ได้เกิดจาก วาล์วน้ำหรือครับ ช่วงของการเปิด-ปิด :L2761:ทำให้ความร้อนสะสม
-
มารอฟังครับ :L4398:
-
-ขัดจังหวะพี่ตามสักนิด แล้วปัญหา ไม่ได้เกิดจาก วาล์วน้ำหรือครับ ช่วงของการเปิด-ปิด :L2761:ทำให้ความร้อนสะสม
ขออนุญาติตอบพี่ต๋องก่อนนะครับ ยาวนิดนึงนะพี่
พี่ต๋องถามเรื่องวาล์วน้ำ แต่ผมต้องขออนุญาติอ้างอิงไปถึงระบบน้ำในเครื่องยนต์ก่อนครับ....วาล์วน้ำเป็นส่วนหนึ่งของระบบน้ำในเครื่องยนต์....เจ้าระบบน้ำนี้มีหน้าที่หลักคือ รักษาหรือควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องยนต์.....มันไม่ได้ทำหน้าที่ทำให้เครื่องเย็นนะครับ แค่ควบคุมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเท่านั้น
.วาล์วน้ำเป็นตัวเปิดน้ำไห้ระบบน้ำเกิดการไหลเวียน....คือ เมื่ออุณหภูมิเครื่องยังไม่สูง วาล์วน้ำจะยังไม่เปิดให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำ....เครื่องยนต์เดินไปก็เกิดความร้อน เมื่อน้ำไม่หมุนเวียนมาเอาความร้อนไป เครื่องก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ....ที่ยวาล์วน้ำยังไม่เปิดในช่วงนี้เพราะต้องการให้เครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนอยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อน.......เจ้าระดับอุณหภูมิเหมาะสมนี่วาล์วน้ำมันไม่ได้คิดเองนะ.....ระบบวิศวกรรมเครื่องยนต์และการออกแบบเครื่องยนต์ วิศวกรเขาจะคำนวน ทดสอบ ทดลอง จนเขาระบุได้ว่าอุณหภูมิระดับใดที่เรียกว่าเหมาะสม......และเจ้าความเหมาะสมนี่ไม่ใช่ระดับที่วิศวกรชอบนะครับ ..... แต่เป็นระดับที่เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการสึกหรอน้อยที่สุด........หลักการง่ายๆครับ เครื่องยนต์เราชิ้นส่วนส่วนใหญ่คือโลหะ ซึ่งสามารถหดและขยายตัวได้ตามอุณหภูมิ....อุณหภูมิสูงโลหะจะขยายตัว.....ในการออกแบบเครื่องยนต์ ขนาดของชิ้นส่วนโลหะต่างๆจะมีช่องว่างเล็กเพื่อเผื่อให้โลหะมีการขยายตัวได้.....ดังนั้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นโลหะก็จะขยายตัวขึ้นมาให้พอดีกับช่องว่างที่เว้นไว้.....ถ้าเครื่องร้อนเกินไป โลหะก็ขยายตัวมากเกิน มันก็จะกด ขัด บด ขบ เสียดสี ซึ่งจะทำให้ชิ้นส่วนต่างๆสึกหรอได้.....ในทางกลับกันถ้าเครื่องเย็น โลหะก็ขยายตัวน้อย ช่องว่างที่เว้นไว้ก็ไม่ถูกอุดให้เต็ม และช่องว่างเหล่านี้จะทำให้ของเหลว เขม่า อากาศ ความร้อนมันรั่วไหลออกไปจากที่ๆมันควรอยู่ ออกไปทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มาเจอกับสิ่งเหล่านี้สึกหรอได้ด้วย นอกจากนั้นเครื่องที่เย็นจะทำให้ระบบบางอย่างทำงานได้ไม่เต็มที่ เห็นชัดๆคือระบบเกียร์ คือเฟืองเกียร์มันจะไม่สามารถหมุนได้เต็มที่ เป็นที่มาของอาการที่เกียร์ไม่เปลี่ยนเวลาเครื่องเย็นที่เป็นในรถบางคัน
ทีนี้พอเครื่องยนต์มีอุณหภูมิระดับที่เหมาะสม.....วาล์วน้ำก็เปิด ปล่อยให้น้ำหมุนเวียนเข้ามาในระบบเครื่อง.....เวียนเข้ามาทำไม....ไม่ได้เข้ามาวิ่งเล่นแล้วเครื่องเย็นนะครับ.....มันเวียนเข้ามาเพื่อถ่ายเทความร้อนจากเครื่องมาไว้ที่ตัวมัน.....แล้วมันก็เวียนออกไปที่หม้อน้ำ.....ซึ่งมันจะถ่ายความร้อนให้อากาศที่มาจาก2แหล่งใหญ่ๆคือ อากาศที่ปะทะหน้าเครื่องขณะรถวิ่ง และอากาศที่พัดลมหน้าเครื่องเป่าไปที่หม้อน้ำ....เมื่อถ่ายเทความร้อนเสร็จแล้ว....ก็เวียนกลับเข้าไปถ่ายเทความร้อนจากเครื่องอีกครั้ง.....แต่ในน้องปา นอกจากน้ำจะถ่ายเทความร้อนให้กับอากาศแล้ว ยังออกแบบให้ถ่ายความร้อนให้น้ำมันเกียร์ด้วย....เพื่ออุ่นน้ำมันเกียร์ให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม ไปถ่ายความร้อนให้เฟืองเกียร์เพื่อให้โลหะขยายตัว ให้เฟืองต่างๆทำงานเต็มที่และลดการสึดหรอด้วย......ลองก้มไปดูใต้ท้องรถน้องปา บริเวณด้านล่างของหม้อน้ำจะเห็นมีสายน้ำมันเกียร์เส้นนึงวิ่งมาที่ด้านล่างหม้อน้ำด้วยเช่นกัน....ที่เอาท่อน้ำมันเกียร์มาผ่านตรงนี้ก็เพื่อมารับความร้อนจากน้ำที่หม้อน้ำด้วย
เมื่อเครื่องอุณหภูมิสูงขึ้นระดับหนึ่งวาล์วน้ำเปิดให้น้ำไหลเวียน ถ้าสูงขึ้นอีกพัดลมก็จะทำงานมากขึ้นเพื่อช่วยระบายความร้อนของน้ำที่หม้อน้ำ ...... กลับกัน ถ้าเราจอดรถไว้เฉยๆ ระบบจะระบายความร้อนไปเรื่อยๆ จนอุณหภูมิลดลงระดับหนึ่งพัดลมจะทำงานน้อยลง (หมุนเอื่อยๆ) .....และถ้าลดลงไปอีกวาล์วน้ำก็จะปิด เพื่อให้เครื่องสะสมความร้อนขึ้นมาใหม่.....การทำงานจะหมุนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จากการทดสอบ วาล์วน้ำในรถผมเปิดที่ประมาณ 85-87 องศา พัดลมเริ่มทำงานมากขึ้นที่ประมาณ 92องศาเป็นต้นไป.....ทางกลับกันพัดลมทำงานเบาลงที่ 91 องศา ส่วนวาล์น้ำปิดนั้นสังเกตุยาก ต้องลองเอาไปต้มดู....แต่คาดว่าคงปิดประมาณเดียวกับตอนเปิด .....ดังนั้นถึงแม้จะจอดเฉยๆ ไม่ได้ขับ ความร้อนรถผมจะอยู่ที่ 88 เป็นระดับที่ต่ำที่สุดแล้ว เพราะถ้าต่ำกว่านี้วาล์วน้ำก็ปิด......จากตัวเลขนี้พอสรุปได้ว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับน้องปาผมน่าจะอยู่ในช่วง 90 ต้นๆถึงกลางๆ......อย่างที่บอกนะครับตัวเลขพวกนี้เขามาจากการคำนวน ทดลอง ทดสอบโดยวิศวกรครับ ไม่ได้นั่งเทียนเอามาให้เราใช้กัน.....อุณหภูมิที่ร้อนกว่านี้หรือเย็นกว่านี้ ทำให้เครื่องสึกหรอมากกว่าปกติทั้งสิ้น
เอาละครับมาที่ประเด็นพี่ต๋องเรื่องการเปลี่ยนวาล์น้ำ....ส่วนใหญ่ในน้องปา ที่มักแนะนำให้เปลี่ยนกันคือวาล์วน้ำของเซฟิโร่ ที่จะเปิดที่ประมาณ70กว่าๆองศา.....ทำไมถึงเปิดที่70กว่าไม่ใช่80กว่าเหมือนน้องปา......ตอบง่ายๆครับ.....ก็มันเป็นของเซฟิโร่ไม่ใช่ของปา....มันก็ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในเซฟิโร่ไม่ใช่ปา.....ถ้าเอามาใส่ปาจะเป็นไงละ.....วาล์น้ำก็จะเปิดที่70 แทนที่จะเป็น85-87 ต่างกัน 10กว่าองศา.....พอเปิดแล้วน้ำก็ไหลเวียนทำหน้าที่ของมันไป.....คิดดูละกันว่ากว่าความร้อนจะขึ้นจาก70 ไปอยู่ในระดับเหมาะใช้งานของปาที่ประมาณ90 ใช้เวลานานขนาดไหน ยิ่งถ้ารถติดๆไม่ได้เหยียบเผลอความร้อนเดินมาไม่ถึง 80กลางๆด้วยซ้ำ......ครับใช่ครับ มัยเย็นขึ้นจริง ..... แต่มันเย็นเกิน.....อย่างที่บอกครับเย็นเกินก็พัง
ผมเคยได้คุยกับนักแข่งรถและช่างที่ทำรถแข่งลงสนาม... เขาเปรียบเทียบให้ผมฟังว่า.....เครื่องฮีท มันเหมือนคนป่วยเฉียบพลัน หัวใจวาย ไตวาย ช็อค ....ส่วนเครื่องเย็นเหมือนคนป่วยเป็นมะเร็ง มันสามารถลามไปได้ทุกที่.....ป่่วยทั้ง2อย่างมีสิทธิ์ตายเหมือนกัน .... แต่เครื่องฮีทปัญหาที่เกิดจะวนเวียนอยู่ไม่กี่ที่ ส่วนเครื่องเย็นมันจะตายช้าๆ และไม่รู้ว่าปัญหามันจะลามไปถึงไหน.....ที่สำคัญคือคนขับอย่างเราจะระวังสังเกตุอาการของเครื่องฮีทมากกว่าเครื่องเย็น.....แค่เห็นความร้อนขึ้นผิดปกติ ไม่ต้องถึงฮีทก็รีบตรวจสอบและแก้ไขแล้ว ส่วนเครื่องเย็นไม่ค่อยคำนึงถึง เผลอๆคิดว่าเครื่องเย็นคือดี ใช้ไปเรื่อยๆ จนบางอย่างมันพังไปจริงๆนั้นแหละถึงจะซ่อม....แถมบางทีต้องซ่อมแล้วยังคิดไม่ถึงอีกว่าต้นปัญหาจริงๆมาจากเครื่องเย็น
ความเห็นส่วนตัวผมจึงสรุปได้ว่า การแก้ปัญหาตัวร้อนด้วยการเปลี่ยนวาล์วน้ำก็ไม่ต่างจากการดื่มยาพิษเพื่อรักษาไข้หวัดซักเท่าไหร่ครับ
:L4399: :L4399: ทั้งหมดเป็นความเข้าใจของผมนะครับ อาจมีผิดพลาดคลาดเคลื่อนต้องขออภัย
-
มาชี้แจงเพิ่มเติมสำหรับเรื่องการเปลี่ยนวาล์วน้ำนะครับ
จากที่ผมเขียนมาในประเด็นเรื่องการเปลี่ยนวาล์วน้ำ....ส่วนตัวผมเห็นว่าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสม....แต่ทำไมวิธีนี้ถึงได้รับความนิยมทั้งในหมู่ผู้ใช้รถ และในหมู่จูนเนอร์ หรือสำนักแต่งกันนัก......ที่เขึยนมาทั้งหมดผมมิได้หมายความว่าผมมีความรู้หรือมีประสบการณ์มากกว่าจูนเนอร์หรือสำนักแต่งทั้งหลายนะครับ....ท่านเหล่านั้นมีความรู้มากกว่าผมเยอะ มีประสบการณ์เกี่ยวกับรถมากกว่าผมหลายเท่าตัว....ท่านเหล่านั้นใช้เวลาคลุกคลีอยู่กับรถมากมายกว่าผมหลายช่วงตัว....แต่ทำไมวิธีนี้ถึงได้รับความนิยม
เท่าที่ผมทราบ....ประเด็นสำคัญที่ทำให้วิธีนี้ได้รับความนิยม....สาเหตุหลัก....ง่ายๆ สั้นๆครับ....."เงิน".......คิดดูละกัน วาล์วน้ำราคาหลักร้อย กับหม้อน้ำราคาหลักพัน....หม้อน้ำดีๆราคาเหยียบหมื่น.....คุยกับลูกค้าหลักร้อยยังงัยก็ง่ายกว่าคุยกับลูกค้าหลักหมื่น.....คิดดูว่าลูกค้าเข้ามาหาจูนเนอร์หรือสำนักแต่ง....ซื้อกล่องสั่งจูน....ถ้าไม่ใช่ค่ายสุดเทพ...ราคาก็อยู่ประมาณหมื่น....หลายค่ายอาจต่ำกว่านั้น 5-6 พันก็มี.....ติดให้ลูกค้าเสร็จ....พอมีปัญหาตัวร้อน....บอกลูกค้าไปเปลี่ยนหม้อน้ำราคาครึ่งค่อนหมื่น....ลูกค้าจะเข้าใจได้หรือเปล่ายังเป็นปัญหาอยู่.....ลูกค้าบางคนไม่เข้าใจพาลด่าให้อีก.....หรือจะให้จูนเนอร์หรือสำนักแต่งแจ้งลูกค้าตั้งแต่ต้นว่าติดกล่อง จูนแล้ว พี่ต้องไปเปลี่ยนหม้อน้ำอีก...เบ็ดเสร็จรวมกันหมื่นกว่า...แทนที่จะเป็น 5-6 พัน.....มันก็จะไปมีผลกับธุรกิจอีก......ลูกค้าที่เข้าใจในประเด็นนี้ และยอมรับตั้งแต่คิดติดกล่องว่าต้องแก้ปัญหานี้ต่อก็พอมีนะ....แต่สัดส่วนจะมากแค่ไหนนั้น....ส่วนตัวผมว่ามีไม่มาก.....ยิ่งถ้าต้องมานั่งอธิบายเรื่องวิธีการขับที่เหมาะสมไม่ให้ความร้อนขึ้นสูงประเภทเหยียบแล้วยก....หรือจะบอกว่าเวลาขึ้นเนินให้ปิดกล่อง....คงโดนลูกค้าด่าสวนกลับมาอีกว่างั้นจะติดทำแมวอะไร.....ดังนั้นทางเลือกของจูนเนอร์บางท่าน ถึงแม้ว่าจะทราบว่าการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการเปลี่ยนวาล์วน้ำไม่เหมาะสมนัก แต่ก็ยังเลือกที่จะใช้วิธีนี้อยู่ครับ.....ลูกค้าเสียเงินเพิ่มแค่ไม่กี่ร้อย...และเห็นผลชัดเจน...คนมันเย็นขึ้นแน่นอน (อย่างที่อธิบายไปแล้วในประเด็นที่มันเปิดเร็วกว่าเยอะ)....แบบนี้ลูกค้าไม่ด่าชัวร์
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้จูนเนอร์บางท่าน หรือสำนักแต่งบางค่าย...แนะนำวิธีนี้แก่ลูกค้า....ก็เพราะ....ตัวลูกค้าเองนั่นแหละครับ.....คือลูกค้าบางกลุ่ม บางคน คิดว่าการแก้ปัญหาเรื่องตัวร้อน คือ "ทำให้มันเย็นลง" ..... ไม่ใช่ "การรักษาระดับความร้อนที่เหมาะสม".....ซึ่งการเปลี่ยนหม้อน้ำนั้น.....ไม่ได้ทำให้เครื่องเย็นลงนะครับ....เพราะวาล์วน้ำยังเปิดที่ระดับเดิม พัดลมยังทำงานที่ระดับเดิม....ดังนั้นระดับความร้อนมันจะเหมือนเดิม เพียงแต่มันจะร้อนช้าลง และระบายออกเร็วขึ้น...ทำให้เวลากดคันเร่งความร้อนจะไม่ขึ้นเร็วเหมือนเดิม (ส่งผลให้มีระยะกดคันเร่งนานขึ้น) และการระบายเวลายกคันเร่งจะดีขึ้น ระบายความร้อนออกเร็วขึ้น (มีผลให้ระยะที่ต้องยกคันเร่งน้อยลง).....จูนเนอร์หรือสำนักแต่งอาจเข้าใจครับ....แต่ลูกค้ากี่คนจะเข้าใจ....ส่วนหนึ่งคิดแค่ว่า เปลี่ยนแล้วต้องเย็น....อุณหภูมิเดิมอยู่ 90 กว่า...เปลี่ยนแล้วต้องเหลือ 80 กว่า อะไรประมาณนี้.....ถ้าลูกค้าเข้าใจแบบนี้ เลือกที่จะเชื่อแบบนี้...ขืนจูนเนอร์แนะนำให้เปลี่ยนหม้อน้ำ แล้วมันไม่เป็นอย่างที่เชื่อ สงสัยมียืนด่ากันหน้าร้าน....เผลอๆอาจมีฟาดปากกันเลยก็ได้
ดังนั้น ผมเชื่อว่าจูนเนอร์ทุกท่าน สำนักแต่งทุกค่าย ที่มีมาตรฐานทุกท่านมีความรู้และความเข้าใจเป็นอย่างดี เพียงแต่ "ตัวลูกค้า" เองต่างหากที่ทำให้ท่านเหล่านั้นเลือกที่จะบอกลูกค้าเหล่านั้นอย่างไรมากกว่า.....เมื่อมันเข้าใจยาก....ใช้เงินเยอะ...ใช้เวลาเยอะ....โอกาสที่ลูกค้าไม่เข้าใจจะกลับมาด่ามีเยอะอีก.....ยังไม่พอ ยังอาจทำให้ลูกค้าไปคิดว่า จูนเนอร์เจ้าที่บอกนี้อยากขายของละซิ อยากได้เงินเพิ่มละซิ เลยแนะนำให้เปลี่ยนหม้อน้ำ จะได้เงินเพิ่มขึ้นอีก..........ลองคิดดูว่าถ้าท่านเป็นจูนเนอร์หรือเจ้าของสำนักแต่ง ท่านจะเลือกบอกหรืออธิบายหรือไม่ครับ
มันก็เลยจะกลับกลายเป็นว่า จูนเนอร์บางท่าน...ถ้าลูกค้าเข้าใจง่าย พูดแล้วเข้าใจ ยอมรับฟัง....ไปคุยกันหลังร้าน แนะนำได้ จูนเนอร์เขาไม่หวงหรอกครับ......แต่ถ้าเจอลูกค้าประเภทไม่เข้าใจ เสี่ยงถูกเข้าใจผิด เสี่ยงถูกด่า เสี่ยงเสียลูกค้า....ประเภทนี้คุยกันหน้าร้านครับ...รับไปเลยวาล์วน้ำเซฟิโร่มูลค่า 800 บาท.....เผลอๆ เอาใจลูกค้า แถมฟรีกันไปเลยครับ :L2754: :L2754:
หมายเหตุ: ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับระดับการจูนนะครับ....จูนมากก็ร้อนมาก อาจต้องแก้ไขปัญหาตัวร้อน....จูนน้อยร้อนน้อย อาจไม่ต้องทำอะไร....และขึ้นกับระดับความร้อนปกติที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วย 2.5VG 2WD ระดับความร้อนเหมาะสมอาจต่ำกว่า 4WD ทำให้ต่อให้จูนแล้วความร้อนก็ยังขึ้นมาไม่มากเหมือน 4WD ที่ถ้าจูนหนักๆ ความร้อนจะขึ้นหน้ากลัวมากครับ
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ พี่ตาม : :L4399:
-
มาชมหน้าตากันก่อนครับ.....ด้านซ้ายคือหม้อใหม่เป็น version R1 ด้านขวาเป็นหม้อเดิมที่ถอดออกมา
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/CC3024F8-C3DF-4056-9AD6-272EC41E9A2F-6968-0000026BF4B16412_zps7e01d8a1.jpg)
ขนาด dimension กว้าง ยาว ขนาดใกล้เคียงกับของเดิม.....ที่สำคัญ ตำแหน่งจุดยึด...ทำแหน่งท่อต่างๆต้องอยู่ในตำแหน่งเดิมแป๊ะๆ ครับ.....version R1 ใช้วัสดุอลุมิเนียม ไส้ในเป็นอุปกรณ์นำเข้าจากญี่ปุ่น (รายละเอียดเดี๋ยวให้พี่นะมาอธิบายเสริมให้ฟังอีกทีนะครับ ผมไม่ค่อยตั้งใจฟังเวลาเขาอธิบาย)
มาต่อกันอีกนิดนะครับ...แต่ก่อนที่จะไปเรื่องหม้อต่อ ขอมาให้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการนำความร้อนของโลหะ...กันซักนิด...จะได้ทราบว่าทำไมมันต้องเป็นอลุมิเนียม
หม้อน้ำมีหน้าที่หลักคือช่วงถ่ายเทความร้อนของน้ำที่วิ่งผ่านตัวมันไป...โดยหลักการทั่วไปแล้วการถ่ายเทความร้อนจะถ่ายเทจากที่ๆมีอุณหภูมิสูงไปสู่ที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า....ก็คือการนำความร้อนจากน้ำมาไว้ที่ตัวเอง (เพราะตอนนั้นน้ำมีอุณหภูมิสูงกว่าตัวหม้อน้ำ)...และจากนั้นหม้อน้ำก็จะนำความร้อนไปถ่ายเทให้กับอากาศ (เพราะหม้อน้ำมีอุณหภูมิสูงกว่าอากาศ).....ดังนั้นหม้อน้ำที่จะระบายความร้อนได้เร็วจึงมีคุณสมบัติพื้นฐานง่ายๆคือ ต้องนำความร้อนได้ดี.....เพื่อที่จะนำความร้อนออกจากน้ำได้ดี...และนำความร้อนไปสู่อากาศได้ดีอีกด้วยเช่นกัน
ทีนี้มาดูโลหะที่มีคุณสมบัติในการนำความร้อนได้ดีมีอะไรบ้าง ตามหลักทฤษฎีนะครับ...โลหะที่มีความสามารถในการนำความร้อนได้ดีที่สุดคือ เงิน โดยมีลำดับรองๆลงไปดังนี้
1. เงิน
2. ทองแดง
3. ทอง
4. อลูมิเนียม
5. แมกนิเซียม
อลูมิเนียมเป็นโลหะ (นับเฉพาะโลหะที่มีอยู่ทั่วไป ไม่ใช่โลหะพิเศษประเภทเอาไปผลิตยานอวกาศนะครับ) ที่มีความสามารถในการนำความร้อนได้ดีมากชนิดหนึ่ง....สามารถวัดค่าสัมประสิทธิ์ได้ประมาณ 50% กว่าๆ เมื่อเปรียบเทียบกับทองแดง......ดังนั้นจริงๆแล้วถ้าอยากให้หม้อน้ำนำความร้อนได้ดี หรือถ่ายเทความร้อนได้ดี....ใช้เงิน ทองแดง หรือทองทำ...ก็ดีกว่าอลุมิเนียมทั้งหมดหละครับ.....แต่...แต่....ส่งสัยหม้อน้ำลูกนึงราคาคงเป็นแสน หรือถ้าใช้ทองคำทำราคาคงหลายล้าน (เห็นก้อนเล็กๆยังซื้อกันเป็นแสน)....ดังนั้นโลหะที่สามารถนำความร้อนได้ดีกว่าอลุมิเนียมทั้ง 3 ชนิดนั้น....จึงไม่เหมาะมาทำหม้อน้ำด้วยเหตุผลหลักคือ ต้นทุน....คิดดูถ้ารถตีหม้อน้ำด้วยเงิน หรือทองแดง หรือทองคำ....มีหวังคิดทำระบบป้องกันขโมยหม้อน้ำกันบ้างหละ....โจรคงไม่เอารถละ....เอาแต่หม้อน้ำ เผลอๆขายได้มากกว่ารถทั้งคันอีก....ดังนั้นโลหะที่นิยมนำมาใช้ทำหม้อน้ำเลยมาตกที่อลุมิเนียม ด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผลมากกว่า....แต่ก็มีบางค่าย บางสำนักนะครับ...ที่ทำหม้อน้ำด้วยอลุมิเนียม แต่ใช้ไส้ใน หรือท่อน้ำด้านในทำด้วยทองแดง.....เพื่อหวังให้มีการถ่ายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าอลุมิเนียมทั้งใบ....ดังนั้นสรุปได้เลยครับ...หม้อน้ำอลุมิเนียมนั้นสามารถนำความร้อนหรือถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าหม้อเดิมแน่ๆ......เพราะดูจากสภาพ หม้อเดิมยังงัยคงไม่ใช่ เงิน ทองแดง หรือทองคำแน่นอน. :L2754: :L2754: :L2754:
เกร็ดความรู้เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย หากอยากทดสอบว่าอลุมิเนียมถ่ายเทความร้อน หรือนำความร้อนได้ดีแค่ไหน....ลองง่ายๆครับ ลองเทียบกับสเตนเลสก็พอ....ลองเอาหม้ออลุมิเนียมมาต้มน้ำเทียบกับหม้อสเตนเลสดูครับ....ผมเคยลองเอาหม้ออลุมิเนียมซื้อมาจากร้าน Diso ราคา 60 บาท มาต้มน้ำเทียบกับหม้อสเตนเลสเคลือบเทฟล่อนซื้อมาจากห้างดังราคาหลายร้อยบาท......หม้ออลุมิเนียมน้ำเดือนจนต้มมาม่าจะเสร็จแล้ว...น้ำในหม้อสเตนเลสเพิ่มเดือนเองครับ.....ง่ายๆกับวิธีพิสูจน์ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์แบบเด็กๆ (ตอนนั้นทดลองกับลูก) :L6425: :L6425: :L6425:.....พอดีผมไม่มีหม้อที่ทำด้วยเงิน ทองแดง หรือทองคำนะครับ เลยไม่สามารถเอามาพิสูจน์ว่ามันนำความร้อนได้ดีกว่าอลุมิเนียมมากน้อยแค่ไหน....ถ้าพี่ๆท่านใดจะอนุเคราะห์บริจาคหม้อเงิน หม้อทองแดง หรือหม้อทองคำ สำหรับเป็นวิทยาทาน...ผมยินดีรับไว้นะครับ :L2754: :L2754: :L2754:
-
:L2758: :L2758: :L2758: :L2758:
ขอบคุณมาก ๆ ครับพี่ตาม รอฟังข้อมูลจากพี่นะเรื่องภายในหม้อ !! 555+ เด๋ยวเจอ G-Spot ทำงายยย :sd42: :sd42: :sd42:
-
เอามาให้ดูกันในระยะใกล้อีกทีครับ.....งานเป็นอลุมิเนียมปัดเงา...แม้แต่ข้อต่อท่อ ทั้งฝาหม้อน้ำ และท่อน้ำตีเป็นอลุมิเนียมทั้งหมด (ของเดิมจะเป็นพลาสติก)
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/8BCCDA5E-3D9C-49DB-B703-61C7EC474EB5-6968-0000026C0000466D_zpsf5707585.jpg)
-
ส่วนของฝาหม้อน้ำ ของเดิมเป็นท่อพลาสติก....version R1 ของเราเป็นอลุมิเนียมทั้งหมด...ตีขึ้นงานมาขนาดเท่าของเดิม...เพื่อให้สามารถใช้ฝาหม้อน้ำเดิมได้
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/DFB3F50A-3ED6-4CF1-8F8E-6F854A468D60-6968-0000026C35646BB1_zps061b1a09.jpg)
-
ท่อน้ำด้านล่างก็ตีขึ้นรูปมาเป็นอลุมิเนียมด้วยเช่นกัน.....เหมือนเดิมครับ ของเดิมเป็นพลาสติก....ตีขนาดเท่าเดิมเป๊ะเพื่อให้สามารถใช้กับท่อเดิมได้
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/835D174C-A839-463E-B209-EC78E58809C5-6968-0000026BEED08445_zps75aa7463.jpg)
-
เอาละครับ....มาถึงจุดสำคัญ......ขนาดของหม้อน้ำครับ......มันเป็นปัญหาคาใจผมอยู่ว่าไอ้หม้อน้ำนี่มันจะใหญ่ขึ้นมาได้ยังงัย....ดูมันก็เต็มพื้นที่แล้ว...จะขยายไปทางไหนได้อีก....ซ้ายขวาก็ดูไม่น่าได้..จะลงข้างล่างก็ไม่น่าจะมีที่......จนได้เอาหม้อน้ำออกมาเปรียบเทียบดู...ถึงรู้ว่าที่ว่ามันใหญ่ขึ้นแบบนี้นี่เอง....หลงโง่อยู่ซะนาน :L2754: :L2754:...มาดูกันครับ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/AE359FAF-6411-43DB-919F-83BFE68E3367-6968-0000026BF1B51817_zps8478dfc8.jpg)
ที่แท้ไอ้ที่ว่ามันใหญ่ขึ้นมันคือ "ความหนา" นี่เอง........คือขนาดทั้งหมดเท่าเดิม แต่เพิ่มความหนาของตัวหม้อน้ำขึ้นอีก.....จากภาพจะเป็นว่าหม้อเดิมนั้นขอบจะหนา แต่ส่วนที่เป็น ท่อน้ำและกริล...ที่เป็นส่วนหลักในการระบายความร้อน.....ขนาดมันเล็กกว่าตรงขอบมากครับ.....เวลาหม้อน้ำอยู่ในรถ จะมีพลาสติกสีดำๆ มาครอบเอาไว้...ทำให้มองไม่เห็นขนาดจริงๆ (ที่เล็ก) เห็นแต่ตรงขอบก็คิดว่ามันใหญ่แล้ว.....พอถอดพลาสติกครอบออกถึงได้เห็นว่าส่วนกลางของหม้อน้ำซึ่งสำคัญที่สุดนั้นมันบางกว่าขอบเยอะ.....ซึ่งส่วนที่บางนี่เองทำให้เกิดผล 2 อย่าง
1 ปริมาณน้ำที่สามารถเข้าสู่หม้อน้ำเพื่อถ่ายเทความร้อนออกไปใน 1 ช่วงเวลานั้นจะน้อยกว่า เนื่องจากท่อเล็กกว่า...ทำให้การระบายความร้อนทั้งระบบอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร....ยิ่งประกอบกับประเด็นในเรื่องวัสดุที่ใช้ทำหม้อน้ำนั้นนำความร้อนได้ไม่ดี....ยิ่งทำให้การถ่ายเทความร้อนไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่
2 เนื่องจากท่อภายในหม้อน้ำมีขนาดเล็ก....ทำให้น้ำจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากกว่า....ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น....น้ำเคลื่อนที่ผ่านท่อภายในหม้อน้ำด้วยความเร็ว....การระบายความร้อนก็ทำได้ไม่ดี....เพราะช่วงเวลาที่อยู่ภายในช่วงที่ระบายความร้อนมีน้อย....วัสดุที่ใช้ทำก็นำความร้อนได้ไม่ดีนัก....ดังนั้นน้ำที่ออกมาจากระบบก็ไม่สามารถระบายความร้อนได้หมด
หม้อน้ำ Version R1 ที่ทำขึ้นมานี้....ออกแบบให้หม้อน้ำมีขนาดเต็มขอบ....เท่าที่วัดดูแล้วใหญ่กว่าหม้อเดิมเกือบ 2 เท่า....โดยภายในใช้ท่อนำน้ำขนาดที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถจุน้ำได้ในปริมาณที่มากกว่า....สามารถถ่ายเทความร้อนออกจากเครื่องได้มากกว่า....นอกจากนั้นขนาดท่อที่ใหญ่ขึ้น เมื่อติดตั้งแล้ว....ปั้มน้ำขนาดเท่าเดิม....น้ำจะเดินทางด้วยความเร็วที่ช้าลง....เมื่อช้าลงการระบายก็ดีขึ้น เพราะมีเวลาในการถ่ายเทความร้อนได้นานกว่า เมื่อประกอบกับอลุมิเนียมที่นำความร้อนดีกว่าหม้อเดิม
จะเห็นได้ว่า....โดยหลักการการออกแบบนั้น....ไม่ได้มุ่งเน้นในเครื่องเย็นลง...แต่มุ่งนั้นที่จะระบายความร้อนให้ได้เร็วขึ้น....ตามหลักการแก้ไขปํญหาตัวร้อน...ด้วยการรักษาความร้อนในระดับที่เหมาะสม
-
:L2900: ครับพี่ตาม มารอฟังต่อครับ :L2901:
-
เห็นภาพตามเลยครับ :L2900:
ว่าแต่ว่าเมิ่อเราจูนกล่องข้าวน้อยแล้วความแรงบังเกิด
ตามที่น้าตูมอธิบายความร้อนจะตามมา
มีคำถามคาใจขึ้นมาทันที ::)
ความร้อนที่เหมาะสมในห้องเครื่องน่าจะต้องร้อนขึ้นนิดหน่อยหรือเปล่า????
เพื่อเมื่อเกิดการจุดระเบิดที่รุ่นแรงขึ้นความร้อนควรแปรผันตามบ้าง
เพื่อทำให้ภาพรวมของเคร่ืองขยายตัวตามเพื่อลดการสึกหรอ
***เป็นการคาดเดาอย่างที่สุด..เป็นคำถามนะครับ
-
ขอบคุณครับ พี่ตูมตาม :L2900: :L2900: :L2900:
-
เห็นภาพตามเลยครับ :L2900:
ว่าแต่ว่าเมิ่อเราจูนกล่องข้าวน้อยแล้วความแรงบังเกิด
ตามที่น้าตูมอธิบายความร้อนจะตามมา
มีคำถามคาใจขึ้นมาทันที ::)
ความร้อนที่เหมาะสมในห้องเครื่องน่าจะต้องร้อนขึ้นนิดหน่อยหรือเปล่า????
เพื่อเมื่อเกิดการจุดระเบิดที่รุ่นแรงขึ้นความร้อนควรแปรผันตามบ้าง
เพื่อทำให้ภาพรวมของเคร่ืองขยายตัวตามเพื่อลดการสึกหรอ
***เป็นการคาดเดาอย่างที่สุด..เป็นคำถามนะครับ
ผมคิดว่าขณะวิศวกรเข้าทำการออกแบบเครื่องยนต์ เขาไม่ได้คำนวนเผื่อให้เราเอาเครื่องไปจูน ไปติดกล่องหรอกครับ......จริงๆแล้วเครื่องร้อนขึ้น โลหะก็มีการขยายตัวตามความร้อนครับ....แต่ขนาดของโลหะชิ้นต่างๆ ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มีการขยายตัวมากเกินค่าที่เขาเซ็ทไว้แต่แรก.....ดังนั้นโจทย์ของเราคือ....ถ้าเราจูนเข้าไปมาก...การจุดระเบิดรุนแรงขึ้น....การจ่ายน้ำมันมากขึ้น....แรงดันสูงขึ้น....อุณหภูมิมันก็จะสูงขึ้น.....เราจึงต้องควบคุมไม่ให้มันสูงเกินไปครับ ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์เกิดการสึกหรอมากกว่าปกติ (เนื่องจากเขาไม่ได้ออกแบบเผื่อมาให้เราไปจูน)......ดังนั้นเราจึงต้องควบคุมให้อุณหภูมิกลับมาอยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับการใช้งานครับ
:L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
-
เเล้วหลังจากใส่เเล้วผลเป็นอย่างไรครับ น้าตาม
-
พี่ตาม ไม่ทราบว่าพี่ไปจับหม้อใหม่มาเท่าไหร่ครับ :sd23:
-
เคยไปทำหม้อน้ำ // ของเก่าเริ่มตัน (รถคันเก่า)
ร้านแนะนำให้เพิ่มความหนาเป็น 2 แถว/หรือ2ชั้น สำหรับรถเล็กถึงกลาง เพราะเนื้อที่ค่อนข้างบังคบ
(รถใหญ่ๆ จะมี 2-4แถวเช่นรถบรรทุก 10 ล้อ เนื้อที่ให้ใส่มีมากพอสมควร)
เขาบอกว่าระบายความร้อนได้ดีกว่า ลองใช้แล้วเป็นจริงอย่างที่ว่าครับระบายตามร้อนได้ดีขึ้นจริงๆครับ
ปล. รถผมเดิม 2.5 GT(No VG) ปี2010 ความร้อนสูงสุดแตะอยู่ที่ 93-94 ความร้อนเฉลี่ยอยู่ที่ 90 ครับผม
ให้ไว้เป็นข้อมูล
:L2736:
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ พี่ตาม : :L4399:
พี่ตามอธิบายเข้าใจง่ายดีมากครับ :L2758: ชอบที่เพื่อนนักแข่งเปรียบเรื่องป่วยเฉียบพลัน กับป่วยเป็นมะเร็ง :L2734: น่ากลัวดี :L2739: แถมตายเหมือนกัน :sd42:
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ พี่ตาม : :L4399:
พี่ตามอธิบายเข้าใจง่ายดีมากครับ :L2758: ชอบที่เพื่อนนักแข่งเปรียบเรื่องป่วยเฉียบพลัน กับป่วยเป็นมะเร็ง :L2734: น่ากลัวดี :L2739: แถมตายเหมือนกัน :sd42:
พรุ่งนี้จะไปตีหม้อและนัดทำดีทอร์ก กับพี่ตามใครสนใจตามมา พิกัดลับ! :L6419: :L6415:
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ พี่ตาม : :L4399:
พี่ตามอธิบายเข้าใจง่ายดีมากครับ :L2758: ชอบที่เพื่อนนักแข่งเปรียบเรื่องป่วยเฉียบพลัน กับป่วยเป็นมะเร็ง :L2734: น่ากลัวดี :L2739: แถมตายเหมือนกัน :sd42:
พรุ่งนี้จะไปตีหม้อและนัดทำดีทอร์ก กับพี่ตามใครสนใจตามมา พิกัดลับ! :L6419: :L6415:
เย้.....มีเพื่อนมาด้วยแล้ว :L6428: :L6428:
-
สำหรับพี่ๆที่อยากทราบราคา และแฟนละครที่ติดตามอยากรู้ผลหลังการติดตั้ง....อดใจรอกันนิดนึงครับ....พรุ่งนี้ผมจะไปเอาตัว version R2 มาทดสอบแล้วครับ.....ทดสอบ R1 แล้ว พบปัญหาเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมกับเครื่อง 2500 ครับ เพราะตัวต้นแบบเป็นของเครื่อง 3200 เลยต้องมีการปรับปรุงใหม่เป็น Version R2
พรุ่งนี้เข้าไปพร้อมกันกับแมวป่า....มาทดสอบเป็น 2 คันครับ...หลังจาก Version R1 โดยปล่อยให้เป็นหนูทดลองอยู่คนเดียว :L4386: :L4386: :L4386:
-
พรุ่งนี้ช่วงเช้า ช่วยถ่ายรูปหนูทดลองบนรถโมบายให้ดูหน่อยนะ ว่าต้องลงทุนกันขนาดไหนกว่าจะได้คำตอบแต่ละอย่าง เพื่อสมาชิกปามาเนียทุกท่าน
การทดลอง การลงทุน การบริหารความเสี่ยง และความผิดผลาดเกิดขึ้นกับการทดลองได้หมดครับ และต้องปรับปรุงกันต่อไป เพื่อความสำเร็จ
***ฉะนั้นผู้ที่เดินตามแนวทางสบายใจได้ ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าคนที่เสียสละทดสอบให้ในครั้งนี้
ขอขอบคุณพี่ตามสำหรับการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นประโยช์นกับชาวปามาเนียด้วยครับ
:L4399:
-
พรุ่งนี้ช่วงเช้า ช่วยถ่ายรูปหนูทดลองบนรถโมบายให้ดูหน่อยนะ ว่าต้องลงทุนกันขนาดไหนกว่าจะได้คำตอบแต่ละอย่าง เพื่อสมาชิกปามาเนียทุกท่าน
การทดลอง การลงทุน การบริหารความเสี่ยง และความผิดผลาดเกิดขึ้นกับการทดลองได้หมดครับ และต้องปรับปรุงกันต่อไป เพื่อความสำเร็จ
***ฉะนั้นผู้ที่เดินตามแนวทางสบายใจได้ ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าคนที่เสียสละทดสอบให้ในครั้งนี้
ขอขอบคุณพี่ตามสำหรับการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นประโยช์นกับชาวปามาเนียด้วยครับ
:L4399:
พี่นะเล่นเอามาบอกออกสื่อแบบนี้....เขิลหมดเลย....พรุ่งนี้น้องปาต้องขึ้น slide on ไปครับ.....ไม่กล้าเสี่ยงขับไป จาก version R1 ที่ไม่เหมาะสมกับเครื่อง 2500.....จริงๆมันก็พอขับได้นะครับ....แต่เพื่อความชัวร์ เลยต้องลงทุนหน่อยอะ :L4398: :L4398:
-
สุดยอดครับ
สุดยอดด้วยวิธีคิด การหาสาเหตุ การประมวลความคิด
สุดยอดของการอรรถาธิบาย มันออกรสเหมือนอ่านนิยาย ที่เห็นภาพตาม
สุดยอดในการเสียสละเป็นหนูทดลองเพื่อพวกเราชาว ปาฯเมเนีย
นับถือ :sd23:
ว่าจะว่าจะไม่กระเป๋าแหกแล้วสงสัยจะทนไม่ไหวแน่เลย
ทนทนทนทนทน :L2905: :L2905:
-
สู้ๆ ครับพี่ตาม ชอบคำที่พี่ตามพูด "คิดซะว่าทุกอย่างมีค่าวิชา มันต้องจ่ายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"
เอาใจช่วยครับ "สู้เพื่อหม้อ" :L2900: :L2900: :L2900:
-
พี่ตามเราทำเพื่อหม้อจริงๆ ครับ :L2905:
-
:sd23: ขอบคุณครับพี่ตูมตาม ได้ความรู้ของหม้อ...(น้ำ) แบบจริงจัง และเจาะลึก ขอชมบทสรุปด้วยคนครับ
-
ไม่เป็นหนูทดสอบ ทดลองด้วยตัวเอง แล้วจะแนะนำ ตอบคำถามสมชได้อย่างไร :L2761: :L4387: :L4386:
ที่นี่ปามาเนียนะครับ ไม่มีนั่งเทียน หรือเอารถสมชไปเป็นหนู เพื่อหาคำตอบนะครับ :sd27: :L2736: :L2734: :L2900:
-
เสร็จเรียบร้อยแล้วครับสำหรับ Version R2 ..... หนู1ตัว และแมวอีก 1ตัว จับ R2 ลงเรียบร้อย....กว่าจะเสร็จเล่นซะเหนื่อยเลย......ช่วงนี้ขอทดสอบก่อนนะครับ....แล้วจะรีบเอาผลการใช้งานมาแจ้งให้ทราบกันครับ :L2736: :L2736:
และได้ข่าวล่าสุดมาว่า....พรุ่งนี้จะมีนางฟ้า...ไปเอา R1 มาใส่ด้วยอะ :L2900: :L2901: :L2901: :L2901:
-
เอาละครับ....ก่อนจะมาเหลาว่าวันนี้ไปทำไรมาบ้าง....อยากจะมาเล่าให้ฟังถึงต้นเหตุของการต้องมี 2 version R1 และ R2 ก่อนครับ
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า......หลังจากหาข้อมูลจนคิดว่าพอละ...ตัดสินใจทดลองแก้ปัญหาจริงๆจังๆ.....ได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษารั้วสังกะสี (ผ่านพี่นะมา)......จนได้พบลายแทงพาไปหาแหล่งที่ข้อมูลบ่งชี้มาว่าดีที่สุดแล้ว.....ผมก็ไปตามลายแทงเลยครับ.......โดยน้องปาออสซี่....กะลังจะแปลงร่างเป็น "หนู" ครับ.........หนูอะไรเอ่ย.......ทราบมั๊ยเอ่ย....."หนูทดลอง" ไงละครับ......เพราะจะเป็นคันแรกในบ้านปามาเนียที่จะเปลี่ยนหม้อน้ำ......ไม่เคยมีประสบการณ์....ไม่มีใครชี้แนะ.......ก็บุกเข้าไปลุยถึงแหล่งเองเลยครับ
วันที่เข้าไปคุยครั้งแรก......ถึงได้รู้ว่าลายแทงที่ได้มา....มันไม่ใช่ร้านขายหม้อน้ำ......มันเป็นร้านสำหรับทำรถแข่งเพื่อลงสนาม...วางเครื่องสำหรับพวกชอบของแรงๆ.....นำเข้าอุปกรณ์และเครื่องจากญี่ปุ่น.....โอ้ววววว....พระเจ้า....แล้วร้านนี้มันจะเกี่ยวกับหม้อน้ำหรือฟระ........เลยกลับมาเช็คลายแทงอีกที....สงสัยจะผิดที่.....แต่ดูลายแทงแล้วก็ถูกนี่หว่า.....เอาวะ....เข้าไปลุยดูก็รู้เอง.......เข้าไปถามเลยครับ.....พี่นะให้ชื่อคนติดต่อมาละ....ถามหาเลย.....ซักพักก็ได้เจอ......ถึงได้รู้ว่า...สรุปเขาไม่ได้ขายหม้อน้ำนะครับ.....แต่รับ "สั่งทำ" หม้อน้ำ........เฮ้ยยยยยย...สั่งทำ.....แปลว่า........made to oder......สั่งทำทีละใบ....ที่สำคัญเป็นงาน Handmade ด้วยนะครับ...ไม่ใช่โรงงานที่ปั๊มขายออกมาเหมือนๆกัน........ใครอยากได้แบบไหนสั่งมาเดี๋ยวพี่เขาจัดให้......โห.....นึกว่าง่ายๆ เดินเข้ามา มีแขวนไว้เลย (เหมือนร้านหม้อน้ำทั่วๆไป)....ซื้อ....ติดตั้ง...จบ......แต่นี่...ไม่ต้องคิดถึงตอนจบ....แค่พี่เขาถามว่าจะเอาแบบไหน....ก็ปากคอสั่นตอบไม่ถูกแล้ว.....เพราะไม่เคยคิดเลยว่าจะเอาแบบไหน
เลยเล่าให้ฟังในเรื่องของพฤติกรรมความร้อนของรถผม....ให้เขาช่วยแนะนำ.....คุยไปคุยมา...พอสรุปคร่าวๆได้ละว่าจะเป็นไง......ผมก็ถามเขาว่า แล้วจะยังงัย ต้องวัด ต้องรื้อของเก่ามาดูก่อนไหม.....ในใจคิด....คงต้องรื้อของเก่ามาดูละ....ไม่งั้นคงทำได้ไม่เหมือน....ถ้าเป็นงั้นสงสัยต้องทิ้งรถไว้ เพราะเขาคงถอดหม้อเดิมเราไปทำแบบ......แต่เดชะบุญ.....พี่เขาบอกว่า ไม่ต้องถอดออกครับ.....เขามีหม้อเดิมเป็นตัวอย่าง.....มีพี่ท่านนึง (ไม่อยู่ในคลับรถ) มาสั่งทำไว้ และถอดหม้อเดิมเอามาทิ้งไว้ที่ร้านเพื่อเป็นแบบ......คนที่ร้านลองเช็คคร่าวๆดูแล้ว....น่าจะเหมือนกันพอดีเลย.....สรุป ผมสบายเลยครับ ไม่ต้องถอดหม้อออกไปเป็นต้นแบบให้เข
หลังจากผ่านไปประมาณ 3 อาทิตย์ .... ชุด R1 ผลิตเสร็จ....ผมก็เข้าไปติดตั้งเลยครับ......พอติดตั้งใกล้ๆจะเสร็จ....ก็มาเจอข้อผิดพลาดบางอย่างครับ......ทำให้ตัว R1 ที่ทำออกมาไม่สามารถใส่ในรถผมได้.......และเจ้านี่แหละครับที่ทำให้เราต้องทำตัว R2 ออกมาอีกตัว.......เจ้าตัวปัญหาที่ว่านี้คือ "ท่อน้ำ"....เป็นท่อที่นำน้ำจากเครื่องมาเข้าหม้อน้ำครับ....ท่อตัวนี้จะอยู่ด้านล่างของหม้อน้ำ....ถ้าอยู่ในรถ ตำแหน่งจะอยู่ใกล้ๆขอบของกันแคร้งหน้า ด้านคนขับครับ....ลองชมดูว่ามันผิดพลาดยังงัย
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/9C227B65-2D58-4D96-8FAE-9156555359F6-6968-0000026BEAEFEB34_zpsa4f51138.jpg)
จากภาพจะเห็นได้ว่า ท่อน้ำของหม้อ 2 ตัวนี้ไม่เหมือนกัน .....ตัวบนคือหม้อของเครื่อง 2500 ส่วนภาพล่างเป็นหม้อของเครื่อง 3200......เท่านำน้ำเข้าไม่เหมือนกันครับ....ของ 2500 จะมีเป็นข้องอ 90 ขณะที่ของเครื่อง 3200 จะเป็นท่อตรง......นี่แหละครับ....นี่เป็นสิ่งที่ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าหม้อของ 2500 ไม่เหมือนกับท่อของ 3200....ทั้งๆที่ part number ของหม้อน้ำก็มี part number ตัวเดียว แต่ดันมีหม้อ 2 แบบ
เมื่อหม้อใหม่เอามาใส่รถผมไม่ได้ เพราะแนวท่อยางจากเครื่องกับท่อที่ติดอยู่กับหม้อนั้นมันอยู่คนละแนวกัน....แล้วทีนี้ไอ้สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นความโชคดีที่ไม่ต้องถอดหม้อน้ำทิ้งไว้เป็นต้นแบบผลิต.....แต่มันกลับกลายเป็นความโชคร้านซะงั้น......ย้อนกลับไปหาสาเหตุจบพบว่า.....หม้อที่มีคนมาทิ้งไว้เป็นต้นแบบดันเป็นหม้อของเครื่อง 3200....คนที่ผลิตเขาก็ทำออกแบบตัวที่เป็นต้นแบบ หรือก็คือของตัวเครื่อง 3200.....มันก็เลยเอามาใส่รถผมไม่ได้......ทีนี้หนักใจละครับ....คิดไปคิดมา....เอาไงดี.....ผมมี 2 ทางเลือก คือ ถอดหม้อใหม่ออก และใส่หม้อเดิมกลับเข้าไปแทน หรือไม่ก็แปลงเจ้า R1 ให้ใส่ได้กับเครื่อง 2500 ของผม......สุดท้ายอยากรู้วิธีการแปลง เลยให้ช่างแปลงให้....ก็เลยได้เจ้านี่มา
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/E4BC65B0-B4F8-4F0D-87B9-1EB844E2C93F-4332-000001560AAAE435_zps71dd2a90.jpg)
เป็นข้องอ 90 มาต่อเชื่อมกับท่อตรงที่หม้อน้ำ เพื่อหันไปรับกับท่อเดิมของรถได้.......และเจ้านี่แหละครับที่มาก่อปัญหาเพิ่มขึ้นอีก.....คือมันรั่วครับ....มันรั่วที่ตะแข็บริมสายรัด.....ทำให้น้ำรั่วออกจากหม้อน้ำ.....แรกๆก็ไม่เป็นครับ....พออัดไปซักพัก....น้ำถึงเริ่มรั่วออกมา.......และนี่เองแหละครับที่เป็นที่มาของ R2 ที่ทำท่อให้เป็นงอ 90 เพื่อให้รับกับท่อเดิมที่ตำแหน่งเดิม....จึงเป็นที่มาที่เราให้ทางร้านทำให้ใหม่ ให้เหมาะกับเครื่อง 2500....จึงกลายเป็นว่าสุดท้ายเราเลยมีหม้อสำหรับทั้ง 2500 และ 3200 ในที่สุด
-
ไม่เคยมีใครทราบมาก่อนเลยครับว่าหม้อน้ำของเครื่อง 2500 กับ 3200 มันไม่เหมือนกัน เพราะขนาดมันเท่ากัน มองดูจากด้านบนเวลามันอยู่ในเครื่องก็เหมือนกัน จุดยึดต่างๆก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน.....มันต่างกันแค่จุดเดียวจริงๆคือท่อตรงกับท่องอนี่แหละครับ.....แม้แต่ part number ก็เป็น Part เดียวกัน.....นี่จึงเป็นความรู้ใหม่ที่ได้รับมาจากการรื้อหม้อน้ำครั้งนี้
และเป็นชะตาชีวิตของ "หนูทดลอง" อย่างผม ที่ต้องใช้งานน้องปาแบบรั่วๆ ไปก่อนระหว่างรอการผลิต R2 ขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนใหม่.....แรกๆก็ใช้ๆไปครับ จะได้ทดสอบหม้อน้ำด้วย....แต่หลังๆไม่ไหวครับ มันน่ากลัวเกิน ยิ่งเวลาเจอรถติดหนักๆ กลัวน้ำหมดหม้อ....และที่สำคัญระดับความร้อนก็วัดอะไรไม่ได้มาก เพราะบางครั้งน้ำน้อยลงเครื่องก็ร้อนขึ้น.....เลยตัดสินใจจอดไว้ก่อนละกัน รอ R2 มาแล้วค่อยว่ากัน
:L4386: :L4386:
และจากการที่นำประเด็นเรื่องท่อที่แตกต่างกันไป share ให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ทราบ.....มีการให้มุมมองมาว่า เจ้าท่องอของหม้อน้ำในเครื่อง 2500 นี่แหละ....ที่อาจเป็นองค์ประกอบตัวหนึ่งที่ทำให้เครื่อง 2500 ตัวร้อนมากกว่าเครื่อง 3200 และระบายความร้อนไม่ดีเท่าเครื่อง 3200....เพราะเมื่อมีท่องอ....การเดินทางของน้ำก็จะไม่สะดวกเท่ากับท่อตรง.....จึงอาจทำให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนลดลง....นอกจากนั้นเจ้าท่อตัวนี้อีกนั่นแหละ ที่อาจทำให้การไล่อากาศในเครื่องของเครื่อง 2500 ทำได้ไม่ดีเท่า 3200 ถ้าใช้วิธีการเดียวกัน
เป็นเพียงมุมมอง และความคิดเห็นบนพื้นฐานของหลักความจริง ที่น้ำจะเคลื่อนที่ในท่อตรงได้ดีกว่าท่องอนะครับ....แต่ผมก็ไม่ได้พิสูจน์ว่ามันจะมีผลต่อความร้อนโดยตรงหรือไม่....ถ้าจะทดสอบกันจริงๆจังๆ ก็ต้องเอาหม้อเดิมของเครื่อง 3200 มายัดใส่ 2500 แล้วทดสอบดู
:L4399: :L4399:
-
และแล้ว....หลังจากจอดน้องปาทิ้งไว้หลายวัน....ในที่สุดวันนี้ตัว R2 ก็ผลิตเสร็จเรียบร้อยพร้อมติดตั้งครับ.....วันนี้ก็เลยนัดพี่แมวป่าเข้าไปเล่นกัน :L2754: :L2754: :L4398: :L4398:
เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวาน เพราะจอดรถไว้หลายวัน....แบตเกลี้ยงเลยครับ....จัดการชาร์ตไฟซะหน่อย
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/CC7CB83D-C275-4220-A95E-6331E8F314F3-4332-000001558A8F7316_zps37d4a869.jpg)
เสร็จแล้วก็เติมน้ำ และไล่อากาศที่ค้างอยู่ในเครื่อง (เพราะน้ำมันรั่วออกมาเยอะมากระหว่างที่จอดทิ้งไว้หลายวัน) กับเทคนิคการไล่อากาศแบบบ้านๆ ที่ได้รับแนะนำจากพี่นะมาครับ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/18C409B5-D67C-40B4-BCD0-5CF89B18B80B-4302-0000015466988955_zps54f4ae4a.jpg)
-
หลังจากชาร์ตแบตพอสมควรแล้ว....ไล่อากาศในเครื่องเรียบร้อย....เตรียมพร้อมขับไปเปลี่ยนตัว R2 เช้านี้......แต่ระยะทางค่อนข้างไกล...ผมเลยเอารถออกไปวิ่งลองเมื่อคืน...เพื่อดูอัตราการรั่วว่ามันมากแค่ไหนหากรถวิ่งอยู่.......หลังจากวิ่งทดสอบเสร็จ น้ำหายไปพอสมควร....ถ้าขับไป รถไม่ติดเลยอาจจะไปถึงร้าน....แต่ถ้าเจอรถติดละก็....จบกัน
คิดอยู่นานสองนานเลยครับ....จนในที่สุดตัดสินใจเพื่อความชัวร์ครับ และป้องกันปัญหาลามไปที่อื่นๆ....เลยตัดสินใจใช้วิธีนี้ซะเลย
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/E349A8A6-A724-462D-A4A1-08CBD8869BF3-4302-00000154AB69FBA6_zpsdac5e5f4.jpg)
-
รถสไลด์มาประมาณ 9.30 กว่าจะเอารถขึ้น เดินทางฝ่ารถติด...กว่าจะไปถึงร้านก็ปาเข้าไป 11.30 แล้วครับ
มาถึงปุ๊บ ช่างก็มารมดูทันที....วางแผนการรื้อกันเลย
-
อันนี้หม้อน้ำเดิมติดรถนะครับ....จะเห็นว่ามันมีแผ่นพลาสติกมาปิดอยู่ทำให้มองไม่เห็นขนาดของมัน.....ถ้าดูแบบนี้จะรู้สึกว่ามันก็ใหญ่แล้วนะ เพราะขอบมันหนาพอควร....แต่แกนกลางมันดันเหลือเล็กนิดเดียว
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/C7942923-7B89-4EF0-8A69-BFC4DC3FA8AC-6968-0000026C37AD253A_zpsc51bfaff.jpg)
-
เอาละ เริ่มงานกันเลย.....อันดับแรกต้องถอดกันแคร้งออกก่อน....เจ้านี่ถอดไม่ง่ายนะครับ....คนไม่เคยมีประสบการณ์การถอดของประเภทนี้...ใช้เวลาถอดกัน 1-2 ชั่วโมง.....แต่โชคดี คราวที่แล้วถอดไปทีแล้ว ช่างค่อนข้างชำนาญละ.....คราวนี้เลยใช้เวลาแป๊บเดียว
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/BA5A28F6-055E-4348-AC43-D58F415A00FD-4302-00000154D7240919_zps6ab0c619.jpg)
-
ตัว R2 ทั้ง2ชิ้น....เตรียมพร้อมเข้าประจำการ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/AC439D1D-1B2A-4C9F-9961-68FBEE8B1667-4332-00000155A2B64951_zps31922459.jpg)
-
หลังจากนั้นก็ถอดหม้อเดิมออก....มันก็จะเหลือโล่งๆแบบนี้
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/9C75D8BC-1087-448F-B3FD-BD3318C90F87-4332-00000155B4A0ACD6_zps5b7bda3a.jpg)
-
ระหว่างทำอยู่.....พี่สุแบรดเลย์ กับแมวป่า ก็เข้ามา
-
ขอไปทำงานก่อนนะครับ...เดี๋ยวงานเสร็จแล้วจะมาต่อกันครับ :L4399: :L4399:
-
เสร็จเรียบร้อยแล้วครับสำหรับ Version R2 ..... หนู1ตัว และแมวอีก 1ตัว จับ R2 ลงเรียบร้อย....กว่าจะเสร็จเล่นซะเหนื่อยเลย......ช่วงนี้ขอทดสอบก่อนนะครับ....แล้วจะรีบเอาผลการใช้งานมาแจ้งให้ทราบกันครับ :L2736: :L2736:
และได้ข่าวล่าสุดมาว่า....พรุ่งนี้จะมีนางฟ้า...ไปเอา R1 มาใส่ด้วยอะ :L2900: :L2901: :L2901: :L2901:
ขออนุญาติมาคั่นรายการและมามอบตัวครับผม :L4365:
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงว่า รถผมไม่ได้มีปัญหาเรื่องความร้อนอะไรนะครับ (3.2) เดี๋ยวพี่ๆสมชจะตกใจและงงกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับรถของพวกเรา ทำไมถึงแห่กันไปตีหม้อ ขอยํ้าว่าทุกอย่างยังอยู่ใน concept แรงแบบบ้านๆนะครับ :L2739: :L2734: :L2754:
เรื่องก็แค่มีอยู่ว่า ไหนๆตอนนี้ก็มีหม้อสำหรับ3.2เหลือเกินอยู่ใบ คุยกันแล้วว่าตอนนี้มีทั้งเครื่อง 2.5turbo และ 2.5 VG turbo มาเปลี่ยนหม้อนํ้า ถ้าผมเปลี่ยนอีกสักคัน ปามาเนียก็จะมีข้อมูลและรีวิวเกี่ยวกับหม้อนํ้าสำหรับเครื่องดีเซลของน้องปาเราอย่างครบถ้วน เป็นประโยชน์กับสมชในบ้านทุกท่าน :sd10: :L2736: :L2756:
ผมจึงตัดสินใจเป็นหนูกับเขาอีกคน แต่เมื่อเห็นรถพี่ตามขย่มรถ slide on อยู่ก็เริ่มลังเลว่า นี่ตูอยู่ดีไม่ว่าดีหรือเปล่าวะเนี่ย :L4387: :sd06: :L2761: :L4384:
-
ตอนนี้ที่ทดสอบกันคือ
- 2500 turbo ธรรมดา 2WD รถผมเอง
- 3200 turbo ธรรมดา 4WD รถพี่กิต
- 2500 VG-Turbo 4WD รถพี่ตาม
**เพื่อทดสอบหาคำตอบ พิสูจน์สิ่งที่รั้วสังกะสีแนะนำมา ไม่ใช่ว่ารถพวกผมความร้อนสูงตลอดนะครับ รถก็ใช้งานกันปกติดี
** แต่เป็นการแก้ไขปัญหาของ VG 4WD เวลากดเร่งต่อเนื่องเฉพาะช่วง 120-140 เท่านั้น ที่เหลือผลพลอยได้อีกเยอะครับ
-
เข้ามาแอบดูผลงาน ได้ความรู้เยอะเลย :sd23:
-
รอชมผลงาน R2 อยู่นะครับพี่ตาม :L2888:
-
หลังจากชาร์ตแบตพอสมควรแล้ว....ไล่อากาศในเครื่องเรียบร้อย....เตรียมพร้อมขับไปเปลี่ยนตัว R2 เช้านี้......แต่ระยะทางค่อนข้างไกล...ผมเลยเอารถออกไปวิ่งลองเมื่อคืน...เพื่อดูอัตราการรั่วว่ามันมากแค่ไหนหากรถวิ่งอยู่.......หลังจากวิ่งทดสอบเสร็จ น้ำหายไปพอสมควร....ถ้าขับไป รถไม่ติดเลยอาจจะไปถึงร้าน....แต่ถ้าเจอรถติดละก็....จบกัน
คิดอยู่นานสองนานเลยครับ....จนในที่สุดตัดสินใจเพื่อความชัวร์ครับ และป้องกันปัญหาลามไปที่อื่นๆ....เลยตัดสินใจใช้วิธีนี้ซะเลย
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/E349A8A6-A724-462D-A4A1-08CBD8869BF3-4302-00000154AB69FBA6_zpsdac5e5f4.jpg)
ร่วมทุนสร้างจริงๆ ทั่นประทานตูมตาม เรา :sd27: :L6415:
-
หลังจากชาร์ตแบตพอสมควรแล้ว....ไล่อากาศในเครื่องเรียบร้อย....เตรียมพร้อมขับไปเปลี่ยนตัว R2 เช้านี้......แต่ระยะทางค่อนข้างไกล...ผมเลยเอารถออกไปวิ่งลองเมื่อคืน...เพื่อดูอัตราการรั่วว่ามันมากแค่ไหนหากรถวิ่งอยู่.......หลังจากวิ่งทดสอบเสร็จ น้ำหายไปพอสมควร....ถ้าขับไป รถไม่ติดเลยอาจจะไปถึงร้าน....แต่ถ้าเจอรถติดละก็....จบกัน
คิดอยู่นานสองนานเลยครับ....จนในที่สุดตัดสินใจเพื่อความชัวร์ครับ และป้องกันปัญหาลามไปที่อื่นๆ....เลยตัดสินใจใช้วิธีนี้ซะเลย
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/regulator/E349A8A6-A724-462D-A4A1-08CBD8869BF3-4302-00000154AB69FBA6_zpsdac5e5f4.jpg)
ร่วมทุนสร้างจริงๆ ทั่นประทานตูมตาม เรา :sd27: :L6415:
จัดเต็ม จัดหนัก เพื่อชาวปามาเนียจริง ๆ นับถือ ๆ :sd23:
-
ขอบคุณมาก พวกพี่ี ปามาเนียที่เสียสละเวลาหาข้อมูล และวิธีแก้ปัญหา :L2900: :L2900: :L2900: :L6428:
-
ขอไปทำงานก่อนนะครับ...เดี๋ยวงานเสร็จแล้วจะมาต่อกันครับ :L4399: :L4399:
ก่อนมาต่อ เอาไปก่อนเลยคับ
สำหรับการเสียสละเพื่อสมาชิกบ้านของเรา "ปามาเนีย"
ดอกที่ 28 สำหรับ 2500 VG-Turbo 4WD พี่ตามของน้อง
ดอกที่ 41 สำหรับ 2500 Turbo ธรรมดา 2WD ป๋านะของหนู
ดอกที่ 20 สำหรับ 3200 Turbo ธรรมดา 4WD ลุงกิตของหลาน
-
:L4399: ให้กะพี่ๆที่เสียสละ :L2734:
-
ทุ่มเท และ ทุ่มทุนเพื่อ สมช จริงๆ นับถือหัวจิตหัวใจเลยครับ :sd23:
-
ขอบคุณการรีวิวดีๆแบบนี้ครับ
หม้อใหม่สำหรับเครื่อง 3.2 ราคาสักเท่าไหร่ครับ พอจะกระซิบบอกได้ป่าวครับ
:L6428: :L6428: :L6428:
-
สอบถามพี่ตูมตามครับ Part ที่ว่าใช้เบอร์นี้มัยครับ ผมลองหาข้อมูลของต่างประเทศจะใช้ Part ตัวนี้ครับ
ถ้าเบอร์เดียวกันก็จบข่าวไม่ต้องดิ้นรนหาข้อมูลอีก
:L2904:
(http://www.pajerosportmania.com/forum/Themes/default/images/hidetag.png)
-
สอบถามพี่ตูมตามครับ Part ที่ว่าใช้เบอร์นี้มัยครับ ผมลองหาข้อมูลของต่างประเทศจะใช้ Part ตัวนี้ครับ
ถ้าเบอร์เดียวกันก็จบข่าวไม่ต้องดิ้นรนหาข้อมูลอีก
:L2904:
เดี๋ยวต้องขอไปถามพี่อ๊อดก่อนนะครับว่า Part number อะไร....ผมจำ Part number ไม่ได้ครับพี่ทศ....แถมหม้อเดิมผมก็ถอดไปให้ร้านทำหม้อเขาวัดทำแบบเก็บไว้ครับ สำหรับเป็นข้อมูลในการผลิตในอนาคตสำหรับเครื่อง 2500 อะครับ :L4399: :L4399: เผื่ออีกหน่อยมีพี่ๆท่านใดสนใจ ทางร้านเขาจะได้ขึ้นงานให้ได้เลย โดยไม่ต้องถอดใบเดิมไปให้เขาวัดครับ :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
-
สอบถามพี่ตูมตามครับ Part ที่ว่าใช้เบอร์นี้มัยครับ ผมลองหาข้อมูลของต่างประเทศจะใช้ Part ตัวนี้ครับ
ถ้าเบอร์เดียวกันก็จบข่าวไม่ต้องดิ้นรนหาข้อมูลอีก
:L2904:
เดี๋ยวต้องขอไปถามพี่อ๊อดก่อนนะครับว่า Part number อะไร....ผมจำ Part number ไม่ได้ครับพี่ทศ....แถมหม้อเดิมผมก็ถอดไปให้ร้านทำหม้อเขาวัดทำแบบเก็บไว้ครับ สำหรับเป็นข้อมูลในการผลิตในอนาคตสำหรับเครื่อง 2500 อะครับ :L4399: :L4399: เผื่ออีกหน่อยมีพี่ๆท่านใดสนใจ ทางร้านเขาจะได้ขึ้นงานให้ได้เลย โดยไม่ต้องถอดใบเดิมไปให้เขาวัดครับ :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
ว่าจะดูที่ใบเก่าผมให้ก็ลืม ขอเป็นวันจันทร์แล้วกันนะครับ พอดีเก็บหม้อไว้ที่ปลอดภัย.....จากสายตาผบ :sd42: :L4363: :L4365: :L4373: :L4396:
-
ขอบคุณการรีวิวดีๆแบบนี้ครับ
หม้อใหม่สำหรับเครื่อง 3.2 ราคาสักเท่าไหร่ครับ พอจะกระซิบบอกได้ป่าวครับ
:L6428: :L6428: :L6428:
ราคาหมื่นต้นๆครับสำหรับ R3 (แต่สำหรับ R1 R2 ราคาหมื่นมีทอนเยอะเลย) แต่รวมไปรวมมาพร้อมการทดสอบ การวิ่งเข้าวิ่งออก การปรับแต่งเพิ่มแล้ว น่าจะพอๆกันครับ :L2736:
-
ขอบคุณการรีวิวดีๆแบบนี้ครับ
หม้อใหม่สำหรับเครื่อง 3.2 ราคาสักเท่าไหร่ครับ พอจะกระซิบบอกได้ป่าวครับ
:L6428: :L6428: :L6428:
ราคาหมื่นต้นๆครับสำหรับ R3 (แต่สำหรับ R1 R2 ราคาหมื่นมีทอนเยอะเลย) แต่รวมไปรวมมาพร้อมการทดสอบ การวิ่งเข้าวิ่งออก การปรับแต่งเพิ่มแล้ว น่าจะพอๆกันครับ :L2736:
ขอบคุณพี่นะครับ ราคาสูงเอาเรื่องอยู่แฮะ แต่ก็จำเป็นสำหรับรถที่แต่งเรื่องความแรง
ที่สอบถามราคาเพราะว่าผมมีเพื่อนขายอะไหล่ของแต่งรถพวกหม้อน้ำ ท่อต่างๆที่ใช้ในเครื่องเทอร์โบ เลยจะเอาสเปคหม้อไปสอบถามราคามาเปรียบเทียบดูน่ะครับ
เพื่อนมันก็บอกว่า triton pajerosport ไปขยายหม้อใหญ่หลายคันล่ะ
:L2900:
-
สอบถามพี่ตูมตามครับ Part ที่ว่าใช้เบอร์นี้มัยครับ ผมลองหาข้อมูลของต่างประเทศจะใช้ Part ตัวนี้ครับ
ถ้าเบอร์เดียวกันก็จบข่าวไม่ต้องดิ้นรนหาข้อมูลอีก
:L2904:
เดี๋ยวต้องขอไปถามพี่อ๊อดก่อนนะครับว่า Part number อะไร....ผมจำ Part number ไม่ได้ครับพี่ทศ....แถมหม้อเดิมผมก็ถอดไปให้ร้านทำหม้อเขาวัดทำแบบเก็บไว้ครับ สำหรับเป็นข้อมูลในการผลิตในอนาคตสำหรับเครื่อง 2500 อะครับ :L4399: :L4399: เผื่ออีกหน่อยมีพี่ๆท่านใดสนใจ ทางร้านเขาจะได้ขึ้นงานให้ได้เลย โดยไม่ต้องถอดใบเดิมไปให้เขาวัดครับ :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
ว่าจะดูที่ใบเก่าผมให้ก็ลืม ขอเป็นวันจันทร์แล้วกันนะครับ พอดีเก็บหม้อไว้ที่ปลอดภัย.....จากสายตาผบ :sd42: :L4363: :L4365: :L4373: :L4396:
:sd42: :sd42: :sd42: ค่าปิดปากด้วย ขอเป็นแว่น Oakley ในราคาพิเศษไม่ใส่ลูกชิ้น :L2901:
-
ขอบคุณการรีวิวดีๆแบบนี้ครับ
หม้อใหม่สำหรับเครื่อง 3.2 ราคาสักเท่าไหร่ครับ พอจะกระซิบบอกได้ป่าวครับ
:L6428: :L6428: :L6428:
ราคาหมื่นต้นๆครับสำหรับ R3 (แต่สำหรับ R1 R2 ราคาหมื่นมีทอนเยอะเลย) แต่รวมไปรวมมาพร้อมการทดสอบ การวิ่งเข้าวิ่งออก การปรับแต่งเพิ่มแล้ว น่าจะพอๆกันครับ :L2736:
ขอบคุณพี่นะครับ ราคาสูงเอาเรื่องอยู่แฮะ แต่ก็จำเป็นสำหรับรถที่แต่งเรื่องความแรง
ที่สอบถามราคาเพราะว่าผมมีเพื่อนขายอะไหล่ของแต่งรถพวกหม้อน้ำ ท่อต่างๆที่ใช้ในเครื่องเทอร์โบ เลยจะเอาสเปคหม้อไปสอบถามราคามาเปรียบเทียบดูน่ะครับ
เพื่อนมันก็บอกว่า triton pajerosport ไปขยายหม้อใหญ่หลายคันล่ะ
:L2900:
ถ้าเปรียบเทียบกับหม้อน้ำอลูที่ขายในตลาดตอนนี้ ราคายังถูกกว่าและตรงรุ่นมากกว่าครับ
ราคาที่แน่นอนคงต้องรอจำนวนด้วย ถ้าสั่งพร้อมๆกันอาจจะลดได้อีก
-
เขียน 2 กระทู้เลย มันต่อเนื่องกันไหม
-
สอบถามพี่ตูมตามครับ Part ที่ว่าใช้เบอร์นี้มัยครับ ผมลองหาข้อมูลของต่างประเทศจะใช้ Part ตัวนี้ครับ
ถ้าเบอร์เดียวกันก็จบข่าวไม่ต้องดิ้นรนหาข้อมูลอีก
:L2904:
เดี๋ยวต้องขอไปถามพี่อ๊อดก่อนนะครับว่า Part number อะไร....ผมจำ Part number ไม่ได้ครับพี่ทศ....แถมหม้อเดิมผมก็ถอดไปให้ร้านทำหม้อเขาวัดทำแบบเก็บไว้ครับ สำหรับเป็นข้อมูลในการผลิตในอนาคตสำหรับเครื่อง 2500 อะครับ :L4399: :L4399: เผื่ออีกหน่อยมีพี่ๆท่านใดสนใจ ทางร้านเขาจะได้ขึ้นงานให้ได้เลย โดยไม่ต้องถอดใบเดิมไปให้เขาวัดครับ :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
ว่าจะดูที่ใบเก่าผมให้ก็ลืม ขอเป็นวันจันทร์แล้วกันนะครับ พอดีเก็บหม้อไว้ที่ปลอดภัย.....จากสายตาผบ :sd42: :L4363: :L4365: :L4373: :L4396:
:sd42: :sd42: :sd42: ค่าปิดปากด้วย ขอเป็นแว่น Oakley ในราคาพิเศษไม่ใส่ลูกชิ้น :L2901:
:L2739: อย่าทำผม :L2759: อยากได้รุ่นไหน รบกวนพี่ต๋องแจ้งมาทาง PM ได้เลยครับ :L4387: :L4387: :L4387:
-
ขอบคุณการรีวิวดีๆแบบนี้ครับ
หม้อใหม่สำหรับเครื่อง 3.2 ราคาสักเท่าไหร่ครับ พอจะกระซิบบอกได้ป่าวครับ
:L6428: :L6428: :L6428:
ราคาหมื่นต้นๆครับสำหรับ R3 (แต่สำหรับ R1 R2 ราคาหมื่นมีทอนเยอะเลย) แต่รวมไปรวมมาพร้อมการทดสอบ การวิ่งเข้าวิ่งออก การปรับแต่งเพิ่มแล้ว น่าจะพอๆกันครับ :L2736:
ขอบคุณพี่นะครับ ราคาสูงเอาเรื่องอยู่แฮะ แต่ก็จำเป็นสำหรับรถที่แต่งเรื่องความแรง
ที่สอบถามราคาเพราะว่าผมมีเพื่อนขายอะไหล่ของแต่งรถพวกหม้อน้ำ ท่อต่างๆที่ใช้ในเครื่องเทอร์โบ เลยจะเอาสเปคหม้อไปสอบถามราคามาเปรียบเทียบดูน่ะครับ
เพื่อนมันก็บอกว่า triton pajerosport ไปขยายหม้อใหญ่หลายคันล่ะ
:L2900:
ถ้าเปรียบเทียบกับหม้อน้ำอลูที่ขายในตลาดตอนนี้ ราคายังถูกกว่าและตรงรุ่นมากกว่าครับ
ราคาที่แน่นอนคงต้องรอจำนวนด้วย ถ้าสั่งพร้อมๆกันอาจจะลดได้อีก
น่าจะมี Intercooler ด้วยนะ พี่นะ
-
ถูกกว่าของใหม่เบิกห้างครับ // แถมดีกว่าด้วย ของผมถ้าจะเปลี่ยนใหม่ใช้ของนอกศูนย์แน่นอนครับ
:L2736:
-
รถคันเล็ก (สามห่วง) ของมทำที่นี่ประจำเหมือนกันครับ ตั้งแต่วางเครื่อง รวมถึงหม้อน้ำนี้ด้วยครับ
เพิ่งเข้าไปเปลี่ยนท่อมาเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วเองครับ วันนั้นเห็นว่ามีปาเจโร่สั่งไว้ไม่รู้ว่าเป็นของสมาชิก pamania
:L2900:
-
รถคันเล็ก (สามห่วง) ของมทำที่นี่ประจำเหมือนกันครับ ตั้งแต่วางเครื่อง รวมถึงหม้อน้ำนี้ด้วยครับ
เพิ่งเข้าไปเปลี่ยนท่อมาเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วเองครับ วันนั้นเห็นว่ามีปาเจโร่สั่งไว้ไม่รู้ว่าเป็นของสมาชิก pamania
:L2900:
แสดงว่าลูกค้าเก่าแก่ :L2904:
-
สอบถามพี่ตูมตามครับ Part ที่ว่าใช้เบอร์นี้มัยครับ ผมลองหาข้อมูลของต่างประเทศจะใช้ Part ตัวนี้ครับ
ถ้าเบอร์เดียวกันก็จบข่าวไม่ต้องดิ้นรนหาข้อมูลอีก
:L2904:
เห็นแค่นี้เองอะพี่ทศ เหมือนกันป่าว :L2761:
(http://upic.me/i/tc/img_3705.jpg)
-
มา + ให้พี่ตาม พี่นะ พี่กิตที่เสียสละงบประมาณและเวลา สำหรับข้อมูลเรื่องหม้อให้สมาชิกคร้าบ :L2900: :L2900:
-
มา update ซะหน่อยครับ สำหรับผลการทดสอบเบื้องต้นของการใช้หม้อใหม่ครับ
จากการทดสอบ พบว่าเครื่องไม่เย็นลงไปกว่าเดิมนะครับ เนื่องจากไม่ได้ไปปรับแต่งระบบสั่งการใดๆเลย วาล์วน้ำเดิม พัดลมเดิม ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่พบปัญหาเรื่องเครื่องเย็นเกินครับ สำหรับการเปลี่ยนหม้อน้ำครั้งนี้
ส่วนในเรื่องของอาการตัวร้อนนั้น.....จากการทดสอบ ลองวิ่งทั้งในเมืองรถติด และถนนรถเยอะแต่ยังเคลื่อนตัวได้ ไปจนถึงถนนโล่งๆครับ.......หลังทดสอบมา 2 อาทิตย์.....ถือได้ว่าดีขึ้นครับ....ยังงัย...มาดูกัน
ทดสอบการวิ่งที่ความเร็วสูง.......การวิ่งแบบนี้ เครื่องจะรับภาระมากในขณะที่กำลังเพิ่มความเร็ว....แต่ก็มีลมปะทะหน้ามาช่วยระบายความร้อนมากเช่นกัน.......เดิมๆ....รถผมเมื่อขึ้นถึง 120 ต้องยกคันเร่งครับ....เพื่อให้ระบายความร้อนสะสมออกไปก่อน....ความร้อนที่ 120 จะอยู่ที่ประมาณ 98-99...ต้องยกคันเร่งให้ความร้อนลงมาที่ 96-97 ซะก่อน ถึงจะกดต่อไปได้.....หลังจากเปลี่ยนหม้อใหม่.....ไม่ต้องยกที่ 120 แล้วครับ.....ที่ความเร็ว 120 ความร้อนลงมาอยู่ที่ประมาณ 96......จะขึ้นไปที่ 98-99 ที่ความเร็วประมาณ 140 กว่าๆ ครับ.....ถ้ากดต่อเนื่องไม่ยกคันเร่งเลยความร้อนจะไปที่ 100 ที่ความเร็วประมาณ 160 ครับ....ในสภาพนี้ถือได้ว่าดีขึ้นเยอะครับ....และที่สำคัญ นอกจากความร้อนจะขึ้นช้าแล้ว.....พอยกคันเร่ง ความร้อนจะระบายออกดีกว่าเดิมครับ.....ระยะเวลาที่ต้องยกคันเร่งรอระบายความร้อนก็สั้นลงอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยครับ
ทดสอบการวิ่งขึ้นสะพานทางชัน.....ยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นเขาครับ...เลยทดสอบทางชันด้วยการขึ้นสะพาน...ปกติผมจะใช้สะพานพระราม3 กับสะพานภูมิพล เป็นเส้นทางประจำครับ.....หม้อเดิมๆ....ขึ้นทั้ง 2 สะพาน เมื่อถึงยอดสะพานความร้อนจะอยู่ที่ 99 ทุกครั้งครับ....และเมื่อลงสะพานความร้อนก็จะลดลง (เพราะลมปะทะหน้าหม้อน้ำเยอะ) ส่วนใหญ่ที่ตีนสะพานความร้อนจะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 91.....หม้อใหม่....ยอดสะพานความร้อนเหลือ 97 ครับ....และขาลงสะพาน เมื่อถึงตีนสะพาน ความร้อนจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 90....ถือว่าดีกว่าเดิมเช่นกัน
ทดสอบวิ่งบนถนนรถมาก แต่ยังเคลื่อนที่ได้บนความเร็วกลาง.......บนการจราจรแบบนี้ มีรถเยอะๆ แต่ยังเคลื่อนตัวได้....ลมปะทะหน้าหม้อน้ำยังมีบ้าง แต่ไม่มากเท่าวิ่งบนความเร็วสูง....และมีการเค้นเครื่องในบางจังหวะเช่นการกดแซง.....หม้อเดิมๆ บนถนนแบบนี้...ความร้อนจะวิ่งขึ้นๆลงๆอยู่ประมาณ 95-98....หม้อใหม่ ความร้อนจะขึ้นๆลๆอยู่ในช่วงประมาณ 94-96....ลดลงจากเดิมเล็กน้อย แต่ไม่ลดเท่ากับตอนวิ่งเร็วๆครับ
ทดสอบการวิ่งบนถนนที่การจราจรติดขัด.....บนถนนแบบนี้ จอดมากกว่าวิ่งครับ......ตอนจอด เครื่องจะระบายความร้อนด้วยพัดลม...ลมปะทะหน้าหม้อน้ำไม่มีเลย...พึ่งพัดลมอย่างเดียว....หม้อเดิม ตอนรถติดๆ ความร้อนจะอยู่ประมาณ 90-92.....หม้อใหม่....ความร้อนอยู่ในระดับเดียวกันครับคือ 90-92 ไม่ลดลงไปกว่านี้แล้ว...อาจมีบ้างบางครั้งที่ลงไป 89 แต่ก็ไม่บ่อยครับ
-
จากผลการทดสอบสามารถสรุปได้ประมาณนี้ครับ
หม้อใหม่ สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิม.....จัดเห็นผลชัดเจนมากเมื่อใช้ความเร็วสูง หรือขึ้นทางชัน...เนื่องจากในสถานการณ์นั้น มีลมปะทะหน้าเครื่องเยอะ.....หม้อน้ำอลูฯสามารถถ่ายเทความร้อนไปให้อากาศที่มาปะทะได้ดี.....จึงระบายความร้อนได้ดีขึ้น......ดังนั้นถ้าสะท้อนกลับไปที่การใช้งาน......หม้อใหม่สามารถทำให้ความร้อนขึ้นช้าลงกว่าหม้อเดิม (ระยะการกดคันเร่งนานขึ้น)....และสามารถทำให้ความร้อนลดลงได้เร็วกว่าหม้อเดิมเมื่อเรายกคันเร่ง (ระยะการยกคันเร่งสั้นลง)
สำหรับในย่านความเร็วต่ำ หรือในการจราจรที่ติดขัดนั้น......การระบายความร้อนไม่ต่างกันมากนักระหว่างหม้อใหม่กับหม้อเดิม....เพราะเป็นช่วงที่เราไม่ได้กดคันเร่งหนัก....เครื่องจึงไม่ได้สร้างความร้อนออกมามากนัก....ซึ่งหม้อเดิมก็สามารถระบายได้ทันอยู่แล้ว....การใส่หม้อใหม่เข้าไปอาจทำให้ดีขึ้นบ้าง แต่ไม่มากนักจนสังเกตุได้อย่างชัดเจน....ประกอบกับไม่ได้มีการเปลี่ยนวาล์วน้ำ หรือฝาหม้อน้ำ ทำให้ระบบการเปิดปิดของวาล์วน้ำยังคงทำงานเหมือนเดิม...อีกทั้ง sensor ความร้อนก็ไม่ได้เปลี่ยน....พัดลมจึงทำงานเหมือนเดิม.....ดังนั้นต่อให้หม้อใหม่สามารถช่วยระบายความร้อนได้ดีกว่า....แต่เมื่อความร้อนลงมาถึงระดับนึง พัดลมก็หยุดทำงาน.....ความร้อนก็ลงช้า....จึงไม่สามารถจับความแตกต่างระหว่างหม้อเก่ากับหม้อใหม่ได้ชัดเจนนัก
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่พบอีกประเด็นหนึ่งซึ่งแปลกใจนิดหน่อยตอนเจอครับ.....คือระยะเวลาในการระบายความร้อนตอนรถหยุดนิ่งมันนานขึ้น......อธิบายละเอียดนิดนึง....คือตอนที่เราขับรถมา แล้วมาจอด.....ไม่ได้ดับเครื่อง.....ช่วงนี้ระบบจะระบายความร้อนด้วยพัดลมเป็นหลัก เพราะลมปะทะหน้าเครื่องไม่มี......ระยะเวลาในการระบายความร้อนตอนนี้แหละครับที่ยาวขึ้นนิดนึง....ตอนทดสอบก็งงๆครับ....เออ...แปลกดี รถวิ่งระบายดี...พอจอดทำไมมันระบายไม่ดีเหมือนเดิม.......หลังจากสอบถามผู้รู้เพิ่มเติม...และได้ปรึกษากับพี่นะที่ร่วมทดสอบด้วยกัน...รวมถึงพี่นะไปขอคำแนะนำจากที่ปรึกษารั้วสังกะสี....พอสรุปได้ว่า......ประเด็นนี้น่าจะเกิดจาก พัดลมระบายความร้อนนั้นไม่เพียงพอ.....น้องปาเราระบายความร้อนด้วยพัดลม 2 ตัว คือพัดลมฟรีปั๊มที่อยู่หน้าเครื่อง 1 ตัว และพัดลมไฟฟ้าที่เป็นพัดลมแอร์ด้วยอีก 1 ตัว.......ทั้ง 2 ตัวถูกออกแบบมาให้สามารถระบายความร้อนให้หม้อน้ำขนาดเดิมๆครับ คือเล็ก.......แต่หม้อน้ำที่ใหญ่ขึ้น.....ท่อน้ำภายในหม้อน้ำใหญ่ขึ้น....ปริมาณน้ำในระบบที่มากขึ้น.....พัดลม 2 ตัวนี้ก็ยังช่วยระบายได้ครับ แต่ช้าหน่อย...จึงทำให้ระยะเวลาอาจมากขึ้นเล็กน้อย......แต่จะระบายดีขึ้นเมื่อปิดแอร์ !!!....อันนี้เป็นคำแนะนำของรั้วสังกะสี
ผมก็เลยไปลองทดสอบดูครับ......พบว่าถ้าขับมาแล้วจอดโดยเปิดแอร์ ความร้อนลดลงช้ากว่าหม้อเดิม....แต่ถ้าขับมาแล้วจอดโดยปิดแอร์ ความร้อนจะลดลงใกล้เคียงกับหม้อเดิม (ช้ากว่า แต่ไม่มากนัก)......ทำไมถึงเป็นยังงี้...แอร์มันมาเกี่ยวอะไรด้วยหว่า......ได้รับคำอธิบายว่า...เพราะเมื่ออากาศร้อน เราเปิดแอร์....ทำให้คอยแอร์ร้อนขึ้น....เมื่อพัดลมแอร์ไปเป่าคอยแอร์ให้ระบายความร้อนออกมา.....เจ้าความร้อนจากคอยแอร์นี่แหละที่ทำให้หม้อน้ำเราระบายความร้อนได้ช้าลง.....และพอดีเจ้าคอยแอร์น้องปาเรามันดันมาขวางอยู่หน้าหม้อน้ำเสียด้วยซิครับ....นี่แหละครับสาเหตุ.....แต่ทั้งหมดไม่ใช่ปัญหานะครับ....เพราะหม้อใหม่ระบายช้าเมื่อจอด....ไม่มีการกดคันเร่ง เครื่องไม่ได้สร้างความร้อนมากนัก...ยังงัยก็ระบายทัน...แต่ช้ากว่านิดหน่อย (ประมาณ 2-3 นาที)....ไม่มีผลต่อการขับครับ
สรุปสั้นๆ....หม้อใหม่ ถ้ามีลมปะทะหน้าเครื่อง ยังงัยก็ระบายดีกว่าหม้อเดิมเยอะ......แต่ถ้าไม่มีลมปะทะหน้าเครื่อง (จอด) จะระบายได้ช้ากว่าเล็กน้อย.........สรุปเบื้องต้นตรงนี้ว่า การเปลี่ยนหม้อน้ำครั้งนี้ผมพอใจในระดับหนึ่งเลยครับ....ช่วยแก้ไขเรื่องตัวร้อนได้.....ไม่ต้องหวาดเสียวความร้อนไปป้วนเปี้ยนแถว 99-100 ครับ
:L2734: :L2734: :L2734:
ทั้งหมดเป็นการทดสอบในกรุงเทพฯนะครับ....ยังไม่มีโอกาสวิ่งทางยาวๆ....หรือขึ้นเขาโดยตรง.....เดี๋ยวรอหลังทริบทีลอซู น่าจะมาอัพเดทให้ฟังกันได้อีกทีสำหรับการใช้งานในต่างจังหวัด และทางขึ้นเขาครับ
:L4399: :L4399: :L4399:
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมหากาพย์หม้อในครั้งนี้ครับ...โอกาสหน้าจะมา update กันใหม่ครับ
-
เยี่ยมเลยพี่ตาม เดี๋ยวผมไป up กระทู้ตีหม้อก่อน จะได้อ้างอิงการรีวิวมาที่รีวิวพี่ตามนี้ จะได้จบอันนั้นไปก่อน
-
เยี่ยมเลยพี่ตาม เดี๋ยวผมไป up กระทู้ตีหม้อก่อน จะได้อ้างอิงการรีวิวมาที่รีวิวพี่ตามนี้ จะได้จบอันนั้นไปก่อน
ขอบคุณครับพี่นะ.....เดี๋ยวพรุ่งนี้มุ่งหน้าไปกำแพงเพชร ต่อด้วยทีลอซู คงได้ทดสอบกันยาวๆของจริงละครับทีนี้ :L4398: :L4398:
-
:sd23: ขอบคุณคับพี่ๆ ผมได้ความรู้เรื่อง หม้อ เยอะเลย เดวผมแอบสังเกตุการณ์ก่อน
ส่วนตัวแล้วอยากให้อุณหภูมิมันลงถึง 85-90 เดวรอพี่ๆศึกษาแล้ว จะแอบไปจีบให้พี่ทำให้ หุหุ :L6419:
-
ติดตามตอนจบได้ที่นี่เลยครับ http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,1175.0.html (http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,1175.0.html)
-
หม้อ มิเนียม น่าสนใจมากมาย