Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Pa Mania On Tour & Meetings

แค้มป์ปิ้งนอนดูดาวบ้านพุระกำ

<< < (7/12) > >>

พี่หนึ่ง 111:
ผีเสื้อที่บ้านพุระกำ

https://www.youtube.com/watch?v=8gbrTVCMKCs

พี่หนึ่ง 111:
มองไปที่ริมน้ำหน้าแค้มป์เราเห็นโต้งเอารถลงน้ำไปแช่เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกครั้ง แล้วเหตุการณ์เดิมก็เกิดซ้ำ ทีนี้ไม่สามารถขึ้นทางเดิมได้แล้วเพราะทางเละจากการปั่นขึ้นเมื่อครั้งแรก จนเบริ์ดกับแว่นต้องมาช่วยปีนขึ้นขย่มกันชนหลังเพื่อเปลี่ยนลายจนรองเท้าแตะตาดาวที่ซื้อมาจากตลาดอำเภอเขาสอยดาวจันทบุรีหลุดลอยน้ำไป1ข้าง
ผมว่าสงสัยต้องไปช่วยแล้วมั้งพร้อมทำท่าเตรียมลุกจากน้ำ พี่โจรีบห้ามบอกปล่อยไปก่อนให้โต้งได้มีประสบการณ์จะได้รู้ว่าเป็นยังไง เมื่อรถขึ้นมาได้แล้วพวกเราต่างแซวโต้งว่า ครั้งหน้าถอยขับ4 มาได้แล้วจะได้หายคันสักที แต่ผมกลัวว่าโต้งมันจะคันกว่าเก่าน่ะสิ นี่ขนาดขับ2 รู้ทั้งรู้ว่าติดแน่ยังจะลงไปอีก ถ้ามีขับ4สงสัยได้ขับลุยกันไปถึงต้นน้ำเป็นแน่


เบริ์ดกับแว่นช่วยกันขย่มรถโต้ง
https://www.youtube.com/watch?v=e_jjAV-nWz4

พี่หนึ่ง 111:
ประมาณ10-11โมงก็ได้ยินเสียงไมค์ประกาศดังมาจากทางโรงเรียน เรายังคิดว่าที่หมู่บ้านคงมีงานอะไร พอขากลับจึงรู้ว่าเป็นกลุ่มชมรมอะไรสักอย่างนำของพร้อมอาหารมาแจกให้กับนักเรียนที่โรงเรียน ซึ่งมีทั้งรถปิ๊กอัพและรถเก๋งจอดกันเต็มหน้าโรงเรียน
ก่อนเรากลับก็มีพี่ๆกลุ่มมอเตอร์ไซค์วิบากมาจอดลงเล่นน้ำ2-3คัน แล้วมีตามมาสมทบอีก2คัน ได้ยินว่า2คันหลังขับผ่านโรงเรียนเข้าไปทางไม้กั้น  พี่มอเตอร์ไซค์ลงแช่น้ำทั้งชุดโดยไม่ได้เปลี่ยนพร้อมเครื่องดื่มเย็นๆคนละกระป๋องแบบฟินเวอร์





เราขับผ่านกลุ่มคนที่มาบริจาคด้วยสายตางุนงงของผู้คนว่าไอ้รถ3คันนี้มันมาจากไหน ที่โรงเรียนก็ไม่เห็น มาก็ไม่ได้มาด้วยกันโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แถมคนขับปาเจโร่เสื้อไม่ได้ใส่เปิดกระจกโชว์อีกตะหาก ผม ว.ถาม2คันหลังว่าจะเข้าไปทางขวาข้ามลำห้วยเล่นหรือเปล่า เสียงโต้งตอบกลับมาทันทีว่า “ไปดิพี่” ได้เลยผมพร้อมสนองทุกความคัน ผมขับนำลอดผ่านไม้กั้นเข้าไป  2ข้างทางมีทั้งบ้านปูนชั้นเดียวและบ้านทรงกระเหรี่ยงที่ทำจากไม้ไผ่ยกพื้นสูง มีต้นไม้แปลกถิ่นทั้งเงาะ ทุเรียน ที่ปลูกไว้กินกัน พี่หมีจะตื่นเต้นกับทุเรียนเป็นพิเศษเรียกให้พวกเราดูลูกทุเรียนที่อยู่บนต้นอย่างดีใจ บริเวณนี้มีบ้านปลูกใกล้ๆกันอยู่ประมาณ10หลัง ชาวบ้านมองรถเราขับผ่านไป เราขับกันอย่างช้าๆผ่านบ้านแต่ละหลังด้วยความเคารพรู้ว่าเราเป็นคนแปลกถิ่นที่เข้ามารบกวนพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่กันอย่างสงบเรียบง่าย เราสังเกตุพาหนะแต่ละบ้านมีรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ บ้านไหนมีเงินมากก็ปิ๊กอัพ แสดงว่าที่นี่ชาวบ้านสามารถพึ่งพาตนเองได้เหมือนอย่างที่ป้ายเขียนไว้ที่โรงเรียนว่า “ไม่ต้องการรับของบริจาค เพื่อต้องการให้ชาวบ้านพึ่งตนเองได้”
ขับมาเรื่อยๆก่อนถึงบ้าน2หลังสุดท้าย ขวามือจะเป็นทางลงลำห้วยชันประมาณ30องศาเป็นหินก้อนใหญ่ลงง่าย ผมขับนำลงไปก่อนจนถึงริมน้ำแล้ว ว.บอกให้แว่นตามลงมาได้โดยจะไม่ขับจี้ตูดตามกัน ป้องกันอุบัติเหตุจากรถไถลหรือเบรกไม่อยู่ ผมขับข้ามน้ำไปก่อนทางเป็นหิน น้ำไม่มากผ่านกัน3คันสบายๆ โดยตลอดการเดินทางผมใช้แค่ขับเคลื่อน2ล้อเท่านั้น เพราะเป็นรถนำ ถือคติเราไปได้เพื่อนก็ไปได้  เมื่อขึ้นน้ำมาแล้วก็เจอไร่หัวไช้เท้าทางขวามือตรงทางที่เป็นร่องลึกเมื่อเดือนก่อนถูกไม้กั้นแล้วไถทางใหม่ซ้ายมือติดลำห้วยที่เมื่อก่อนเป็นป่ารก ข้างหน้ามีรถออฟโรดสีเขียวคันใหญ่ขับสวนมาเราหลบซ้ายเพื่อให้รถสีเขียวไปก่อน ตามทางแคบมาเรื่อยๆก็ถึงทางเข้าดงไผ่ซ้ายมือที่ริมน้ำเป็นคอกเลี้ยงวัวตอนกลางคืน ผมขับนำเข้าไปพร้อมข้ามน้ำที่2 พี่โจ ว.บอกแว่นกับโต้งว่าอย่าพึ่งตามมาเพราะดูทางรกและแคบมากให้ผมขับเข้าไปสำรวจก่อน เมื่อเข้าไปได้นิดนึงก็เห็นข้างหน้าว่าโล่งพี่โจจึง ว.บอกให้ตามมาได้ ทั้ง2คันจึงขับตามเข้ามา









ผมเดินสำรวจเส้นทาง








 แต่ที่ไหนได้พอผ่านทางโค้งเข้ามาได้ไม่กี่10เมตร ข้างหน้าก็ตันเสียแล้วต้องกลับรถกันอย่างทุลักทุเล เราขับย้อนมาตั้งหลักที่ปากทางเข้าดงไผ่อีกครั้งแล้วไปสำรวจทางแยกขวาซึ่งทางก็แคบลงเรื่อยๆเหมือนไม่ค่อยมีรถผ่านมาทางนี้ ผม ว.บอกให้แว่นกับโต้งรออยู่ตรงทางกว้างที่พอกลับรถได้ก่อนแล้วผมก็ลงรถเดินไปสำรวจซึ่งรถก็น่าจะพอไปได้จึงขับเข้าไปอีกหน่อย  2ข้างทางป่าเริ่มรกและครึ้ม แต่พอแค่นี้ดีกว่าเพราะวิ่งเข้ามาจากโรงเรียนลึกพอสมควรไม่รู้ใครเป็นใคร เดี๋ยวเจ้าถิ่นหมั่นไส้หรือเจอทหารพม่าจะเป็นเรื่อง เพราะเมื่อวานตรงด่าน ตชด.ผมก็ถามแล้วว่าเข้ามาทางนี้ได้ไหม ตชด.ยังบอกห้ามขับเลยโรงเรียนไปมันอันตราย ผมกลับรถตรงทางน้ำแคบๆ ดีที่โต้งกับแว่นไม่ได้เข้ามาด้วยไม่งั้นคงทุลักทุเลน่าดู  ตอนขับออกมาผมดันอยู่คันสุดท้ายขับไปก็เสียวไปจนถึงโรงเรียนอีกครั้ง พวกชมรมที่มาบริจาคของก็มองพวกเราอีกคงจะสงสัยว่า มันไปไหนของมันนึกว่ากลับออกไปแล้ว

พี่หนึ่ง 111:
เราจอดรถกันหน้าโรงเรียนพร้อมปรึกษาทาง ว.กันว่าทำไมไม่เจอฝายเลยหว่า พี่หมีก็บอกว่าเมื่อคืนที่ไปคุยกับกลุ่มปิ๊กอัพเค้าก็ถามว่ามาทางฝายหรือมาทางเขา พี่หมีก็บอกไปว่ามาทางเขา พอไปคุยกับกลุ่มมอไซค์วิบาก เขาก็ถามอีกว่ามาทางฝายหรือมาทางเขา พี่หมีก็บอกไปว่ามาทางเขา ระหว่างที่พวกเราเก็บแค้มป์พี่หมีก็เดินมาคุยกับกลุ่มชมรม เขาก็ถามอีกว่ามาทางฝายหรือมาทางเขา พี่หมีตอบเหมือนเดิมว่าทางเขา  “เอาแล้วสิ!!!”ผมอุทาน

เราฟังพี่หมีเล่าแล้วก็สงสัยว่าพวกเราพลาดตรงไหนทำไมใครๆก็รู้ว่ามี2ทาง ผมมาครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้วก็ไม่เจอฝายมาครั้งนี้ก็ไม่เจออีกหรือ มีอะไรมาบังตาพวกเราหรือเปล่า สุดท้ายจึงตัดสินใจเดินทางกลับโดยใช้เส้นทางเดิมเพราะรู้อยู่ทางเดียวคือทางเขา เส้นทางขึ้นลงเขาวกวนสวยงามพี่โจสังเกตุด้านซ้ายมือซึ่งมองลงไปเป็นเหวว่าข้างล่างเป็นลำน้ำและมองเห็นฝายพร้อมเรียกให้ผมดู แต่ผมมองไม่เห็นหรอกเพราะอยู่คนละฝั่งแล้วยังเป็นคนขับอีกจึงได้แต่มองข้างหน้าอย่างเดียว ขืนมองลงไปในเหวตามพี่โจเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง จนมาเจอทางแยกตัววาย พี่โจสังเหตุเห็นป้ายเขียนว่าบ้านพุระกำ พร้อมกับรีบ ว.บอก2คันหลังให้หยุดรถตรงทางลงเนินพอดี ผมบอกพี่โจว่าตรงนี้แหละที่ผมเจอเด็ก2คนตอนขาไปเมื่อเดือนที่แล้วและให้ขนมไปคนละห่อ ก่อนเบี่ยงซ้ายขึ้นเขาไปจนถึงโรงเรียน แต่ป้ายผมเห็นว่าเป็นโครงการแปลงทดลองปลูกพืชก็เลยไม่ได้ไป

ผมต้องเดินหน้าถอยหลัง2ครั้งจึงจะผ่านไปทางแยกซ้ายได้เพราะเป็นมุมแหลมและข้างทางเป็นเขา ถ้าเป็นขามาหรือขากลับจะไม่เป็นปัญหาเลยจะไปได้สบาย   2ข้างทางที่รถผ่านเป็นสวนป่า ผิดกับทางเขาที่เป็นป่าธรรมชาติจริงๆ ทางนี้มีต้นสนปลูกเป็นทางทั้ง2ข้าง มีต้นกล้วยปลูกสลับ จนมาเจอฝายทางขวามือ ผมดีใจรีบบอกเสียงดังว่า “เจอฝายแล้ว” แล้ว ว.บอก2คันว่าเจอฝายแล้ว เราจอดรถสักพักก่อนข้าม โดยพี่โจได้ ว.ไปบอกว่าให้ผมข้ามไปดูทางก่อนเพราะไม่รู้ว่าข้ามฝายไปแล้วจะมีทางไปต่อหรือเปล่า เมื่อผมข้ามไปแล้วเห็นว่ามีทางไปต่อ พี่โจจึง ว.บอกให้ตามมาได้ ข้ามฝายมาอีกฝั่งเป็นอาคารศูนย์วิจัยล้าง เราจอดรถตรงหน้าศูนย์พร้อมปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อ จะไปสำรวจต่อหรือจะกลับทางเดิม สุดท้ายด้วยความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนจึงลงความเห็นว่าเราจะไปต่อ ไปดูว่ามันจะสุดตรงไหนเพราะทางตรงนี้ก็ไม่ได้รกดูแล้วน่าจะเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้กันประจำ  เมื่อพร้อมเราก็เดินทางต่อทางเป็นดินแข็งสลับทางโคลนนิดหน่อยจนมาเจอลำห้วย ผมข้ามมาได้กลางทางก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์วิบากวิ่งสวนมา เป็นกลุ่มที่เราเจอที่หลังโรงเรียน ผมจอดรถหลบทางซ้ายกลางลำห้วย พี่โจรีบ ว.บอก2คันหลังให้หลบเพราะมีรถมอเตอร์ไซค์สวนมา เมื่อมอเตอร์ไซค์ทั้ง5คันไปหมดแล้วเราก็เดินทางต่อ มาได้แค่นิดเดียวก็เจอหมู่บ้าน  ผมบอกพี่โจว่าคุ้นๆ  ใช่เพราะมันเป็นบ้านพุระกำข้างโรงเรียนที่ครั้งก่อนผมเคยขับรถเข้ามาวนเล่นแล้วออกทางนี้ เราขับวนเข้าไปที่โรงเรียนและจอดกันหน้าโรงเรียนสักพักก่อนปรึกษากันว่าจะกลับทางไหน ทุกคนลงความเห็นว่ากลับทางฝายเพื่อไปถ่ายรูปเพราะขามายังไม่ได้ถ่ายรูปกันเลย โดยที่ในโรงเรียนชมรมที่มาบริจาคของก็มองพวกเราด้วยความสงสัยคงจะคิดว่ามันเล่นอะไรของมันนะ ขับรถวนไปวนมา














พี่หนึ่ง 111:
ถ่ายรูปบนสะพานขากลับก่อนถึงด่าน ตชด.

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version