Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Pa Mania On Tour & Meetings

รีวิวทริปเชียงใหม่ขึ้นดอยอ่างขางและดอยอินทนนท์ ช่วง 16-20 มกราคม 59

(1/8) > >>

พี่มัติ [Foazee]:
สืบเนื่องจากกระทู้ http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,5231.0.html ของพี่แม็คนั้นเอง ใจจริงอยากจะไปร่วมกับกลุ่มแต่ช่วงเวลาไม่ตรงนะครับ ลูกสาวมีสอบ pre-test วันอาทิตย์ที่ 24 และโรงเรียนเปิดเทอมวันจันทร์ที่ 25 สรุปกันแล้วกับสมาชิกในครอบครัวว่า อย่างนั้นเราไปช่วงวันที่ 16-20 ก็แล้วกัน โปรแกรมก็คือดอยอ่างขาง ดอยอินทนนท์ รายการก็แล้วแต่เวลาจะอำนวย เพราะลูกชายวัย 6 ขวบกว่านี้แล้วแต่อารมณ์เขาจริงๆ ครับ เอาแน่ไม่ได้ครับ

สรุปวันเดินทางคือ 03:00 น.ของวันที่ 16 มกราคม เพื่อจะได้ถึงตีนดอยอ่างขางช่วงเวลา 3-4 โมงเย็น ครั้งนี้ถือเป็นการขับรถขึ้นเหนือเป็นครั้งที่ 2 ของผม ก่อนหน้าขับไปลำพูนกับเพื่อนแบบสลับกันขับ รอบนี้ขับเดียว และเป็นการขับขึ้นดอยครั้งแรกด้วย ข้าวของเตรียมพร้อม เนื่องจากรถผมไม่ได้ติดตั้ง rack หลังคา ทุกอย่างเลยต้องยัดท้ายรถอย่างที่เห็น



เต็นท์หลังใหญ่สำหรับ 6 คน อุปกรณ์กันหนาวครบครันทั้งเสื้อ ผ้าปูนอนและผ้าห้ม กล้องอาหารพร้อม ผมไปกันทั้งหมด 6 คนครับข้าวของก็จะเยอะซักหน่อย ออกเดินทางจากบ้าน (ถ.ประเสริฐมนูกิจ) ขึ้นด่วนยาวเข้าสาย 9 และแล้วก็หลงตรงทางที่จากอยุธยาจนได้ ขนาดใช้ Google Map ช่วยแล้วน่ะนั้น 5555 แต่มันก็ชอบพาหลงเหมือนกัน

ออกมาได้ก็ขับไปเรื่อย ความเร็วที่ใช้อยู่ในช่วง 120-140 แล้วแต่โอกาส มีบ้างช่วงที่มีการปรับถนน ปิดทางต้องเบี่ยงออก ช่วงนี้ก็ต้องขับตามๆ กันไปครับ ขับไปเรื่อยจนถึงเชียงใหม่ แล้วตรงไปดอยอ่างขางโดยใช้เส้น 107 แล้วเข้า 1178 แทนนะครับ กว่าจะถึงตีนดอยก็ใช้เวลาพอควร แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด จอดรถปิดกล่องเอนกประสงค์ก่อน (กล่องดันราง, กล่องคันเร่ง) กลัวน้องปาฯ ขึ้นดอยแล้วจะเป็นไข้ตัวร้อน การขับขึ้นดอยครั้งแรกของผมมีความประมาอยู่ ใจก็คิดว่า ตรูจะเอามันขึ้นรอดไหม ว่าแล้วก็ขับขึ้นไปเรื่อย ใส่เกียร์ 1 บ้าง 2 บ้าง ทั้งแบบโยกด้วยมือเองหรือใช้ paddle shift แล้วแต่จังหวะ รักษาจังหวะรอบของเครื่องประมาณ 2000-2200 รอบ สรุปความร้อนก็จะอยู่ประมาณ 95-98 แล้วแต่จังหวะเนินชัน ยาวมากน้อย ช่วงทางราบหน่อยก็ใส่เกียร์ 3, 4 แล้วแต่โอกาส อาการเกียร์ค้างก็พอมีให้เห็น แต่ไม่ถึงกับต้องจอดแล้วดับเครื่องนะครับ น่าจะเป็นอาการเกียร์ไม่เปลี่ยนดังใจมากกว่า รอบไม่สัมพันธ์มันก็ไม่ยอมเปลี่ยนให้ ไม่เหมื่อนเกียร์ manual

สมาชิกในรถก็ลุ้นกันใหญ่ว่าจะขึ้นไหวไหม และแล้วก็ถึงจุดกางเต็นท์ (ค่ายทหาร) เวลาประมาณ 16:30 น. รถเยอะมาก ที่จอดรถด้านในเต็มแล้ว แต่ที่กางเต็นท์ยังพอมีอยู่ เลยขับขั้นไปดูอีกที่ก็ไม่แตกต่างกัน สุดท้ายก็ย้อนกลับมาที่ค่ายทหาร อาจจะเป็นโชคของครอบครัวผมที่รถขายผักขับออกมาจึงมีที่ว่างให้รถผมเข้าไปจอดได้นะครับ จอดบริเวณใกล้ๆ เสาะธงเลยครับ ด้วยเต็นท์ขนาด 6 คนต้องใช้พื้นที่มากหน่อย และก็มีที่เหมาะบริเวณนั้นเสียด้วย โชคสองชั้นเลยครับ จัดแจงขนของลงกางเต้นท์เป็นที่เรียบร้อยครับ




เวลาเย็นแล้วอากาศก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ครับ

แสงสุดท้ายของวัน


บรรยากาศภายในเต็นท์


ได้จัดเตรียมอาหารเย็นกันครับ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ก็จัดการหุงข้าวก่อนเลยครับ สำหรับกับข้าวง่ายๆ ก็ไข่เจียวครับ พร้อมกับอุ่นอาหารสำเร็จนะครับ ผมเลือกใช้ (โรซ่า พร้อม) สะดวกดีครับ อุ่นซะหน่อยก็ OK แล้ว อาจจะมาปลากระป๋องอีกซะหน่อย ข้าวร้อน กับอากาศหนาวๆ

เด็กๆ ก็สนุกสนานตามประสา เพราะเป็นการนอนเต็นท์ครั้งแรกของเขา และเป็นการขึ้นดอยสัมผัสอากาศหนาวครั้งแรกด้วย ค่ำแล้วก็ต้มน้ำดืมกาแฟ ไมโลทานกัน crackers ก็ได้อีกอารมณ์หนึ่งนะครับ ดึกแล้วก็เข้านอนกัน นอนแบบหลับๆ ตื่นๆ เพราะมีเต็นท์วัยรุ่นทานเหล้าและคุยกันเกือบตี 1 กว่าจะเงียบกัน ตื่นเช้าเวลาประมาณ 5:30 น. อากาศหนาวมาก garmin fenix 3 ที่ข้อมูลบอกว่า 16 องศา แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่ น้องบอกว่า 4 องศา พูดแบบมีควันออกปากกันเลยที่เดียว

ดวงอาทิตย์ขึ้นประมาณ 6:15 น. ด้วยจุดนี้จะเห็นดวงอาทิตย์เยื่องทางซ้ายนิดหน่อย ก็ OK อยู่ แต่ถ้าต้องการรูปสวยๆ ก็ต้องเดินไปทางเนินด้านขวาที่อยู่นอกเขตพื้นที่ค่ายทหารไปแล้วนะครับ



อาหารยามเช้าก็ต้องเป็นโจ๊กร้อนๆ และกาแฟ ไมโล ง่ายสุดแล้วครับ

สายแล้วแดดเริ่มมาก็ต้องรีบจัดเก็บข้าวของกันครับ

ขอสรุปสำหรับจุดกางเต็นท์บริเวณค่ายทหารดังนี้นะครับ
ข้อดีของจุดนี้คือ
- พื้นที่และทำเลดี เป็นผ่าสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น
- ไม่เสียค่าใช้จ่าย
สองอย่างนี้จึงทำให้จุดกางเต็นท์ตรงนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

สำหรับข้อไม่สะดวกก็แล้วกันนะครับ เพราะไม่ใช่เชิงธุรกิจจึงไม่นับเป็นข้อเสียดีกว่า
- ห้องน้ำไม่สะดวกนัก วันที่ไปนั้นน้ำไม่ไหลด้วย ซ้ำร้ายมีคนปล่อยระเบิดลูกใหญ่ทิ้งไว้ด้วย

ก่อนออกจากพื้นที่ก็ขอขอบคุณคุณทหารที่เป็นหัวหน้าหน่วยและให้กำลังใจที่ต้องลำบากเก็บกวาดและดูแลพื้นที่ (และต้องเก็บกู้ระเบิดให้ห้องน้ำด้วย) คงได้แค่บริจาคเงินเพื่ออุดหนุนและเป็นค่าใช้จ่ายภายในค่ายต่อไปนะครับ


ออกจากค่ายก็เดนทางต่อไปยังศูนย์เกษตร ระหว่างทางก็มีดอกนางพญาเสือโคร่งบานอยู่บ้างแต่ไม่มาก ก็จอดแวะถ่ายรูปซะหน่อย









สำหรับพื้นที่ศูนย์เกษตรก็มีพันธ์ไม้นานาชนิด เยี่ยมชม ถ่ายรูปพอสมควรก็ไปต่อยังไร่สตอเบอรี่แบบขั้นบันได


จุดนี้เพื่อให้เด็กได้เห็นถึงวิธีการทำไร่แบบขั้นบันไดเท่านั้นนะครับ เพราะว่าช่วงบ่ายแล้วสตอเบอรี่ถูกเก็บไปตั้งแต่เช้าแล้วนะครับ



แวะชมกันพอสมควรก็ได้เวลาลงดอยเข้าตัวเมืองกันต่อไปครับ

ช่วงเวลาที่ขับลงดอยนั้นอาศัยเกียร์ 2 และ 1 เป็นหลักมีเบรคๆ ปล่อยๆ ตามสมควรเพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ รอบสูง 3000-3600 รอบ เจอรถที่ลงมาช้าก็ต้องทิ้งช่วงให้ห่างเข้าไว้ไม่เช่นนั้นจะต้องกดเบรคมากกว่าเดิม ลงดอยแบบช้า เร็วตามความเหมาะสม สมาชิกก็ลุ้นมากกว่าตอนขึ้นซะอีก

ลงดอยเรียบร้อยความมั่นใจของผมเองก็มีมากขึ้น เพราะเป็นการขัยขึ้น ลงดอยครั้งแรกของผมนั้นเอง เส้นทางดอยอ่างขางจะมีโค้งที่เป็นหักศอก และโค้งตัว U อยู่หลายจุดต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเลยครับ

ขอพักไว้เท่านี้ก่อน และจะมาต่อในส่วนของดอยอินทนนท์นะคร้าบ

กิต <Black Angel>:
กด  :L6428: ให้ก่อนเลยครับ ปูเสื่อรออ่านต่อนะครับ  :L2758:

บังมะ-Bangma:
รอชมต่อครับบังมัติยังไม่มีโอกาศไปเลย  :L6428: 

พีรา-[peeratida]:
มาฟังด้วยคนสนุกดีค่ะ... :L6428: พี่มัติไปกางในค่ายทหารดอยอินทนนท์เหรอ่ะ...ปีโน้นไปกับกับเพื่อนกางที่ดอยชัวร์ซ่า...วิวก็สวยค่ะ
แต่ไม่ค่อยถนัดเต็นท์กว่าจะกางได้กับเด็กๆเหงื่อโซมกาย..ลูกบอกแม่เราคงไม่เหมาพกับเต็นท์ลำบาก น้าๆเค้าด้วย...555...

กิต <Black Angel>:

--- อ้างจาก: พีรา-peera ที่ 22 มกราคม 2016, 07:45:34 --- มาฟังด้วยคนสนุกดีค่ะ... :L6428: พี่มัติไปกางในค่ายทหารดอยอินทนนท์เหรอ่ะ...ปีโน้นไปกับกับเพื่อนกางที่ดอยชัวร์ซ่า...วิวก็สวยค่ะ
แต่ไม่ค่อยถนัดเต็นท์กว่าจะกางได้กับเด็กๆเหงื่อโซมกาย..ลูกบอกแม่เราคงไม่เหมาพกับเต็นท์ลำบาก น้าๆเค้าด้วย...555...

--- End quote ---

ซื้อแบบของพี่มัติกางง่ายครับ  :L6425: แต่แพงหน่อย  :L6415:

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

Go to full version