Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > Technics, Maintenance & Problem solving
เค้าว่าน้องปาของหนู มอเตอร์ EGR กับ โซลินอยด์พัง
ตูมตาม:
--- อ้างจาก: ปุ้ย Pui WB ที่ 24 กันยายน 2014, 17:10:51 ---ขอบคุณพี่นะกับพี่หยกนะคะที่แนะนำกิจกรรมมิตติ้งวันที่ 28 ถ้ามีโอกาสที่สะดวกก็คงจะได้ไปนะคะ แต่ดูจากสถานการณ์ของตัวเองแล้วคงต้องขอพลาดโอกาสนี้ไปก่อนค่ะ
ส่วนเรื่องศูนย์บริการปกติปุ้ยใช้บริการที่ศูนย์ตรงบางละมุงบ่อยที่สุดค่ะ ที่ชลบุรี 2 ครั้ง ศรีราชาครั้งนี้ครั้งแรก (เคยจะเข้าไปอยู่ครั้งนึงไม่ประทับใจมากเลยขับออกมาเลยค่ะ) แต่ตอนที่รถเสียอยู่ใกล้กับศูนย์ที่ศรีราชามากที่สุดเลยต้องใช้บริการที่นั่นค่ะ ศูนย์ตรงนาจอมเทียนก็มีคนแนะนำให้ไปแล้วเปิดใหม่ด้วยแต่ไกลไปค่ะ ขอบคุณพี่ทูตกับพี่ติงลี่ที่แนะนำนะคะ
ส่วนรถของปุ้ยตอนนี้ ได้โทรไปให้ช่างถ่ายรูปมาให้ตามคำแนะนำของพี่แล้ว แต่เค้าบอกว่าพอดีอะไหล่มาครบแล้ว ได้ทำการเปลี่ยน และเพิ่งประกอบเสร็จ กำลังจะเอารถออกไปลอง เป็นไงจะอัพเดทอีกทีนะคะ
--- End quote ---
ว่าจะเข้ามาตอบตั้งแต่บ่าย แต่ติดงานมากมายจนล่วงเลยมาป่านนี้ซะละ
รายละเอียดส่วนใหญ่พี่นะวิเคราะห์ไว้ให้แล้วนะครับ จากอาการที่มีไฟ engine show และมีไฟตัว D กระพริบ และโดยรวมแล้วรถเร่งไม่ขึ้น ... จากอาการคงมี 2 อย่างที่มีปัญหาอย่างที่ช่างได้วิเคราะห์ไว้แหละครับไม่ผิด สำหรับไฟ engine นั้นผมคาดว่าช่างคงเอาเครื่อง MUTIII ตรวจสอบ code แล้ว จึงสรุปว่ามอเตอร์ EGR มีปัญหา (ดูจาก code) เวลาในการเปลี่ยนมอร์เตอร์ EGR ไม่นาน เพราะอยู่ด้านบนของเครื่อง รื้อไม่เยอะ แต่ค่าตัวแพงครับ รถพี่จิรศิษฐ์เพิ่งเปลี่ยนไปก็ตกตัวนึงประมาณ 4-5 พัน ประมาณนั้น
ส่วนที่มีอาการไฟตัว D กระพริบนั้น ช่างก็สรุปตามอาการครับ การเจอตัว D กระพริบจะบ่งบอกถึงอาการโซลีนอยเกียร์เสีย หรือขัดข้อง หรือเปิดช้ากว่าปกติ ชิ้นส่วนที่ช่างถ่ายรูปมาให้ดูว่าถอดออกมาแล้วก็คือชิ้นนี้ครับ
มันคือตัวเกียร์ของน้องปาเรานี่แหละครับ อยู่ภายในอ่างเกียร์ใต้รถเรา จากรูปจะเห็นสายไฟ เจ้าสายไฟเหล่านี้แหละครับที่ต่อไปยังตัวโซลีนอยที่อยู่ภายใน ทำให้ที่ปิดและเปิดตามคำสั่งการเปลี่ยนเกียร์ของแต่ละเกียร์ เจ้าโซลีนอยพวกนี้ทำงานด้วยระบบ Magnetic คือให้แม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าไปหามัน มีโอกาสนะครับที่จะเสื่อมสภาพหรือเสียได้ เท่าที่อ่านดูช่างศูนย์นี้ก็วิเคราะห์ได้ถูกต้องแล้วหละครับ เพียงแต่วิธีทดสอบดูเหมือนจะไม่ได้บอกมาทั้งหมด เพราะเจ้าโซลีนอยพวกนี้มันมีวิธีที่สามารถทดสอบได้อยู่ครับ โดยไม่ต้องรื้อออกมาทั้งแผงแบบที่ช่างถ่ายมาให้ดู
เนื่องจากเจ้าโซลีนอยพวกนี้มันทำงานด้วยระบบ Magnetic ดังนั้นการทดสอบสามารถทำได้โดยการต่อไฟเข้าตรงๆไปยังขั้วที่จ่ายไฟ (ขั้วเของเจ้าพวกสายไฟที่เห็นในรูปแหละครับ) เมื่อจ่ายไฟแล้วโซลีนอยจะทำงาน ซึ่งเท่าที่เคยสอบถามช่าง ช่างแจ้งว่าสามารถฟังจากเสียงการทำงานก็จะคาดได้ว่าโซลีนอยตัวไหนเสีย
ส่วนการเปลี่ยนนั้นผมเองไม่แน่ใจเพราะยังไม่เคยโดนเหมือนกัน แต่เท่าที่ดูเข้าใจว่าไม่ต้องรื้อออกมาทั้งแผงเหมือนกัน เพราะข้างๆตัวปลั๊กจะมีน็อตอยู่ คิดว่าถ้าถอดน็อตออกน่าจะถอดตัวโซลีนอยออกมาได้นะครับ จากรูปข้างล่างจะเห็นมีน็อตอยู่ข้างๆขั้วที่สายไฟเข้าไป (ประเด็นนี้ไม่ชัวร์นะครับ เป็นแค่ความเชื่อของผม แต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์)
ดังนั้นเท่าที่ช่างศูนย์แจ้งอาการมานั้นน่าจะถูกต้องแล้ว แต่การแกะเกียร์ออกมาหมดทั้งแผงดูจะเยอะไปหน่อยในความรู้สึกผม เพราะการแกะเกียร์ออกมาทั้งแผงแบบนั้นทำให้ต้องเปลี่ยนอะไหล่พวกประเก็นไปด้วย ถ้ามีวิธีที่ไม่ต้องยกแผงออกมาน่าจะทำให้ประหยัดเงินไปได้นิดนึง ส่วนเรื่องอะไหล่ที่ต้องสั่งและรอนั้นคิดว่าคงเป็นจริงๆตามนั้นครับ เพราะผมเคยสอบถามฝ่ายอะไหล่ของศูนย์มา อะไหล่พวกนี้ศูนย์จะไม่มีเก็บใน stock ครับ เพราะเป็นอาการที่พบเจอไม่บ่อย ดังนั้นหากมีลูกค้าเข้ามาค่อยสั่ง ทำให้ต้องรออะไหล่มาส่ง เสียเวลาไปพอสมควร
ส่วนอีกประเด็นที่ว่าจะมาโพสบอก แต่คงไม่ทันซะละ คือ ไหนๆรื้ออ่างเกียร์ออกมาแล้วจริงๆน่าจะเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ไปเลย เพราะรถก็วิ่งมาพอสมควรแล้ว หากเปลี่ยนได้เป็นดีที่สุดครับ ตัวกรองน้ำมันเกียร์ก็คือเจ้ากล่องพลาสติกสีดำๆ ที่อยู่ข้างใต้สายไฟในรูปแรกครับ
วันนี้พอดีผมเข้าไปเปลี่ยนเจ้ากรองน้ำมันเกียร์นี่มาเหมือนกัน เลยมีโอกาสถ่ายรูปมาให้ดู นี่คือของที่เบิกมาใหม่ พร้อม part no ครับ
ทีนี้มาดูว่าควรจะเปลี่ยนหรือเปล่า .... ให้ประวัติซักนิดคือ รถผมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 2 หมื่นกม. บ่อยกว่าที่กำหนดไว้ในคู่มือเท่านึง เพราะปกติจะเปลี่ยนทุก 4 หมื่นกม. ดังนั้นผมค่อนข้างมั่นใจว่าระบบเกียร์รถผมค่อนข้างสะอาด รูปแรกเอารูปน้ำมันเกียร์ที่่ถ่ายออกมาให้ดู ใสแจ๋ว นี่คือสภาพน้ำมันเกียร์ที่ใช้มาเกือบ 2 หมื่นกม.
จริงๆผมก็ไม่คิดว่ากรองน้ำมันเกียร์ผมจะสกปรกนะครับ แต่พอรื้อมาแล้วก็มาเห็นแบบนี้
ลองเทียบกับรูปข้างล่างดูนะครับ รูปล่างนี่คือของใหม่
จริงๆเห็นรถพี่ปุ้ยรื้ออ่างออกมาแล้ว ว่าจะโพสบอกว่าให้เปลี่ยนเจ้ากรองนี่ไปเลย เพราะก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของเดิมดูแลการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์อย่างไรบ้างเหมือนกันนะครับ แต่คงไม่ทันแระ .... เลยมาเล่าให้ฟังเล่นๆละกันนะครับ
:L4399: :L4399:
พี่หนึ่ง 111:
พี่ตาม ปกติกรองเกียร์ต้องเปลี่ยนที่กี่กิโลครับ
พอดีอาทิตย์หน้าจะเอารถไปเปลี่ยนประเก็นเกียร์ที่ต่อกับหลังเครื่องมันมีน้ำมันซึม
จะได้เปลี่ยนกรองเกียร์ด้วยเลย ตอนนี้รถผมวิ่งมาประมาณ85,000โลแล้วครับ
ขอบคุณครับ
พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์:
ขอบคุณพี่ตามครับ ได้ความรู้เพิ่มแต่เช้าเลย :sd23:
ตูมตาม:
--- อ้างจาก: พี่หนึ่ง (noung111) ที่ 25 กันยายน 2014, 01:23:32 ---พี่ตาม ปกติกรองเกียร์ต้องเปลี่ยนที่กี่กิโลครับ
พอดีอาทิตย์หน้าจะเอารถไปเปลี่ยนประเก็นเกียร์ที่ต่อกับหลังเครื่องมันมีน้ำมันซึม
จะได้เปลี่ยนกรองเกียร์ด้วยเลย ตอนนี้รถผมวิ่งมาประมาณ85,000โลแล้วครับ
ขอบคุณครับ
--- End quote ---
จริงๆไม่มีกำหนดว่าต้องเปลี่ยนเมื่อไหร่นะครับพี่หนึ่ง ตามหลักการคือให้เปลี่ยนเมื่อต้องทำความสะอาดเกียร์ ส่วนเมื่อไหร่ควรทำความสะอาดเกียร์นั้น หลักการให้สังเกตุจากสภาพของน้ำมันเกียร์เมื่อครบอายุเปลี่ยนถ่าย คือถ้าตอนครบรอบต้องเปลี่ยนถ่ายแล้วน้ำมันเกียร์ออกเป็นสีดำก็ควรถอดอ่างเกียร์ออกมาล้างได้แล้ว แต่ถ้ายังใสๆอยู่ก็ไม่จำเป็นครับ
ส่วนเคสพี่หนึ่งซีลท้ายเครื่องรั่ว ตอนเปลี่ยนซีลต้องยกเกียร์ลง จะให้ช่างถอดอ่างน้ำมันเกียร์ออกมาทำความสะอาด+เปลี่ยนกรองไปเลยก็ดีครับ ไหนๆก็รื้อออกมาแล้วครับ
:L4399:
หนู [นินจา]:
:sd23: ขอบคุณครับพี่ตาม :sd23: ได้ความรู้มากมายเลย :L2753:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version