คลิกอ่านขั้นตอนการสมัครสมาชิกบ้านปามาเนีย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คำพูดที่ผจก.บอกว่าสัญญาตัวผู้ว่า.....พี่เอารถไปใช้เลย หากมีปัญหาขึ้นมาเขาจะรับผิดชอบเต็มที่ ได้มีการเก็บหลักฐานอะไรไว้อ้างอิงได้ไหมตอนนี้คือการแก้ไขปัญหาจากร้านข้างนอกเพื่อต้องการนำรถกลับมาใช้งานโดยที่รถมีความเสียหายที่เข้าใจได้ว่าเกิดจากความสำเพร่าของเจ้าหน้าที่ของศูนย์สาทรในการเข้ารับการบริการที่ 100,000 โล โดยเรายินดีชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดและยอมรับเงื่อนไขการรับประกันหลังการบริการ 6 เดือน แต่พอเกิดปัญหากลับบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ กรณีแบบนี้ขอ roll back ทุกอย่างกลับไปและขอคืนเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมด และขอชดเชยค่าเสียเวลา ค่าเสียโอกาสในการใช้รถ และขอให้เป็นความรับผิดชอบต่อลูกค้าโดยศูนย์สาทร ซึ่งจะปฏิเสธลูกค้าไม่ได้เพราะลูกค้าเป็นคนเลือกศูนย์ไม่ได้เป็นคนเลือกช่างและลูกค้าให้ความเชื่อมั่นศูนย์ที่มอบหมายงานตามสายงานให้จัดการ แต่สุดท้ายทำไมลูกค้าต้องรับผิดชอบกับกรณีที่เกิดขึ้นทั้งหมดและค่าใช้จ่ายจากเหตุการณ์ดังกล่าวรวมถึงค่าเสียโอกาสที่ตีเป็นค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าเสียหาย ทำไมทางศูนย์ถึงโยนไปให้เรียกร้องกับ MMTH หรือ ? แล้วแบบนี้จะปล่อยให้เป็นโจรมุมตึกทำไมกัน คนที่เสนอและให้ข้อมูลต่างๆนาๆเกี่ยวกับศูนย์นี้และพฤติกรรมบางอย่างนั้น เมื่อถึงเวลาสามารถออกมาเป็นพยานให้มากน้อยเพีนงไร เบื้องต้นคาดว่าคงไม่สามารถ แล้วไอ้โจรมุมตึกบนถนนสาทรนี้เราจะจัดการอย่างไรดี หากลูกตาสีตาสาหลงไปใช้บริการโดยที่เราไม่แจ้งเตือน ก็คงไม่ต่างอะไรกับเห็นเหวนรกข้างหน้า แต่ไม่ยอมบอกพวกเขาที่ชอบจะไปถ่ายรูปเล่นกันบริเวณนั้นวานพวกเราติดป้ายข้างทางเตือนๆกันบ้างก็ดีนะครับ
พี่หยกครับ ของขึ้นหลายรอบแล้ว และผมคิดว่า ขึ้นทุกคนที่ได้อ่านด้วย จริงไหม โชคดีที่ มีผู้ช่วยวิเคราะห์เยอะ แนะนำได้ ก็เลยเสียหายแค่นี้ พี่ถือโอกาสทำบุญ โดยการ บอก เพื่อนๆ ด้วยนะครับว่า พยาธิ มันอยู่ที่ไหน จะได้ไม่มีโครไปให้มันทำร้ายเอาอีก ปากต่อปาก ให้ข้อเท็จจริง ฆ่ามัน ช้าหน่อย แต่ไม่เปื้อนมือนะครับ
คหสต. ผมว่าทางศูนย์บริการที่พูดเช่นนี้ คงรู้ดีว่าพี่หยกนำรถไปซ่อมเองแล้ว จากการบอกเล่าของเหยี่ยวข่าว เอ้ย พี่ที่มีความคุ้นเคยกับศูนย์บริการนี้ ว่าอย่างไรเสียก็ต้องมีการปาดฝาสูบ ผมว่า ไม่ใช่ข้อแก้ไข แต่เป็นการแก้ตัว มากกว่า ครับ
คำพูดที่ผจก.บอกว่าสัญญาตัวผู้ว่า.....พี่เอารถไปใช้เลย หากมีปัญหาขึ้นมาเขาจะรับผิดชอบเต็มที่ ได้มีการเก็บหลักฐานอะไรไว้อ้างอิงได้ไหม
เดี๋ยวค่อยมาต่อนะครับ ขอไปทำงานก่อนละ
รอฟังต่ออยู่นะครับพี่ตามไปทำงานนานจัง
แล้วไอ้ที่แปะไว้นี้มันหมายความว่าอะไรจ๊ะ.
เป็นโฆษณาชวนเชื่อ ขอรับท่านมอดลีโจ
มาต่อกันในตอนที่ 5 นะครับ ตอนนี้ขอให้ชื่อว่า "ละครเวที"ความเดิมจากตอนที่แล้ว ผมกับพี่หยกได้พูดคุยกับหมอรพ.ดังย่านสาทร โดยถามคุณหมอว่า "อาการของน้องปาวาฬแบบนี้คือปกติใช่หรือไม่" เพราะทางรพ.บอกว่าสามารถมารับน้องปาวาฬกลับบ้านได้ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากคุณหมอ ตามที่พี่ๆคงได้ยินได้ฟังจากคลิบที่ผมเอามาลงแล้ว ทุกครั้งที่ผมถาม สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ และมีอาการลักไก่เอามือปัดฟองออกอยู่หลายครั้ง (เฉพาะใน VDO ก็เห็นๆ 2 ครั้ง) คุณหมอตอบเพียงว่า "ไม่พบอาการผิดปกติ" จนทำให้ต้องมีการนำน้องปาลำอื่นที่จอดอยู่มาสตาร์ทเทียบ จนเมื่ออาการของน้องปาวาฬ กับน้องปาที่เอามาเทียบแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คุณหมอชักจะเงิบ เดินหายไปทีนานๆ พอเดินกลับมาผมก็ถามอีก แกก็เดินหนีหายไปอีก จนสุดท้ายคุณหมอเลยไปเชิญผู้อำนวยการรพ.ลงมาท่านผู้อำนวยการท่านนี้ดูจากภายนอก เป็นคนหน้าตาใจดี ยิ้มแย้มและเป็นมิตร แต่ลีลานี่ต้องขอบอกว่าสมกับเป็นผู้อำนวยการจริงๆ ชั่วโมงบินสูงกว่าหมอเยอะ ท่านผู้อำนวยการท่านลงมาพบกับผมและพี่หยก ประโยคแรกที่กระเด็นออกมาคือ "รถพี่ติดกล่องอะไรมาบ้างหรือเปล่าครับ" ..... เห็นมะ .... ผมบอกแล้ว ลีลาไม่ธรรมดา .... คำถามแบบนี้ทฤษฎีการเจรจาเขาเรียกว่า Reminding Question คือการถามในลักษณะจี้ที่จุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม ... ประมาณว่าสุภาพแต่บอกให้รู้ว่ามีมีดตามหลังมาอีกนะ .... ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้วถ้าคุณกำลังเจรจากับใคร แล้วเขาใช้คำถามแบบนี้ พึงระลึกไว้เลยว่ามีโอกาสน้อยมากที่คุณจะได้อะไรจากคนประเภทนี้ ... ความตั้งใจที่จะตอบสนองข้อเรียกร้องเท่ากับศูนย์ครับ เจอคำถามแรกแบบนี้เข้าไป ผมก็รู้ละว่าวันนี้คงไม่ได้อะไร แต่ยังไม่ได้บอกพี่หยกทันที ลองฟังผู้อำนวยการไปก่อน .... หลังจากที่พี่หยกแจ้งเรื่องกล่องต่างๆไปตามความจริง ... ท่านผู้อำนวยการก็เริ่มออกลีลาที่ 2 .... เขาเรียกว่าลีลา Good Cop .... คือการทำเสมือนหนึ่งว่าเป็นแค่คนกลางลงมาไกล่เกลี่ยระหว่างเรากับคุณหมอ ... โดยทำทีเป็นอยู่ฝ่ายเรา .... คือการเรียกคุณหมอมาสอบถามถึงสถานการณ์ เมื่อได้รับรายงานแล้วก็หันมาถามทางผมกับพี่หยกว่ามีความเห็นอย่างไร .... จากนั้นเมื่อได้ข้อมูลจากพี่หยกว่าไม่พึงพอใจในเรื่องใดก็หันกลับไปว่าคุณหมอ ประมาณว่า ทำไมคุณไม่ทำแบบนั้น ทำไมคุณทำแบบนี้ ..... คุณหมอก็เล่นตามบทไปคือก้มหน้ารับคำด่าและเงียบ สมบทบาทจำเลยจำแลง ... วิธีการแบบนี้เป็นการทำให้คู่เจรจารู้สึกดีกับคนเจรจา คิดว่าคงเข้าใจและอยู่ฝ่ายเดียวกัน และสิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้คู่เจรจารู้สึก "ไว้ใจ" และเมื่อไว้ใจแล้ว ทีนี้เวลาจะเสนออะไร ทำอะไรจะถูกยอมรับได้ง่ายขึ้นเอาละครับผ่านไป 2 ขั้นตอนละ ทีนี้ก็มาถึงตอนสำคัญคือตอนถอดหน้ากากกันหละ .... หลังจากด่าว่าคุณหมออยู่ซักพัก ผู้อำนวยการก็หันกลับมาหาพี่หยก ... พร้อมกับเสนอหนทางว่า "ในกรณีนี้คงต้องให้ MMTH เข้ามาตรวจสอบ" .... นั่นแหละครับหน้าตาที่แท้จริง เพราะทางเลือกนี้ก็เท่ากับปัดปัญหาออกจากตัว เซี่ยมให้พี่หยกเข้าปะทะกับ MMTH โดยตรง ... ซึ่งผู้อำนวยการก็คงรู้อยู่แล้วว่า MMTH จะทำอย่างไรในกรณีนี้ .... เพราะการตอบสนองของ MMTH ต่อกรณีนี้ในความคาดหมายของผู้จัดการคือ น้องปาวาฬติดกล่องมา ดังนั้นเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของลูกค้าที่ดัดแปลงรถ ... และนี่คือเหตุที่มาขอคำถามแรกเรื่องกล่อง ... เพื่อ Remind ให้พี่หยกนึกถึงกล่องที่ติดมาตลอดเวลาในการเจรจา ผมแทบไม่ได้คุยกับผู้อำนวยการเลย ปล่อยให้พี่หยกเป็นคนพูดเกือบทั้งหมด โดยผมอยู่ในฐานะผู้ชมละครเวทีนี้ ... สำหรับผมที่เป็นผู้ชม การเจรจาจบแล้วตั้งแต่ตอนผู้อำนวยการถามคำถามแรก .... แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไรพี่หยกนะครับ .... ไหนๆมาถึงขนาดนี้แล้วก็ขอชมละครเวทีต่อให้จบละกันเอาละครับ เมื่อผู้อำนวยการเปิดหน้ากากออกมาแล้ว .... ด้วยการปัดให้ไปชนกับ MMTH ตรงๆ ... พร้อมกับปิดเกมส์ด้วยการให้พี่หยกเป็นคนตัดสินใจเลือกว่า จะเอารถออกจากศูนย์ไป หรือจะรอให้ MMTH เข้ามาตรวจสอบ .... พอดีพี่หยกไม่ได้ตัดสินใจในทันที .... ผมก็เลยได้ดูละครเวทีต่ออีกนิดนึง .... พี่หยกถามว่า MMTH จะส่งคนเข้ามาดูเมื่อไหร่ ....ผู้อำนวยการบอกว่าไม่ทราบ .... เมื่อพี่หยกถามว่า MMTH จะมีขั้นตอนในการตรวจสอบอย่างไร ... ผู้อำนวยการบอกว่าไม่รู้ .... นั่นหละครับ ปิดประตูให้พี่หยกไปเจอกับ MMTH เอาเองเมื่อพี่หยกชักจะอารมย์เสีย ด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นมาบ้าง .... ลีลาพริ้วไหวของท่านผู้อำนวยการก็ออกมาอีก .... เพราะการที่พี่หยกสอบถามว่า MMTH จะมาเมื่อไหร่ จะมาทำอะไร .... แสดงให้เห็นว่าจุด focus ของพี่หยก ณ วินาทีนั้นเคลื่อนออกจากรพ. และคุณหมอ เบนไปหา MMTH ตามที่ท่านผู้อำนวยการวางไว้ ... ถึงแม้สุดท้ายแล้วพี่หยกจะกลับมามุ่งเป้าไปที่รพ.และคุณหมอ แต่วินาทีนั้นปากกระบอกปืนที่ถืออยู่ก็เบี่ยงเบนไปตามเป้าล่อของท่านผู้อำนวยการมาถึงขั้นนี้แล้ว .... ลีลาของท่านผู้อำนวยการคือการกลับมาเล่นบท Good Cop อีกครั้ง ... โดยการสั่งให้คุณหมอติดต่อ MMTH ทันที ถามมาให้ได้ว่าจะเข้ามาได้เมื่อไหร่ และให้ถามขั้นตอนการตรวจสอบของ MMTH มาให้ละเอียด ... สั่งแบบเสียงขึงขังเลยนะครับ ... ต้องขึงขังจริงจัง เพราะถ้าคำตอบของ MMTH ทำให้พี่หยกตกลงใจรอ MMTH ผู้อำนวยการก็สบายตัวแล้ว กลายเป็นพี่หยกฟัดกับ MMTH ละทีนี้ หรือถ้าพี่หยกเลือกอีกทาง คือเอาน้องปาวาฬออกจากรพ. ผู้อำนวยการก็สบายตัวไม่แพ้กัน ... จะเห็นนะครับว่า ณ เวลานั้น ไม่ว่าพี่หยกจะเลือกทางใด ผลที่ออกมาเหมือนกันคือ คุณหมอหลุดคดี ผู้อำนวยการหลับสบาย มีทางเดียวที่คุณหมอกับผู้อำนวยการจะไม่รอดคดีคือ MMTH ตัดสินว่าเป็นความผิดของโรงพยาบาง พี่ๆคิดว่ามันจะเกิดขึ้นมั๊ยละ .... ถ้าพี่ๆเดาได้ว่าผลการตัดสินของ MMTH จะออกมาเป็นอย่างไร .... แล้วผู้อำนวยการที่มีลีลาพริ้วไหวขนาดนี้จะไม่รู้เลยรึเปล่าครับ มาถึงตรงนี้ ... ดูละครเวทีนี้ต่อไปก็เท่านั้นแล้วหละครับ ... แต่ผมก็ไม่ได้เล่าความรู้สึกผมที่พิมพ์มาข้างบนนี้ให้พี่หยกฟังนะครับ .... สิ่งที่ทำคือบอกถึงทางเลือกที่มีอยู่ให้พี่หยกฟัง คือรอ MMTH ให้รื้อเครื่องในน้องปาวาฬออกมาให้หนำใจ และรอบทสรุปที่ก็พอคาดเดาได้กว่า 80% ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร หรือจะนำน้องปาวาฬออกจากซ่องโจร .... เอ้ย .... โรงพยาบาล ... แล้วไปหาโรงพยาบาลอื่น หรือคลีนิค หรือไปหาหมออนามัยให้รักษาน้องปาวาฬให้ ... ซึ่งจริงๆพี่หยกก็มีทางเลือกอยู่ในใจอยู่แล้วว่าไม่อยากจะเสียเวลากับ MMTH และไม่ต้องการให้น้องปาวาฬช้ำไปกว่านี้ ทางที่ดีที่สุดคือทางใครทางมัน ... พี่หยกจึงนำน้องปาวาฬออกจากโรงพยาบาลแบบป่วยๆแบบนั้น ... ไปหาหมอท่านอื่นรักษาต่อไปก่อนจากกัน ... ผมถามผู้อำนวยการอีก 2 เรื่องคือ ผมอยากรู้ว่า MMTH เข้ามาจะตรวจสอบอะไร .... ผู้อำนวยการแจ้งว่าเท่าที่สอบถามไปได้ความว่า MMTH จะมาถอดวาล์วน้ำออกไปตรวจสอบว่าวาล์วน้ำเปิดเต็มที่หรือไม่ .... ผมเลยบอกไปว่า จะทดสอบวาล์วน้ำเปิดเต็มที่หรือไม่ไม่ต้องถอดออกมาต้มหรอก แค่ดูระดับความร้อนเวลารถอยู่ที่รอบเดินเบาก็บอกได้แล้ว .... ท่านผู้อำนวยการท่านก็ยิ้มๆครับ ไม่ได้ว่าอะไร .... เรื่องต่อมาคือเรื่องน้ำยาหม้อน้ำครับ ผมถามว่าใช้น้ำยานี้กับรถทุกคันหรือเปล่า ได้รับคำตอบว่าทุกคัน พี่หยกก็ถามว่าการใช้น้ำยาหม้อน้ำแบบนี้ไม่ผิดนโยบายของ MMTH หรือ ผู้อำนวยการก็บอกว่าไม่ผิด เป็นสิทธิที่โรงพยาบาลสามารถเลือกได้ และสุดท้ายผมเลยถามว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่น้ำยาหม้อน้ำที่ใช้จะทำให้น้องปาวาฬป่วยขนาดนี้ ... คำตอบที่ได้รับแสดงให้เห็นทุกอย่างชัดเจนครับ"ผมใส่รถมาเป็นพันคันไม่เคยมีปัญหา แต่ถ้าลูกค้าคิดว่ามันเป็นปัญหา ผมเปลี่ยนเป็นน้ำยาของ MMTH ให้แล้วเรื่องนี้เราจบกันรึเปล่า"จบกัน ทางใครทางมันครับสำหรับโรงพยาบาลนี้
เจอคำถามแรกแบบนี้เข้าไป ผมก็รู้ละว่าวันนี้คงไม่ได้อะไร แต่ยังไม่ได้บอกพี่หยกทันที ลองฟังผู้อำนวยการไปก่อน .... ตลอดเวลาในการเจรจา ผมแทบไม่ได้คุยกับผู้อำนวยการเลย ปล่อยให้พี่หยกเป็นคนพูดเกือบทั้งหมด โดยผมอยู่ในฐานะผู้ชมละครเวทีนี้ ... สำหรับผมที่เป็นผู้ชม การเจรจาจบแล้วตั้งแต่ตอนผู้อำนวยการถามคำถามแรก .... แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไรพี่หยกนะครับ ....พอดีพี่หยกไม่ได้ตัดสินใจในทันที .... ผมก็เลยได้ดูละครเวทีต่ออีกนิดนึง .... เมื่อพี่หยกถามว่า MMTH จะมีขั้นตอนในการตรวจสอบอย่างไร ... ผู้อำนวยการบอกว่าไม่รู้ .... นั่นหละครับ ปิดประตูให้พี่หยกไปเจอกับ MMTH เอาเอง... ถึงแม้สุดท้ายแล้วพี่หยกจะกลับมามุ่งเป้าไปที่รพ.และคุณหมอ แต่วินาทีนั้นปากกระบอกปืนที่ถืออยู่ก็เบี่ยงเบนไปตามเป้าล่อของท่านผู้อำนวยการมาถึงตรงนี้ ... ดูละครเวทีนี้ต่อไปก็เท่านั้นแล้วหละครับ ... แต่ผมก็ไม่ได้เล่าความรู้สึกผมที่พิมพ์มาข้างบนนี้ให้พี่หยกฟังนะครับ ....
เพิ่งจะรู้ว่าผมเป็นแค่ตัวแสดง น่าจะสะกิตกันตั้งแต่ตอนนั้นนะครับ จะได้ฉะกับผอ.โรงพยาบาลให้ตรงประเด็นไปเลย