ไม่แน่ใจว่า พนง. ที่ทำงานอยู่กับพี่โต้งตอนนี้ มาจากเจ้าของเดิมหรือเปล่าครับ หรือว่ารับใหม่หมด ถ้ามีมาจากเจ้าของเดิมผมห่วงเรื่องข้อเปรียบเทียบระหว่างเจ้าของเก่ากับเจ้าของใหม่ โดยที่เจ้าของเก่าอาจจะไม่ค่อยมาจ้ำจี้ข้ำไชแบบนี้ และยิ่งมีการไล่ออกด้วย อาจจะทำให้ พนง. ไม่ให้ใจนะครับ
ผมคิดว่าพี่โต้งอาจจะต้องมีการซื้อใจ พนง. กันสักหน่อย เพื่อที่เขาจะได้เต็มที่กับเรา และอยู่กับเราไปนานๆนะครับ โดยอาจจะพาไปเที่ยวคลองมะเดื่อเลยก็ได้ครับ ให้หยุดงาน 1 วันแล้วไปเที่ยวกันสักวัน ยอมรายได้หายไปสักนิด แลกกับการซื้อใจ พนง. อาจจะคุ้มค่านะครับ และพี่โต้งก็จะได้ไปคลองมะเดื่อสมใจอยากด้วย
เสนอแนะเป็นแนวทางนะครับ

ขอบคุณครับ พี่โจ้ ได้โอนคนเก่ามา 3 คน 1 ในนั้นก็ไล่ออกไป ส่วนอีก 2 คน เป็น พม่า และ ลุงคนนึง
คนเก่า มันดีใจที่เด็กคนนี้ ออกไป ส่วนคนใหม่ ก็ดีใจเหมือนกัน
คิดขึ้นเอง เขียนขึ้นเอง ไม่ได้ก็อปใครมามีความเข้าใจผิดมากๆเลย เรื่องการล้างรถ ช่วงหน้าฝน การล้างรถก่อน และเคลือบด้วย สำคัญมากๆ เพราะ -- ฝนนำเอา
กรดมาด้วย กรดเหล่านั้น มาจาก ไอเสียรถและควันโรงงานที่มากับลม สังเกตุได้ ถ้าอยู่บนตึกสูง
พอฝนหยุด อากาศ ก็จะโปร่ง
- ฝุ่น หรือ ทราย ที่มาเกาะตัวรถ เมื่อแห้งแล้ว ลองมือลูบดูว่า มันจะแข็งกว่าปรกติ ไม่เหมือนก่อนหน้าฝน
- สังเกตุไหมว่า เมื่อเลอะมากๆ ใช้น้ำความดันสูงฉีด เม็ดใหญ่ๆจะออกไป แต่เม้ดเล็กๆจะยึดติดกับผิวรถ
นั่นหมายความว่า มันเหนียวติดกับชั้น แลคเคอร์ของรถ ตอนล้างมีโอกาศแน่นอนที่จะเป็นขนแมว โดยที่มองไม่เห็นหรอก
วิธีป้องกันได้ ชั่วคราว หรือ ชั่วคราวนานขึ้น คือ - - หลังล้างแล้ว ให้เคลือบด้วย Sealant or Wax เพื่อรักษาผิวให้ลื่น อะไรที่จะมาเกาะก็น้อยลง
- ฝุ่นเกาะครับ แต่น้อยลง เพราะ มันไปกับน้ำ ที่ลื่น เมื่อรถวิ่ง
- หลังเคลือบแล้ว เมื่อล้างรถ จะง่ายขึ้น ( คิดว่ารู้กันอยู่แล้ว )
- เคลือบให้บ่อยๆ ที่สามารถเคลือบได้ เพื่อป้องกันในระยะยาว ถ้าคิดว่า รักรถ
แต่ส่วนมาก - จะไม่ทำกัน เพราะ กลัวเสียตังค์ ช่างมัน ไม่มีเวลา
ลุง บอก ให้ โปรด ไป สัง เกตุ ดู ได้ ( อย่าเข้าใจผิดว่า ผมจะขายของนะครับ แต่นี่คือสิ่งที่ เข้าใจผิดกัน )