Caravan Camper Van in New Zealand

[ตูมตาม]

พวกเราออกเดินทางวันที่ 5 เมษาฯ  ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Emirate ช่วงเย็นๆ

ไปกันเลยครับ



หลังจากบินยาวมา 10 ชั่วโมง เรามาจอดแวะพักที่ Sydney แวะพักประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

กิจกรรมของเด็กๆ ระหว่างรอขึ้นเครื่องต่อ

นี่ไอ้ตัวแสบ ลูกผมเองครับ






น้องจัสมิน ลูกสาวคนสวยของพี่กิตติครับ


หลังจากนั้นเราก็ขึ้นเครื่อง แล้วบินต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมงครับ และเราก็มาถึงสนามบิน Christchurch ครับ สนามบินเขาไม่ใหญ่โตเลยครับ ขนาดประมาณสนามบินดอนเมืองบ้านเรานี่แหละครับ

[ตูมตาม]

หลังจากมาถึงสนามบินแล้ว เราก็ต้องเอาข้าวของออกมาให้เขาตรวจก่อนนะครับ คือเรามีการนำอาหาร เครื่องปรุงไปด้วย ของพวกนี้ต้อง Declare ก่อนครับ ใช้เวลานานพอสมควร เพราะคิวยาว แต่ละรายตรวจทีก็ใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ กว่าจะเสร็จครบทุกบ้าน ก็เป็นชั่วโมงละครับ กว่าจะออกมารวมตัวกันได้

จากนั้นสิ่งแรกที่ทำคือจะต้องไปรับรถกันก่อนครับ เราต้องออกมายืนรอบริเวณที่จอดรถบัส บริษัทรถเช่าจะมีรถบัสวนมารับเราจากบริเวณนี้




ทั้งคนและของเยอะมากครับ รถบัสต้องวนมารับพวกเราถึง 3 เที่ยวกว่าจะไปหมด 


เมื่อมาถึงบริษัทรถแล้ว เราก็มาทำเรื่องรับรถที่จองกันไว้ รถที่เราใช้หน้าตาแบบนี้ครับ ขับเบนส์นะครับทริบนี้ ไม่ได้ขับปา 


ไม่ทันไร น้องฝนก็ตั้งเค้ารอรับพวกเราซะแล้ว


จากนั้นขบวนรถเรา 4 คันก็ออกเดินทางจากบริษัทรถเช่า มุ่งหน้าสู่ที่พักแห่งแรกของเรา คืนนี้เราจะนอนที่เมือง Christchurch เพื่อให้พขร. ทุกคนทำความเคยชินกับ Function ต่างๆของรถซะก่อน ก่อนจะออกเดินทางไกลกัน


มาถึงที่พัก ก็เข้าจอดตามช่องจอดที่จองไว้ครับ แต่ละช่องจะมีที่เสียบปลั๊กไว้ให้พร้อมครับ

[ตูมตาม]

กว่าเราจะมาถึงที่พักก็ช่วงเย็นๆแล้ว เพราะเสียเวลากับการ Declare อาหาร และตรวจรับรถพอสมควร ทีนี้ปัญหาก็คืออาหารเย็น เพราะถึงแม้ที่พักเราจะมีครัวให้ใช้ แต่เรายังไม่ได้ซื้ออาหารเลย แล้วเด็กๆก็เริ่มหิวกันแล้ว ดีที่ผมสำรวจแผนที่บริเวณที่พักมาแล้ว เลยรู้ว่ามีร้านอาหารเล็กๆ เป็นร้านพวก Take Away อยู่ 2-3 ร้าน ไม่ไกลจากที่พักมาก ร้านพวกนี้จะปิดดึกครับ ผมก็เช็คเส้นทางการเดินจากแผนที่มาตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว ก็เลยรวบรวมสมาชิกเดินไปหาอะไรกินกันก่อนครับ

มื้อแรกใน New Zealand เราก็เลยได้ฝากท้องกับ Take Away อาหารจีน และ Fish & Ship 





เอาละครับ พวกเรามาถึง New Zealand กันละ วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันเริ่มทริบจริงๆซะที 

[พี่หนึ่ง 111]

 

[ต๋อง Fuddy]

แล้วจะมีใครทำตามแบบคิดในทางโลกสวย ....ปามาเนียเป็นแบบอย่าง หรือว่าใครไปมาก่อนที่สองแอดมินไปมา.... 

[ตูมตาม]

07.04.14

เอาละครับ เช้าวันนี้เป็นเช้าแรกในประเทศนิวซีแลนด์ อากาศเย็นๆ ไม่ถึงกับหนาวมาก แต่มีฝนพรำลงมาแต่เช้า ตาม Schedule ที่ผมวางไว้ วันนี้พวกเราจะอยู่ที่เมือง Christchurch นี้อีก 1 วันนะครับ ที่ให้อยู่อีก 1 วัน ไม่มีอะไรมากครับ วัตถุประสงค์หลักๆคือ การตุนเสบียงอาหารครับ เพราะเราวางแผนว่าจะทำอาหารทานเองทุกมื้อ ดังนั้นพวกวัตถุดิบจะต้องเตรียมพร้อมกันนิดนึง สำหรับเครื่องปรุงนั้นเราเตรียมไปจากเมืองไทยบ้างแล้ว ไม่มีปัญหาซักเท่าไหร่ แต่พวกวัตถุดิบเช่น พริก มะนาว กระเพรา โหระพา มะเขือเทศ ฯลฯ พวกนี้ไม่สามารถเตรียมไปจากเมืองไทยได้ครับ (ตม. เขาไม่ให้ผ่าน เขาให้ผ่านเฉพาะอาหารแปรรูป ที่ยังไม่มีการเปิดใช้)

เช้านี้เหล่าแม่บ้านตื่นมาทำอาหารเช้าแบบง่ายๆกันก่อนครับ เพราะวัตถุดิบมีไม่มาก พวกเราไปแวะซื้อที่ Supermarket ใกล้ๆกับที่ไปฝากท้องไว้เมื่อคืน ได้ของกันมานิดหน่อย สำหรับเอามาทำมื้อเช้า หลังจากเติมพลังกันเสร็จแล้ว พวกเราก็คุยกัน ตัดสินใจแยกกันไป 2 ขบวน กลุ่มแรกไปซื้อวัตถุดิบที่จำเป็นที่ Asian Supermarket ที่เราหาข้อมูลมาบ้างแล้วจากเมืองไทย และมาเช็คข้อมูลอีกทีกับ Reception ของที่พัก ซึ่ง confirm ว่าน่าจะมีของที่เราอยากได้แทบทุกอย่าง ส่วนอีกกลุ่มนึงรับผิดชอบพาเด็กๆไปเที่ยวเล่นในเมือง

ผมเองรับผิดชอบเป็นหัวหน้าขบวนกลุ่ม 2 ร่วมกับพี่กิตติ พาเด็กๆไปเที่ยวในเมืองกัน จริงๆเมือง ChristChurch มีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Cathedral Square ที่เป็นที่ตั้งของโบสถ์เก่าแก่ประจำเมือง แต่น่าเสียดายที่เมืองนี้โดนแผ่นดินไหว ขนาด 9 ริกเตอร์ ถล่ม เมื่อ 2-3 ปีก่อน อาคารบ้านเรือนพังพินาศ ตัวโบสถ์เก่านั้นถล่มลงมาด้วย ตอนที่พวกเราไปนั้น เขาปิดซ่อมแซมอยู่ เลยไม่ได้เข้าไปเที่ยว รวมถึงพิพิธภัณฑ์ของเมืองนี้ก็ปิดด้วยเช่นกัน ระหว่างที่ขับรถเข้าไปในเมือง เรายังเห็นถนนหนทางที่ยังซ่อมไม่เสร็จอยู่เยอะมาก บ้านเรือนบาง Block ถล่มลงมาทั้งแถม ยังไม่มีมากซ่อมแซม ผมได้สอบถามจากคนพื้นที่ เนื่องจากสงสัยว่าทำไมซ่อมช้ามาก คนพื้นที่เล่าให้ฟังว่า ระบบต่างๆที่วางไว้ใต้ดิน ทั้งไฟฟ้า ประปา ท่อน้ำทิ้งนั้น พังหมด จึงต้องขุดรื้อขึ้นมาทำให้ทั้งหมด ทำให้การซ่อมแซมเมืองล่าช้ามาก

พอที่เที่ยวหายไปเยอะ ผมก็เลยพาเด็กๆไปเที่ยวที่ Botanic Garden ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมือง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิ จะมีสวนดอกไม้จัดแต่งอย่างสวยงาม เสียดายที่เราไปในฤดูใบไม้ร่วง ดอกไม้ต่างๆ จึงไม่สวยงามนัก แต่ก็อยากไปชมบรรยากาศสวนสาธารณะของเขาซะหน่อย

ที่ Botanic Garden เราได้มีโอกาสลิ้มลองอาหารพื้นบ้านของที่นี่คือ Pie ที่นี่เขากินพายกันเยอะมากครับ พายจะมีไส้ข้างในหลากหลายแบบให้เลือก หน้าตาภายนอกคล้ายๆกัน ต่างกันที่ไส้ในเท่านั้น อร่อยดีนะครับบางอย่างทั้งๆที่ชื่อมันไม่น่าจะอร่อย อย่างเช่นอันที่ผมลอง Steak & Cheese Pie เอาเนื้อมาผสมกับชีส ผมฟังชื่อครั้งแรกก็งงว่ามันจะกินได้หรือวะ แต่พอลองทานแล้วต้องบอกว่าอร่อยมากครับ

หลังจากออกจาก Botanic Garden เราก็ขับรถเข้าไปวนดูในเมือง ซึ่งเห็นสภาพหักพังของเมือง ไม่ได้จอดแวะนะครับ วนๆดู แล้วจะออกเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจที่วางไว้คือ Shopping ครับ คราวนี้ไปที่ Supermarket ใหญ่กันเลย ของที่นี่ชื่อ Countdown ก็คล้ายๆ Tesco Lotus บ้านเรานี่แหละครับ ใหญ่โตมาก

หลังจากตุนอาหารเสร็จแล้ว เราก็มี Party เย็นกันนิดหน่อย ซื้อเนื้อมา BBQ กัน แต่ฝนดันตก ก็เลยได้ BBQ กลางฝนกันเลย รูปในช่วงนี้ไม่มีเลยครับ เพราะผมรับหน้าที่เป็นพ่อครัว BBQ อยู่เลยไม่ได้ถ่ายรูป

วันแรกในนิวซีแลนด์จบลงแบบชิลๆครับ เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะขับรถข้ามประเทศกันเลย เราจะขับข้ามจากมหาสมุทรหนึ่ง ไปชนอีกมหาสมทุรหนึ่งเลยครับ

[ตูมตาม]

เอาละครับ มาดูรูปภาพบรรยากาศของวันแรกกันดีกว่า 

แม่ครัวตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารเช้ากันเลย


เด็กๆ มากินอาหารร่วมกันครับ อาหารเช้าวันนี้ ข้าวหมูทอด ไข่ดาว + ไข่เจียว 


พี่กิตติไม่ได้เอาสติกเกอร์ไปติดที่ไหนนะครับ แต่ถือร่มปามาเนียอันนี้ติดตัวตลอด Promote ปามาเนียข้ามทวีปกันเลย


เอาละครับ มาที่ Botanic Garden กันเลยครับ อากาศเย็นสบาย (ค่อนไปทางเกือบหนาว) บรรยากาศดีมากครับสำหรับการเดินเล่นในสวน


สวนสาธารณะของฝรั่ง ผมเห็นหลายประเทศแล้ว ไม่ว่าจะอังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน สวิสฯ ในสวนสาธารณะมักจะมีสนามเด็กเล่นไว้ด้วยเป็น Zone สำหรับเด็กครับ ที่นี่ก็เหมือนกัน และแน่นอน เมื่อเจ้าลูกลิงทั้ง 9 ในทริบนี้เห็นสนามเด็กเล่น มีหรือจะอยู่เฉย 

[ตูมตาม]

ส่วนบรรยากาศโดยรอบ สงบ ร่มรื่นมากครับ ต้นไม้ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกต้นสน ต้นใหญ่ๆทั้งนั้นครับ







เล่นสนามเด็กเล่นกันจนเหนื่อย ก็มาเดินเล่นในสวนกันบ้าง


มาวัดความกว้างของต้นไม้กันดูครับ ใช้เด็ก 9 คนโอบครับต้นนี้


แรงยังเหลือจากสนามเด็กเล่น เลยมาปีนต้นไม้กันต่อ สมเป็นลิงจริงๆเจ้าเด็กพวกนี้

[ตูมตาม]

รูปที่ผมชอบถ่ายมากครับ กับ "รอยยิ้ม" ของเด็กๆ และเพื่อนร่วมทริบครับ

[ตูมตาม]

ปล่อยเด็กๆ กับแม่ๆเขาเดินเล่นในสวนกันไป ผมแอบมาปลีกวิเวก เดินถ่ายรูปอยู่คนเดียว เก็บบรรยากาศแบบสงบๆมาฝากกันครับ

[ตูมตาม]

หันมาอีกที อ้าว ... เจ้าลูกชาย มานั่งทอดอาลัย ถ่ายมิวสิคอะไรอยู่ตรงนี้ เขาไปถามได้ความมากว่า "ทะเลาะกับเพื่อนมา"  เด็กหนอเด็ก เมื้อกี้ยังเล่นกันเสียงดังอยู่เลย แป๊บเดียวทะเลาะกันซะละ

[ตูมตาม]

เอาละครับ เวลาชักจะเริ่มบ่ายๆแล้ว ต้องหาของมาบำรุงกระเพาะกันหน่อย พอดีในสวน มีร้าน Cafe เล็กๆเปิดอยู่ เราก็เลยได้ลิ้มลองอาหารพื้นบ้านครับ เป็นพวกพายชนิดต่างๆ ก็อร่อยดีนะครับ



พี่กิตติของเราครับ บริการคุณลูกสาวฝุดๆขอบอก 



เด็กๆก็กินด้วยครับ มีให้กินแค่นี้ หิวแล้วก็ต้องกิน  ไม่งั้นอด ... ไปรอมื้อเย็นเลย 


นั่งกินกันเฉยๆไม่ได้ครับ เจ้าพวกลิงพวกนี้ เวลากินยังต้องมีท่าพิศดาร


เอาละครับ ลากันด้วยภาพนี้ครับสำหรับวันแรกในประเทศนิวซีแลนด์ วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ต้องขับรถยาวๆกันแล้วครับ

[พี่หนึ่ง 111]

แล้วจะมีใครทำตามแบบคิดในทางโลกสวย ....ปามาเนียเป็นแบบอย่าง หรือว่าใครไปมาก่อนที่สองแอดมินไปมา.... 

ถ้าพี่ต๋องออกค่าเดินทางให้ ผมยอมเป็นที่2 ที่3ครับ

[พี่ไซ]

แล้วจะมีใครทำตามแบบคิดในทางโลกสวย ....ปามาเนียเป็นแบบอย่าง หรือว่าใครไปมาก่อนที่สองแอดมินไปมา.... 

อุต๊ะ !!!  สำนวนคุ้นๆ นะเนี้ย 

[ตูมตาม]

08.04.14

มาถึงวันที่ 2 ในนิวซีแลนด์กันละครับ วันนี้เราจะออกเดินทางจากเมือง Christchurch ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะใต้ ไปยังเมือง Franz Josef ที่อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ นั่นหมายความว่า เราจะเดินทางข้ามเกาะกัน ด้วยระยะทางร่วม 400 กม. วันนี้จึงเป็นวันที่ต้องเดินทางกันทั้งวัน แต่ก็ไม่เป็นการเดินทางที่น่าเบื่อ เพราะการเดินทางในวันนี้เราจะใช้เส้นทางที่เป็นหนึ่งใน Scenic Route ที่ชื่อว่า Author's Pass เป็นเส้นทางที่ตัดผ่าน Author Pass National Park

การเดินทางในวันนี้ ตามแผนที่วางไว้ เราออกเดินทางแต่เช้า โดยไม่ได้ปลุกผู้โดยสารในรถโดยเฉพาะเด็กๆ เคลื่อนขบวนออกจากเมือง Christchurch แต่เช้า จุดแรกที่เราจะไปคือเมือง Sheffield เมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจาก Christchurch มากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง ที่เมืองนี้มีร้านพายที่มีชื่อเสียงมาก ผมเลยวางแผนไว้ว่าเราจะแวะที่นี่ ปลุกเด็กๆขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน และทานอาหารเช้ากันที่นี่

หลังจากนั้นเราจะออกเดินทางกันต่อ ไปตามถนนสาย Author's Pass จุดต่อไปที่เราจะแวะพักคือ Author's Pass Station สถานีรถไฟ ซึ่งถือว่าเป็นจุดแวะพักสำหรับนักเดินทางที่จะไปท่องเที่ยวที่ Author's Pass National Park ที่จุดนี้ในตอนที่เราไปถึงนั้นอากาศหนาวมาก เพราะเป็นพื้นที่สูงบนเขา เราจึงเข้าไปพักใน shelter เล็กๆ ที่สร้างไว้สำหรับนักเดินป่าแวะพัก เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่นี่ เอาเสบียงที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกมาทานกัน

เส้นทางนี้เราได้ผ่านจุดชมวิวที่มีชื่อเสียง Otira Pass ซึ่งเป็นจุดชมวิวสะพานยกสูงที่ขึ้นชื่อ จากนั้นเราก็จะขับรถไปจนถึงชายฝั่งตะวันตก และเลียบชายฝั่งไปจนถึงเมือง Franz Josef เมืองแห่งการชม  Glacier ที่มีชื่อเสียง และวันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่เราได้ทำกิจกรรมสนุกๆกันที่นี่

[ตูมตาม]

มาชมภาพบรรยากาศกันครับ


เมือง Sheffield จุดแวะพักจุดแรกของเรา


ร้านนี้แหละ ที่เขาว่าพายอร่อยกันมาก มาลองกันซะหน่อย


มีพายหลายแบบให้เลือกเลย


เด็กๆตื่นมากินพาย อร่อยกันไป

[ตูมตาม]

ที่จอดแวะพักรถระหว่างทาง




รูปนี้พี่กิตติกะผบ. จะมีใครจะได้มั๊ยอะ

[ตูมตาม]

ขับลุยกันต่อ เอาภาพวิวตอนขับรถจากกล้อง Gopro ที่ติดอยู่หน้ารถมาให้ชมกันบ้างนะครับ

[ตูมตาม]

และแล้วก็มาถึงซะทีครับ Author's Pass Station




มี Camping Ground อยู่ติดกับสถานีรถไฟพอดี เราเลยกะว่าจะ picnic อาหารกลางวันกันที่นี่แหละ


Picnic ริมทางรถไฟ


จริงๆตั้งใจจะ Picnic แบบ Outdoor นะ แต่อากาศหนาวมาก


เลยตัดสินใจย้ายเข้าไปใน Shelter ดีกว่า นี่แหละครับ Shelter เล็กๆ สำหรับเป็นที่แวะพักของนักเดินทางทั้งหลาย

[ตูมตาม]

อาหารมื้อนี้ผบ. เตรียมกันไวัตั้งแต่เมื่อคืนนะครับ เอามาอุ่นแล้วก็ทานกันได้เลย ประหยัดเวลาดี



มาดูกันซิว่ามีอะไรบ้าง ... เริ่มต้นด้วยพะโล้ฝีมือผบ. ผมเองครับ


ต่อด้วยซุปเนื้อ


และเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ทอด


พี่กิตติเราก็มาหลบหนาวด้วยเหมือนกัน 


ส่วนนี่ ผบ. ผม กับหลานชายครับ


กินอาหารเสร็จแล้วก็ต้องล้างจานล้างชามกันให้เรียบร้อยครับ ....เอ๊ะ แล้วใครมาใช้ admin เราล้างจานเนี้ย