เห็นสภาพรถพี่พงษ์แล้วนึกถึงตัวเองเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน ผบ.ผมซึ่งเป็นคนขับตกใจหักหลบรถบรรทุกตกลงไปในร่องระบายน้ำกลางถนนแถวๆบางปะหัน อยุธยา ตอนนั้นยังขับมาสด้า 3 ยังจำภาพได้ติดตาระหว่างที่รถเสียหลักแล้วกลิ้งตกลงไปในร่องน้ำประมาณ 2 รอบครึ่งแล้วหยุด สภาพตอนนั้นรถหงายท้องล้อชีฟ้า แต่ยังดีที่ห้องโดยสารไม่ยุบตัวลงมา ผมกับผบ.เลยคลานออกมาจากรถได้ เคราะห์ดีที่คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้เลยถูกล็อคแน่นกับเบาะที่นั่ง ตอนที่รถหยุดสนิทผมยังห้อยหัวติดกับเบาะนั่งอยู่เลย ถึงแอร์แบ็คจะไม่ทำงานแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก
ผลจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้ต้องสูญเสียรถไปทั้งคัน (มีรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวข้องมากกว่านี้ครับ) ประกันจึงทำเรื่องจ่ายคืนทุนประกัน (Total Loss Claim) แต่ก็ต้องออกแรงใช้กำลังภายในกันพักใหญ่อยู่เหมือนกัน เหตุการณ์ในลักษณะนี้ถึงแม้ว่าเราจะได้รับทุนประกันคืนทั้งหมด แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงก็คือบริษัทประกันจะรับผิดชอบสูงสุดเท่าที่ทุนประกันกำหนดเอาไว้ซึ่งก็คือ 80% ของมูลค่าประเมินรถในวันที่ทำประกัน ไม่รวมดอกเบี้ยไฟแนนซ์ และค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆอีกมากมาย สรุปว่ายังไงเจ้าของรถก็ยังขาดทุนเยอะอยู่ดีนะครับ
อยากเขียนเล่าเรื่องเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ให้พี่ๆชาวปามาเนีย ขอให้พระคุ้มครองคุณแม่พี่พงษ์ให้หายเป็นปกติในเร็ววัน ขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความปลอดภัย และอย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้งนะครับ
รอบผม เมื่อ ปี 2550 นั่น ผมทำกับเมืองไทย ได้ทุนคืน 100% หลังเกิดเหตุ ใช้เวลา 1 เดือน รับเช็ค ครับ
แต่ที่ผมคุยกับอู่ เฮียเจ้าของอู่ ก็ บอกว่า จริง ๆ แล้ว เค้าจ่ายกันที่ 80% ผมก็ยัง งง ๆ อยู่ว่า ทำไมของผมจ่าย 100%
ตั้งแต่นั้นก็เลยติดใจทำ ปก. กับที่นี่มาตลอดครับ
(นอกจากนั้น ยังมีค่าลากรถ ที่จ่ายไป ก่อน แล้ว นำบิลล์ไปเบิก + ค่าห้อง + ค่าหมอ + ค่ายา จำได้ว่า เฉพาะค่าโรงพยาบาล หมดไปประมาณ 5 หมื่นครับ)
ปล. ขอให้คุณแม่พี่พงษ์ หายไว ๆ ด้วยนะครับ