Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Welcome New Member / Talk Board
ขอพี่ๆร่วมแชร์ข้อมูลการ รีไฟแนนซ์ บ้าน ศึกษาก่อนจะลงมือทำ
พี่เอ็กซ์ Exit8689:
เป็นหัวข้อที่ไม่เกี่ยวกับน้องปา
แต่คิดว่าพี่หลายท่านก็ซื้อบ้าน และอาจจะผ่านหรือกำลังจะรีไฟแนนซ์บ้านอยู่
ผมขอประสบการณ์และความรู้มาแชร์กันด้วยคับ
ขอบคุณล่วงหน้าคับ
:L4399:
ton_2335:
ลองดูพี่ x
ใครๆ ก็ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น แต่การซื้อบ้านมักจะมาพร้อมกับภาระทางการเงินก้อนโต และเป็นภาระที่จะอยู่กับเราไปเกือบครึ่งชีวิตเลยทีเดียว ยิ่งสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มผ่อนในช่วงแรกๆ แล้ว ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยในใบเสร็จรับเงินกับทางธนาคาร มักจะเป็นสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจในการทำฝันให้เป็นจริง เพราะยอดเงินต้นลดไปเพียงเล็กน้อย แต่ยอดดอกเบี้ยนั้นมากมาย จนทำให้รู้สึกว่า “การผ่อนบ้านนั้นช่างยาวนานเสียเหลือเกิน” ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้ว พวกเราก็อยากปิดหนี้ไวๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแพงๆ ทุกเดือน
อันที่จริง สำหรับผู้มีภาระผ่อนบ้าน คงไม่มีทางที่จะรู้สึก “เป็นสุข” ได้อย่างเต็มอก แต่ก็พอจะมีวิธีที่ช่วยให้รู้สึก “ดีขึ้น” อยู่ได้บ้าง และวิธีที่ว่านั้นก็คือ “การรีไฟแนนซ์” นั่นเองครับ ว่าแต่การรีไฟแนนซ์คืออะไร เอาเป็นว่าผมขอสรุปสั้นๆ ดังนี้ครับ การรีไฟแนนซ์ คือการกู้เงินก้อนใหม่ไปชำระหนี้เดิม โดยได้รับประโยชน์ในเชิงอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและ/หรือระยะเวลาการกู้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จ่ายค่างวดถูกลงและ/หรือผ่อนได้นานขึ้นนั่นเองครับ นอกจากนี้ สถาบันการเงินแห่งใหม่อาจจะยื่นข้อเสนออื่นๆ ให้อีก เช่น เพิ่มวงเงินกู้ หากมูลค่าบ้านในการประเมินในครั้งใหม่นี้สูงกว่ายอดหนี้ที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เราจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์ เราควรพิจารณาข้อดีข้อจำกัดกันก่อนครับ และผมก็มีข้อควรพิจารณามาฝากกัน 3 ประเด็นครับ
1.ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ ก่อนจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์ เราควรรวบรวมค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นก่อน ดังนี้ครับ
· ค่าใช้จ่ายให้กับสถาบันการเงินแห่งเดิม ได้แก่ ค่าปรับในกรณีไถ่ถอนหลักประกันก่อนระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระยะเวลาโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 3 ปีนับจากวันเริ่มกู้ โดยจะคิดค่าปรับประมาณ 2-3% ของยอดหนี้
· ค่าใช้จ่ายให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการประเมินมูลค่าหลักประกัน ค่าธรรมเนียมการใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่ และค่าธรรมเนียมการทำประกันอัคคีภัยเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง หากยังมีกรมธรรม์เดิมอยู่ เราก็สามารถแจ้งยกเลิกการโอนผลประโยชน์จากสถาบันการเงินเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นยกผลประโยชน์ให้กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ได้ครับ
· ค่าใช้จ่ายให้กับกรมที่ดิน ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าอากรแสตมป์อีก 0.05%
2.ผลประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ หากเหตุผลหลักในการรีไฟแนนซ์คือต้องการลดอัตราดอกเบี้ยให้เราจ่ายน้อยลง เราก็ต้องมาดูผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินจากการลดดอกเบี้ย เช่น
หากมียอดหนี้ที่ต้องการโอน 1 ล้านบาท ปัจจุบันเสียดอกเบี้ยอยู่ที่ 7.13% ต่อปี สถาบันการเงินแห่งใหม่เสนอการรีไฟแนนซ์ที่อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 3 ปี ที่ 3.45% ต่อปี คิดเป็นส่วนต่างดอกเบี้ย 3.68% ต่อปี เท่ากับว่าเดิมที่ต้องเสียดอกเบี้ยรวม 3 ปี (คิดแบบลดต้นลดดอก) ประมาณ 206,317 บาท หากใช้อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (คิดแบบลดต้นลดดอก) เท่ากับ 98,074 บาท นั่นคือ เราจะสามารถประหยัดได้ถึง 108,523 บาทเลยทีเดียว
3.เงื่อนไขอื่นๆ เช่น
•พิจารณายอดหนี้คงเหลือและระยะเวลาผ่อนชำระ หากยอดหนี้เหลือไม่มาก และเหลือระยะเวลาผ่อนเพียง 1-2 ปี การรีไฟแนนซ์อาจเป็นการตัดสินใจที่ได้ไม่คุ้มเสีย อาจใช้เงินโบนัสมาโปะหรือปิดหนี้เลยจะดีกว่า
•พิจารณาเงื่อนไขอัตรดอกเบี้ยคงที่ สถาบันการเงินบางแห่งมีเงื่อนไขกำหนดให้การผ่อนค่างวดรายเดือนได้ไม่เกิน 2 เท่าของยอดผ่อนชำระต่อเดือน โดยกำหนดเงื่อนไขค่าปรับในกรณีชำระหนี้ก่อนกำหนด เท่ากับว่า ต่อให้เรามีเงินมากพอ ก็ไม่สามารถลดยอดหนี้ได้ในระยะเวลาที่ใช้อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งหากชำระมากกว่าค่างวดที่กำหนด จะต้องเสียค่าปรับในส่วนที่จ่ายเกิน
•พิจารณาค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินเรื่องหรือเกิดขึ้นหลังจากรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา หรือหากเรามีโครงการที่จะขายบ้านในช่วงระยะเวลาก่อน 3 ปี สถาบันการเงินแห่งใหม่อาจมีค่าธรรมเนียมในการปิดบัญชีก่อนกำหนด ซึ่งมักจะคิดในอัตรา 2-3% ของวงเงินกู้
การวางแผนรีไฟแนนซ์จะคุ้มค่าหรือไม่นั้น เราควรเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย พิจารณาผลประโยชน์และเงื่อนไขอื่นๆ ที่กล่าวไปในเบื้องต้น เพื่อให้เป็นประโยชน์กับเราให้มากที่สุดครับ
เครดิตของ http://www.oknation.net/blog/k-weplan/2012/05/25/entry-1
ok nation blog
พี่อิฐ:
ข้อมูลจากพี่ต้น เยี่ยมเลยครับ :L2897:
ทั้งนี้อยากให้พิจารณาสถาบันการเงินเดิมก่อนที่เราจะทำการรีไฟแนนท์ย้ายไปที่อื่น
เนื่องจากหลาย ๆ ที่จะใช้หลักการตลาดและมีเงื่อนไขต่างกันออกไปครับ
ตัวแปรสำคัญคือค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่พี่ต้นให้ข้อมูลมาครับ
แล้วอย่าลืมเอาค่าเสียเวลาที่เราต้องไปดำเนินการ อย่างเช่นไปที่ดิน หรือติดต่อธนาคาร, ประเมิน
จัดเตรียมเอกสารมาพิจารณาด้วยนะครับ :L4399:
surut jantorn:
อ่านอย่างเดียว nocomment
พี่โต้ง Tongsom:
ขอเสนอความคิดเห็นด้วยครับ เพิ่งทำเสร็จ จะไปเซ็นสัญญาใหม่ ครั้งที่ 2 เสาร์นี้ครับ
ผม refinance กับ Standard Charter ครับ และ ผ่อนมาเกิน เงื่ยนไข ที่จะโดนค่าปรับ
ก่อนหน้านี้ ดบ. 6.43. ผมนึกอย่างไรไม่รู้ ผมก็โทร ไปที่ Standard Charter ที่ผมผ่อนอยู่ปัจจุบัน
ผมบอกว่า ผมจะ refinance ไป ที่อื่น เพราะ ดบ. ถูกกว่า. ทาง bank ก็ โอ้โรม ปลอบประโลมผม ต่างๆนาๆ ตามที่ พี่ต้น เขียนไว้
และต้อง เสียเวลา โน่น นี่ นั่น ที่ต้อง กรมที่ดิน ต่างๆ
ผม บอกว่า เรื่องนั้น ไม่ใช่ปัญหา ผมมีเวลาเหลือเฟือ
ผมบอกอีกว่า ถ้าไม่ต้องการให้ผมไปที่อื่น คุณ ลด ดบ. ให้ผมซิ
ทาง bank ก็ หายไปสัก อาทิตย์ ก็ โทร กลับ มา บอกว่า ลดให้เหลือ 6.25, 6.00 , 5.75 ( ตามลำดับ คุยหลายรอบครับ ประมาณ 2 อาทิตย์ )
จนล่าสุด ผมบอกว่า อย่าขยักเลย ขอตัวเลข ตัวสุดท้าย ไม่งั้น จบ
และ เมือ่อาทิตย์ ที่แล้ว ก็ เสนอมาที่ 4.80 % และจะต้อง เข้าเซ้นสัญาใหม่ ตามเงื่อนไข 3 ปี ต้องโน่น นี่ นั่น
ผมก็บอกไปอีกว่า ทำงั้นได้ไง ในเมื่อ ผม ไม่ได้ refinance แต่เป็น ขอลด ดบ. ดังนั้น ต้องไม่เข้าข่าย จะต้อง เสียค่าชดเชย ดบง ค่าปรับ ถ้า ส่งหมดก่อน
ท้ายที่สุด คือ 4.80 % และ ไม่โดน ค่าปรับอะไรเลย ถ้า ผมส่งหมดก่อนสัญญา
Happy Ending ครับ
พี่ X จะลองโทร คุยไหม หรือ ใช้วิธีการเดียวกับ ผม กํบ Bank ที่ พี่ X ทำอยู่
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version