Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > D.I.Y. (Do It Yourself)
Android TV (+จอ HDMI) ในปา GLS
พี่มัติ [Foazee]:
ผมว่าตัวนี้ก็น่าสนใจน่ะครับ
เห็นที่ IT Mall อยู่ที่ 2,200 บาท ตัวเล็กดี spec ok แล้วก็เป็น android 4.2 ด้วย ใช้ xbmc เปิดหนัง HD เอาแค่ 720P พอ และสามารถเล่นไฟล์เพลงแบบ lossless ได้ผมว่า ok เลยครับ
tod:
ขอต่อยอดจากพี่ พี่มัติ ณ.จรเข้บัว หน่อยแล้วกัน บางที่พี่ๆบางท่านอาจจะไม่ถนัดทางด้าน IT
ขอขยายคำว่า ไฟล์เพลงแบบ lossless ว่ามันคืออะไร
***ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกไปแล้วว่า file MP3 มันโดนตัดลายละเอียดของเสียงไป แนะนำให้เล่น ipod แล้วเสียงจะดีกว่า file PM3 จาก USB***
หามาให้อ่านผมขี้เกียจพิมท์อีกเช่นเคย :L4396:
--------------------------------------------------------------
คุณภาพไฟล์เพลงนั้นสำคัญไฉน ?!? LOSSLESS คืออะไร ?!?!
แน่นอนครับต้นฉบับก็เป็นอีกเรื่องนึงที่สำคัญที่หลายๆคนอาจจะมองข้าม อันนี้กล่าวได้ง่ายๆกับทฤษฏีคอขวดครับ
ต่อให้ซื้อหูฟังตัวละหลายหมื่น เครื่องเล่นตัวละหลายพัน แต่กลับมาตกม้าตายตรงเครื่องเล่น ฟังเพลง Bitrate ต่ำๆกันก็เยอะ
ออันนี้เป็นอีกข้อที่ผมเจอสำหรับลูกค้าเลย บางคนซื้อไปแล้วว่าทำไมเสียงมันแตกๆ เสียงมันอับๆ เรามาดูกันเลยว่าทำไม
ปัจจุบันถ้าให้ผมสรุปแบบง่ายๆด้านคุณภาพไฟล์เพลงที่นิยมเล่นกันจะแบ่งได้ 2 แบบ
1. LOSSY Audio
ไฟล์ประเภทนี้ก็คือไฟล์ที่ถูกลดบั่นทอนคุณภาพลงมา เพื่อแลกกับขนาดไฟล์ที่เล็กลงนั่นเองครับ(เหมือน Winzip นั่นละ)
นามสกุลที่เรามักได้เจอกันบ่อยๆก็คือ .MP3 นั่นเอง ถึงแม้จะบอกว่า .MP3 เหมือนกันแต่ก็มี Bitrate ที่แตกต่างกัน
อาทิเช่น 93kbps , 126kbps . 198kbps อันนั้นก็คือระดับคุณภาพของไฟล์นั่นเองครับ ยิ่งมีเลขที่เยอะ ก็คุณภาพดีขึ้นตาม
แต่ก็แลกมาด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง
(สังเกตุง่ายๆครับพวกแผ่นผี Vampire อะไรงี้ มักจะยัดเพลงลงได้เยอะๆ เพราะเน้นแต่ Bitrate ต่ำๆนั่นเอง)
ถามว่าเอ้าาาา แล้วแตกต่างเหรอ ตอบได้เลยครับว่าแตกต่างมากกก เพราะเพลงที่ Bitrate ต่ำ มันก็เหมือนอัดมาไม่ละเอียด
บางครั้งแล้วเราจะรู้สึกเสียงอับๆ เสียงแตกๆบ้างก็มีครับ
พูดมาถึงขนาดนี้แล้วหลายๆคนคงจะเกลียด .MP3 กันไปเลย แต่จริงๆแล้วนั้นคุณภาพ ไฟล์ MP3 ก็ไม่ขี้เหร่มากนักครับ
เพราะถ้าหาก Rip มาที่ 320kbps นั้นก็ถือว่าคุณภาพใช้ได้เลยทีเดียวนะ ไม่ขี้เหร่ หรอกครับ
ถ้าหูไม่เมพพก็แยกกันไม่ออกหรอกครับ 55555
ปล. อ้ะ มาถึงนี่หลายๆคนคงคิดจะลักไก่เอา โดยการเอาไฟล์ Bit Rate ต่ำๆมาแปลงเป็น Bit rate สูงๆ อันนี้ผมบอกเลยว่าเปล่าประโยชน์ครับ เพราะการทำแบบนี้คุณภาพเสียงที่ได้ก็อ้างอิงจากต้นฉบับ Bitrate ต่ำๆเหมือนเดิม แถมขนาดไฟล์ใหญ่ขึ้นด้วย อย่าทำเลยครับ - -"
2.LOSSLESS Audio
มาถึงด้านดีกันบ้าง Lossless Audio นั้นก็แน่นอนว่าเป็นไฟล์เพลงที่ไม่ได้บีบอัดก็มี และพวกกูรูทั้งหลายนิยมเล่นกัน
ก็ คือไฟล์พวก Lossless Audio ที่ตรงตามชื่อเลยว่าปราศจากการสูญเสียนั่นเอง คุณสมบัติเด่นอันนี้ก็พูดง่ายๆก็คุณภาพเท่าเทียมกับพวกแผ่น CD ต้นฉบับที่วางขายเลยครับ สมมุติCDแผ่นนึงมีความจุ 500mb ไฟล์ Lossless 1อัลบั้มก็มีขนาด 500mb เกือบเท่า CD 1แผ่นเลยนั่นเอง
แต่แตกต่างกับ Lossy หน่อย (Lossy จะมีไฟล์เด่นๆคือ MP3 ที่เป็นที่นิยม) แต่ไฟล์นามสกุล Lossless นั้นก็จะค่อนข้างเยอะ
แตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ที่ผู้ผลิตเครื่องเล่นนั้นๆรองรับครับ
ที่คนทั่วไปนิยมหน่อยก็จะมี
1.FLAC (Free Lossless Audio Codec) อันนี้จะเป็นที่นิยมที่สุด เรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานเลยก็ได้(มั้ง)
2.M4A ( Apple Lossless) อันนี้สาวก iPhone น่าจะเคยได้ยินบ้าง ใช่ครับ มันคือ Lossless ของ Apple นั่นเอง
3.THM (Sony Lossless) อันนี้คงเป็นที่นิยมในสาวก Walkman จาก Sony แต่ก็ไม่เป็นที่นิยมนักซักเท่าไร
4.Aiff , .Wav อันนี้คนทั่วไปจะไม่ค่อยนิยมนักเพราะใส่ปกไม่ได้(ฮา) แต่พวกเซียนๆทั้งหลายจะนิยมกันเพราะขนาดใหญ่และมีคุณภาพที่ดีสุด
ข้อดีของไฟล์ Lossless นั้นนอกจากจะได้คุณภาพเสียงที่ดีเลิศเลอเพอเฟคแล้วนั้น ยังมีข้อดีที่ Lossy ทำไม่ได้อีกก็คือ
การแปลงไฟล์จาก Lossless ไป Lossless นั้นไม่บั่นทอนคุณภาพลดลงไป
ยกตัวอย่างเช่น สมมุติผมมีต้นฉบับเป็น .FLAC แปลงไปเป็น .M4a คุณภาพก็จะเท่ากันครับ
สำหรับการหาไฟล์ Lossless นั้นก็สามารถ Rip ได้จากแผ่น CD ต้นฉบับโดยตรงเลยครับ ผ่านโปรแกรมต่างๆเช่น
iTunes แต่โดยส่วนตัวผมแนะนำโปรแกรม EASY CD-DA Extractor จะดีกว่าครับ :)
ปล. อ้ะ ขอเตือนอีกรอบนะครับ การแปลงไฟล์จาก MP3 ไปเป็น Lossless นั้นไม่มีประโยชน์ครับ
เพราะเหมือนกับเอาผ้าขาดๆออกมาขยายให้ใหญ่ขึ้น สุดท้ายยังไงมันก็ขาด เสียงไม่ดีอยู่เหมือนเดิม - -*
ที่มา
http://www.holysai.com/catalog.php?idp=321
:L2760:
ปุ้ย:
ข้อมูลมาเพียบครับพี่ทศ :sd10: ขอบคุณครับ
ผมก็เคยเล็งๆ mini Android TV คล้ายๆที่พี่มัติแปะไว้เหมือนกัน แต่เห็นเขาบ่นกันเรื่องร้อน (อาจจะไม่ทุกรุ่น) ก็เลยสั่งตัวใหญ่หน่อยมาลองครับ
ส่วนฟังก์ชั่น ถ้าจะเอามาใช้กับปาควรมีอย่างน้อยตามที่ผมลงไว้
หลักๆที่ต้องดูคือ Bluetooth กับ AVOUT หลายรุ่นไม่มีสองฟังก์ชั่นนี้ครับ
พี่มัติ [Foazee]:
พี่ทศหาข้อมูลมาให้พร้อมเลย
:L2900:
ผมลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ ครับ คงเป็นเพราะความเคยชินมั้งครับ
เพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งนะครับ ในกรณีที่เราแปลงเพลงจาก CD Audio เป็นแบบ lossless ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็แล้วแต่ โดยเฉลี่ยแล้วไฟล์จะมีขนาดประมาณ 25-50MB โดยประมาณ ซึ่งจะต่างจาก MP3 ที่ต่อไฟล์จะตกประมาณ 3-5MB เท่านั้น เนื่องจากมันไม่ได้ลดทอนอะไรเลยเพียงแค่แปลงจาก Audio ที่เป็น analog ให้อยู่ในรูปแบบของ digital เท่านั้นดังที่พี่ทศนำรายละเอียดมาแชร์กันครับ หากต้องการเก็บเพลงที่เป็นแบบ lossless ก็ต้องเตรียมพื้นที่สำหรับเพลงโปรดมากพอสมควรครับ
:sd42:
แม็ค พัทยา MrMacSayHi:
มารับสาระก่อนเข้านอนครับ ขอบคุณพี่ทศมากมายเลยครับสำหรับข้อมูลเรื่องบีบอัดเสียง ขอบคุณพี่ปุ้ยและพี่มัติสำหรับข้้อมูลเรื่องอุปกรณ์ครับผม :sd23: :sd23: :sd23:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version