Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > Miscellaneous

ขอคำแนะนำ ทำเล ในการเปิด Car Care ด้วยครับ

<< < (10/15) > >>

ตูมตาม:
ประเด็นแรกในการเปิด car care คือ location ครับ

อันนี้สำคัญที่สุด....เพราะ location จะเป็นตัวกำหนดกลุ่มลูกค้า....และมันจะหมายถึงความอยู่รอดของร้านด้วยครับ......ผมแยก location เป็นประเด็นทางเลือกให้ดังนี้นะครับ

1. location ที่อยู่ในห้าง.......อันนี้มีความสะดวกในการหาลูกค้ามากที่สุด ไม่ต้องทำอะไร ลูกค้าเข้ามาเองถึงที่ และการตั้งอยู่ในห้าง ลูกค้ากลุ่มที่ไม่ได้รักรถสุดๆนี่จะชอบนะครับ เพราะเอารถมาทิ้งไว้......ไปเดินเล่น กินข้าว ..... แล้วกลับมาเอา.....แต่ส่วนใหญ่พวกลูกค้ากลุ่มที่ดูแลรถดีๆ จะไม่ค่อยชอบ เพราะส่วนใหญ่ car care ที่อยู่ในห้าง จะไม่มีบริเวณต้อนรับลูกค้าที่ดีๆ ที่นั่งคอยก็แคบๆ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไปเดินในห้างมากกว่า....แต่ลูกค้าในกลุ่มที่รักรถ ดูแลรถดี.....เขาจะเฝ้ารถ...นั่งดูพนักงานทำ.....ซึ่งกลุ่มนี้จะไม่ชอบที่แบบนี้ ..... บรรยากาศในการนั่งดูพนักงานทำงานมันไม่ดีครับ.....แต่ลูกค้ากลุ่มรักรถนี่แหละครับพี่ยอมจ่ายเงินเยอะๆ.....ส่วนลูกค้ากลุ่มที่มาทิ้งไว้แล้วไปเดินห้าง ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบจ่ายเยอะ หรือทำเยอะ....ดังนั้น location นี้จึงได้ลูกค้าแบบจ่ายน้อย แต่ได้จำนวนลูกค้าเยอะ วันนึงร้านพวกนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 150-200 คัน (ถ้าอยู่ในห้างดีๆนะ)

2. location ที่ไม่อยู่ในห้าง.....พอออกมาข้างนอก....ทีนี้ข้อได้เปรียบของการอยู่ในห้างจะไม่มีแล้ว....ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือร้านพวกนี้ ถ้าจะให้ดี ก็ต้องมีที่นั่งคอยดีๆ มีร้านกาแฟไรพวกนี้ด้วย.....ร้านพวกนี้ส่วนใหญ่ location ที่จะดีต้องอยู่ติดริมถนนใหญ่ๆ ที่รถผ่านเยอะ เพราะคนจะเห็นเยอะ.....ไม่ต้อง promote มาก แค่ป้ายหน้าร้าน ก็ promote ได้เยอะแล้ว....และจะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก คือตั้งอยู่บนถนนที่มีหมู่บ้านเยอะๆครับ......ยิ่งมีหมู่บ้านแพงๆเยอะๆยิ่งดี....เพราะคนที่จะเข้า car care บ่อยๆ ต้องเป็นพวกมีตังค์เยอะ.....ตังค์น้อยนานๆเข้าที ส่วนใหญ่ล้างเองที่บ้านก็ประหยัดดี.......ดังนั้นถ้าเป็นถนนที่มีหมู่บ้านแพงๆเยอะ ร้านพวกนี้จะได้เปรียบกว่า.....และถ้าอยู่ติดถนนใหญ่ ที่สามารถเห็นหน้าร้านได้ชัดๆ จะได้เปรียบกว่าเข้าไปอยู่ในซอย หรือหลบไปอยู่หลังเต้นท์รถ เข้าไปอยู่ในปั๊ม อะไรพวกนี้

ตูมตาม:
ประเด็นต่อมาคือกลุ่มลูกค้าครับ อันนี้สำคัญมาก เพราะมันจะระบุถึงความอยู่รอดของร้านด้วย.....โดยสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้ประมาณนี้ครับ

1. กลุ่มรถแพง.....พวกนี้เป็นกลุ่มลูกค้ามีตังค์ทั้งนั้นครับ......และพวกซื้อรถแพงนี่ สังเกตุนะครับ ฝนตกยังงัยมันก็ไม่เลอะ...เพราะมันมีคนเช็ดทุกวัน....แต่ถึงพวกนี้จะมีคนงานเช็ดให้....เขาก็ยังมาใช้บริการ car care อยู่ดีครับ.....เพราะในการขัด เคลือบนั้น คนงานเขาทำได้ไม่ดี.....รถพวกนี้จะออกไปไหนที ต้องเงาแว๊บบบบบบ......ต้องเนียนครับ....ล้างแล้วต้องขึ้นเงา เคลือบแล้วต้องลื่นปรื๊ด......คนพวกนี้จ่ายเยอะไม่ว่า แต่งานต้องดี สถานที่ต้องเนียน พนักงานต้องแจ่ม....เรียกว่าต้องครบครับ

2. กลุ่มรถแต่ง....พวกนี้ตัวรถอาจราคาไม่สูงมากนัก....แต่แต่งมาหนักทีเดียว....พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นรถรุ่นใหม่ๆที่แต่งมานะครับ.....พวกไปขุดซากรถมาแต่งไม่ค่อยเข้า car care หรอกครับ.....แต่จะเป็นพวก accord civic lancerEX jazz march อะไรพวกนี้แหละครับ.....ที่มันเอามาแต่งหนักๆ.....พวกนี้รักรถเช่นกันครับ....ยอมจ่ายหนัก แต่งานต้องดี เน้นที่งานมากกว่าพวกสถานที่ (ไม่เหมือนพวกแรก)

3. กลุ่มรถแตน + รักรถ.....พวกนี้มีเยอะที่สุดครับ...คือรถไม่ได้แต่งอะไรมากมายหรอกครับ...แต่รักรถ...ชอบให้รถสะอาดเงาแว๊บบบบตลอด.....แต่พวกนี้จะมีความเป็น price sensitive อยู่เยอะครับ....คือชอบงานดีแต่ไม่ชอบแพง....ข้อดีของคนพวกนี้คือ เขาไม่ได้ละเอียดกับงานมากนัก ไม่เหมือน 2 กลุ่มแรกที่ตรวจงานละเอียดจริง......กลุ่มนี้ดูแค่คร่าวๆเท่านั้น ดังนั้นเนื้องานจริงไม่ต้องเนียนถึงขนาด 2 กลุ่มแรกก็ได้.....แต่ถ้าราคาแพงกลุ่มพวกนี้จะไม่ค่อยชอบ....เพราะเขาแยกไม่ค่อยออกว่างานดี กับงานไม่ดี มันต่างกันตรงไหน.....เพราะพอมันออกมาก็คล้ายๆกัน....เมื่อมองไม่ออก ราคาแพงก็ไม่ชอบ

4. กลุ่มคุ้มค่า.....นี่คืออีกกลุ่มที่มีปริมาณเยอะครับ......คือกลุ่มที่เอาให้สกปรกที่สุดใน 3 โลกแล้วค่อยมาล้าง....คือประมาณว่ากรูทนไม่ได้แล้วค่อยล้าง......กลุ่มนี้ความรักในความสะอาดของรถมีไม่มากครับ.....มาล้างเพราะมันทนไม่ได้แล้ว....และพวกนี้จะมี price sensitivity สูงครับ....ที่ไหนแพงกรูไม่เอา....เพราะเดี๋ยวก็เลอะอีก....ดังนั้นถูกเข้าว่า......และพวกนี้ไม่ทำเยอะหรอกครับ....เอาแค่ล้างสี ดูดฝุ่นก็พอ

การเปิดร้าน car care ต้องเลือกว่าเราจะจับลูกค้ากลุ่มไหนด้วยครับ.....เพราะ หลายๆอย่างต้องตอบความต้องการลูกค้าให้ได้......เช่นถ้าอยากได้กลุ่ม 1 + 2 ...... กลุ่มพวกนี้นอกจากจะต้องงานดี งานเนียนแล้ว.....สถานที่ต้องเลิศ.....ดูดี.....พนักงานล้างต้องมีความรู้.....พนักงานต้อนรับต้องแจ่ม.....พวกนี้มีเงินพร้อมจ่าย และพร้อมจ่ายเยอะ.....อยู่ที่ร้านจะสามารถถึงเงินออกจากกระเป๋าเขาได้หรือเปล่า......รายละเอียดทุกจุดต้องดีสำหรับลูกค้าพวกนี้....เช่น....การเลื่อนรถ....พนักงานที่เลื่อนรถต้องเทรนมาดี.....อย่าลืมว่าพวกนี้เขาชอบนั่งดู......ถ้าเขาเอารถสปอร์ตแพงๆ มาล้าง พนักงานที่ขับรถต้องเทรนมาดีจริงนะครับ ไม่งั้นขับรถพวกนี้ไม่ได้หรอก....ลองเอารถเขามาออกตัวแรงๆซักที....รับรองลูกค้ากลุ่มนี้ไม่กลับมาอีกเลย

แต่ถ้าอยากได้พวกกลุ่ม 3+4....กลุ่มนี้มีเงินน้อยกว่า....ดังนั้นรายได้ต่อคันที่สามารถทำได้จะไม่เท่ากับกลุ่ม 1-2 .....ดังนั้นต้องอาศัยปริมาณเยอะเข้าว่า......ส่วนเนื้องานระดับกลางๆ เอาแบบแค่ให้ลูกค้าเห็นภายนอกแล้ว happy ก็พอคับ....ไม่ต้อง detail ละเอียดยิบทุกกระเบียดนิ้ว....ดังนั้นพนักงาน อาจมีคุณภาพลดหลั่นลงมาได้...ไม่ต้องเทพมากก็พอได้อยู่.....เน้นมาบริหารที่ต้นทุน vs รายได้เป็นหลักครับ

ต๋อง Fuddy:
เป็น ธุระ กิจ ที่ การ แข่งขัน สูง ถ้า บริการดี ความสะอาด ได้ ทำเงินได้ดี เพราะ นิสัย ผม คนหนึ่ง ขี้เกียจ ล้างรถเอง  :sd42: :sd42: :sd42:

ตูมตาม:
เท่าที่มีประสบการณ์คุยกับเจ้าของร้าน car care มาเยอะมาก.......ส่วนใหญ่ car care ที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเอาต้นทุนเป็นตัวตั้ง........เมื่อทำทุกอย่างเแล้วคิดแต่ขอต้นทุนถูก....การจัดพื้นที่ให้สวยงามก็ต้องเพราะเปลือง....หลังคาเอาง่ายๆก็พอเพราะถูก.....คนก็เอาพม่า ลาว พวกนี้มาทำ ไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ได้เพราะถูกดี

จริงๆต้นทุนถูกๆก็ดีครับ.....แต่พอเอาต้นทุนเป็นตัวตั้งทั้งหมด.....มันกลายเป็นว่าตัวร้าน + คุณภาพ + บริการ มันไม่สามารถตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าในกลุ่ม 1+2 ได้.......และด้วยกลุ่มพวกนี้เป็นกลุ่มมีเงิน พร้อมจ่ายหนัก....กลุ่มพวกนี้เข้ามาที....ไม่ค่อยมีหรอกครับมาล้างสีดูดฝุ่นแค่นั้น....กลุ่มนี้มาทีต้องมีเคลือบด้วยเป็นอย่างน้อย....บางทีมีแถมเคลือบกระจก เคลือบภายในอีก....เบ็ดเสร็จคันนึงเข้ามาโดนเป็น 1000.....และเมื่อราคาต่อครั้งมันแพง...แต่ถ้าทำได้ถูกใจ.....กลุ่มนี้แหละที่จะเป็นกลุ่มที่ซื้อน้ำยาเก็บ หรือสมัครสมาชิก....นั่นหมายความว่าร้านได้เงินก้อนมาใช้ก่อน...ได้กำไรจากการขายน้ำยาทั้งขวดอีกต่างหาก....ยิ่งถ้าถูกใจมาก ไม่ใช่แค่ซื้อน้ำยาเคลือบสี....พี่แกมีซื้อเคลือบภายใน เคลือบกระจก....บางทียาวไปยันลงน้ำยาทำความสะอาดเครื่องอีก.....ติ๊บด้วยเคลือบล้อ เคลือบยางอีก....โอ๊ย...เพียบ....เงินทั้งนั้นครับ

ส่วนใหญ่ร้าน car care อยากได้ลูกค้ากลุ่ม 1+2 ทั้งนั้น....แต่ตอนเปิดคิดแต่เรื่องต้นทุน....ไปๆมาๆเลยกลายเป็นไม่สามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่ม 1+2 ได้เลย....มาได้ลูกค้ากลุ่ม 3+4 แทน....ซึ่งกลุ่มนี้พร้อมจ่ายน้อยกว่าเยอะ.....ดังนั้นการคิดถึงแต่ต้นทุนโดยไม่ได้ดูกลุ่มลูกค้าให้ดีมักจะนำมาซึ่งความไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่สำหรับร้าน car care พวกนี้

ton_2335:
7ปีที่แล้วเคยอยากทำ สับสนชีวิต ต้องมีเวลา ต้องเอาใจใส่ รับผิดชอบสูง ลูกน้องดีเราดีด้วย ลูกน้องฮ่วย พาลจน  คิดหนักเลยเปลี่ยนเส้นทาง

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version