Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Pa Mania On Tour & Meetings
ทริปแชงกรีร่า ดินแดนสุดขอบฟ้าชายคาหลังคาโลกแห่งทิเบต 1-14 สค 55 Day 2 เชียงของ - สิบสองปันนา
พี่ตู่ Black PJM:
Day 2 (วันพฤหัสที่ 2 สิงหา 2555)
เชียงของ - สิบสองปันนา 420 กม.
สรุปว่า ในการเดินทางครั้งนี้มีรถทั้งหมด 10 คัน ก็หลากหลายยี่ห้อกันไป จำนวนผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 25 คน
คันสีแดงคือรถนำขบวนขับโดยผู้จัดทริปนี้ และจะมีไกด์นั่งไปด้วยตลอดการเดินทาง เช้านี้ทางผู้จัดก็มาขอ passport ของเราไปทุกคน เพื่อไปดำเนินการเรื่องการผ่านแดนที่ด่านให้เรียบร้อยไว้ก่อนจะได้ไม่เสียเวลา
ส่วนรถผมได้ต่อแถวเป็นคันที่ 4 ซึ่งก็จะมีการติด sticker ไว้ที่ข้างรถและท้ายรถด้วย โดยที่ท้ายรถจะเขียนไว้ว่า ขับรถชิดขวา เพื่อเป็นการช่วยเตือนกันลืมว่าเราจะวิ่งในถนนที่วิ่งเลนขวาตรงกันข้ามกับบ้านเรา
และการมีเบอร์รถติดไว้จะมีความสำคัญในการสื่อสารกันระหว่างทางด้วย โดยจะสามารถเช็คได้ว่าคันไหนตกขบวน คันไหนไม่เปิดไฟ หรือมีอะไรผิดปกติก็จะช่วยบอกๆกัน รวมทั้งเวลาจะแซงในที่คับขันรถคันหน้าก็จะช่วยแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้ถนนว่างแล้วหรือมีรถอะไรวิ่งสวนไปเป็นต้น
ตอนนี้ก็เตรียมพร้อมกันแล้ว มีการเช็คช่อง ว.แดงกันให้เรียบร้อยกันก่อน แต่ก็ต้องล่าช้ากว่ากำหนดการล้อหมุนออกไปเนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา คนขับแพยนต์ที่ได้นัดไว้เค๊าขอตัวไปทำบุญก่อน ;D เสร็จแล้วค่อยมาปฏิบัติภาระกิจให้
เช้าวันนี้อากาศดี ท้องฟ้ามีเมฆบ้าง แต่ไม่มีทีท่าของฝน เหมือนเป็นใจให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น
หลังจากรอจาก 8 โมงจนถึง 9 โมงก็ได้สัญญาณไฟเขียวให้เริ่มล้อหมุนกันได้ ก็ตรงไปที่ท่าแพขนานยนต์กันเลย
จัดรูปขบวนบนแพขนานยนต์ได้ 10 คันพอดิบพอดี เพราะเหมาลำเค๊าไว้แล้ว
เจ้า Black ของผมแอบอยู่ด้านข้าง
ส่วนพลขับด้วยความกลัวแม่น้ำโขงก็มีชูชีพส่วนตัวติดเอวไว้ด้วยกันเหนียว ;D (ผบ.ก็มีเหมือนกัน ในขณะที่คนอื่นๆเค๊าใจถึงกว่า ก็เลยไม่มีใครใส่เหมือนเรา)
แพขนานยนต์ที่นี่จะแปลกๆไม่เหมือนกับที่สงขลา ตรงที่จะใช้เรือพ่วงในการขับเคลื่อนแล้วยึดติดกับแพด้วยแขนอีกที
ตอนนี้แพก็ขยับเคลื่อนตัวออกจากท่าแล้ว bye bye Thailand
ส่วนการข้ามฝั่งไปลาว ถ้าไม่ได้ขับรถมาก็ใช้วิธีนั่งเรือหางยาวครับ ท่าเรือก็อยู่ติดๆกันนั่นแหละ จะเห็นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินมาลงเรือกันมากมายเป็นระยะๆ
ตอนนี้แพเราก็มาถึงกลางแม่น้ำโขงแล้ว มาลอยเท้งเต้งให้เราระทึกใจเล่นเสียอย่างนั้น เนื่องจากทางฝั่งลาวยังมีแพขนานยนต์คาอยู่ยังไม่ออกจากท่า (GPS ยังบอกว่าอยู่กลางแม่น้ำเลย 555)
เพื่อเป็นการลดความเครียดก็ถ่ายรูปกันไปดีกว่าอยู่ปล่าวๆ :L4396:
เข้าไปจอดรออยู่พักนึง จนเค๊าต้องปล่อยให้ออกมาลอยลำอีก จนกว่าขบวนรถบรรทุกจะออกจากท่า :'(
เห็นแพที่บรรทุกขบวนรถบรรทุกเอาไว้แล้ว ต้องเอาใจช่วยจริงๆ หวาดเสียว
หลังจากต้องรอแพออกจากท่าลาวถึว 2 เที่ยว จึงจะได้คิวเทียบท่าลาวเสียที
ช่วงที่ขึ้นจากแพจะมีเจ้าหน้าที่ของลาว มาฉีดยาฆ่าเชื้อโรคที่ล้อรถของเราให้ ประมาณถือสายยางฉีดน้ำน่ะครับ จะถ่ายรูปก็ไม่ทัน เพราะรถอยู่คันต้นๆ ต้องรีบนำรถขึ้นจากแพก่อน
พอขึ้นไปก็จะเป็นการเริ่มต้นของการขับชิดขวาตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จนกว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้งตอนขากลับ
รถนำขบวนก็พาเรามาจอดตรงที่ทำการ ตม. เพื่อไปดำเนินการเรื่องเอกสารการเข้าเมืองให้ เราไม่ต้องทำไรเลย สบายดีจัง ;D และก็จะรับไกด์กับเจ้าหน้าที่ขึ้นรถไปด้วย เพื่อไปส่งจนถึงด่านจีนเลย
ไกด์สาวชาวลาว ชื่อน้องใหญ่ พูดไทยได้ปร๋อ
บรรยากาศรอบๆข้างทาง
เมื่อเอกสารพร้อมแล้วขบวนก็เริ่มเดินทางเพื่อไปสู่ทางหลวงระหว่างประเทศ R3A หรือ คุนมั่น กงลู่
เริ่มเข้าสู่ทางหลวงระหว่างประเทศกันแล้ว ซึ่งทางหลวงเส้นทางหมายเลข 3A (R3A) เป็นเส้นทางสายไหมเชื่อมโยงระหว่าง จีน-ลาว-ไทย โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 ภายใต้โครงการ " สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ" และเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2551เป็นต้นมา “เส้นทาง R3A หรือ คุนมั่น กงลู่” คือเส้นทางเชื่อมกรุงเทพฯสู่คุนหมิง ซึ่งมีต้นทางเริ่มจากเชียงของ ประเทศไทย-บ่อแก้ว-หลวงน้ำทา-บ่อเต็น ของประเทศลาว-บ่อหาน-เชียงรุ่งหรือจิ่งหง ในแคว้นสิบสองปันนา นครคุนหมิงมณฆลยูนนาน ของประเทศจีน โดยมีระยะทางจากกรุงเทพถึงคุนหมิงรวมกว่า 1800 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางโดยตลอดก็นับว่าดีมากถึง 95% ได้เลยครับ ถึงแม้ว่าจะมีแค่ 2 เลนขับสวนกัน และคล้ายๆเส้นทางขึ้นทางเหนือบ้านเรา คือ จะคดเคี้ยวขึ้น-ลงเขาอยู่พอสมควร แต่เนื่องด้วยรถไม่ค่อยจะมีก็เลยขับค่อนข้างสบายครับ ระหว่างทางไกด์ก็จะแจ้งการจราจรมาให้ทราบทาง ว.แดง เมื่อมีรถสวนมาในช่วงเส้นทางคับขัน :L2900:
แล้วเราก็แวะที่จุดชมวิวที่มีหมู่บ้านของชาวเขาอยู่บริเวณนั้นด้วย
มีการเอาขนมไปแจกเด็กๆแล้วขอถ่ายรูปหมู่ด้วย :L4363:
แล้วเราก็รีบเดินทางต่อ เพราะหิวกันแล้ว เนื่องจากวันนี้ล่าช้ากันไปมากพอสมควรกับการข้ามฝั่งมา
มีอุบัติเหตุให้เห็นเหมือนกัน แต่น่าจะไม่เป็นไรมาก
เย้ มาถึงร้านอาหารแล้ว
อาหารก็น่าทานและรสชาตใช้ได้ครับ (เจ้าของร้านผู้หญิงเป้นคนไทย มาแต่งงานกับคนลาว)
บรรยากาศห้องน้ำครับ
อ่างล้างมือสุดหรูดูคุ้นๆตา ;D
หลังจากอิ่มกันแล้วก็รีบเดินทางต่อไปยังด่าน ลาว - จีน เพื่อจะได้ข้ามไปฝั่งจีนต่อไป
ถึงชายแดนลาวแล้ว
ออกมารอรับเอกสารเพื่อเข้าด่านจีน
อ้อ พอถึงที่นี่ก็หมดหน้าที่ของไกด์ลาวแล้ว ต่อไปก็จะเป็นไกด์จีนมาทำหน้าที่ต่อ น้องไกด์จีนมีชื่อไทยว่า มะลิ พูดไทยปร๋อเช่นกัน เพราะเคยมาเรียนที่ราชฏัฐบ้านเรา
เมื่อได้รับเอกสารแล้วก็ลุยน้ำกันเล็กน้อยก่อนจะเข้าด่านจีน
ป้ายนี้ไม่รู้ใครทำ ภาษาปะกิดดูแหม่งๆพิกล ;D
ก่อนเข้าด่านจีนต้องปิดกระจกให้มิดชิด เพราะจะต้องผ่านจุดฉีดยาฆ่าเชื้อโรคก่อน
ถึงด่านจีนแล้ว ที่นี่ทุกคนต้องลงไปดำเนินขั้นตอนการผ่านดินแดนด้วยตนเอง ซึ่งถ้าไม่มีไกด์ช่วยละก็ท่าทางจะไม่ได้ผ่านแหงมๆเลย เพราะพี่แกไม่พูดปะกิดเอาเสียเลย :L2900:
ขั้นตอนก็จะแยกระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร เพราะคนขับเมื่อทำเอกสารเสร็จแล้วก็จะต้องไปขับรถผ่านด่านรถอีกทีนึงก่อน แล้วจึงจะไปจอดรอรับผู้โดยสารได้ ส่วนผู้โดยสารก็เดินมาไกลหน่อยกว่าจะถึงที่รถจอดรอ
คนขับก็จะได้ป้ายทะเบียนจีนเป็นกระดาษเคลือบมาให้ ก็เอาแปะไว้คอนโซลด้านในรถ
เมื่อผ่านด่านได้แล้วก็เดินทางผ่านเมืองหม่องล้า มุ่งหน้าสู่งเมืองเชียงรุ้ง หรือ สิบสองปันนา ที่เราจะพักกันในคืนนี้
โดยวิ่งไปตามทางด่วนที่สร้างขึ้นใหม่ ถนนดีมากครับ
ก็เริ่มตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทรรศ ที่เป็นป่าเขาเขียวขจี ทางด่วนเค๊าทำดีมาก เมื่อเจอภูเขาก็เจาะเป็นอุโมงค์ไปเลย เจอเหวก็ทำเป็นสะพานข้ามระหว่างหุบเขาไปเลย ไม่มีการอ้อมวกวนเหมือนเมื่อสมัยก่อนอีกแล้ว อุโมงค์ก็จะมีทั้งสั้น และยาว ซึ่งก็จะมีป้ายบอกไว้ที่ปากอุโมงค์ หรือบางที่ก็จะเป็นอุโมงค์ต่อช่วงกันไปเลยก็มี
ระหว่างทางไกด์ก็จะเล่าประวัติ ตำนานของเมืองที่เรากำลังวิ่งอยู่ มีเรื่องตลกๆอีกต่างหาก ก้ได้ควารู้และก้เพลิดเพลินดีครับ
ไปแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เปิดบริการ แต่ก็เข้าห้องน้ำได้ สภาพห้องน้ำพอ ok แต่กลิ่นนี่สุดยอดจริงๆ เรื่องกลิ่นนี่จริงๆก็ตั้งแต่ที่ด่านแล้วหละ :'( โดยในระหว่างการเดินทางก็สามารถแวะยิงกระต่ายข้างทางได้ตามสะดวกครับ ถ้าหาที่จอดเหมาะๆได้ ซึ่งก็จะได้บรรยากาศดีกว่าเข้าห้องน้ำมากกกกกกกกกเลยครับ :L2905:
ออกจากปั๊มก็เริ่มจะมืดแถมฝนเริ่มมาอีกต่างหาก
วิ่งผ่านทะลุเขากันอีกหลายลูก
บางช่วงวิ่งได้ 2 เลนไม่มีสวนก็เลยทำเวลากันหน่อย ;D แต่ก้ต้องสังเกตดูดีๆว่ามันหมดระยะเมื่อไหร่ด้วย ::)
ช่วงเข้าใกล้เมือง 12 ปันนา เราต้องออกจากทางหลวง มาเส้นทางสายเดิม ถนนเริ่มแย่ เวลาก็ค่ำแล้ว ฝนก็ตกหนักด้วย ช่วงนี้เป็นการขับที่โหดสุดๆช่วงนึงเลยครับ แต่สุดท้ายเราก้เข้าเมืองมาจนได้และมาพักแวะเติมน้ำมันกันก่อนที่จะเข้าโรงแรม
สำหรับเมือง 12 ปันนานี้เรามีโปรแกรมจะมาเที่ยวและพักอีกครั้งนึงตอนขากลับครับ
ได้ทานมื้อค่ำกันเสียทีตอนเวลา 3 ทุ่ม :sd06:
และจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาสัยเพื่อเตรียมลุยกันต่อในวันพรุ่งนี้ต่อไป .....
ตูมตาม:
:L4398: :L4398: :L4398: :L4373: :L4373:
ต่อเลยครับพี่ตู่...กำลังเพลินเลย......วันที่ 3 อย่าให้คอยนานเหมือนคอยวันที่ 2 นะพี่....ไม่งั้นกว่าพี่ตู่จะกลับถึงเมืองไทยคงปี 57 :L2754: :L2754: :L2754: :L2897: :L2901:
พี่โต้ง Tongsom:
กำลังเพลินเลย 2 วันขับรถตลอด พี่ตู่ 2 วันมานี่เติม นม. ไปกี่ถังแล้วครับ
ที่ลาว นม. ลิตรเท่าไหร่
อาหารแต่ละมื้อเท่าไหร่ครับ
Day 3 เมื่อไหร่เริ่มครับ
พี่หนึ่ง 111:
:L2900:รอติดตามตอนต่อไป :sd10:
เอ๊ะnakhonpathom:
:L2734: :L2734: :L2734:
:L6428: :L6428: :L6428:
ปา มาเนีย น่าจะจัดมั่งเนอะ :L2904:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version