หันมาดูทางเชลซีบ้างนะครับ ช่วงฤดูหนาวนี้เชลซีปล่อยนักเตะที่ไม่ถูกใจมูริญโญ่ออกไป 2 ตัวคือ เควิน เดอร์บรูน ปล่อยไปเยอรมัน และมาต้าที่ขายให้แมนยูไป 2 ตัวนี้ทำให้มูริญโญ่มีงบในการใช้ง่ายเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 50 ล้านปอนด์ เงินมหาศาลจำนวนนี้มูริญโญ่ไปผันเป็นนักเตะมา 2 ตัวคือ เนมานยา มาติช นักเตะเก่าเชลซีที่เอาไปแลกดาวิด ลุยซ์มา และไปได้ดิบได้ดีกับเบนฟิก้า และอีกตัวนึงสดๆร้อนๆ ไม่แน่ใจว่าดีลปิดไปหรือยัง คือไปปาดหน้าหงษ์แดงซื้อปีกจรวด ฉายา เมสซี่ อียิปต์ มูฮัมเม็ด ซาล่า ปีกจรวดตัวนี้ร้ายกาจแค่ไหน ใครเป็นแฟนสิงห์บลูคงทราบดี เพราะรอบแบ่งกลุ่มแชมป์เปี้ยนลีกเมื่อปลายปีก่อน เจ้าหนูวัย 21 นี่ยิงเชลซีได้ทั้ง 2 นัด ทำให้เชลซีแพ้ต่อบาเซิลไปทั้ง 2 นัด
ดูจากการซื้อตัวใหม่เข้ามาแล้ว ผมรู้สึกว่ามูริญโญ่ กำลังเปลี่ยนเชลซีให้กลายเป็นเชลซีที่เกรียงไกรในยุคแรกที่เขาเข้ามาคุมเชลซี มาดูเชลซีในยุกมูริญโญ่ภาคแรกกันก่อน ในภาคแรกนั้นมูริญโญ่ใช้ระบบ 4-1-4-1 แผงหลัง 4 ตัวประกอบด้วย JT จอห์น เทอร์รี่กัปตันทีม ยืนคู่กับริคาโด้ คาวัลโญ่ ที่มูริญโญ่หนีบมาด้วยจากปอร์โต้ แบ็กขวาเป็นเปาโล เฟอร์ไรร่า ศิษย์เก่าที่ปอร์โต้เช่นกัน แบ็กซ้ายเป็นวิลเลี่ยม กัลลาส นี่คือแผงหลังยุคที่ดีที่สุดของเชลซี สร้างสถิติต่างๆไว้มากมาย จะเห็นได้ว่าแบ็กทั้ง 2 ข้างนั้นเด่นในเกมส์รับ แต่ไม่เด่นในเกมส์รุก จึงทำให้ปราการหลังค่อนข้างแน่นหนา เพราะแบ็กทั้ง 2 ข้างจะไม่เติมมาก ส่วนกลางรับหน้าแผงหลังนั้นคือ โคล้ด มาเคเลเล่ย์ เจ้าของตำแหน่งที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลก ถึงขนาดที่ช่วงหนึ่ง ตำแหน่งนี้ถูกเรียกว่า มาร์เคเลเล่ย์ โรล ตำแหน่งนี้จะมีหน้าที่คอยเก็บกวาด เข้าปะทะแย่งบอล จนถึงทำลายจังหวะคู่แข่งก่อนที่จะทะลวงเข้าไปถึงแผงหลัง กลาง 4 ตัวนั้นที่โดดเด่นคือปีก 2 ข้าง ในยุคนั้นปีกซ้ายคืออาร์เยน ร็อบเบน และปีขวาคือ แดเมียน ดัฟ โดยมีแฟร็งค์ แลมป์พาร์ดยืนบัญชาการเกมส์ตรงกลาง ส่วนหน้าเป้าใช้ตัวเดียวคือ เดอะดร็อก ดีดีเย่ ดร็อกบา
รูปแบบการเล่นของมูริญโญ่ในยุคนั้นคือปีก 2 ข้างโจมตีเร็ว หน้าเป้าอย่างดร็อกบาแข็งแกร่ง แย่งบอลจังหวะ 2 ได้ดี ครองบอลได้ พักบอลได้ จะพลิกยิงเอง หรือจ่ายให้เพื่อนก็ได้ ศูนย์หน้าอย่างดร็อกบา ไม่มีกองหลังทีมไหนกล้าปล่อยว่าง หรือแม้แต่จะประกบตัวต่อตัวก็ยังไม่กล้า ต้องใช้ระบบ Double Team ตลอด คือเซ็นเตอร์ 2 ตัวของทีมคู่แข่งจะต้องคอยประกอบดร็อกบาไว้ ในขณะที่แบ็ค 2 ข้าง ต้องคอยระวังปีกความเร็วสูงของเชลซี ทำให้พื้นที่ตรงกลางจะว่าง และนี่คือผลทำให้แลมป์พาร์ดถึงยิงประตูได้เยอะแยะทุกฤดูกาล เพราะพื้นที่ตรงกรอบเขตโทษจะว่าง เซนเตอร์ 2 ตัวไม่กล้าลอยสูง ต้องลงไปประกบดร็อกบา แบ็ค 2 ข้างไม่กล้าหุบเข้ามาเพราะต้องระวังร็อบเบนและดัฟ ตรงบริเวณหัวกะโหลกเขตโทษจึงกลายเป็นพื้นที่ว่างที่แลมป์พาร์ดจะแอบขึ้นมาตั้งป้อมยิงและได้ประตูเป็นประจำ
เชลซีในยุคใหม่นั้นสร้างทีมขึ้นมาบนพื้นฐานของมูริญโญ่เดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้นโดยเปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-2-3-1 มีกลางรับ 2 ตัว กลางรุก 3 ตัว แบ็ค 2 ข้างดันสูงขึ้นมาเป็นวิงแบ็คมาช่วยปีก 2 ข้างเล่น พื้นฐานนี้ถูกสร้างอย่างต่อเนื่องมาในทีมเชลซี โดยปรับมาจากโครงสร้างเดิมของมูริญโญ่มาผสมกับสูตรเหลี่ยมเพชร 4-1-2-1-2 ของอันเชล็อตติ โดยเป็นแผนการเล่นที่เตรียมไว้เพื่อให้ เป๊ป กวาดิโอล่า มาสานต่อ ตามความฝันของเจ้าของทีม แต่เมื่อเป๊ปไม่มารับงาน เปลี่ยนมาเป็นมูริญโญ่มาแทน มูริญโญ่ก็ลองกับระบบนี้อยู่ในช่วงต้นฤดูกาล แต่ผมมีความรู้สึกว่ามูริญโญ่ไม่ค่อยจะชอบ และกำลังพยายามเปลี่ยนทีม ให้กลายเป็นทีมที่เขาเคยประสบความสำเร็จมาในยุคแรก
ในยุคนี้ แผงรับของเชลซีแทบจะเหมือนเดิม มีแกรี่ เคฮิล เข้ามาแทนคาวาลโญ่ที่ขายออกไปนานแล้ว ซึ่งก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี แบ็กขวาเปลี่ยนเป็นใช้ อิวาโนวิช และแบ็คซ้ายดรอบแอชลี่ โคล ที่เด่นในเกมส์รุก มาใช้ ซีซ่าร์ แอสปริกวยต้า ที่อายุน้อยกว่า ในการเล่น หลายครั้ง จะเห็นว่าแบ็ค 2 ข้างของเชลซีนั้นจะไม่เติมขึ้นมาเหมือนฤดูกาลก่อนๆ จะเติมขึ้นมาช่วยบริเวณประมาณกลางสนามเท่านั้น แล้วก็จะถอยลงไปคอยตั้งรับเหมือนเดิม จะเห็นมีเติมสูงบ้างก็ทางด้านขวา เพราะปีกขวาของเชลซียังไม่มีตัวจี๊ดจ๊าดมากพอที่จะฝ่าแนวรับฝั่งตรงข้าม ทำให้ต้องเอาแบ็คอย่างอิวาโนวิชเติมขึ้นไปช่วย
กลางรับ 2 ตัวในยุคนี้ มูริญโญ่ไม่มีกลางรับธรรมชาติให้เลือกใช้ จะมีใกล้เคียงก็คือ จอห์น โอบี มิเกล แต่ก็อ่อนเกินไปในการช่วยเกมส์รุก มูริญโญ่จึงเลือกใช้แลมป์พาร์ด ที่ลดบทบาทจากกลางรุก ลงมายืนคุมจังหวะตรงกลาง เล่นร่วมกับ รามิเรส ที่เป็นกองกลางประเภท Box-to-Box คือวิ่งขึ้นวิ่งลงได้ไม่มีหมด ตอนบุกก็เติม พอต้องรับก็วิ่งกลับมา ก็ถือว่าใช้ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เกมส์ัรับดูจะอ่อนๆไปหน่อย คิดว่าคงไม่ถูกใจมูริญโญ่นัก เพราะมีหลายเกมส์เสียประตูง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากลูกโต้กลับ นี่น่าจะเป็นเหตุให้มูริญโญ่ถึงลงทุนไปซื้อเด็กเก่าอย่างมาติช ที่เป็นกลางรับธรรมชาติเข้ามาเพื่อมายืนในตำแหน่งเดิมของโคล้ด มาเคเลเล่ย์
กลางตัวรุก 3 ตัว ตอนนี้ค่อนข้างชัดแล้วว่ากลางรุก 3 ตัวในใจมูริญโญ่คือ ซ้ายใช้ เอเด็น อาร์ซา ขวาใช้ วิลเลี่ยน และหน้าต่ำใช้ ออสก้า ดูที่แผงกลางรุก 3 ตัว อาร์ซา เป็นปีกธรรมชาติ มีความเร็ว มีเทคนิค สามารถไปกับบอลได้ดี นี่คือปีกในอุดมคติของมูริญโญ่ เหมือนในยุคแรกที่ตำแหน่งนี้มีอาร์เยน ร็อบเบน ประจำการอยู่ ส่วนด้านขวา เป็นด้านที่ค่อนข้างมีปัญหาเพราะถึงวิลเลี่ยนจะมีความเร็ว และความแข็งแกร่ง แต่การไปกับบอล และการเอาชนะกองหลังแบบตัวต่อตัวนั้นยังเป็นรองอาร์ซาอีกเยอะ ทำให้เกมรุกเชลซีตอนนี้จึงต้องขึ้นทางซ้ายเป็นหลัก ส่วนทางด้านขวานั้นต้องดันอิวาโนวิชขึ้นมาช่วยวิลเลี่ยน ซึ่งจริงๆแล้ว ผมคิดว่ามูริญโญ่มองว่าวิลเลี่ยนจะเล่นได้ดีกว่าถ้ามายืนอยู่ในตำแหน่งหน้าต่ำ หรือให้มาเป็นตัวแทนออสก้า หากเจ็บหรือโดนแบน ดังนั้นหลังจากขายมาต้าไป มูริญโญ่จึงเลือกไปสอยเอาซาล่า ปีกจรวดมาแทน ดูเหมือนจะหวังให้ซาล่าทำเกมส์ทางด้านขวา ให้เหมือนเมื่อก่อนที่มี ดัฟ ประจำการอยู่ และหุบเอาวิลเลี่ยนเข้าไปเล่นตรงกลาง สลับกับออสก้า
สุดท้ายคือหน้าเป้า กองหน้าตัวเป้าในอุดมคติของมูริญโญ่คือดร็อกบา ที่มีความเร็ว มีความแข็งแกร่ง เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ปะทะสู้กองหลังได้ บังบอล พักบอลได้ ง่ายๆคือ เป็นตัวพักบอล เพื่อรอกองกลางรุกเติมขึ้นมา ซึ่งดร็อกบาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีมาก แต่ตอเรส กองหน้ามูลค่า 50 ล้านปอนด์เป็นนักเตะคนละแบบกับดร็อกบา ตอเรสถนัดในการใช้ความเร็วเอาชนะกองหลัง และต้องการการสนับสนุนจากกองกลางในการเปิดบอลให้จึงจะทำประตูได้ แต่ดร็อกบาไม่ต้อง เดอะดร็อกสามารถพลิกเล่นเองได้ พลิกยิงเองได้ ไม่ต้องรอการเปิดป้อน อีกทั้งกองกลางเชลซีก็เป็นประเภทไม่เปิดบอลให้กองหน้าซะด้วย คือจะยิงเองซะเป็นส่วนใหญ่ หรือส่งให้กองหน้าทำชิ่งกลับมาเพื่อยิงเองมากกว่า ซึ่งผมคิดว่านี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ตอเรสไม่เวิร์คสำหรับเชลซี และน่าจะเป็นเหตุให้มูริญโญ่รีบไปชวนลูกน้องเก่าอย่างเอโต้มาอยุ่ด้วยกัน เพราะเอโตมีความแข็งแกร่งมากกว่าตอเรส สามารถพักบอลและบังบอลได้ดีกว่า
ดังนั้นช่วงนี้เมื่อได้ค่าขนมมาเพิ่มอีก 50 ล้านปอนด์ มูริญโญ่จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงทีม โดยเอามาติชที่เป็นกลางรับเข้ามา ผมคิดว่าเราจะได้เห็นการเล่นในแบบที่โคล้ด มาเคเลเล่ย์เคยทำไว้กับทีมยุคแรก และเอาซาล่ามาเล่นปีกขวา หรือซ้ายสลับกับอาร์ซ่า จะทำให้ปีก 2 ข้างของเชลซีมีความเร็วสูง ที่มีความอันตรายทั้งการโต้กลับ และการเลี้ยงฝ่ากองหลัง ด้วยระบบนี้ มูริญโญ่หลังว่าแบ็ค 2 ข้างของคู่แข่งจะไม่กล้าดันสูง และกองกลางจะต้องลงไปช่วยประกบปีก 2 ตัวของเชลซีแบบ Double Team (คนเดียวเอาไม่อยู่แน่ๆ) ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็จะเหมือนเดิม คือพื้นที่ตรงกลางจะเปิดโล่งมากขึ้นสำหรับทั้งหน้าเป้า และหน้าต่ำ ที่จะสามารถทำประตูได้
จิกซอร์ตัวสุดท้ายที่ผมคิดว่ามูริญโญ่ยังมองหาอยู่คือหน้าเป้า ที่จะสามารถทำได้แบบดร็อกบา จะเป็นใครนั้นผมไม่แน่ใจ อาจเป็นลูกากู ที่ตอนนี้ปล่อยให้เอเวอร์ตันยืมไป หรืออาจเป็นตัวใหม่อื่นๆ คิดว่าซัมเมอร์นี้คงได้เห็นกัน ส่วนในฤดูกาลนี้ผมคิดว่าน่าจะได้เห็นระบบการเล่นแบบเชลซียุคแรกของมูริญโญ่ค่อยๆกลับมาอีกครั้ง
