Pa Mania General (เรื่องทั่วไปปามาเนีย) > Pa Mania's Showroom
เปลี่ยนร่าง แปลงโฉม ปาออสซี่.....โครงการต่อไป Next Step!!!
ตูมตาม:
--- อ้างจาก: อ้วน ปาเจ2702 ที่ 2 ตุลาคม 2012, 20:43:05 ---อยู่ว่างๆมานั่งพิจารณาปาออสซี่ของพี่ตามดีกว่า
--- End quote ---
--- อ้างจาก: Kung Bankrood ที่ 4 ตุลาคม 2012, 01:08:25 ---มาดูปาออสซี่พี่ตามครับ
--- End quote ---
สวัสดีครับพี่อ้วน พี่กุ้งครับ ยังไม่มีโอกาสไปกล่าวต้อนรับหรือทักทายพี่ๆเลยอะครับ ช่วงนี้ยุ่งมากๆครับ งานเยอะ แต่ก็พยายามหาเวลาเข้ามาในบ้านทุกครั้งที่มีโอกาสครับ เดี๋ยวจะรีบหาเวลามาเหลาให้ฟังต่อครับ จัดไปเยอะเรื่องเล่าก็แยะตามไปด้วยอะครับ ขอบคุณพี่ๆที่ติดตามรับชมครับผม :)
ตูมตาม:
--- อ้างจาก: Jack_Nacknine ที่ 4 ตุลาคม 2012, 17:54:44 ---สวัสดีครับพี่ตาม น้องแจ๊คครับ...^^ ;D
--- End quote ---
สวัสดีครับพี่แจ๊ค.....ต้องขอโทษครับ ยุ่งมากๆครับช่วงนี้ เลยไม่ได้เข้ามาต้อนรับครับ.....ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมปาออสซี่....และขอต้อนรับพี่แจ๊คสู่ปามาเนียเลยนะขอรับ :) :)
ตูมตาม:
เล็กๆน้อยๆกับน้องปา ตอนที่1 โช๊คค้ำฝากระโปรง
พอมีเวลาว่างอีกหน่อยมาเหลากันต่อ กับของที่อยู่ในน้องปาออสซี่ของกระผม.....ตอนนี้ให้ชื่อตอนว่า "เล็กๆน้อยๆกับน้องปา" หมายถึงอุปกรณ์แต่ง อุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพน้องปา ที่เล็กๆน้อยๆนี่หมายถึง ราคาเล็กๆครับ.....แต่ประโยชน์นี่เกินราคา (สำหรับผมนะ).....ในน้องปาออสซี่มีอยู่หลายอย่างครับ ส่วนใหญ่ผมก็หาเอาจากในอินเตอร์เน็ตนี่แหละครับ....ราคาไม่แรง คุณภาพใช้ได้ ประโยชน์เกินราคา.....ชอบมากเลยหละครับ ของแบบนี้
ตอนที่ 1 สำหรับอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆนี่ผมขอเริ่มจาก โช๊คค้ำฝากระโปรงก่อนเลยละกันครับ.......ถ้าว่าจำเป็นมั๊ย ก็ไม่ถึงขนาดจำเป็น แต่ผมมีธุระที่จะต้องเปิดฝากระโปรงหน้าน้องปาอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์อยู่ 2 อย่าง
1. เปิดเพื่อเช็ค ตรวจสอบทั่วไปสำหรับเครื่องน้องปา ก็ไม่มีอะไรมากครับ ส่วนใหญ่ก็ดูระดับน้ำมันเครื่อง เช็คน้ำมันเกียร์ น้ำมันพาวเวอร์ น้ำกลั่น น้ำฉีดกระจก และน้ำในหม้อน้ำครับ......อันนี้ถ้าชีวิตผมไม่ยุ่งเกินไปผมจะทำทุกวันเสาร์ช่วงเช้า.....พอดีเป็นช่วงเวลาที่ลูกเรียนพิเศษที่บ้าน มีครูมาสอน......ช่วงนี้ผมก็จะสาละวนอยู่กับน้องปานี่แหละครับ
2. เปิดเพื่อระบายความร้อน....อันนี้ไม่บ่อยครับ....เฉพาะเวลาเดินทางไกลหน่อย.....น้องปาออสซี่ของผม เป็นเครื่อง 2.5 VG Turbo ตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ.....อุณหภูมิเครื่องยนต์ค่อนข้างสูงกว่าตัวขับเคลื่อนสองล้อ หรือตัวเครื่อง 3.2ครับ (จะรู้อุณหภูมิว่าสูงกว่าได้ต้องมีตัว Smart Gauge หรืออุปกรณ์อ่านค่าอุณหภูมิที่เป็นแบบ Digital นะครับ ถ้าดูเฉพาะเข็มวัดความร้อนที่หน้าปัด จะดูไม่รู้เลยว่าสูงกว่า).......คือเวลาเดินทางไกล หรือขับมาด้วยความเร็วพอสมควร เวลาเข้าจอด เกือบทุกครั้งความร้อนจะอยู่ในระดับที่สูง สังเกตุง่ายๆ คือจะได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนทำงานอยู่......ส่วนใหญ่ผมจะจอดรอจนกว่าเจ้าพัดลมนี้จะหยุดทำงานแล้วถึงดับเครื่อง....และวิธีการหนึ่งที่เจ้าความร้อนจะลดลงเร็วหน่อย พัดลมจะได้หยุดทำงานเร็วขึ้น ไม่ต้องสตาร์ทรถเผาน้ำมันเล่นไว้นานๆ ก็คือ เปิดฝากระโปรงครับ.....ดังนั้นหลายโอกาสพอผมขับรถมาถึงที่หมาย จะจอดรถแล้วเปิดฝากระโปรงไว้ซัก 2 นาที รอให้พัดลมระบายความร้อนหยุดทำงาน แล้วค่อยดับเครื่อง
ด้วยความที่เปิดฝากระโปรงหน้าบ่อยๆ และฝากระโปรงหน้าน้องปาก็ไม่ใช่เบาๆ......ก็เลยเห็นประโยชน์ของเจ้าโช๊คค้ำฝากระโปรงขึ้นมาครับ.......และยอมรับตรงๆว่า มันดูเท่ห์ดี......เหมือนพวกรถยุโรปดี.....มีประโยชน์ และทำให้รถดูดีมีราคา......ก็เลยกระเป๋าแหกไปตามระเบียบ.......ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าโช๊คนี่ตั้งแต่ยังไม่ได้รถ.....เห็นมาตั้งแต่บ้าน Society เคยจดเบอร์คนขายไว้......พอได้รถมาประมาณซักเดือนนึง ผมก็เลยจัดมาเลย.......ราคาประมาณ 1100 หรือ 1300 นี่แหละครับ ผมจำไม่ได้ ยี่ห้อก็จำไม่ได้ จำได้แต่คนขายชื่อพี่ชัยวัฒน์......ซื้อมาติดตั้งเองครับ ง่ายๆ....แต่สำหรับผมลำบากนิดหน่อย :D
หน้าตาอุปกรณ์ของเจ้าโช๊คนี่ครับ
ไม่รอช้าได้ของมาก็ติดตั้งไปเลย.....ด้านซ้ายตัวยึดจะยึดกับตัวถังตรงตำแหน่งที่อยู่ใกล้ๆกับกล่อง ABS
ด้านขวาตัวยึดกับตัวถึงจะอยู่ใกล้ๆกับปั๊ม/กรองโซล่า
ติดแล้วใช้งานดี.....น้องปาดูดีมีราคาขึ้นหน่อย ;)
โช๊คค้ำฝากระโปรงนี่ที่ขายๆกันมีหลายยี่ห้อ หลายเจ้ามากๆครับ แต่สิ่งที่แนะนำสำหรับการเลือกซื้อเจ้าโช๊คค้ำฝากระโปรงนี่คือขอให้ดูที่ตัวล็อคครับ คือเจ้าตัวล็อคที่ยึดกับตัวถังรถนะครับ.....ถ้าให้ดีควรมีจุดยึดข้างละ 2 จุด สำหรับด้านซ้ายนั้น จุดยึด 2 จุด จุดหนึ่งจะอยู่บริเวณขอบตัวถัง อีกจุดนึงจะมุดเข้าไปยึดกับตัวถังข้างๆกล่อง ABS (ด้านใน โดนกล่อง ABS ยังอยู่)
ส่วนด้านขวาก็จะมีจุดยึด 2 จุดเช่นกันครับ จุดนึงที่ขอบตัวถัง และอีกจุดจะไปยึดกับน็อตยึดปั๊ม/กรองโซล่าไว้
ผมเคยลองซื้ออีกยี่ห้อในราคาประมาณ 700-800 บาทมาลองใช้.....พอดียี่ห้อที่ซื้อมีจุดยึดด้านละ 1 จุด ผมลองเอามาใส่ดูแล้ว พอเปิดผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมั่นคงครับ ฝากระโปรงมันเหมือนจะขยับไปมาได้ เหมือนมันกระพือหน่อย.....กลัวว่ามันจะหล่นลงมาทับหัวเวลามุดดูโน่นดูนี่อยู่ ก็เลยเปลี่ยนออกเอาอันที่มีจุดยึด 2 จุดมาใส่ไว้แทน รู้สึกมันมั่นคงกว่าแยะเลยครับ ;D
อีกเรื่องหนึ่งที่เตือนสำหรับผู้ที่ซื้อเจ้าโช๊คนี่มาแล้วติดตั้งเอง.......ตอนขันน็อตกลับเข้าไปเพื่อยึดนี่ระวังหน่อยนะครับ......ขันแค่พอตึงมือก็พอ......ผม ด้วยความไม่รู้กลัวไม่แน่น......เอาประแจบ๊อกมาไข กะเอาให้แน่นหนาชัวร์ๆ.....ปรากฏว่าน้อตขาดเลยครับ......หัวขาด ตัวเกลียวคาอยู่ข้างใน......... :'( :'( :'(......งานเข้าครับ.....กว่าจะเอาไอ้เกลียวที่คาอยู่ออกได้เกือบ 2 ชั่วโมง....... ??? ???.....แทนที่จะเป็นงานติดตั้งง่ายๆ 10 นาทีเสร็จ......ผมเลยกลายเป็นงานยาก งานเหนื่อย กว่าจะเสร็จจัดไป 2 ชั่วโมง.......ถึงบอกว่าสำหรับผม ติดตั้งเจ้านี่มันลำบากนิดหน่อยอะครับ :D :D ;D ;D
เอารูปน็อตที่ขาดมาให้ชมด้วยหละ
และมีอีก 1 คำเตือนสำหรับท่านที่มีเจ้าโช๊คนี้อยู่แล้ว.....คือพอเปิดฝากระโปรงแล้ว เรายังควรที่จะเอาเจ้าเหล็กค้ำฝากระโปรงขึ้นมายันฝากระโปรงไว้ตามปกตินะครับ......ไม่งั้นถ้าเจ้าโช๊คเป็นไรขึ้นมา ฝาจะได้ไม่มาหล่นทับหัว......อย่าล้อเล่นไปนะครับ.....เคยมีข่าวมาแล้วขนาดรถยุโรปยี่ห้อดังๆ ยังเคยมีที่โช๊คค้ำฝากระโปรงเสีย ฝาหล่นมาทับช่างที่ทำงานอยู่..เจ็บกันไปตามระเบียบ :D :D :-X :-X :-\ :-\
จบแล้วครับสำหรับโช๊คค้ำฝากระโปรง.....ใครชอบก็ไปหามาใส่ครับ :)......รอชมตอนต่อไปนะครับว่าในน้องปาออสซี่จะมีอะไรอีก ;D
พี่ชัย (wansasi):
อยากเห็นข้างใน ปาออสซี่ นะครับ ขอ review ด้วยครับ ;D
ตูมตาม:
เล็กๆน้อยๆกับน้องปาออสซี่ ตอนที่2 เหตุเกิดเพราะขี้เกียจเปลี่ยนยาง
สำหรับตอนนี้ จะเหลาถึงอุปกรณ์ตัวนึงที่อยู่ในน้องปาออสซี่ของผมครับ จริงๆแล้วเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ผมซื้อมาสำหรับน้องปาเลยครับ เรียกว่าจริงๆแล้วเจ้านี่แหละที่พาผมเริ่มแหก เพราะผมสั่งตั้งแต่ยังไม่ได้รถ เจ้าของชิ้นนี้มานอนรอน้องปาอยู่ที่บ้านผมร่วมเดือน
เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาตั้นแต่ตอนผมไปดูน้องปาที่โชว์รูมเพื่อจะจอง.....ตามสูตร น้องเซลต้องมาบอกข้อดีโน่นนี่นั่น.....และข้อดีข้อหนึ่งที่น้องเซลนำมาพรีเซ็นต์ให้ฟังก็คือ.....ที่ล็อกยางอะไหล่ที่อยู่ด้านใน...คุณเธอบอกว่าปลอดภัยแน่นอน (5555 พอเอาเข้าจริงหายกันเพียบ).....ผมก็เลยสงสัย และถามไปว่า "แล้วมันถอดยังงัยอะน้อง"..... เท่านั้นแหละครับเป็นเรื่องเลย.....คุณน้องเซลทำหน้างงๆ เอ๋อไปประมาณ สิบวินาทีแล้วก็หันมาบอกว่า.....แป๊บนึงนะพี่.....คุณเธอวิ่งหายแว๊บเข้าไปในประตูที่เขียนว่า Staff Only.....ผ่านไปซัก 5 นาที คุณเธอก็กลับมาพร้อมช่าง.....โอโห ถามว่าถอดยางอะไหล่ยังงัย ถึงกับต้องเรียกช่างเลยหรือเนี่ย.....เอาๆ เอาไงเอากัน......พี่ช่างมาถึงก็อธิบายเป็นฉากๆ.....สารภาพตามตรง....ฟังแมร่งไม่รู้เรื่องเลย.....ผมก็เลยบอกช่างว่า...."เอางี้พี่ พี่ถอดยางอะไหล่ออกมาให้ผมดูหน่อยดิ"...... ช่างมันทำหน้ายังกะผมไปด่าพ่อมัน......แต่มันก็ต้องทำตามที่ผมขอ 555555 เพราะผมบอกมันว่า "ไม่งั้นไม่จอง".......คุณพี่ช่างก็เลยจัดการถอดยางอะไหล่ออกมา โชว์การถอดทุกขั้นตอน......ถอดออกมาเสร็จ.....ผมก็มาติดใจว่าแล้วตอนเก็บนี่มันไม่ยากหรือไง....ก็เลยให้คุณพี่ช่างเก็บยางอะไหล่ให้ดูอีกที.......ขอบอกว่าขนาดเป็นช่าง ทำคนเดียวเหงื่อพี่แกยังแตกท่วม......ผมรู้สึกว่ามันยากตั้งแต่ยังไม่เริ่มถอดแล้วครับ คือถ้าของเต็มๆท้ายรถ หรือท้ายรถรกๆอย่างผม แค่เก็บกวาดของท้ายรถนี่ก็เหนื่อยแล้ว....และที่น่าจะเหนื่อยอีกอย่างคือตอนเก็บครับ ตอนที่ดึงให้ยางมันลอยขึ้นมาจนเข้าที่........ท่าจะเหนื่อย :D :D
ทั้งหมดจึงทำให้ผมเกิดความขี้เกียจเปลี่ยนยางเองครับ.....แต่เป็นผู้ชาย ขับรถลุย ถ้าต้องเรียกแท็กซี่มาช่วยเปลี่ยนยางนี่มันจะยังงัยๆอยุ่นะ ...... ก็เลยไปนั่งหาข้อมูลครับ หาไปเรื่อยๆ ก็มาเจอกับเจ้านี่เข้า......ถูกใจใช่เลยครับ มันคือเจ้า TPMS หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Tyre Monitoring .... จริงๆที่ขายๆกันบนเน็ตก็มีอยู่หลายยี่ห้อครับ หน้าตาคล้ายๆกัน ฟังชั่นก็คล้ายๆกัน....เผลอๆมันจะผลิตโรงงานเดียวกันซะด้วยซ้ำ......ยี่ห้อที่ผมเลือกคือ TYREDOG ครับ ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้ จำได้แต่คนขายเป็นเจ้าของร้านทองอยู่ลพบุรี ;D
(เครดิตภาพจาก www.tyredog.com.au)
เจ้า TPMS ที่ผมเลือกมานี่จะมีตัว monitor ติดอยู่ในรถ และติดต่อกับ sensor สำหรับวัดค่าต่างๆของยาง (คือไอ้ตัวกลมๆในรูป) ทั้งสองอย่างติดต่อกันด้วยระบบ Bluetooth ตัว monitor นั้นจะเปิดด้วยระบบสั่นสะเทือน เช่นพอปิดประตูรถมันก็จะติดขึ้นมาเพราะตัวรถสะเทือน ถ้าจอดรถอยู่เฉยๆซักพักมันก็จะดับครับ เป็นการประหยัดพลังงาน สำหรับตัว sensor นั้นมีแหวนล็อคสำหรับกันขโมย ตัวแหวนต้องไขด้วย 6เหลี่ยมจนหลวมก่อนถึงจะถอดเซ็นเซอร์ออกได้ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันช่วยยังงัย คือถ้าโจรมันมี 6เหลี่ยมมันก็ถอดได้อยู่ดี ::)
สำหรับฟังชั่นที่ใช้งาน ก็มีการวัด 2อย่างหลักๆ (ผมจำไม่ได้ว่ามันวัดได้กี่อย่าง แต่ใช้อยู่แค่ 2 อย่าง จริงๆมันมีมากกว่านั้นหรือเปล่าจำไม่ได้นะครับ) คือ วัดแรงดันลมยาง กับวัดอุณหภูมิของยางครับ ค่าทั้งแรงดันและอุณหภูมิจะส่งจาก sensor มาขึ้นที่หน้าจอ สามารถตั้งค่าให้เตือนได้ทั้งสูงและต่ำ สำหรับตัวที่ผมใช้งานอยู่่นั้นการวัดค่าแรงดันลมยางไม่แม่นยำเท่าไหร่ คือพอเติมที่ 35 ตัวเลขที่โชว์มันจะขึ้นประมาณ 38 ถ้าเติม 32 มันจะขึ้นประมาณ 35 คือจะเกินอยู่ประมาณ 3psi ตลอด แต่ถึงแม้ไม่แม่นยำ แต่ก็สามารถใช้งานได้นะครับ เพราะสิ่งที่เราดูไม่ใช่ตัวเลข แต่ที่เราดูคือ trend ของตัวเลขต่างหาก คือถ้าตัวเลขแสดงค่าแรงดันลมยางมีค่าลดลงเรื่อยๆแสดงว่ายางมีปัญหาแน่นอนครับ ดังนั้นการวัดก็ไม่ถึงขนาดต้องแม่นยำครับ ผมใช้ดูแค่ trend ก็เลยไม่ได้ซีเรียสที่จะต้องไปเคลมหรือเปลี่ยน แต่ผมเคยถามหลายคนที่ใช้ยี่ห้อนี้อยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอย่างผมนะครับ อาจเป็นที่ผมเครื่องเดียวก็ได้ :'( :'(
สำหรับประโยชน์จากการใช้งาน....ผมติดเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มาตั้งแต่ได้รถวันแรก......จนถึงวันนี้มันช่วยให้ผมไม่ต้องจอดเปลี่ยนยางอะไหล่มาแล้ว 4 ครั้ง จากการโดนตะปูตำทั้งหมดตั้งแต่ใช้รถมา 5 ครั้ง....พอยางโดนตะปูตำ ลมรั่วออก แรงดันลมยางลดลงต่ำกว่าระดับที่ตั้งเตือน (ผมตั้งเตือนไว้ที่ 26) เครื่องก็จะร้องเตือนซึ่งขณะนั้นยางยังพอมีแรงดันลมเพียงพอที่จะวิ่งได้อยู่เพื่อไปหาร้านปะยาง.....ดังนั้นทั้ง 4 ครั้งนั้่นผมไม่ต้องจอด ลงมาเปลี่ยนยางอะไหล่เลยครับ.....แค่พยายามหาร้านปะยางใกล้ ตามปั๊มน้ำมันก็มี.....เข้าไปให้พนักงานร้านจัดการก็เรียบร้อย ;D ;D :)
มันช่วยไว้ได้ 4 จาก 5 ครั้ง.....แล้วอีกครั้งนึงละ......อีกครั้งนึงผมก็ไม่ได้เปลี่ยนยางอะไหล่มาใช้นะครับ....เพียงแต่ผมต้องใช้แผนสำรอง..เรื่องของเรื่องก็คือ เจ้า TYREDOG นี่มันเตือนครับ แต่มันเตือนตอนที่ผมอยู่ระหว่างทางในต่างจังหวัด.....ตอนนั้นจะไปเที่ยวบ้านกรูด อยู่ระหว่างทาง Bypass หัวหิน มันร้องเตือน....แถวนั้นไม่มีร้านปะยาง.....ถ้าจะเอาเร็วก็คงต้องตัดเข้าตัวเมืองหัวหิน ไปหาเอาในเมือง.....แต่คงเสียเวลามาก ต้องวันเข้าเมือง กว่าจะทำเสร็จ กว่าจะออกจากเมือง.......ผมก็เลยดูที่ลมยางครับ ตัวเลขที่โชว์อยู่ที่หน้าปัดคือ 25 ถ้าเทียบกับอาการที่ค่ามันเพี้ยน แรงดันลมยางผมน่าจะเหลือประมาณ 20 ไม่เกิน 22 ..... มันก็ยังพอวิ่งได้นะครับ ถ้ายังมีแรงดันลมยางระดับนี้ตลอด......แต่ถ้ามันรั่วออกไปเรื่อยๆ คงไม่รอด.....ผมก็เลยต้องงัดเอาแผนสำรองมาใช้ครับ.....แผนสำรองผมก็คือเจ้านี่ครับ
เจ้านี่คือแผนสำรองครับ.....ผมมีติดรถไว้ทุกคัน.....เจ้าตัวนี้มันจะเป็นกระป๋องสำหรับอัดโฟมเข้าไปในยางครับ.....ทั้งทำให้ยางมีแรงดันลมเพิ่มขึ้นนิดหน่่่อย (ผมเคยใช้ตอนยางแบนไปเลยนะครับในรถคันเก่า อัดเข้าไปยางจะพองตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง ให้รถพอวิ่งได้ครับ ตอนนั้นพอไปถึงร้านปะยาง ผมลองให้เด็กที่ร้านลองวัดแรงดันลมให้ ปรากฏว่ามันสร้างแรงดันลมจากยางแบนไปเลยได้ถึงเกือบ 20 psi เลยครับ) นอกจากนั้นพออัดเจ้าโฟมนี่เข้าไป ตัวโฟมมันจะไปช่วยอุดรอยรั่วให้ลมออกจากยางน้อยกว่าเดิมครับ......ครั้งนั้นผมก็เลยเอาเจ้านี่อัดเข้าไปในยางครับ.....ผลปรากฏว่าผมขับต่อไปอีกเกือบ 40กิโลเมตรครับกว่าจะไปเจอร้านปะยาง.....รถวิ่งได้ไม่มีปัญหาครับ.....ตกลงตั้งแต่ใช้น้องปามาปีกว่า โดนตะปูไป 5 ครั้ง (ซวยจริง) เพราะมีเจ้าอุปกรณ์ 2 ตัวนี้ ผมไม่เคยต้องมาเปลี่ยนยางอะไหล่เลยซักครั้งครับ ;D ;D อ้อ....ลืมบอกไป เจ้ากระป๋องแผนสำรองผมนี่ ใช้ได้ครั้งเดียวนะครับ อัดแล้วต้องอัดจนหมดกระป๋อง.....ทิ้งแล้วซื้อใหม่เลยครับ......ราคาก็ไม่ถูกครับ กระป๋องนึงประมาณ 700-800 ครับ.....แพงเอาการอยู่ครับ......แต่พอมี TyreDog ผมก็ไม่ต้องใช้เจ้ากระป๋๋๋๋องนี่บ่อยครับ ประหยัดไปได้พอควร ;D ;D
นี่แหละครับ....ทั้งหมดมาจากความขึ้เกียจ....ก็เลยได้กระเป๋าแหกมากับเจ้าอุปกรณ์ 2 ตัวนี้ ;) ;)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version