คู่มือการใช้งานกล่องPinto+ และ Smart Guage
กล่องปินโต+ หรือกล่องดันรางดิจิตอลที่ออกแบบมาเพื่อทดแทนกล่องข้าวน้อย2 ซี่งอาจจะหาได้ไม่ง่ายหรือไม่พอดีกับความต้องการแต่ละครั้งของสมาชิกปามาเนีย ดังนั้นทางเราจึงได้สรุปและทดสอบจนเป็นผลที่น่าพอใจและแนะนำเพื่อนๆไปติดตั้งกันมาเมื่อวันที่ 9 เดือน 6 ปี56 นี้เป็นการเปิดตัวกล่องใหม่ในกลุ่มปามาเนียเป็นครั้งแรกและได้รับการร่วมมืออย่างดีทั้งเจ้าของสินค้าและสมาชิกปามาเนียในครั้งนี้ เป็นกล่องแบบปลั๊กชนิดเสียบได้เลยไม่ต้องตัดต่อสายใดๆ วันนี้เราเลยมาแนะนำวิธีการใช้งานและสิ่งที่อาจจะพบเจอในการใช้งานในชีวิตประจำวันกัน เพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน

ที่ตัวกล่องด้านหนึ่งจะมี port DB9 เพื่อต่อเชื่อมกับชุดสายสำเร็จที่ต่อมาจาก sensor รางหัวฉีดจากห้องเครื่องเข้ามาในห้องผู้โดยสาร เพื่อเสียบเข้ากับกล่องนี้ เมื่อเสียบสายแล้วจะสามารถใช้น๊อตทั้ง 2 ข้างขันล๊อคสายให้แน่นได้

อีกด้านหนึ่งของกล่อง จะเป็นด้าน Panel ที่สามารถ control กล่องได้ เช่น
- Status : ไฟบอกสถานะmodeต่างๆที่ใช้งานทั้ง 10 mode โดยสังเกตุจากสีของไฟและการกระพริบ
- USB : port USB เพื่อใช้สำหรับสายที่ต่อพ่วงจากเครื่อง laptop ที่ลง Program tuning ไว้เรียบร้อยเพื่อ backup & upload ค่าการจูนต่างๆได้
- Mode : ปุ่มใช้สำหรับการปรับเลือก เปลี่ยน mode ต่างๆที่ set ไว้ สามารถเปลี่ยนได้ 10 mode
โดยสังเกตุจากการกระพริบของแสงไฟและสีของไฟ ดังนี้
o Mode 0 – ไฟสีเขียว ติดค้าง เทียบได้กับอัตราตอบสนองแบบ STD เดิมที่ไม่มีการใส่กล่องดันราง
o Touring mode1 – ไฟสีเขียว กระพริบช้า
o Touring mode2 – ไฟสีเขียว กระพริบเร็ว
o Touring mode3 – ไฟสีเขียว กระพริบรัวถี่ถี่
o Sport mode1 – ไฟสีน้ำเงิน กระพริบช้า
o Sport mode2 – ไฟสีน้ำเงิน กระพริบเร็ว
o Sport mode3 – ไฟสีน้ำเงิน กระพริบรัวถี่ถี่
o Racing mode1 – ไฟสีชมพูแดง กระพริบช้า
o Racing mode2 – ไฟสีชมพูแดง กระพริบเร็ว
o Racing mode3 – ไฟสีชมพูแดง กระพริบรัวถี่ถี่[color=red
]คำแนะนำ สามารถกดเปลี่ยน Mode ขณะขับขี่ได้ แต่ควรยกคันเร่งก่อนกดเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อความสมูธที่ต่อเนื่องของแรงบิด[/color]

ทุกคันที่ติดตั้งจะได้รับอุปกรณ์ในภาพเล็กมาคนละ 1 ตัว อุปกรณ์ตัวนี้เป็นเสมือนปลั๊กอุดหรือเรียกว่า Terminate สำหรับอุดปลายสายเพื่อ loopback สัญญานกลับไปที่รางหัวฉีดเปรียบได้กับการปลดกล่องออกจากระบบ เพื่อเข้าศูนย์ตรวจเช็คเครื่องยนต์หรือเลินนิ่งในกรณีต่างๆ แต่หากเข้าศูนย์ปกติทั่วไปนั้นไม่ต้องถอดกล่องก็ได้จนกว่าทางศูนย์ไม่สามารถทำอะไรได้กลับเครื่องยนต์หรือต้องการจะเลินนิ่งเครื่องยนต์ หรือหากไม่อยากสับสนก็ควรถอดออกก่อนเข้าเช็คแล้วอุดปลั๊กตัวนี้ไว้ก็พอครับ
ข้อควรระวังและข้อแนะนำในการถอดกล่องเพื่อความปลอดภัย1. เมื่อดับเครื่องยนต์แล้ว ถอดกุญแจออกเลย ให้รอจนกว่าไฟเลี้ยงกล่องจะดับ หากมี smart gauge ก็ให้สังเกตุว่าจอของ SMG ว่าได้ดับลงแล้วสักเดี๋ยวแล้วค่อยทำการถอดกล่องเพื่ออุดปลั๊ก
2. หรือหากไม่มี smart gauge ทำได้โดยหลังดับเครื่องยนต์แล้วถอดกุญแจออก ให้รอสัก 3-5 นาที แล้วค่อยทำการถอดกล่องเพื่ออุดปลั๊ก
ข้อควรระวังและข้อแนะนำในการใส่กล่องกลับคืนไปที่ Pajero Sport ของเรา1. หมั่นใจว่าก่อนหน้านั้นประมาณ 5 นาทีไม่มีการเสียบกุญแจเปิด on รถของเราแต่อย่างใด อย่าเพิ่งเสียบกุญแจให้ถอดปลั๊กอุดออกและนำกล่องมาใส่ไว้แบบเดิม
2. เมื่อใส่กล่องเรียบร้อยแล้วให้เปิดกุญแจ ON รอจนไฟถุงลม Air bag ดับลง ค่อยทำการ start เครื่องยนต์ใช้งานได้ปกติครับ
3. จากนั้นก็ใช้งานแบบเดิมเลยครับ

รูปนี้แสดงตัวอย่างการนำสายจูนมาต่อเพื่อจูนค่าใหม่ๆใส่กล่อง สำหรับค่าตารางการ Update นั้นสามารถรับได้ตามงานมิMeeting ทั่วๆไปครับ
SMG – Smart Gauge 
สมาร์ทเกจเป็นเหมือนอุปกรณ์ใช้ Diagnostic engine ได้หรือเรียกว่าใช้วิเคาระห์ปัญหาเครื่องยนต์ได้ และยังสามารถใช้ลบไฟรูปเครื่องโชว์ได้ในกรณีต่างๆมากมายหลายปัญหาหากเกิดขึ้น หรือที่เรียกว่า Clear DTC code
ตัวอย่าง : สมมุติว่าหน้าปัดรถขณะวิ่งใช้งาน มีรูปเครื่องยนต์สีส้มโชว์อยู่ ให้ทำดังนี้1. กดตรง ปุ่มกลาง menu “ปุ่มยืนยัน”
2. กดลงเพื่อไปที่ menu “ Read DTC code “
3. กดตรง ปุ่มกลาง “ปุ่มยืนยัน”
4. รอสักครู่ หน้าจอจะขึ้นระหัส code เป็นตัวเลข เช่น Pxxxx , Uxxxx (ให้จดหรือจำไว้)
5. กดเลือกไปที่ menu “ Clear DTC code”
6. กดตรง ปุ่มกลาง “ปุ่มยืนยัน”
7. รอสักครู่หากขึ้น “ Clear Successfully “ ก็แสดงว่าเรียบร้อย
8. กดเลื่อนลง เลือกไปที่ EXIT
9. กดตรง ปุ่มกลาง “ปุ่มยืนยัน” จะกลับมาที่หน้าจอเดิมที่ตั้งไว้
10. ไฟหน้าจอจะดับไปและใช้งานได้ปกติ
11. จดจำ code ในข้อ 3 ไว้เพื่อมาวิเคาระห์ปัญหาและหาทางแก้ไขได้ต่อไป
การปรับหน้าจอสมาร์ทเกจให้โชว์ค่าแบบเต็มเราสามารถปรับหน้าจอได้ให้แสดงค่าแบบเต็ม ตามตัวอย่างข้างล่างให้โชว์ ได้ดังนี้
1. กดตรง ปุ่มกลาง menu “ปุ่มยืนยัน”
2. กดลงเพื่อไปที่ menu “ Display setting “
3. กดตรง ปุ่มกลาง “ปุ่มยืนยัน”
4. กดเลือกค่าไปทางขวา เปลี่ยนค่าให้เป็น “ 1 “
5. กดตรง ปุ่มกลาง “ปุ่มยืนยัน”
6. กดเลื่อนลง เลือกไปที่ EXIT
7. กดตรง ปุ่มกลาง “ปุ่มยืนยัน” จะกลับมาที่หน้าจอเดิมที่ตั้งไว้
8. แนะนำให้กดเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงก็ได้ ไปที่การแสดงเมนู “ Engine coolant “
คำแนะนำสำหรับปรับตั้งค่า Parameter ให้เตือนต่างๆ(หากอยากจะปรับ)- Rpm ให้ตั้งประมาณ 3500 rpm
- ความร้อนให้ตั้งเตือนที่ 98 C สำหรับรุ่นธรรมดา , และ 99 C สำหรับรุ่น VG Turbo
- Batt ให้ตั้งเตือนที่ 10.6 Volt
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คำแนะนำการใช้งานและสิ่งที่อาจจะพบเจอขณะใช้งาน(ถือว่าเป็นอาการปกติ)- เปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ใหม่
เนื่องจากรถเดิมๆที่ไม่ได้ใส่กล่อง อัตราการตอบสนองของรถช้ากว่า จึงทำให้เราขับแบบกดคันเร่งรอจนรถมีอัตราเร่งตามหลังมา แต่เราได้ปรับแต่งจนรถมีอัตราเร่งดีแล้ว เราควรกดคันเร่งแบบค่อยๆกดเนียนๆออกไป ตามจังหวะการตอบสนองของเครื่องยนต์ แล้วอัตราสิ้นเปลืองจะเห็นว่าดีกว่าเดิม ยิ่งทางยาวยิ่งเห็นชัดว่าคุ้มกับค่าเชื้อเพลิงที่สีนไป- เลือก mode ที่ขับแล้วชอบที่สุดสัก 1 mode
เพราะอยากให้ขับรถแบบ mode เดียวไม่ต้องไปปรับตั้งอะไรมากมาย อาจจะเร่งเร็วถูกใจแต่มีควันบ้างก็ไม่เป็นไร ขับจนกะระยะคันเร่งได้ว่ากดแบบไหนควันน้อย กดแบบไหนควันเยอะ แล้วหาจังหวะรถตัวเองให้เจอว่าช่วงที่มีกำลังดึงสูงสุดอยู่ช่วงไหน และช่วงดึงหงายหลังคือช่วงไหน ขับให้ชินและประยุกต์ใช้งานได้ แต่หากปรับมา mode ที่ตอบสนองช้าเพื่อหวังประหยัดน้ำมันนั้น พอจังหวะจะใช้แรงพุ่งหนีการจราจรอาจจะประเมินระยะผิดผลาดเพราะชินกับ mode รวดเร็ว อาจเกิดอุบัติเหตุได้- เติมลมยางให้แข็งกว่าปกติสักหน่อย
เพื่อการรองรับรถที่ตอบสนองไว ยางควรแข็งสัก 2-3 ปอนด์ และเพื่อให้ช่วงล่างทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นและแก้มยางจะไม่ย้วยจนเกินไป- อย่ามันส์จนลืมตัว ลืมคิดถึงองค์ประกอบของรถกับอุปกรณ์เดิมที่ไม่ได้เปลี่ยน
เมื่อรถตอบสนองดีกว่าเดิม จะขับเพลินจนมันส์และลืมไปว่า ยางติดรถ โช๊คติดรถ เบรคที่มากับรถ ออกแบบมารองรับการขับขี่แบบตามกฏจราจรเท่านั้นครับ
- บางครั้งหากจอดรถเสาร์อาทิตย์ 2 วันและวันจันทร์ นำมาใช้งาน เมื่อบิดกุญแจ On เมื่อไหร่จะได้ยินเสียงร้องปี๊บบบยาวสักนิดแล้วหยุด [ batt เตือน ]
เนื่องจากกำลังกระแสใน batteryลดลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้ และช่วงเปิด on ก่อนสตาร์ทนั้นระบบไฟจะวิ่งไปจ่ายหลายอย่างพร้อมกันกระแสเลยดร๊อฟ จึงแนะนำให้รอสักพักจนมันหยุดดึงกระแส - ตอนกำลัง start engine มีเสียงร้องปี๊รดดด ช่วงกำลังบิดสตาร์ท [ batt เตือน ]
ช่วงบิดสตาร์ทมอเตอร์สตาร์ทกินกระแสสูงจึงดึงไปไปเยอะพอสมควรครับ ทำให้ batt วูบลงในบางครั้งได้- ขณะที่กำลังขับลากรอบแล้วไฟสีส้มดวงที่ 2 ขึ้นมาบางจังหวะ [ ไฟวัดรอบเตือน ]
แสดงว่าขับรถลากจนเกียร์ จนรอบเครื่องสูงชนค่าที่เรากำหนดไว้ จึงโชว์ไฟขึ้นมาแจ้งเตือน- บางครั้งอาจจะเร่งกันเมามันส์จนไฟแดงขึ้นค้างที่สมาร์ทเกจ พร้อมเสียงร้องปรี๊ดดดดด ยาวตลอด [ความร้อนเตือน ]
แสดงว่าขับเค้นกันจนเพลินเมื่อเจออาการนี้อย่าตกใจ ผ่อนคันเร่งออกแล้วขับไปสักพักจนหม้อน้ำระบายความร้อนออกทันเสียงจะเงียบไปเองแล้วขับช้าลงหน่อย engine temp ก็จะลดลงเ อง- มีควันออกช่วงต้น จำนวนหนึ่ง
ปกติเพราะช่วยเรื่องออกตัวต้องใช้น้ำมัน น้ำมันดีเซลเผาไหม้ก็ต้องมีควันเป็นธรรมดา- มีควันออกทุกครั้งที่ยัดคันเร่ง
ปกติเพราะรถเผาไหม้เร็วจากการเค้นคันเร่ง ก็แต่พอรถลอยตัวควรจะหายครับ (หรือมีก็น้อยมาก)- ยิ่งเร่งไว ความร้อนยิ่งมา แต่ค่อยๆเร่งควันน้อย ความร้อนเดินช้า
การตกแต่งกล่องดันรางนี้ ให้ผลต่อการคอบสนองทันทีทันใด ฉะนั้นการตอบสนองที่เร็วมาจากการสันดาปที่มาก
ส่วนการสันดาปที่มากเกิดจากการเสียดสีที่เร็ว ฉะนั้นการเสียดสีที่เร็วก็ย่อมสร้างความร้อนที่เร็วเหมือนกัน ลองดูตัวอย่างนี้ครับ
- ผลการใช้งานโดยการเร่งจาก 40 Kmh ไปที่ 160 kmh ใช้เวลา 20 sec , ความร้อนต่อเนื่อง 94 องศา
- ผลการใช้งานโดยการเร่งจาก 40 Kmh ไปที่ 160 kmh ใช้เวลา 15 sec , ความร้อนต่อเนื่อง 97 องศา
- ผลการใช้งานโดยการเร่งจาก 40 Kmh ไปที่ 160 kmh ใช้เวลา 10 sec , ความร้อนต่อเนื่อง 99 องศา
**จากตัวอย่างคงเห็นนะครับว่าทำไมความร้อนมาไวกว่าเดิมมากๆ- จอดรถนานๆไม่ได้ใช้งาน มากกว่า 5-7 วัน จะ start ไม่ค่อยติด
หากรู้ตัวว่าจะจอดนานกว่า 5 วัน ควรดึงปลั๊ก ตรงหัวเข่าออก Battอาจจะอยู่ได้นานกว่าเดิม- ไฟรูปเครื่องยนต์ขึ้นตลอด พอกด clear code ก็เด้งขึ้นอีก
อาจจะสายหลุดจากกล่องหรือไม่ก็วางไว้ไม่ดี กลิ้งไปกลิ้งมา- หัดลองทำความสะอาด กรองอากาศ , แอร์โฟล ด้วยตนเอง
วิธีการห้อง DIY ครับ- ควรออกรถให้รถลอยตัวก่อน อย่าเพิ่งเค้นคันเร่งออกตัวนะครับเพราะแรงบิดสูงๆกับทอร์คในเกียร์ออโต้อาจเสียหายได้ครับ ประเภทออกตัวล้อฟรีแบบวันนั้นอย่าเล่นบ่อยนะครับ ระวังงานจะเข้า และสำหรับรถที่ใส่ล้อใหญ่เช่นล้อ 20 นิ้ว ยางใหญ่ด้วย ยิ่งต้องระวังคือให้ปล่อยรถออกตัวไปก่อนแล้วกดตาม หากรถลอยตัวแล้วก็สามารถกดได้ปกติครับ
- บางครั้งการออกตัวล้อฟรีโชว์บ่อยๆนั้น กับรถที่มีกล่องสมองกลอัจฉริยะแบบนี้ เกียร์มันจะสับสนอยู่พักหนึ่ง แต่หากเป็นการขับแบบนี้บ่อยๆแต่มีเบามีแรง อาจจะดีกว่ารถที่ไม่เคยกดแบบนี้เลยแต่มาลองกด จะเกิดอาการเกียร์ช๊อคจนระบบเกียร์สั่งเลินนิ่งตัวเอง การเลินนิ่งตัวเองของเกียร์นั้นคือเริ่มจากแอร์ไม่เย็น รอบเร่งเอง เกียร์ไม่เปลี่ยน รอบเร่งเองลงเอง ขึ้นลง รถเกิดอาการสั่นทั้งคัน ระบบจะวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง เร่งไม่ขึ้นคันเร่งตอบสนองนิดเดียว สักพักปล่อยมันรอบจะเริ่มลงมานิ่ง แอร์จะเริ่มเย็น ระบบเกียร์จะคืนสภาพปกติ และใช้งานได้เลย อาการแบบนี้เกิดจาดคำสั่งทันทีทันใดที่ history log ยังไม่เคยเก็บหรือหลังการ clear history log ใหม่ หรือหลังการถอดแบตแล้วทำแบบนี้เลย กลุ่มนี้แหละที่อาจจะเจออาการเกียร์ช๊อค ผมถึงแนะนำว่าหากใส่กล่องไปแล้วขับเล่นไปสักพักให้มันเรียนรู้ระบบใหม่เองแล้วจะเนียนขึ้น แต่ไม่ได้แนะนำให้อัดคันเร่งกันล้อฟรีนะครับ แนะนำให้แต่งเพื่อใช้งาน เพื่อ smooth ไม่ใช่ speed ครับ
- ตรวจสอบคราบรอยรั่วของไอน้ำมันที่มีปริมาณมากๆ ตามข้อต่อท่อต่างๆ เสมอๆทุกครั้งที่จอดจากการการขับรถยาวๆและเร่งมาตลอดทาง
- ตรวจดูใต้ท้องรถทุกครั้ง ก่อนออกรถ ว่ามีอะไรไหลลงพื้นไหม (ยกเว้ยน้ำแอร์ )
- ตรวจดูกระเป๋าตังค์ตัวเองและขยันทำมาหากินต่อไปเพื่อมาพักผ่อนกันวันหยุด Style Pamania
- เก็บและแลกเบอร์โทรศัพท์เพื่อนๆในปามาเนีย เผื่อฉุกเฉินต้องการปรึกษากันเอง
[/color][/size]
เพื่อเป็นข้อมูลเอาไปทดลองใช้งานกันพรุ่งนี้
ราตรีนี้สวัสดีครับเพื่อนๆปามาเนีย
