รถที่ใส่ยางหน้ากว้างต้องระวังเรื่องการเหินน้ำ ไปอ่านเจอเห็นว่ามีประโยชน์
ก็เอามาให้อ่านดู นี่ก็เข้าหน้าฝนแล้ว
Posted by
Larry Gates
จาก เวป UP 2 King . com
ช่วงพฤษภาคมรอยต่อระหว่างหน้าร้อนกับหน้าฝน สิ่งที่กังวลใจสำหรับคนใช้รถใช้ถนนก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องฝนๆ นั่นแหละ ไหนจะยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่เคยได้ดูแลหรือกดปัดเพื่อเช็คสภาพสักที ถึงคราวที่จะต้องใช้กลับกลายเป็นว่าปัดไม่สะอาด ปัดที ก็มองไม่เห็นที เสี่ยงต่ออันตรายจากการมองสภาพการณ์ข้างหน้าไม่เห็น แล้วไหนจะเรื่องช่วงล่าง ยางที่ใช้เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากผ่านศึกมานับแรมปี ไม่เคยได้เปลี่ยน ก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนกันตอนหน้าฝนก็หลายคัน ถึงแม้ดอกยางจะยังอยู่ครบ ไม่หายหรือบางลงไปเลย แต่ควรเช็คว่าครั้งล่าสุดที่เปลี่ยนนั่น นานแค่ไหนแล้ว ราวๆ 2 ปีเท่านั้นก็ต้องเปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่ว่าจะทนใช้จนดอกไม่เหลือเรียบเนียนเป็นผิวสาวๆ หรือก็ใช่เรื่อง นี่แหละความทุกข์ของคนใช้รถที่นอกเหนือจากค่าเชื้อเพลิงที่ต้องควักจ่ายทุกเช้าค่ำ
หากพูดถึงเรื่องยางรถยนต์แล้ว บางคนสนใจที่จะหายางหน้ากว้างๆ มาใส่รถ ด้วยเหตุผลเรื่องความสวยงามด้านความสมดุลของตัวรถ แต่หากมองถึงแง่สมรรถนะมันทำให้รถคันนั้นๆ เกาะถนนมากขึ้นด้วยหลักการง่ายๆ ในเรื่องของหน้าสัมผัสที่เพิ่ม ทำให้เกิดแรงเสียดทานเพิ่มขึ้น ย่อมเกาะถนนมากกว่ารถที่มีหน้ายางแคบ โดยตัวแปรอื่นๆ เหมือนกันหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแลกมาด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ได้อย่างเสียอย่าง เลือกเอาว่าตัวเราเองอยากจะให้รถที่ขับอยู่ทุกๆ วันออกมาในรูปแบบไหน บางคนไม่ขับเร็ว วิ่งในเมืองอย่างเดียวก็ไม่มีเหตุผลกลใดที่จะเลือกใช้ยางหน้ากว้างๆ เลย ในแง่ของคนบ้ารถอย่างผม ไม่ต้องสืบว่าจะเลือกอย่างไหน มันต้องหน้ายางกว้างๆ ซิ สวย แถมมั่นใจเวลาขับขี่อีกซะด้วย
แต่…ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนมี 2 ด้านที่ควรรู้ควรศึกษา ใช่…เรากำลังพูดถึงข้อเสียที่น่ากลัวมากๆ หากเลือกยาง หรือลายยางไม่ดีหากคิดจะใช้ยางหน้ากว้างมาใส่หล่อๆ ให้คันโปรด ในภาวะปกติคือ…พื้นผิวในการสัญจรแห้ง พูดง่ายๆ ก็ถนนแห้งๆ ไม่ว่ายางหน้ากว้างลายใดๆ ก็เกาะถนนดีกว่าทั้งนั้น แต่หากเป็นตอนฝนตกถนนเปียกล่ะ เคยคิดถึงจุดนี้บ้างหรือไม่? ยางหน้ากว้างมีโอกาสสัมผัสกับน้ำมากกว่ายางหน้าแคบ ฉะนั้นโอกาสที่จะทำให้ยางลอยเหนือน้ำ หรือ ที่เรียกว่า “อาการยางเหินน้ำ” โดยลักษณะอาการนี้จะส่งผลให้เราควบคุมทิศทางของตัวรถไม่ได้ พวงมาลัยหักซ้ายหรือขวา ณ ขณะเวลานั้นไม่มีผลอันใดเลย ซึ่งเสี่ยงต่ออันตรายเป็นอย่างมาก ตัวผมเองก็เจอประสบการณ์นั้นมาโดยตรงจึงนำมาเล่าสู่กันฟัง ตอนนั้นฝนตกหนัก เวลาราวๆ 16.00 น. ขับด้วยความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. เป็นความเร็วที่ปกติที่ควบคุมรถได้ ไม่ว่าจะฝนตกหนักแค่ไหน (แต่หนักมากขนาดปัดน้ำฝนเร็วสุดแล้วยังมองไม่เห็นทาง ก็ลดลงเหลือซัก 60 นี่แหละ) และผมเองไม่เคยเจอประสบการณ์การเหินน้ำมาก่อน รู้แค่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร อาการของรถเป็นอย่างไร ด้วยความที่ผมไม่ชินทาง ขับจากหนองคาย กลับ มหาสารคาม มันไม่ใช่ถนนที่เราขับทุกวัน ไม่มีทางจำได้แน่ว่าช่วงถนนไหนมีน้ำขังอยู่ เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก แล่นอยู่เลนกลาง จาก 3 เลน หน้าปัดไปเลนขวา หมุน 180 องศา พวงมาลัยควบคุมไม่อยู่ ดีอย่างหนึ่งตรงที่ผมเล่นปัดท้ายคันนี้บ่อยๆ จึงหักพวงมาลัยช่วย จึงหมุนแค่ 180 องศา หากไม่ช่วยเลย คงมากกว่า 360 องศา (หมุนมากกว่า 1 รอบ)
ฉะนั้นแล้ว การที่รถคุณๆ ทั้งหลายเลือกใช้ยางหน้ากว้าง ใช่ว่าจะให้ความมั่นใจในทุกๆ การขับขี่ หากการเลือกลายยางไม่สัมพันธ์กัน สังเกตได้ว่าทุกวันนี้ยางหน้ากว้างรีดน้ำได้เร็วๆ ราคามักจะสูงกว่ายางหน้ากว้างลายบ้าๆ บอๆ ไม่ได้ช่วยเรื่องรีดน้ำออกจากหน้ายางมากนัก (เมื่อน้ำถูกรีดออกไปเร็วเท่าไหร่ จะทำให้หน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากขึ้น ช่วยให้เราควบคุมตัวรถได้ตลอดเวลาการขับขี่) ซึ่งผมเองก็เลือกใช้อย่างหลัง เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเจอกับตัวเอง เห็นว่ายางมันราคาถูกดี ใช้ปกติช่วงถนนแห้งก็ให้ความมั่นใจได้ดี แต่พอเจอแอ่งน้ำเข้าไป รถมันออกอาการอย่างเห็นได้ชัด จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น โชคยังดีที่คันหลังขับไม่เร็วเท่าไหร่ ไม่งั้นมีอัดก็อปปี้ กลายเป็นเครื่องถ่ายเอกสารไปซะงั้น คราวหน้าการเลือกลายยางเพื่อให้เหมาะกับสภาพการใช้งานคงต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้ สุดท้ายนี้ขอให้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยตลอดฤดูฝนและตลอดไปครับ