Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) > Technics, Maintenance & Problem solving
บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
กิต <Black Angel>:
อ่านเพลินดีครับพี่ตาม แถมได้ความรู้ด้วย เอาไปหนึ่ง :L6428:
พี่ไซ:
มาเกาะขอบจอรอฟังครับ
:L6428: :L6428: :L6428:
ตูมตาม:
ตอนี่ 6 วิกฤตกว่าเดิม
เอาละครับพอลงมาพื้นราบช่วงตาก....อากาศช่วงบ่ายๆยังร้อนตับแลบเหมือนเดิม....แดดเปรี้ยงจนรู้สึกว่าแอร์มันจะสู้ไม่ค่อยไหว......การขับช่วงนี้ก็มาเรื่อยๆครับ...รถไม่มาก ทำความเร็วได้ดี.......ความร้อนก็ปกติ....วันเวียนอยู่ที่ 95-98......แต่ต้องขับแบบประคองนะครับ...มีผ่อนบ้างเพื่อระบายความร้อนเพื่อกดต่อ.....แต่ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเวลาเร่งแซงทำไมความร้อนมันขึ้นเร็วจัง....แต่ไม่ได้คิดอะไร.....เพราะพอแซงแล้ว ยกคันเร่งหน่อยนึง....ความร้อนก็ลง....ความร้อนมีขึ้นไปแตะ 100 บ้างเวลาเร่งแซงหลายๆคัน....กดยาว....ความร้อนก็ขึ้น.....จนรู้สึกว่าเออ....ขับแบบนี้มันเหนื่อยเหมือนกันนะ....ต้องคอยจ้องความร้อนตลอด......พอเริ่มเข้าช่วงกำแพงเพชร....ผบ.ขอให้จอดแวะซื้อของฝาก.....ผมก็เลยจัดการปิดกล่องข้าวน้อยซะ.....กะว่าจะขับแบบชิลๆ ไม่ต้องระแวงความร้อนดีกว่า
หลังจากออกเดินทางอีกครั้ง....ผ่านทางเข้าเมืองกำแพงเพชร.....ถนนเริ่มว่างมากขึ้นอีก.....ผมก็พยายามทำความเร็วเพิ่มขึ้นอีก....ด้วยใจอยากกลับไปกินข้าวเย็นแถวอยุธยา ก่อนเข้ากรุงเทพฯ.....เกรงว่าถ้าไม่ทำเวลา เดี๋ยวเย็นๆ เด็กๆหิวจะต้องจอดกินแถวกลางทาง ไม่รู้จักร้านอร่อยๆเลย......แต่พอผ่านช่วงเมืองกำแพงเพชรไป....วิกฤตเริ่มมาละครับ.....ผมเริ่มประคองความร้อนไม่อยู่ละ.....ทั้งๆที่ปิดกล่องข้าวน้อยไปแล้วนะ.....ความร้อนก็ยังขึ้น.....ยกคันเร่งทีนี้ไม่ยอมลด หรือลดช้ามาก......เริ่มทำความเร็วไม่ได้อีกละ......ขับไปอีกซักพัก ยิ่งหนักข้อขึ้นอีก.....ทีนี้ที่ความเร็ว 120 ความร้อนขึ้นแตะ 100 ตลอด.....ผมเริ่มเอะใจละ....ไม่ดีแน่......พอดีช่วงนั้นผบ.หลับ.....เลยถือโอกาศยื่นมือไปปรับสมาร์ทเกทเพิ่มอุณหภูมิแจ้งเตือนขึ้นไปอีก....จากเดิม 101 เพิ่มเป็น 105 เลย........ขับต่อ......ไปซักพักด้วยความเร็วยืนพื้นที่ 120.....เหลือบมาเห็นสมาร์ทเกท....เฮ้ย....ความร้อนอยู่ที่ 102 .....เฮ้ย.....เป็นไปได้ไงวะ.....กล่องข้าวน้อยก็ปิดแล้ว.....อากาศถึงจะร้อน แต่ลมปะทะหน้าเครื่องมีเยอะ ควรระบายได้ดีนี่หว่า......ความร้อนมันไม่ลดลงเลย....ต้องลดความเร็วลงมาที่ 100 ความร้อนถึงจะลดลงบ้าง.....เฮ้ย.....อาการนี้ไม่เคยเป็นเลยนี่หว่า.....ปกติต่ำกว่า 120 นี่ความร้อนอยู่ 96-97 ตลอด.....ใจผมคิดถึงเรื่องเดียวเลยครับ....."หม้อน้ำ".......เวรกรรมละ....เปลี่ยนหม้อใหม่มา....ไหงอาการหนักกว่าเดิม.....แถมยกคันเร่งแล้วมันก็ยังไม่ยอมลดลงอีก.......ในใจเริ่มท้อกับรถคันนี้ละ....แม่มอะไรกันนักหนาวะ.....ลงทุนเปลี่ยนหม้อน้ำแล้ว....อาการไม่ดีขึ้นแถมหนักขึ้นอีก
พยายามประคองขับด้วยความเร็ว 100-120 มาได้อีกแป๊บนึง....ความร้อนก็ยังไม่ลดลง....มันวนเวียนไปมาอยู่แถว 102-104 ตลอด.....อารมย์จากท้อ...เริ่มเปลี่ยนเป็นแค้น.....เออ....มึงอยากร้อนนักใช่มั๊ย.....ได้....งั้นมรึงฮีทไปเลยละกัน......ว่าแล้วก็ปรับการตั้งเตือนสมาร์ทเกทไปที่ 109 เลยครับ......มีอยากร้อนนัก....ได้....เดี๋ยวจัดให้.....จากนั้นผมก็ขับทำความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก....ความเร็วยืนพื้นที่ 140....ความร้อนไปโน่นเลยครับ มันวนเวียนอยู่แถว 105-107.....แต่ส่วนใหญ่จะคงที่อยู่ที่ 105........ผมสังเกตุเข็มวัดความร้อนที่หน้าคอนโซล.....ดูว่ามันจะขยับมั๊ย.....กะว่า ถ้าขยับ ก็จะลากขับไปอีก ดูซิว่ามันจะฮีทไปเลยมั๊ย (ตอนนั้นอารมย์แค้นครับ)......ผมขับลากอยู่ที่ความร้อนประมาณ 105 ยาวมาก.....หลายสิบกิโลอยู่ครับ......จนมาถึงช่วงรอยต่อกำแพงเพชร-นครสวรรค์.....ผบ. ตื่นมาพอดี.....เห็นร้านขายของข้างทางเยอะแยะเลย......พอเริ่มเข้าเขตนครสวรรค์มากขึ้น.....เห็นมีขายมะม่วงกันเยอะ....ผบ.เลยบอกให้จอดแวะซื้อมะม่วงหน่อย (ลูกผมชอบกินมะม่วงมาก)......ก็เลยจอดครับ.....พอจอดความร้อนก็เริ่มลดลงมาเรื่อยๆ.....อารมย์ผมก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆเหมือนกัน.....ผบ.เหมือนรู้ใจ อยู่เดินมาเอามะม่วงที่ปอกแล้วมาให้ลูกนึง....ผมก็นั่งกินไป คิดไป...เอาไงดีวะ....ขืนขับแบบนี้ต่อไปมีพังกันไปข้างแหงๆ.....เลยอ้างว่ากินมะม่วงกันก่อนละกัน....จอดรถสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ ให้เครื่องเดินเบาระบายความร้อนไป....ส่วนผมก็ออกมาเดินดูมะม่วงกะเขาบ้าง เดินดูไปกินไป เพลินๆดี
พอซื้อมะม่วงเสร็จ (กวาดมาซะเต็มรถเลย)......เลยบอกให้แม่ค้าปอกมะม่วงมาให้อีก 3 ลูก.....ขึ้นรถ...ล้อหมุน...ออกเดินทางต่อ......ทีนี้ขับแบบช้าๆ....เรื่อยๆ....ขับไปกินมะม่วงไป......ความเร็วประมาณ 100 ประคองไป.....ความร้อนเจ้ากรรม ยังอยู่เหมือนเดิม ดีกว่าเดิมนิดนึง มันลงมาวนเวียนอยู่แถว 90-100-101....คงเป็นเพราะขับช้าด้วย......ผ่านเส้น bypass นครสวรรค์.....เข้าเส้นสายเอเซีย.....ทำความเร็วไม่ค่อยได้...ไปช้ามาก.....เวลาเริ่มเย็นและ.....ผมก็เดาว่าอากาศมันเริ่มไม่ร้อนละ....น่าจะพอทำความเร็วได้....แต่ความร้อนเดิมมันยังเยอะอยู่.....เลยแจ้งผบ.ขอจอดหากาแฟกินซักแก้ว......จริงๆไม่ใช่อะไรครับ....จะจอดระบายความร้อนให้มันลงมาต่ำๆก่อน....พอถึงช่วงอุทัยเลยแวะปั๊ม....จอดพักเครื่อง...หากาแฟกิน หาขนมกินไปเรื่อย...พักอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้....ค่อยเดินทางต่อ
ทีนี้พอออกจากปั๊มมา เวลาเริ่มเย็นละ...อากาศไม่ร้อน....ผมก็ลองขับแบบธรรมดา ค่อยๆเติมคันเร่งไป....เออ.....พอเย็นๆ...ความร้อนมันเดินช้าดี.....อาการกลับไปเป็นปกติแล้ว.....ความเร็ว 120 ความร้อนประมาณ 97-98....ยกคันเร่งหน่อย ความร้อนลงมาที่ 94....กดต่อไปอีก.....ความเร็ว 140 ความร้อนก็ยังวนเวียนอยู่แค่ 97-98 เหมือนเดิม.....เอาวะ....เริ่มดีละ....ทำความเร็วได้มากขึ้น.....แต่ก็เสียเวลาไปมากกับการจอด และขับแบบช้าๆมาเรื่อยๆ.....เลยคุยกับเพื่อนๆในคณะ (เขานำผมไปหมดแล้ว).....ตัดสินใจจอดแวะกินข้าวที่สิงห์บุรี...มีร้านที่เคยมากิน...รสชาติใช้ได้...เด็กๆหิวแล้ว....เลยขอแวะร้านนี้ซะเลย
หลังจากกินข้าวเสร้จก็มืดแล้ว ออกจากร้านมาน่าจะประมาณ 2 ทุ่มเห็นจะได้.....ทีนี้ความร้อนแม่มปกติเลย 94-97 ไม่ขึ้นเลยจากนี้เลย.....ผมก็ยิงยาวกลับกรุงเทพฯ....ผ่านวิกฤตมาได้โดยน้องปาไม่ฮีทตายคาถนน.....แต่ก็ทำให้ผมต้องพกความกังวลกลับมานอนคิดอีกหลายคืน.....พอกลับกรุงเทพฯ ผมก็มาลองขับแถวบ้าน ขับเข้าเมือง ก็ไม่มีอาการปัญหาเรื่องความร้อนอีกเลย.....งงครับ.....ตอนนี้อาการความร้อนมันแปลกมาก...รอบต่ำ หรือขับในเมือง ขับชานเมือง....ปัญหาความร้อนไม่มี ความร้อนต่ำกว่าเมื่อตอนเปลี่ยนหม้อน้ำอีก....แต่พอขับความเร็วสูง + อากาศร้อนๆ....กลับประคองความร้อนไม่อยู่....และความร้อนขึ้นสูงมาก สูงกว่าตอนก่อนเปลี่ยนหม้อน้ำซะอีก........ใจผมเริ่มคิดละ.....หม้อน้ำเดิมจะดีกว่ามั๊ย.....หม้อใหม่นี่มันทำงานได้ดีจริงหรือเปล่าหว่า.....พกพาความสงสัยกลับบ้านไปนอนคิดอยู่อีกหลายคืนเลยทีนี้
:L4386: :L4386:
ตูมตาม:
ตอนที่ 7 วิเคราะห์ปัญหา
เอาละครับ กลับมากรุงเทพฯ.........ลองขับในเมือง ลองขับชานเมืองอยู่อีกหลายวัน....ความร้อนก็ปกติ วนเวียนอยู่แถว 94-98 ประมาณนี้......แปลกมาก....เพราะรถที่มีปัญหาเรื่องความร้อนส่วนใหญ่อาการจะฟ้องตอนขับช้า รถติด หรือรอบเดินเบาด้วย....เพราะลมปะทะหน้าเครื่องไม่มีหรือมีน้อย....พึ่งพาระบบระบายความร้อนของรถอย่างเดียว (คือพัดลม) .....ระบายไม่ทัน.....หรือจะเกิดอีกทีตอนอัดมากๆ เร่งมากๆ...ความร้อนมาไวก็ระบายไม่ทัน.....แต่ของผม รถติดในเมือง รอบเดินเบา ปัญหาความร้อนไม่มี......ไปมีตอนความเร็วสูงๆ อากาศร้อนๆ.....ถึงแม้ไม่อัดมาก ไม่เร่งมาก ความร้อนก็สูง.....อาการมันแปลกประหลาด
จริงๆอาการนี้ผมได้โทรปรึกษาเล่าให้พี่นะฟังตั้งแต่อยู่แม่สอดก่อนเข้าอุ้มผาง.....พี่นะเล่าให้ฟังว่า เวลาอากาศร้อน นอกจากรถจะระบายความร้อนได้ไม่ดีแล้ว.....ความร้อนจากคอยแอร์ยังมีผลด้วย...เพราะอากาศร้อน....คอมแอร์ทำงานหนัก....คอยแอร์ก็ร้อนมาก......ทีนี้น้องปาเรา คอยแอร์นี่มันอยู่ตรงหน้าหม้อน้ำพอดี (อยู่ตรงกลางระหว่างพัดลมไฟฟ้ากับหม้อน้ำ).....พัดลมไฟฟ้าน้องปาเราก็ทำงานใน 2 ระบบ คือระบายความร้อนให้คอยแอร์ด้วย ระบายความร้อนให้หม้อน้ำด้วย.....ทีนี้พอคอยแอร์ร้อนมากๆ.....พัดลมไฟฟ้าเป่าอยู่ที่หน้าคอยแอร์....ความร้อนมันก็ผ่านมาที่หม้อน้ำด้วยเช่นกัน....พี่นะแนะนำว่าให้ลองทดสอบวิ่งโดยปิดแอร์...จะเห็นว่าความร้อนมันเดินช้าลงและระบายดีขึ้น.....ผมก็ลองทดสอบดูก็เป็นแบบนั้นจริงๆ......แต่อากาศร้อนแบบเมืองไทยจะให้ผมขับแบบปิดแอร์นี่.....ต่อให้ผมไม่ร้อนตายในรถ คงโดนผบ.ยิงตายคารถ โทษฐาน แต่งรถจนออกทะเลแหงๆ :L4386: :L4386:
พอมีเวลาว่าง ผมก็ลองถอดกระจังหน้าออกมาเพื่อดูตำแหน่งของคอยแอร์ให้ชัดๆ....เอามันอยู่หน้าหม้อน้ำพอดี....คือถ้าแบ่งหม้อน้ำเป็น 4 ส่วน.....คอยแอร์จะขวางอยู่ด้านบน 2 ส่วนเลย.....ขวางแบบเต็มๆเลย.....ส่วนด้านล่างของหม้อน้ำนั้น ด้านฝั่งคนขับมี intercool มาขวางไว้อีก....เหลือแค่ด้านล่างฝั่งคนนั่งข้างเท่านั้นที่หม้อน้ำได้ลมปะทะหน้าเครื่องเต็มๆ......และจากที่ถอดกระจังหน้าออกมาดูแล้ว....ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่เกิดจากการเปลี่ยนหม้อน้ำ....คือหม้อใหม่มันหนาขึ้นกว่าเดิม (เต็มช่องพอดี จากเดิมมีแค่ 1ใน3ของช่อง).....พอมันหนาขึ้นมาเต็มช่อง....สิ่งที่หายไปก็คือ.....ช่องว่างระหว่างหม้อน้ำกับคอยแอร์....คือถ้าเป็นหม้อเดิมมันจะมีช่องว่างอยู่หน่อยนึง....แต่หม้อใหม่นี้ช่องว่างนั้นแทบไม่มีเลย......ทีนี้พอพัดลมไฟฟ้าเป่าที่คอยแอร์.....จากเดิมที่มีช่องว่างให้ระบายอากาศร้อนออกไปได้บ้าง มันกลับไม่มีเลย....แปลว่าพัดลมไฟฟ้าเป่าเอาอากาศร้อนจากคอยแอร์มาปะทะหม้อน้ำตรงๆ......นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เวลาอากาศร้อนแล้วการระบายความร้อนไม่ดี (เพราะพออากาศร้อน แอร์ทำงานหนัก และเราก็อาจจะเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นอีกเพื่อสู้กับอากาศร้อนภายในห้องโดยสาร ก็ยิ่งทำให้คอมแอร์ทำงานหนักเข้าไปอีก ยิ่งคอมแอร์ทำงานหนัก คอยแอร์ก็ต้องยิ่งต้องการการระบายความร้อนมากขึ้นอีก ความร้อนไปไหนไม่ได้ เพราะหม้อใหม่ทำให้ช่องว่างที่จะระบายมันหายไป มันก็เลยเป่าลมร้อนใส่หม้อน้ำซะเลย)
ใช่ครับ....อันนี้เป็นสมมติฐานของผม...ที่ได้จากการคุยกับพี่นะ และลองเปิดกระจังหน้ามามองดู....มันไม่มีทฤษฎีรองรับ....แต่ในใจผมก็ยังไม่เชื่อว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้ความร้อนน้องเต่าขาวขึ้นไปถึง 105 ได้.....ใจผมยังปักใจเชื่อว่ามันต้องเป็นปัญหาที่หม้อน้ำใหม่แน่ๆ
:L4386: :L4386:
ตูมตาม:
ตอนที่ 8 ควานหาตัวผู้ต้องหา
ใจผมนะ...คิดวนเวียนอยู่แค่ว่าต้องเป็นเพราะหม้อน้ำใหม่แน่ๆ.....บางครั้งก็นึกว่าจะเปลี่ยนหม้อน้ำเดิมกลับมาดีมั๊ยหนอ....คิดวนเวียนอยู่แบบนี้....ยังมืดมนหาทางออกกับไอ้ปัญหาความร้อนนี้ไม่ได้....เพราะทุกแหล่งที่ผมปรึกษาพูดเหมือนกันว่าถ้าเปลี่ยนหม้อน้ำแล้วจบ....พอไม่จบเลยไปไม่ถูกเลยทีนี้.......ใจผมยังย้ำอยู่ที่ว่าหม้อใหม่ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
ลองเลียบๆเคียงๆถามพี่กิตติ กับพี่นะ เรื่องหม้อใหม่ดู (เพราะเป็นผู้ที่เปลี่ยนหม้อไปแล้วเหมือนผม) ..... ถามพี่กิตติ อารมย์แกก็ประมาณว่าเฉยๆ หม้อใหม่ก็ทำให้ร้อนช้าลง ความร้อนไม่เดินเร็ว แต่ก็ไม่ได้ลดความร้อนลงได้จากเดิม....ส่วนพี่นะนี่อารมย์แกชอบหม้อใหม่นี่เลยหละ....ประมาณว่าระบายเร็วมาก...กดมามากๆ ยกแป๊บเดียว ความร้อนระบายไปเยอะเลย....ทั้ง 2 คันดูจะไม่มีปัญหาเลยฟระ.....สงสัยงานนี้หนูทดลองตัวแรกอย่างผมจะตายเดี่ยวซะละมั้ง :L4386: :L4386:
ใจผมนี่ตั้งธงไว้เลยนะว่าหม้อน้ำใหม่นี่แหละเป็นผู้ต้องหาแน่ๆ.....แต่รถพี่กิตติกับพี่นะไม่มีปัญหา...เลยคิดว่าหรือจะเป็นที่หม้อน้ำลูกที่เปลี่ยนให้เราลูกเดียวที่มีปัญหา......ตอนผมเปลี่ยนหม้อน้ำ ไปเปลี่ยนพร้อมพี่นะ....มีหม้อน้ำวางอยู่ 2 ลูก....ลูกนึงช่างหยิบมาใส่รถผม อีกลูกหยิบไปใส่แมวป่า.....โอโห....โอกาส 50/50 กรูจะซวยปานนั้นเลยเหรอวะ ดันหยิบได้ลูกที่มีปัญหา......พอคิดทบทวนไปมา....ชักเอะใจ......เออวะ.....วันที่เปลี่ยนหม้อน้ำรถผมก็มีอาการแปลกๆ.....ในวันที่เปลี่ยนหม้อน้ำนั้น....รถผมเปลี่ยนก่อนแมวป่า.....เปลี่ยนเสร็จวิ่งไปลอง.....ออกจากร้านยังไม่ทันพ้น 500 เมตร ความร้อนขึ้นสูงมาก สมาร์ทเกทถึงขั้นร้องเตือน....ต้องรีบวนกลับมาที่ร้านใหม่.....ตอนนั้นคิดว่าไล่อากาศไม่ดีความร้อนถึงขึ้น (อาการคล้ายกับเวลาเช็ค 40000 โล เปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำ แล้วช่างไล่อากาศไม่ดี)......คิดไปคิดมา....เออวะ...รถเรามีอาการไม่ปกติจริงๆ ตั้งแต่วันเปลี่ยนหม้อน้ำแล้ว
อาการแรกที่พบ.....คือตอนไล่อากาศ.....ปกติเวลาไล่อากาศนั้น.....ต้องติดเครื่องไว้จนวาล์วน้ำเปิดซักพัก เพื่อให้ระบบน้ำมันวนเข้าไปในเครื่อง เพื่อไล่เอาอากาศออกมา.....ซึ่งการไล่อากาศครั้งแรกนั้น พอวาล์วน้ำเปิด มันจะดันอากาศออกมาเยอะเลย....และดูน้ำกลับเข้าไปเยอะเช่นกัน (การไล่อากาศตามแบบพี่นะนะครับ คือเอาขวดโค๊กใส่น้ำคว่ำไว้ที่ฝาหม้อน้ำ พอวาล์วน้ำเปิดมันจะดูดน้ำในขวดเข้าไปแทนอากาศเยอะเลย)......น้องปาเราวาล์วน้ำเริ่มเปิดที่อุณหภูมิ 82 องศา.....แต่รถผมวันที่เปลี่ยนหม้อ....พอไล่อากาศ...อุณหภูมิที่ 82 องศา.....วาล์วน้ำเปิด....แต่ไม่มีอาการดูน้ำเข้าไปเยอะๆเลย....มันเหมือนค่อยๆดูดทีละนิด ทีละนิด....ไม่ดูดเข้าไปทีเดียวเยอะๆ.....การไล่อากาศแบบนี้ผมก็เคยทำเองครับตอนที่เช็ค 40000 โลเสร็จ....กลับมาไล่ที่บ้าน พอความร้อนอยู่ที่ประมาณ 80 กว่าๆ.....มันก็ดูดน้ำเข้าไปเพียบเลย....แต่ตอนที่ไล่อากาศหลังจากเปลี่ยนหม้อแล้วไม่มีการดูดน้ำเข้าไป
อีกอาการที่พบคือตอนออกไปทดสอบขับหลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำ.....ช่างที่เปลี่ยนหม้อน้ำนั่งไปในรถด้วย....อาการที่พบและแปลกมาก ช่างก็บอกว่าแปลก....คือหลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำแล้วความร้อนก็ยังอยู่ในระดับเหมือนตอนยังไม่เปลี่ยนหม้อน้ำ....ไม่ได้ลดลง...อันนี้ไม่แปลกนะครับ....แต่ที่แปลกคืออาการขึ้นลงของความร้อน....คือความร้อนของรถผมหลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำแล้ว เวลาชลอรถ ความร้อนมันไม่ลงเร็วเหมือนกับที่ช่างเคยบอก...มันลงเหมือนกันแต่ลงช้าๆ.....แต่จะลงเร็วขึ้นเมื่อเหยียบคันเร่งอีกครั้งหลังจากชลอรถลงมา....ความร้อนมันจะลงไปนิดนึง...และถ้ากดคันเร่งต่อมันก็จะกลับขึ้นมาอีกเหมือนเดิม.....ทดสอบอยู่หลายรอบ...วิเคราะห์กันอยู่นาน....ช่างเองก็ยังงงๆ....พอกลับจากลองรถ พอดีที่ร้านหม้อน้ำมีคนมานั่งอยู่ 3-4 คน หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นช่าง ถ้าผมจำไม่ผิดเป็นช่างของศูนย์โตโยต้า.....ช่างที่เปลี่ยนหม้อน้ำก็เอาอาการรถผมไปเล่าให้ฟัง.....ช่างโตโยต้าเขาตอบสวนมาว่า อาการคล้ายๆ พัดลมฟรีปั๊มจะเสียหรือทำงานไม่เต็มที่หรือเปล่า.....ช่างก็เลยลองเอามือไปหมุนๆพัดลมฟรีปั๊มดู....หมุนที่รถผม แล้วก็ไปหมุนที่แมวป่า....ช่างบอกว่าก็เหมือนกันนะ...พัดลมฟรีปั๊มไม่น่ามีปัญหา (ปกติการทดสอบพัดลมฟรีปั๊มคือการลองเอามือไปหมุนพัดลมตอนดับเครื่องอยู่ จะรู้สึกว่าพัดลมมันฝืดๆ เหนี่ยวๆ นั่นคืออาการปกติ แต่ถ้าหมุนแล้วพัดลมมันหมุนไปง่ายๆ อันนี้มีปัญหาครับ เขาเรียกว่าพัดลมมันฟรีเกินไป)
หลังจากทบทวนเหตุการณ์แล้ว ผมเลยได้ผู้ต้องหามาอีก 2 คือ วาล์วน้ำ และพัดลมฟรีปั๊ม.....เอาวะ....ก่อนจะโทษหม้อน้ำ....ลองจัดการทดสอบกับไอ้ 2 ผู้ต้องหานี้ก่อนแล้วกัน....ใจผมคิดอย่างนั้นคือ....ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนหม้อน้ำเดิมกลับมาประจำการณ์....ขอลองจัดการกับไอ้ 2 ผู้ต้องหานี้ก่อน....ถ้าจัดการแล้วยังไม่ดีขึ้น สงสัยได้ฤกษ์ไปขอหม้อน้ำเดิมแมวป่ามาใส่แหงๆ :L2754: :L2754: :L2754:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version