Pajero Sport Mania ปาเจโร่สปอร์ตมาเนีย

Pa Mania Tales (เรื่องเล่าปามาเนีย) => Technics, Maintenance & Problem solving => ข้อความที่เริ่มโดย: ตูมตาม ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:00:36

หัวข้อ: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:00:36
สวัสดีครับพี่ๆ ทุกท่าน ทั้งสมาชิกบ้านปามาเนีย และพี่ๆที่ผ่านเข้ามาเยี่ยมชม วันนี้ฤกษ์งามยามดีจะมาขอแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเรื่องความร้อนของน้องปา 2.5VG 4WD ของผมนะครับ.....มันจบแล้วครับ หลังจากเป็นมหากาพย์อยู่นานร่วม 2 ปี

เป็นภาคต่อจากกระทู้หม้อนะครับ http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,914.0.html

พี่ๆที่ติดตามกระทู้หม้อมาตลอดน่าจะทราบกันดีว่าน้องปาผมมีปัญหาเรื่องความร้อน เริ่มรู้ตัวตั้งแต่ไปติดกล่องข้าวน้อย และมี Smart Gauge ติดมาให้.....พอมี Smart Gauge ติดมาให้ ก็เลยรู้ว่ามันร้อนมากหรือน้อยเพียงใด.....นับจากนั้นมาปีกว่าๆ พยายามเก็บข้อมูล ศึกษา สอบถาม วิเคราะห์.....จนสามารถเข้าใจเจ้าความร้อนนี้ได้ในระดับหนึ่ง.....สามารถใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าความร้อนนี้ได้....ยาวจนมาถึงการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนหม้อน้ำ....เพื่อลองดูว่าปัญหาความร้อนจะหมดไปหรือไม่....ข้อมูลหลายส่วน จากหลายแหล่ง คำแนะนำจากผู้รู้หลายท่านมุ่งไปที่จุดเดียวกันเลยครับคือหม้อน้ำ....ถ้าเปลี่ยนหม้อน้ำแล้วน่าจะจบ.....แต่มันไม่จบครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:19:39
ติดตาม มาตลอด เรื่องหม้อ  ขอบคุณ พี่ตูมตาม สำหรับ มหากาพย์เรื่องความร้อน ถึงมันจะไม่จบ
แต่ ผมก็ รู้สึกดีมากๆ ครับ ที่ พี่ๆ เสียสละเวลาหาข้อมูลวิเคาะห์ เพื่อเป็นแนวทาง เป็นประโยชน์ ต่อ สมาชิก หรือ คนอื่นๆ :L2900: ครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:33:33
ตอนที่1 มารร้ายกลับมารังควานอีกครั้ง

สำหรับตอนแรกนี้ต้องขอย้อนกลับไปตอนช่วงที่เปลี่ยนหม้อน้ำมาใหม่ๆนะครับ....หลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำแล้ว ได้ทำการทดสอบอย่างจริงจัง เก็บข้อมูล ลองวิ่งในเส้นทางที่เคยวิ่งแล้วจับความร้อนดู ลองวิ่งแบบที่เคยวิ่งแล้วความร้อนขึ้นสูงดู.....หลังการทดสอบ ผมพอใจในระดับหนึ่งครับ.....เจ้าหม้อใหม่นั้นไม่ได้ทำให้ความร้อนเดิมลดลงเลย มันยังวนเวียนอยู่แถว 92-97....แต่มันช่วยให้ความร้อนขึ้นช้าลง.....และระบายได้เร็วขึ้นเมื่อยกคันเร่ง.....ทางชันเช่นสะพานพระราม3 หรือสะพานวงแหวนกาญจนาฯ ที่เคยขึ้นแล้วความร้อนวิ่งไปถึง 99-100 ก็อยู่แค่ 98-99......ผมถือว่าพอใจได้ในระดับหนึ่ง หม้อใหม่นี้ระบายดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด.....แต่การทดสอบทั้งหมดนั้นผมทดสอบเพียงการวิ่งในเมือง และชานเมืองกรุงเทพฯ เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่สภาพการจราจร ถึงจะไม่แน่น แต่ก็มีรถพอสมควร ทำความเร็วไม่ได้มากนัก ซัก 120 กม./ชม. ก็ต้องยกแล้ว....ความร้อนก็วนเวียนอยู่แถว 94-95-96 ซะเป็นส่วนใหญ่ ดีกว่าเดิมก่อนเปลี่ยนนิดหน่อยครับที่มันชอบขึ้นไปอยู่แถว 97-98-99 หรือบางช่วงก็ทะลุ 100 ไปก็มี.......ถึงจะช่วยไม่ได้มากนัก แต่ยังงัยก็ยังดีกว่าเดิมครับ......แต่ผมก็ดีใจได้อยู่เพียงไม่นานครับ....เหตุการณ์มันกลับพลิกผันไปอย่างไม่น่าเชื่อ

การทดสอบหม้อน้ำใหม่....กับการวิ่งทางยาว....ทางชัน....ทางขึ้นเขา....ครั้งแรกหลังจากเปลี่ยนหม้อมา.....คือการออกทริบไปทีลอซูที่อุ้มผางครับ.....ระยะทางยาวร่วม 1500โล ทั้งขาไปและขากลับ และมีไม่ต่ำกว่า 500โล ที่เป็นทางขึ้นเขาลงเขา....เป็นเส้นทางที่ดีมากสำหรับทดสอบประสิทธิภาพของหม้อใหม่ครับ

เช้าวันเดินทาง......ผมตื่นแต่เช้า...มาจัดของ จัดการเอากล่อง Thule ขึ้นหลังรถ แปลงร่างจากปาออสซี่ เป็นเต่าขาว (กระดองดำ)......ประมาณ 7โมงเช้า จัดของขึ้นรถเรียบร้อย....ผบ. กับลูกชาย ลงมาทานอาหารเช้ากันอยู่....ผมทานอาหารเช้าตั้งแต่ก่อนจัดของแล้ว....เลยว่างๆ.....เออ...เปิดหม้อน้ำดูหน่อย....ตรวจเช็คน้ำในหม้อน้ำ น้ำในหม้อพัก ทุกอย่างอยู่ในระดับที่ ok หมด......เลยไปตรวจสอบอย่างอื่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันพาเวอร์ ทุกอย่างพร้อม...ก้มตรวจดูผ้าเบรก N500 ตัวใหม่ พร้อมกับเอามือไปลูบๆคลำๆเจ้าจานทองหน่อย....ผ้าเบรกเหลือเพียบ จานเรียบเนียนดี.....เอาหละทุกอย่างพร้อมสำหรับการเดินทาง....8โมงเช้า ก็ออกลุยกันเลย......จุดหมายแรก....ผมนัดกับคณะพบกันที่ปั๊มปตท. แถวอ่างทอง

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทาง 345 มุ่งหน้าปทุมธานี ผ่านนิคมบางกะดี แยกเข้าเส้น 347 วิ่งยาวผ่านบางปะหัน จนไปชนอ่างทองถึงเข้าสายเอเซีย.....ตลอดเส้นทาง...มีแดดบางๆ อากาศไม่ร้อนมาก.....ด้วยความคุ้นเคย...สังเกตุความร้อนตลอด....ความร้อนวนเวียนอยู่แถว 95-97 ที่ความเร็วประมาณ 120-140....ถ้ากดถึง 160 ความร้อนเริ่มเข้าไปเบียดที่ 98-99-100 .... ถือได้ว่าดีกว่าก่อนเปลี่ยน...เพราะก่อนเปลี่ยนหม้อน้ำความร้อนขึ้นสูงตั้งแต่ความเร็ว 120 ต้องผ่อนแล้วให้ลมปะทะหน้าเครื่องช่วยลดความร้อนลงก่อนถึงจะเหยียบต่อไป....แต่หลังจากเปลี่ยนไม่ต้องยกคันเร่งที่ 120 แล้ว....ไปยกที่ 140 แทน....และยกคันเร่งน้อยกว่า สั้นกว่า....แป๊บเดียวความร้อนลง......ok ท่าทางจะราบรื่นงานนี้.....จอดรถแวะทักทายหมู่คณะ...พักทานกาแฟ ขนม พอให้ได้พัก และเตรียมพร้อมสำหรับการตีรถยาวไปยังจุดหมายต่อไป.....อุทัยธานี

วางแผนไว้ว่าจะไปแวะทานอาหารกลางวันที่อุทัยฯ.....ออกจากปั๊มที่อ่างทอง.....ก็ตีรถยาวขึ้นไปอุทัยฯเลย....ระหว่างทางช่วงนี้อากาศร้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่เลยสิงห์บุรีไปแล้ว อากาศเริ่มร้อนจัด เพราะใกล้เที่ยงแล้ว......น้องปาเต่าขาว ควบทยานไปบนความเร็วประมาณ 140-160 ..... ต้องการทำเวลาหน่อย...เพราะจะไปเที่ยวน้ำตกคลองลานที่กำแพงเพชรฯ กลัวไปถึงจะเย็นซะก่อน......ทุกอย่างปกติ......แต่พอเข้าชัยนาท....ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....เสียงดังอันคุ้นเคยดังมาจากสมาร์ทเกทที่อยู่หน้าคอนโซล......เหลือบไปมอง...โอ้วววววว....ความร้อนครับ มันมาอีกแล้ว......ขึ้นไปถึง 101 องศา....ผมตั้งเตือนไว้ที่ 100 องศา.......เวรละ....รีบลดความเร็วลง.....พอความเร็วลงมาประมาณ 100 ....ความร้อนก็ลดลงมาประมาณ 99.....สมาร์เกทเงียบไป....แต่มีอีกเสียงนึงขึ้นมาแทน.....เสียงที่ได้ยินทุกครั้งเวลาไปแต่รถแล้วขนลุกขนพอง.......ถูกแล้วครับ.....เสียงผบ.......

ผบ. รถเป็นอะไร?
ผม  ความร้อนขึ้น ก็อาการเหมือนเดิมหละ
ผบ. อ้าว ก็เห็นไปเปลี่ยนหม้อน้ำมาไม่ใช่เหรอ ยังไม่หายอีกเหรอ
ผม (คิด) เวรละกรู

จากนั้นก็เป็นเสียงรำพึงรำพัน...ซึ่งผมจำไม่ได้ละ...เพราะดึงสมาธิกลับมาอยู่ที่ระดับความร้อน.....พอความร้อนลดลง...ผมก็ลองกดเพิ่มความเร็วเข้าไปอีก....ทีนี้พอถึง 120 ....ความร้อนแตะที่ 100 อีกละ.....อ้าว เฮ้ย.....ทำไมมันกลับมาเหมือนตอนก่อนเปลี่ยนหม้อน้ำอีกแล้วฟระ........พยายามยกคันเร่งชลอความเร็วเพื่อระบายความร้อน...แต่ก็ช่วยไม่ได้มากครับ.....ที่ความเร็ว 120 ความร้อนยังคงวนเวียนอยู่แถว 99-100 ตลอด...ทำความเร็วมากกว่า 120 ไม่ได้เลย เพราะกลัวว่าความร้อนจะทะลุ 100 ไปอีก......เดชะบุญ....มาถึงช่วงอุทัยธานีพอดี....ได้ยินเสียงจากว.แดงแจ้งว่า อีกไม่นานจะเลี้ยวซ้ายเพื่อแวะทานข้าวกลางวันกันที่อุทัยฯก่อน.......โอ้วววววว รอดไป ชลอความเร็วลงมา....ความร้อนก็น้อยลงตามมา......จนไปถึงร้าน จอดรถ ส่งผบ. กับลูก เข้าไปในร้านเรียบร้อย....เอารถไปจอด.....พอดับเครื่อง.....เดิมมาที่กระโปรงหน้า...ว่าจะเปิดกระโปรงระบายความร้อนซะหน่อย...พอเอามือไปแตะที่กระโปรงเท่านั้นแหละ....โอโห ทำไมมันร้อนอย่างงี้ฟระ....กระโปรงหน้าร้อนมาก.....เปิดกระโปรงหน้าออกมาเสร็จ มือไปดึงที่ค้ำฝากระโปรง....โอ้ววววว มันร้อนจนแทบจับไม่ได้เลย....ต้องจับๆปล่อยๆ.......เอ....อาการแบบนี้ไม่ดีแน่....มันไม่เคยร้อนขนาดนี้นี่หน่า.......แต่หม้อใหม่เป็นอลูทั้งใบ ระบายความร้อนได้ดี...เมื่อมันระบายดี มันก็คงมาระบายใส่อากาศในห้องเครื่องละมั้ง....อากาศในห้องเครื่องมันระบายไม่ค่อยออกเพราะไม่มีรูให้ออกได้ง่ายนัก...มันก็ร้อน........Ok อย่าคิดมาก เดี๋ยวค่อยว่ากัน ไปกินข้าวก่อน


 :L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:34:28
ติดตาม มาตลอด เรื่องหม้อ  ขอบคุณ พี่ตูมตาม สำหรับ มหากาพย์เรื่องความร้อน ถึงมันจะไม่จบ
แต่ ผมก็ รู้สึกดีมากๆ ครับ ที่ พี่ๆ เสียสละเวลาหาข้อมูลวิเคาะห์ เพื่อเป็นแนวทาง เป็นประโยชน์ ต่อ สมาชิก หรือ คนอื่นๆ :L2900: ครับ

เปลี่ยนหม้อแล้วไม่จบครับพี่ดล....แต่สุดท้ายมันก็จบครับ....รอติดตามไปจนตอนอวสานนะครับ  :L2754: :L2754: :L2734: :L2734: :L2736: :L2736:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ปุ้ม-PUM_Winyoo ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:42:59
ปูเสื่อรอชมครับ :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:56:20
อ้าวววววว,เล่าไม่จบ อารมณ์ค้างเยยอ่ะ
พี่ตามกลับมาเล่าต่อไวๆนะฮาฟว์

 :L6428: :L6428: :L6428:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: kobv5 (กอบ) ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 22:58:49
 :sd21: :sd21: จะอวสานซะแล้ว   มีภาคพิสดารต่อมั๊ย   ;D ;D
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 23:00:17
ตอนที่2 การต่อสู้กับมารร้ายตลอดเส้นทาง

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ....ผมรีบกินให้เสร็จก่อนคนอื่น....พอกินเสร็จก็รีบกลับมาที่รถ....เออ....เครื่องเริ่มเย็นละ....จัดการเอาผ้าที่เตรียมไว้มาชุบน้ำ....แล้วเอาไปพันที่ฝาหม้อน้ำ....ลองหมุนดูนิดนึง....ok น้ำไม่พุ่งออกมา......เปิดมาเช็คระดับน้ำ....ในหม้อน้ำก็มีน้ำอยู่เต็ม ที่หม้อพักน้ำก็ไม่แห้ง......เอ....แล้วความร้อนมันขึ้นได้ไงหว่า......คิดไปคิดมาเริ่มงง....เมื่อเช้าก็ขับมาดีๆ ความร้อนยังดีๆอยู่....หลังจากจอดพัก ออกมาก็ยังดีๆ อยู่.....ไหงพอใกล้ๆเที่ยงมันร้อนขึ้นอีกหว่า......สมมติฐานในใจผมตั้งไว้คืออากาศครับ อากาศวันนั้นร้อนจัดมาก....แดดก็ร้อนมาก.....ถึงหม้อใหม่จะระบายดียังงัยแต่ถ้าอากาศมันร้อนจัด มันก็ระบายไปไหนไม่ได้อยู่ดี......แต่ก็แปลกใจที่เมื่อมีลมปะทะหม้อน้ำเยอะ ทำไมมันยังร้อนอยู่อีก....เอาวะ...เดี๋ยวค่อยคิด....ขับไปก่อน...จะยังงัยทริบนี้ห้ามล่ม วางแผนมานานละ....เลยจัดการปิดฝากระโปรง สตาร์ทรถ วอร์มเครื่องเตรียมเดินทางต่อ....จุดหมายต่อไป น้ำตกคลองลาน จ. กำแพงเพชร

หลังจากออกจากอุทัยฯ.....อาการความร้อนยังไม่ดีขึ้น....ทำความเร็วได้ประมาณ 120 ความร้อนวนเวียนอยู่แถว 99-100 ....เมื่อยกคันเร่งความร้อนก็ลง...เมื่อเติมคันเร่งความร้อนก็ขึ้น....เป็นอยู่แบบนี้ตลอด.....เลยขับได้ที่ความเร็ว 120 ....ลากยาวมาได้ซักพัก....ก็มีเสียงดังขึ้นอีก....ไม่ใช่เสียงสมาร์ทเกทครับ....เสียงผบ.

ผบ. ทำไมวันนี้ขับรถเรียบร้อยจัง (ปกติออกต่างจังหวัดนี่ผมขับไม่ต่ำกว่า 140 ตลอดครับ บางช่วงรีบๆมีกด 180-190)
ผม (คิด) ซวยอีกละตรู
ผม ไม่มีอะไร ก็ไม่รีบขับเรื่อยๆ
ผบ. ก็ดีนะ ขับนิ่มๆแบบนี้ ฉันหลับละนะ
ผม ok จร้าาาาาาาาา (คิด) กูรอดไป

หลังจากวิ่งผ่านนครสวรรค์มา พอใกล้เข้ากำแพงเพชร....เสียงดังจากว.แดงมาทักอีก......เฮ้ย เป็นไร วันนี้ขับเรียบร้อยจริงนะ......เอาละซิ.....อย่าทักซิวะ...ผบ.หลับอยู่เดี๋ยวตื่นมาผิดสังเกตุกรูโดนอีก......หลังจากใช้ความพยายามอยู่นานกับการขับไปเลี้ยงความร้อนไป...ทำความเร็วไม่ได้....ได้แค่ 120 ตั้งแต่อุทัยฯ จนจะเข้ากำแพงเพชรแล้ว.....สุดท้าย....ต้องใช้ท่าไม้ตายที่กำหราบเจ้าความร้อนมาทุกครั้ง......คือยอมครับ.....ยอมปิดกล่องข้าวน้อยเลย......จากที่ตั้งไว้ที่ Race2 ลดลงมาที่ STD เลยครับ......เมื่อปิดกล่องแล้ว....ความร้อนก็ลดลง....ทีนี้พอทำความเร็วได้ละ140-160 ยังไหว ความร้อนลงมาอยู่ที่ 96-98......เอาละทีนี้ยาวละครับ...ยิงยาวจนถึงทางแยกจากสายเอเซีย เข้าเส้นรองมุ่งหน้าน้ำตกคลองลาน

ขับแบบไม่มีกล่องข้าวน้อยนี่รถมันอืดดีแท้...ไม่ค่อยมีกำลังเลย....ดีที่มีกล่องคันเร่งไฟฟ้าช่วยอยู่...ยังพอรับได้...แต่ช่วงจังหวะเร่งแซงนี่ผิดกันกับเปิดกล่องลิบลับ...ขับเรื่อยๆพอไหว.....จนไปถึงน้ำตกคลองลานอย่างสวัสดิภาพ...ความร้อนไม่ขึ้นถึง 100 อีกเลย วนเวียนอยู่แถว 96-98 มีไป 99 บ้าง บางจังหวะ....Ok ท่าไม้ตายกำหราบความร้อนยังใช้ได้อยู่.....ไปเที่ยวดีกว่า  :L2754: :L2754:

หลังจากเที่ยวน้ำตกคลองลานเรียบร้อย.....เวลาประมาณ 5โมงเย็น.....ต้องออกจากน้ำตกคลองลานมุ่งหน้าตัวเมืองกำแพงเพชร...คืนนี้นอนกำแพงเพชรก่อน รุ่งขึ้นค่อยลุยอุ้มผางพร้อมพี่สุพัท......ระยะทางจากคลองลานถึงเมืองกำแพงเพชร 40กม......ก่อนออกเดินทางผมนึกถึงสมมติฐานที่นึกไว้ในใจตอนความร้อนขึ้นว่า อากาศร้อนน่าจะมีผลทำให้ความร้อนระบายไม่ทัน.....ตอนออกจากคลองลาน 5โมงเย็น แดดร่มลมตก...อากาศเริ่มไม่ร้อนละ เย็นสบาย.....ก่อนออกเดินทางผมเลยลองเปิดกล่องข้าวน้อยขึ้นมาอีกที ปรับกลับไปที่ Race2 ดูซิว่า อากาศแบบนี้มันจะร้อนมั๊ย วัดกันที่ 40กม.นี้แหละ.....ผลคือตลอดเส้นทางความร้อนก็ไม่ขึ้นเกิน 100 ....วนเวียนอยู่แถว 96-99 แค่นั้น.....40กม. ผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะวิ่งที่ความเร็ว 160  :L2754: :L2754: ไม่ใช่อะไรครับ หิวข้าว จะรีบเข้าเมืองไปหาข้าวกินแค่นั้น
:L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 23:37:52
ตอนที่3 เมื่อมารร้าย 2 ตัวมาพร้อมกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศสดใส.....ผมตื่นแต่เช้ามารับอากาศสดชื่นที่ริมน้ำเมย นั่งจบกาแฟสบายอารมย์....ไม่นานเพื่อนๆในคณะก็ตามกันลงมานั่งจิบกาแฟคุยกัน....จน 8 โมง ได้ฤกษ์เก็บข้าวของขึ้นรถ เตรียมออกเดินทาง......แวะเข้าเมือง หน้าตลาด หาข้าวเช้ากินกันก่อน...อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก่อนออกจากเมือง แวะวนรถเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์ซะหน่อย...ไม่ได้จอดแวะ...อุทยานประวัติศาสตร์ที่นี่สามารถเอารถเข้าไปวนข้างในได้ เลยขับรถเข้าไป.....มันก็ไม่มีอะไรมาก มีแต่ "กำแพง" สมชื่อจังหวัดจริงๆ......ประมาณ 10 โมง.....โทรเช็คพี่สุพัทที่ออกจากกรุงเทพฯมาเมื่อเช้ามืดวันนี้....พี่แกขับเลยกำแพงเพชรไปนิดนึงแล้ว....นำหน้าผมไปหน่อย....ก็เลยเรียกคณะให้รวมตัว ออกเดินทางต่อ....จุดหมายต่อไป แม่สอด

ออกจากกำแพงเพชรช่วงสายๆ อากาศยังไม่ร้อนเท่าไหร่......ผมยังเปิดกล่องข้าวน้อยขับไป...ความร้อนปกติ 96-99 พอทำความเร็วได้ 140-160 ความร้อนยังไม่ทะลุ 100 ......แต่ต้องผ่อนคันเร่งรอระบายความร้อนเป็นระยะ......ขับแบบนี้เหนื่อยเหมือนกันนะครับ....สมาธินอกจากจะต้องอยู่กับการขับรถ ยังต้องมาพะวงเรื่องความร้อน...รถว่างๆ จะเร่งมากก็ไม่ได้  ต้องคอยผ่อนให้ความร้อนระบายออกก่อน....แต่ก็ยังพอขับได้......พอขับเร็วหน่อย ผมก็ทิ้งห่างจากคณะพอสมควร......พอมาถึงช่วงทางแยกจะเข้าเส้นแม่สอดเลยตัดสินใจจอดรอคณะผู้ร่วมทางก่อน.....ลูกชายจอมซนขอลงไปยิงกระต่ายข้างทาง ผบ. ลงไปเดินยืดเส้นยืดสายหน่อย.......ช่วงนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเกือบๆเที่ยงแล้ว...ผมลงจากรถมาอากาศเริ่มร้อน แดดเปรี้ยงเลย....นึกในใจ.....เมื่อวานช่วงนี้ขับทางราบๆจากอ่างทองมาอุทัย ความร้อนยังขึ้นเลย....แล้ววันนี้ต้องขับไปแม่สอด ขึ้นเขาลงเขาตลอดทาง.....ความร้อนเอาไม่อยู่แหงๆ.....ถ้าสมาร์ทเกทร้องปรี๊ดขึ้นมาอีก...มีหวังโดนผบ.บ่นเรื่องแต่งรถบานแน่นอน......เลยตัดสินใจปิดกล่องข้าวน้อยไปเลยละกัน กันไว้ก่อน.....เรื่องอะไรก็เสี่ยงได้ แต่มีเรื่องกับผบ. นี่ไม่ควรเสี่ยง....ปลอดภัยไว้ก่อน......พอคณะผู้ร่วมทางมารวมตัวกันครบ ก็ออกเดินทางต่อครับ...เส้นทาง ตาก-แม่สอด...จุดหมายปลายทาง ที่แม่สอด....นัดพี่สุพัทกินข้าวกันที่นั่น

หลังจากเลี้ยวเข้าเส้นตาก-แม่สอดไปซักพัก.......เริ่มเจอทางขึ้นเขาชันไม่มาก แต่ยาวๆ.....โอ้วววว...ทางแบบนี้น้องปาเต่าขาวเกลียดที่สุด....มันไม่มีที่ให้ผ่อนคันเร่งเลย.....เจอแบบนี้ไป 3 เนิน....ความร้อนเริ่มมาแล้วครับ.....ความเร็วไม่มากเพราะส่วนใหญ่เป็นทางขึ้นเขา....แต่ความร้อนเริ่มแตะที่ 99 แล้ว......ซวยละซิกรู......เอาไงดีหนอ.....อันดับแรก...ลดปัญหากับผบ.ก่อนครับ......เอื้อมมือไปที่สมาร์ทเกท....ปรับการแจ้งเตือนความร้อนจาก 101....เอามันขึ้นไปที่ 105 เลย.....คราวนี้ไม่ร้องแน่....เหลือบเห็นผบ.หันมามอง....เลยหันไปบอกว่า ปิดกล่องดันรางก่อน ทางขึ้นเขาเค้นเครื่องมากมันไม่ดี......คุณเธอไม่พูดอะไร....หันไปมองออกนอกหน้าต่างไป......เออออ.....ไม่พูดอะไรนี่ก็น่ากลัวไปอีกแบบ.... :L2754: :L2754: :L2754:

หลังจากนั้นก็ขับต่อไปเรื่อยๆ...ความร้อนขึ้นสูงพอควรเพราะขับขึ้นเขา....ความร้อนวนเวียนอยู่ที่ 99-102 ....ถ้าไม่ปรับสมาร์ทเกทหนีขึ้นไปอีกละก็โดนแน่ๆกรู......แต่เข็มความร้อนที่หน้าปัดไม่มีขยับเลย อยู่ที่เดิมตลอด.....เอาวะ....เข็มยังไม่ขยับก็ยังถือว่าปลอดภัยอยู่...ไปเรื่อยๆก่อน...ผมก็ขับขึ้นเขาลงเขาแบบประคองความร้อนมาตลอด....แต่พอเลยครึ่งทางมาหน่อย.....เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครับ.....มารร้ายอีกตัวโผล่มาอีก....ด้วยความที่ขับรถขึ้นลงเขา และยังต้องเพ่งสมาธิกับเรื่องการประคองความร้อนตลอด....ก็เลยลืมครับ.....ลืมไปเรื่องนึง.....คือเรื่องเกียร์.....ขับโดยใช้ D ขึ้นเขามาตลอด และมาเปลี่ยนเกียร์ + - บ้างเวลาขึ้นเนินชันแล้วท่าทางจะขึ้นไม่ไหว...พอพ้นเนินก็เปลี่ยนกลับไป D ใหม่ เพราะขึ้เกียจเปลี่ยนเกียร์.....แยกสมาธิลำบาก ต้องเพ่งหลายอย่าง.....ผลที่ตามมาคือ เกียร์ล็อคครับ......ล็อคที่เกียร์ 2 ....ซวยจริง.....พอพ้นเนินเกียร์ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยน ยังล็อคที่เกียร์2.....รอบเครื่องก็สูงมาก...เสียงเครื่องก็ดังมาก.....แล้วเสียงเดิมก็ตามมาอีก....เสียงผบ.ลอยมาทันที

ผบ. รถเป็นอะไรอีก
ผม เกียร์มันล็อค
ผบ. แล้วจะแก้ยังงัย
ผม เดี๋ยวขับประคองไปก่อน เดี๋ยวก็หาย
ผบ. นี่เธอไปทำอะไรกับรถ เดี๋ยวความร้อนขึ้น เดี๋ยวเกียร์ล็อค ตกลงไปแต่งรถให้ดีขึ้นหรือแย่ลง
ผม (คิด) ซวยแล้วตรู ความร้อนยังแก้ไม่จบ แม่มมาเกียร์ล็อคอีก

หลังจากนั้นผมก็พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องเกียร์ล็อคไปก่อนครับ (ผมลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเกียร์ล็อคไปแล้วในอีกกระทู้นึงนะครับ ไม่เล่าซ้ำในที่นี้)......แต่เกียร์ล็อคก็มีข้อดีอย่างนึงครับ....คือมันทำให้เราขับช้า....ช้า...ถึงช้ามาก....พอขับช้า ความร้อนมันก็ไม่ขึ้น เออ....แก้ปัญหาเดียวก็ยังดีกว่าทั้งความร้อนทั้งเกียร์มารุมพร้อมกัน.....สุดท้ายผมก็ประคองขับมาได้ถึงแม่สอด โดยที่ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนละ...แต่มีปัญหาเรื่องเกียร์มาแทน

พอถึงแม่สอด...โทรหาพี่สุพัท....พี่แกนั่งกินส้มตำลาบอยู่ตรงทางแยกเข้าอุ้มผางแล้ว....เลยตัดสินใจพาคณะไปกินร้านเดียวกับพี่สุพัทเลย ไม่ต้องเข้าเมือง.....คือเกียร์มันยังแบบเดี๋ยวล็อค เดี๋ยวไม่ล็อค....ตัดปัญหา จอดกินข้าวมันซะเลย  :L2754: :L2754: :L2754:...หลังกินข้าวเสร็จได้โทรปรึกษาพี่นะเรื่องเกียร์ล็อค ได้รับคำแนะนำมาเรียบร้อย....พร้อมเล่าถึงปัญหาเรื่องความร้อน...ได้รับข้อคิดเห็นมาเหมือนกัน แต่การแก้ปัญหาคงทำไม่ได้ระหว่างทาง คงต้องประคองไปแบบนี้แหละ.....OK ละ....เตรียมตัวเตรียมใจ.....อีก 164กม. 1219โค้ง กับปัญหาทั้งเรื่องความร้อนทั้งเรื่องเกียร์.....ยังงัยต้องรอด....สู้โว้ยยยยยยยยยยย


 :L2756: :L2756: :L2734: :L2734: :L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 23:44:29
วันนี้ขอพักไว้แค่ตอนนี้ก่อนนะครับ....ขอไปเคลียร์งานก่อน...เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อกันครับ

ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ติดตามครับ


 :L4399: :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตู่ Black PJM ที่ 8 พฤษภาคม 2013, 23:55:58
หนุกดีครับ  :L2900: ยิ่งตอนเวลาที่ผบ.พี่ตามทักเรื่องรถแล้วรู้สึกว่ามันดูคุ้นๆกะตัวเองอ่ะครับ  :sd42:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 03:56:37
มาต่อกันอีกนิดก่อนจะหนีไปนอนครับ

ตอนที่4 ฝ่า 1219 โค้ง


หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อกลางวัน ลาบ-ส้มตำเรียบร้อยแล้ว.....ก็จัดการแวะซื้อเสบียงจากปั๊มปตท. ที่แยกอุ้มผาง.....หลังจากนั้นก็ลุยกันเลย....เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีทางโค้งเยอะมาก.....และโค้งแต่ละโค้งก็กระชั้นมาก....ลองคิดดูครับ....164กม. มี 1219 โค้ง ตกเฉลี่ยแล้วประมาณ 7.5 โค้งต่อ 1กม.....ดังนั้นเฉลี่ยจะมีโค้งทุกๆ 150 เมตร.....พระเจ้าช่วย......ทางบางช่วงนี่อย่างกับมีโค้งตัว S ซัก 4-5 ตัวมาต่อกัน ยึกยักยึกยือยังกะงูเลื้อย.....ในคณะเลยตกลงกันว่า จะขับกระจายกันไปครับ โดยไม่ขับต่อเรียงกันเป็นขบวน....จะได้ไม่ต้องเครียดกับการเบรกกระชั้นชิดมากนัก.....ผมขับตามพี่สุพัทไป เหมือนไปกันแค่ 2 คัน คันอื่นๆ ก็ขับกระจายกันไป ค่อยๆขึ้นเขามาทีละคัน ไม่มาแบบติดๆกัน

สำหรับเรื่องเกียร์ เส้นทางนี้ผมทำตามคำแนะนำของพี่นะ สามารถผ่านไปได้ทั้งหมดโดยไม่มีอาการเกียร์ล็อคแม้แต่ครั้งเดียว (พี่ท่านใดสนใจติดตามรายละเอียดกระทู้เกียร์ล็อคกับ 2400 โค้งนะครับ http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,1100.0.html)

สำหรับเรื่องความร้อน....มันยังอยู่ครับ...มันเริ่มตั้งแต่เนินแรกเลย......ตอนเริ่มเดินทางเป็นเวลาประมาณบ่าย2โมง...อากาศยังร้อนจัด แดดเปรี้ยงสุดๆ.....พอเจอเนินแรกก็ได้เรื่องเลยครับ....เป็นเนินไม่ชันมาก และทางยาวตรงๆ....เป็นทางที่น้องเต่าขาวไม่ชอบเลย.....แถมรถเยอะอีกต่างหาก เพราะมีด่าน ทำให้รถวิ่งกันช้าๆ ขึ้นเนินไป......เป็นผลให้ผมไม่สามารถใช้ความเร็วส่งขึ้นเนินไปได้....ต้องคลานตามขบวนเขาไป.....ถึงยอดเนินได้เรื่องเลยครับ....ความร้อนขึ้นไปอยู่ที่ 106 องศา.....สมาร์ทเกทร้องปรี๊ดอีกแล้ววววววววว.....เหมือนเดิมครับ....ตามมาด้วยเสียผบ.

ผบ. ความร้อนขึ้นอีกแล้วเหรอ
ผม อืม..ใช่
ผบ. ทำไมมันเป็นบ่อยจัง
ผม ก็เหมือนเดิมแหละ มันก็เป็นแบบนี้แหละเวลาขับขึ้นเขา
ผบ. เมื่อก่อนไม่เห็นมันเป็นบ่อยแบบนี้เลย เปลี่ยนหม้อน้ำมาดีจริงหรือเปล่า
ผม ............

งานท่าจะเข้าซะละทีนี้....ความร้อนตั้งเตือนที่ 105 องศายังเอาไม่อยู่......เอ้า....ลองดูอีกซักหน่อย.....ขับต่อไปเป็นทางลงเขา....ความร้อนก็ลดลงมาอยู่ประมาณ 100....หลังจากนั้นก็เป็นทางขึ้นๆลงๆไปเรื่อยๆ.....เดชะบุญ เส้นทางเป็นเส้นทางที่วิ่งอยู่ในป่า ต้นไม้เยอะมาก.....ถึงแดดจะยังร้อนแต่อากาศเริ่มไม่ร้อนแล้ว....เจ้าความร้อนเจ้ากรรมก็เลยไม่ขึ้นมาวิบัติอีก......ความร้อนจะวนเวียนอยู่แถว 95-98 เวลาลงเขาบางช่วงมีลงไปถึง 91 บ้าง และเวลาขึ้นเขาบางช่วงขึ้นไปถึง 100 บ้าง แต่ก็ไม่เกินไปกว่า 100 ...... ต้องขับทางโค้งเยอะแยะ....เกียร์ก็ต้องระวัง ความร้อนก็ต้องสังเกตุ โค้งอันตรายก็เยอะ หลุมก็แยะ......ก็ประคองตัวขับไปครับ....แต่ก็ยังสามารถเกาะหลังพี่สุพัทไปได้เรื่อยๆ....เวลาขึ้นเขาโดนพี่สุพัททิ้งไกลเลย เพราะผมต้องระวังทั้งเกียร์ล็อค ต้องระวังทั้งความร้อน ขึ้นเขาเร็วมากไม่ได้....ไปไล่พี่สุพัททันก็ช่วงลงเขา.....ไม่กลัวทั้งความร้อน ไม่กลัวทั้งเกียร์ล็อค....สบายไปครับ.....ขับมาจนใกล้จะถึงอุ้มผางอยู่แล้ว....เจอปัญหาเล็กๆอีก 1 เกิดขึ้นอีก.....โอ๊ยยยย มันจะอะไรกันนักหนาวะ......ปัญหาคือเบรกเฟดครับ.....คือตอนช่วงใกล้ๆจะถึง มีโค้งลงเขาหักศอกและชัน อยู่ 4 โค้ง......ขับไล่หลังพี่สุพัทมา......ใช้ engine เบรกช่วยได้หน่อย แต่ไม่พอต้องแตะเบรก.....ผ่านโค้ง2 ไปถึงโค้ง3 เบรกเริ่มเฟด......เกือบได้ชนท้ายพี่สุพัทส่งพี่สุพัทตกเขา....ยังดีที่เป็นจานทอง+N500 เลยพอเอาอยู่....รู้ตัวทันทีว่า....เวรละ....เบรกเริ่มเฟดละ.......นึกว่าเราเป็นคนเดียว....พอเข้าโค้งที่ 4 เห็นพี่สุพัทเปิดไฟฉุกเฉินก่อนเข้าโค้ง....เดาได้เลย..... :L2754: :L2754: :L2754: ตรูไม่ได้เป็นคนเดียวละเหวย....พี่สุพัทเบรกเฟดด้วยแหงๆ.....และก็เป็นจริงเช่นนั้นครับ.....พอพ้นโค้ง 4 มีพื้นราบปลอดภัย จอดกันทั้ง 2 คันครับ ลงมาตรวจสอบสภาพเบรกกันหน่อย.........แต่ตลอดทางที่เบรกเฟด ผบ. ไม่รู้เรื่องเลยครับ...ผมก็ไม่พูดอะไร ขับไปเรื่อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น....เพราะถ้าขืนให้ผบ. รู้ว่านอกจากความร้อนจะขึ้น เกียร์จะล็อคแล้ว เบรคยังเฟดอีกนี่ มีหวังชาตินี้คงไม่ได้แต่งรถอีกแน่นอน  :L2754: :L2754: :L2754:

สุดท้ายหลังจากเป็นร่วม 3 ชั่วโมง ก็มาถึงที่หมายที่ อ.อุ้มผางอย่างปลอดภัยครับ....ความร้อนไม่ขึ้นเกิน 100 เลย.....น่าจะเป็นด้วยช่วงที่ขับอากาศไม่ร้อนมากด้วย และเป็นป่าซะส่วนใหญ่ แดดก็ไม่แรงมาก (ต้นไม้เยอะ) ครับ....ช่วยให้รอดช่วงโหดนี้ไปได้อย่างราบรื่นเรื่องความร้อนนะครับ

ประมาณ 6โมงเย็น ทุกคันในคณะก็ขับถึงที่หมาย โรงแรมที่พักอย่างสวัสดิภาพ ท่องเที่ยวทีลอซูอย่างสนุกสนานกันไปครับ  :L2734: :L2734: :L2754: :L2754:

เอาละขาไปจบละ....ปัญหาความร้อนมาเป็นระยะ ช่วงขับความเร็วสูงและอากาศร้อนเป็นตลอด...แต่พอเย็นๆ หรือตอนเช้าๆ สายๆ ไม่เป็น......เดี๋ยวมาต่อขากลับกันต่อครับ.....ยังครับ....ยังไม่หมด.....วิกฤตยังไม่หมด....ยังมีอีก...เดี๋ยวขากลับเจอกัน

 :L6419: :L6419: :L6419:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่แกะ (PKT) ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 06:05:24
 :L6428: :L6428: :L6428:มาติด(พี่)ตามครับ :sd42: :sd42: :sd42:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: สุภัทร (Pat) ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 07:43:48
สนุกมากครับ พี่ตาม ทั้งได้ขับรถเที่ยวด้วยกัน และ การติดตามอ่านข้อมูลจริงๆ ที่เป็นประโยชน์มากครับ :sd10: :sd10: :sd10:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่จ่า Jatot ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 08:46:53
อาการ "เบรกเฟด" เป็นอย่างไร?อธิบายให้ฟังหน่อย ไม่รู้จริงๆ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตู่ Black PJM ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 08:54:41
อาการ "เบรกเฟด" เป็นอย่างไร?อธิบายให้ฟังหน่อย ไม่รู้จริงๆ

ตามนี้ครับ http://www.aftermarket.daiwaasia.co.th/index.php?option=com_content&task=view&id=57&Itemid=134
แถมครับ  http://samrongbrakepad.com/index.php/2009-09-20-04-01-06/11-brake-error
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: สุภัทร (Pat) ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 11:09:27
ขอบคุณมากๆ ครับพี่ตู่

เข้าไปอ่านทั้งสองเวปแล้ว ท่องไว้ cool downๆๆๆๆๆ :sd23: :sd23: :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 23:15:00
อาการ "เบรกเฟด" เป็นอย่างไร?อธิบายให้ฟังหน่อย ไม่รู้จริงๆ

รถเราหากใช้จานเดิมและผ้าเบรคเดิมก็เกิดขึ้นง่ายมาก   หากมีการบรรทุกคนสัก 5 คนแล้ววิ่งมาเร็วหน่อยแล้วกดเบรคแน่นๆยาวๆประมาณครั้งที่ 3 ต่อเนื่องกันเท่านั้นรับรองไหล
และไม่สามารถเบรครถในระยะเดิมได้

อีกกรณีหนึ่งคือการลงเขาเข้าโค้งแบบยัดมาทุกโค้งเล่นเบรคบ่อยๆ  ก็จะเกิดอาการไหลยิ่งมีคนนั่งหลายคนเห็นชัดมาก

การเจาะรูจานเบรคและการเซาะร่องจานเบรคและร่องผ้าเบรคช่วยให้ก๊าซที่เกิดคลายตัวได้  แต่ไม่ได้ลดอาการเกิดก๊าซจากการเสียดสี

การเปลี่ยนผ้าเบรคที่ดีขึ้นเกรดสูงขึ้น  สามารถทดความร้อนได้ดีกว่าผ้าเบรคเดิมติดรถทำให้ความร้อนที่มากระทำต่อผ้าเบรคยังสามารถทนได้ดีแต่จานเบรคจะไหม้และเกิดฟองอากาศขึ้นจนเกิดการขยายตัวของโมเลกุลในเนื้อจาน  เมื่อผ้าเบรคเกรดสูงก็จะบีบจนจานคดได้และใช้งานแบบนี้บ่อยๆ   อาจจะเห็นจานเป็นเม็ดๆสุดท้ายก็ต้องเจียจานเบรคครับ   มีผลทำให้ความแข็งของผิวจานลดลงอีก (ไม่ควรเจียรจานเบรคบ่อย)

การเปลี่ยนจานเบรคที่คุณภาพสูงช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแบบนี้ได้มากถึงแม้จะใช้ผ้าเบรคเกรดธรรมดา  แต่ถ้าผ้าเบรคร้อนมากก็อาจจะไหลได้แต่ยังสามารถเบรคอยู่มากกว่าจานร้อนจนแตกตัวโมเลกุล    แต่พอใช้ผ้าเบรคที่เหมาะสมจะลงตัวกันมากสำหรับการหยุดรถในสภาวะแบบนี้ (แต่การใช้งานอย่างหนักก็อาจเกิดขึ้นได้อีกแต่โอกาสน้อยกว่ามาก)

** การเปลี่ยนจานเบรคที่ดีผ้าเบรคเกรดสูง   จะเบรคไม่นุ่มนวลเมื่ออุณภูมิผ้าเบรคต่ำอาจจะมีเสียงครืดๆเวลาเบรคเบาๆไม่ดังมากแต่รับรู้ได้   ซึ่งต่างจากของเดิมที่กดมีไรก็นิ่มนวล   แต่เมื่อเบรคร้อนจะหยุดรถได้ดีและใช้ระยะหยุดรถที่สั้นกว่ามากๆครับ

note : ที่ว่ามานี้  มีในจานเบรค DBA + ผ้าเบรค N500 ครับ (ไม่ได้ถึงกับดีมากจนแก้ปัญหาได้ทุกสถานะการณ์   แต่ก็พอใจมากมายกว่าของเดิมหลายเท่า โยที่ไม่ต้องดัดแปลงอะไรเลยครับ)
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 23:45:30
ตอนที่5 ลมสงบก่อนพายุจะมา

เอาละครับมาว่ากันต่อ.....ขอข้างการไปเที่ยวนะครับ....มาว่ากันวันกลับเลย....วันที่ออกเดินทางกลับจากอุ้มผาง....พี่สุพัทขอออกล่องหน้าไปก่อน เพราะพี่ท่านจะตียาวกลับกรุงเทพฯ.....ส่วนผมและคณะจะไปนอนพักที่แม่สอดอีก 1 คืน จากนั้นรุ่งขึ้นค่อยตีเข้ากรุงเทพฯ

หลังจากกินข้าวเช้ากันแบบชิลๆแล้ว.....สายๆ หลังจากพี่สุพัทออกไปได้ซัก 1 ชั่วโมง.....ผมและคณะก็เริ่มเก็บข้าวของออกเดินทาง.......ตลอดเส้นทางขากลับอุ้มผาง-แม่สอด.......1219 โค้งเดิมของขามา......ตอนออกเดินทางเช้าวันนั้นที่อุ้มผางอากาศเย็ฯสบายมาก ประมาณ 20องศาเท่านั้น....เดินทางตอนเช้า แดดไม่แรง......ผ่าน 1219 โค้ง...ไปโดยไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนแต่อย่างใด.....จะมีบ้างช่วงขึ้นเขาหนักๆ....แต่ความร้อนสูงสุดก็อยู่ราวๆ 100 เท่านั้น....ถือได้ว่าราบรื่นมาก....และอาจจะเป็นเพราะช่วงขากลับนี้เป็นช่วงที่ผมทำการทดสอบเรื่องเกียร์ล็อค....ดังนั้นมีหลายจังหวะที่ผมจอดพักรถ เพื่อให้อาการล็อคมันหายไป......รวมถึงการใช้ความเร็วที่น้อยกว่าขามา.....จึงทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนแต่อย่างใด.....ผ่านไปได้ด้วยดีจนถึงแม่สอด

หลังจากค้างที่แม่สอด 1 คืน....เช้าวันรุ่งขึ้นออกเดินทางออกจากแม่สอด....มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ.....ออกเดินทางสายๆ....แวะกินข้าวที่ร้านส้มตำ-ลาบร้านเดิมที่กินตอนขามาก่นอออกเดินทาง.....ตอนออกเดินทางอากาศไม่ร้อนมาก แต่แดดร้อนพอสมควร......ไม่ได้เย็นเหมือนตอนออกจากอุ้มผาง......ตลอดระยะทางประมาณ 100 กม. จากแม่สอดมุ่งหน้าจ.ตาก......อาการความร้อนเหมือนเดิม....วนเวียนอยู่แถว 95-96-97-98....มีขึ้นไปถึง 100 บ้างช่วงขึ้นเขาหนักๆ แต่ไม่เลย 100 ไปถือว่า ok ละ.......ขากลับแวะตลาดมูเซอร์....ตอนนั้นช่วงประมาณซักเที่ยงๆได้....อากาศเริ่มร้อนละ....แดดแรงมาก.....แต่หลังจากตลาดมูเซอร์ เริ่มเป็นช่วงลงเขาแล้ว.....ปัญหาความร้อนไม่มี....ช่วงนั้นปัญหาเรื่องเกียร์ก็ไม่มีละ เพราะรู้วิธีขับละ.....สบายใจเลยครับ.......คิดว่าไอ้ความร้อนขึ้นตอนขามาน่าจะมาจากอากาศที่ร้อนๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆ แค่นั้น....คงไม่เป็นอีกละ......เมื่อขับมาถึงตาก....เลยจัดการเปิดกล่องข้าวน้อยขึ้นมาอีกที....ลดการตั้งเตือนความร้อนมาอยู่ที่ 101 ตามเดิม.....คือปรับทุกอย่างเหมือนปกติละ.....ปัญหาความร้อนสูงไม่น่าเกิดแล้ว...ผมคิดอย่างนั้น.....และมารู้จากนั้นไม่นานว่า ผมคิดผิดจริงๆ

 :L4386: :L4386:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 23:47:45
มารอฟังต่อ    :L2904:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: กิต <Black Angel> ที่ 9 พฤษภาคม 2013, 23:52:03
อ่านเพลินดีครับพี่ตาม แถมได้ความรู้ด้วย เอาไปหนึ่ง  :L6428:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ไซ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 00:18:23
มาเกาะขอบจอรอฟังครับ
 :L6428: :L6428: :L6428:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 00:26:25
ตอนี่ 6 วิกฤตกว่าเดิม

เอาละครับพอลงมาพื้นราบช่วงตาก....อากาศช่วงบ่ายๆยังร้อนตับแลบเหมือนเดิม....แดดเปรี้ยงจนรู้สึกว่าแอร์มันจะสู้ไม่ค่อยไหว......การขับช่วงนี้ก็มาเรื่อยๆครับ...รถไม่มาก ทำความเร็วได้ดี.......ความร้อนก็ปกติ....วันเวียนอยู่ที่ 95-98......แต่ต้องขับแบบประคองนะครับ...มีผ่อนบ้างเพื่อระบายความร้อนเพื่อกดต่อ.....แต่ผมก็เริ่มรู้สึกว่าเวลาเร่งแซงทำไมความร้อนมันขึ้นเร็วจัง....แต่ไม่ได้คิดอะไร.....เพราะพอแซงแล้ว ยกคันเร่งหน่อยนึง....ความร้อนก็ลง....ความร้อนมีขึ้นไปแตะ 100 บ้างเวลาเร่งแซงหลายๆคัน....กดยาว....ความร้อนก็ขึ้น.....จนรู้สึกว่าเออ....ขับแบบนี้มันเหนื่อยเหมือนกันนะ....ต้องคอยจ้องความร้อนตลอด......พอเริ่มเข้าช่วงกำแพงเพชร....ผบ.ขอให้จอดแวะซื้อของฝาก.....ผมก็เลยจัดการปิดกล่องข้าวน้อยซะ.....กะว่าจะขับแบบชิลๆ ไม่ต้องระแวงความร้อนดีกว่า

หลังจากออกเดินทางอีกครั้ง....ผ่านทางเข้าเมืองกำแพงเพชร.....ถนนเริ่มว่างมากขึ้นอีก.....ผมก็พยายามทำความเร็วเพิ่มขึ้นอีก....ด้วยใจอยากกลับไปกินข้าวเย็นแถวอยุธยา ก่อนเข้ากรุงเทพฯ.....เกรงว่าถ้าไม่ทำเวลา เดี๋ยวเย็นๆ เด็กๆหิวจะต้องจอดกินแถวกลางทาง ไม่รู้จักร้านอร่อยๆเลย......แต่พอผ่านช่วงเมืองกำแพงเพชรไป....วิกฤตเริ่มมาละครับ.....ผมเริ่มประคองความร้อนไม่อยู่ละ.....ทั้งๆที่ปิดกล่องข้าวน้อยไปแล้วนะ.....ความร้อนก็ยังขึ้น.....ยกคันเร่งทีนี้ไม่ยอมลด หรือลดช้ามาก......เริ่มทำความเร็วไม่ได้อีกละ......ขับไปอีกซักพัก ยิ่งหนักข้อขึ้นอีก.....ทีนี้ที่ความเร็ว 120 ความร้อนขึ้นแตะ 100 ตลอด.....ผมเริ่มเอะใจละ....ไม่ดีแน่......พอดีช่วงนั้นผบ.หลับ.....เลยถือโอกาศยื่นมือไปปรับสมาร์ทเกทเพิ่มอุณหภูมิแจ้งเตือนขึ้นไปอีก....จากเดิม 101 เพิ่มเป็น 105 เลย........ขับต่อ......ไปซักพักด้วยความเร็วยืนพื้นที่ 120.....เหลือบมาเห็นสมาร์ทเกท....เฮ้ย....ความร้อนอยู่ที่ 102 .....เฮ้ย.....เป็นไปได้ไงวะ.....กล่องข้าวน้อยก็ปิดแล้ว.....อากาศถึงจะร้อน แต่ลมปะทะหน้าเครื่องมีเยอะ ควรระบายได้ดีนี่หว่า......ความร้อนมันไม่ลดลงเลย....ต้องลดความเร็วลงมาที่ 100 ความร้อนถึงจะลดลงบ้าง.....เฮ้ย.....อาการนี้ไม่เคยเป็นเลยนี่หว่า.....ปกติต่ำกว่า 120 นี่ความร้อนอยู่ 96-97 ตลอด.....ใจผมคิดถึงเรื่องเดียวเลยครับ....."หม้อน้ำ".......เวรกรรมละ....เปลี่ยนหม้อใหม่มา....ไหงอาการหนักกว่าเดิม.....แถมยกคันเร่งแล้วมันก็ยังไม่ยอมลดลงอีก.......ในใจเริ่มท้อกับรถคันนี้ละ....แม่มอะไรกันนักหนาวะ.....ลงทุนเปลี่ยนหม้อน้ำแล้ว....อาการไม่ดีขึ้นแถมหนักขึ้นอีก

พยายามประคองขับด้วยความเร็ว 100-120 มาได้อีกแป๊บนึง....ความร้อนก็ยังไม่ลดลง....มันวนเวียนไปมาอยู่แถว 102-104 ตลอด.....อารมย์จากท้อ...เริ่มเปลี่ยนเป็นแค้น.....เออ....มึงอยากร้อนนักใช่มั๊ย.....ได้....งั้นมรึงฮีทไปเลยละกัน......ว่าแล้วก็ปรับการตั้งเตือนสมาร์ทเกทไปที่ 109 เลยครับ......มีอยากร้อนนัก....ได้....เดี๋ยวจัดให้.....จากนั้นผมก็ขับทำความเร็วเพิ่มขึ้นไปอีก....ความเร็วยืนพื้นที่ 140....ความร้อนไปโน่นเลยครับ มันวนเวียนอยู่แถว 105-107.....แต่ส่วนใหญ่จะคงที่อยู่ที่ 105........ผมสังเกตุเข็มวัดความร้อนที่หน้าคอนโซล.....ดูว่ามันจะขยับมั๊ย.....กะว่า ถ้าขยับ ก็จะลากขับไปอีก ดูซิว่ามันจะฮีทไปเลยมั๊ย (ตอนนั้นอารมย์แค้นครับ)......ผมขับลากอยู่ที่ความร้อนประมาณ 105 ยาวมาก.....หลายสิบกิโลอยู่ครับ......จนมาถึงช่วงรอยต่อกำแพงเพชร-นครสวรรค์.....ผบ. ตื่นมาพอดี.....เห็นร้านขายของข้างทางเยอะแยะเลย......พอเริ่มเข้าเขตนครสวรรค์มากขึ้น.....เห็นมีขายมะม่วงกันเยอะ....ผบ.เลยบอกให้จอดแวะซื้อมะม่วงหน่อย (ลูกผมชอบกินมะม่วงมาก)......ก็เลยจอดครับ.....พอจอดความร้อนก็เริ่มลดลงมาเรื่อยๆ.....อารมย์ผมก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆเหมือนกัน.....ผบ.เหมือนรู้ใจ อยู่เดินมาเอามะม่วงที่ปอกแล้วมาให้ลูกนึง....ผมก็นั่งกินไป คิดไป...เอาไงดีวะ....ขืนขับแบบนี้ต่อไปมีพังกันไปข้างแหงๆ.....เลยอ้างว่ากินมะม่วงกันก่อนละกัน....จอดรถสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ ให้เครื่องเดินเบาระบายความร้อนไป....ส่วนผมก็ออกมาเดินดูมะม่วงกะเขาบ้าง เดินดูไปกินไป เพลินๆดี

พอซื้อมะม่วงเสร็จ (กวาดมาซะเต็มรถเลย)......เลยบอกให้แม่ค้าปอกมะม่วงมาให้อีก 3 ลูก.....ขึ้นรถ...ล้อหมุน...ออกเดินทางต่อ......ทีนี้ขับแบบช้าๆ....เรื่อยๆ....ขับไปกินมะม่วงไป......ความเร็วประมาณ 100 ประคองไป.....ความร้อนเจ้ากรรม ยังอยู่เหมือนเดิม ดีกว่าเดิมนิดนึง มันลงมาวนเวียนอยู่แถว 90-100-101....คงเป็นเพราะขับช้าด้วย......ผ่านเส้น bypass นครสวรรค์.....เข้าเส้นสายเอเซีย.....ทำความเร็วไม่ค่อยได้...ไปช้ามาก.....เวลาเริ่มเย็นและ.....ผมก็เดาว่าอากาศมันเริ่มไม่ร้อนละ....น่าจะพอทำความเร็วได้....แต่ความร้อนเดิมมันยังเยอะอยู่.....เลยแจ้งผบ.ขอจอดหากาแฟกินซักแก้ว......จริงๆไม่ใช่อะไรครับ....จะจอดระบายความร้อนให้มันลงมาต่ำๆก่อน....พอถึงช่วงอุทัยเลยแวะปั๊ม....จอดพักเครื่อง...หากาแฟกิน หาขนมกินไปเรื่อย...พักอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้....ค่อยเดินทางต่อ

ทีนี้พอออกจากปั๊มมา เวลาเริ่มเย็นละ...อากาศไม่ร้อน....ผมก็ลองขับแบบธรรมดา ค่อยๆเติมคันเร่งไป....เออ.....พอเย็นๆ...ความร้อนมันเดินช้าดี.....อาการกลับไปเป็นปกติแล้ว.....ความเร็ว 120 ความร้อนประมาณ 97-98....ยกคันเร่งหน่อย ความร้อนลงมาที่ 94....กดต่อไปอีก.....ความเร็ว 140 ความร้อนก็ยังวนเวียนอยู่แค่ 97-98 เหมือนเดิม.....เอาวะ....เริ่มดีละ....ทำความเร็วได้มากขึ้น.....แต่ก็เสียเวลาไปมากกับการจอด และขับแบบช้าๆมาเรื่อยๆ.....เลยคุยกับเพื่อนๆในคณะ (เขานำผมไปหมดแล้ว).....ตัดสินใจจอดแวะกินข้าวที่สิงห์บุรี...มีร้านที่เคยมากิน...รสชาติใช้ได้...เด็กๆหิวแล้ว....เลยขอแวะร้านนี้ซะเลย

หลังจากกินข้าวเสร้จก็มืดแล้ว ออกจากร้านมาน่าจะประมาณ 2 ทุ่มเห็นจะได้.....ทีนี้ความร้อนแม่มปกติเลย 94-97 ไม่ขึ้นเลยจากนี้เลย.....ผมก็ยิงยาวกลับกรุงเทพฯ....ผ่านวิกฤตมาได้โดยน้องปาไม่ฮีทตายคาถนน.....แต่ก็ทำให้ผมต้องพกความกังวลกลับมานอนคิดอีกหลายคืน.....พอกลับกรุงเทพฯ ผมก็มาลองขับแถวบ้าน ขับเข้าเมือง ก็ไม่มีอาการปัญหาเรื่องความร้อนอีกเลย.....งงครับ.....ตอนนี้อาการความร้อนมันแปลกมาก...รอบต่ำ หรือขับในเมือง ขับชานเมือง....ปัญหาความร้อนไม่มี ความร้อนต่ำกว่าเมื่อตอนเปลี่ยนหม้อน้ำอีก....แต่พอขับความเร็วสูง + อากาศร้อนๆ....กลับประคองความร้อนไม่อยู่....และความร้อนขึ้นสูงมาก สูงกว่าตอนก่อนเปลี่ยนหม้อน้ำซะอีก........ใจผมเริ่มคิดละ.....หม้อน้ำเดิมจะดีกว่ามั๊ย.....หม้อใหม่นี่มันทำงานได้ดีจริงหรือเปล่าหว่า.....พกพาความสงสัยกลับบ้านไปนอนคิดอยู่อีกหลายคืนเลยทีนี้


 :L4386: :L4386:

หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 00:56:29
ตอนที่ 7 วิเคราะห์ปัญหา

เอาละครับ กลับมากรุงเทพฯ.........ลองขับในเมือง ลองขับชานเมืองอยู่อีกหลายวัน....ความร้อนก็ปกติ วนเวียนอยู่แถว 94-98 ประมาณนี้......แปลกมาก....เพราะรถที่มีปัญหาเรื่องความร้อนส่วนใหญ่อาการจะฟ้องตอนขับช้า รถติด หรือรอบเดินเบาด้วย....เพราะลมปะทะหน้าเครื่องไม่มีหรือมีน้อย....พึ่งพาระบบระบายความร้อนของรถอย่างเดียว (คือพัดลม) .....ระบายไม่ทัน.....หรือจะเกิดอีกทีตอนอัดมากๆ เร่งมากๆ...ความร้อนมาไวก็ระบายไม่ทัน.....แต่ของผม รถติดในเมือง รอบเดินเบา ปัญหาความร้อนไม่มี......ไปมีตอนความเร็วสูงๆ อากาศร้อนๆ.....ถึงแม้ไม่อัดมาก ไม่เร่งมาก ความร้อนก็สูง.....อาการมันแปลกประหลาด

จริงๆอาการนี้ผมได้โทรปรึกษาเล่าให้พี่นะฟังตั้งแต่อยู่แม่สอดก่อนเข้าอุ้มผาง.....พี่นะเล่าให้ฟังว่า เวลาอากาศร้อน นอกจากรถจะระบายความร้อนได้ไม่ดีแล้ว.....ความร้อนจากคอยแอร์ยังมีผลด้วย...เพราะอากาศร้อน....คอมแอร์ทำงานหนัก....คอยแอร์ก็ร้อนมาก......ทีนี้น้องปาเรา คอยแอร์นี่มันอยู่ตรงหน้าหม้อน้ำพอดี (อยู่ตรงกลางระหว่างพัดลมไฟฟ้ากับหม้อน้ำ).....พัดลมไฟฟ้าน้องปาเราก็ทำงานใน 2 ระบบ คือระบายความร้อนให้คอยแอร์ด้วย ระบายความร้อนให้หม้อน้ำด้วย.....ทีนี้พอคอยแอร์ร้อนมากๆ.....พัดลมไฟฟ้าเป่าอยู่ที่หน้าคอยแอร์....ความร้อนมันก็ผ่านมาที่หม้อน้ำด้วยเช่นกัน....พี่นะแนะนำว่าให้ลองทดสอบวิ่งโดยปิดแอร์...จะเห็นว่าความร้อนมันเดินช้าลงและระบายดีขึ้น.....ผมก็ลองทดสอบดูก็เป็นแบบนั้นจริงๆ......แต่อากาศร้อนแบบเมืองไทยจะให้ผมขับแบบปิดแอร์นี่.....ต่อให้ผมไม่ร้อนตายในรถ คงโดนผบ.ยิงตายคารถ โทษฐาน แต่งรถจนออกทะเลแหงๆ  :L4386: :L4386:

พอมีเวลาว่าง ผมก็ลองถอดกระจังหน้าออกมาเพื่อดูตำแหน่งของคอยแอร์ให้ชัดๆ....เอามันอยู่หน้าหม้อน้ำพอดี....คือถ้าแบ่งหม้อน้ำเป็น 4 ส่วน.....คอยแอร์จะขวางอยู่ด้านบน 2 ส่วนเลย.....ขวางแบบเต็มๆเลย.....ส่วนด้านล่างของหม้อน้ำนั้น ด้านฝั่งคนขับมี intercool มาขวางไว้อีก....เหลือแค่ด้านล่างฝั่งคนนั่งข้างเท่านั้นที่หม้อน้ำได้ลมปะทะหน้าเครื่องเต็มๆ......และจากที่ถอดกระจังหน้าออกมาดูแล้ว....ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่เกิดจากการเปลี่ยนหม้อน้ำ....คือหม้อใหม่มันหนาขึ้นกว่าเดิม (เต็มช่องพอดี จากเดิมมีแค่ 1ใน3ของช่อง).....พอมันหนาขึ้นมาเต็มช่อง....สิ่งที่หายไปก็คือ.....ช่องว่างระหว่างหม้อน้ำกับคอยแอร์....คือถ้าเป็นหม้อเดิมมันจะมีช่องว่างอยู่หน่อยนึง....แต่หม้อใหม่นี้ช่องว่างนั้นแทบไม่มีเลย......ทีนี้พอพัดลมไฟฟ้าเป่าที่คอยแอร์.....จากเดิมที่มีช่องว่างให้ระบายอากาศร้อนออกไปได้บ้าง มันกลับไม่มีเลย....แปลว่าพัดลมไฟฟ้าเป่าเอาอากาศร้อนจากคอยแอร์มาปะทะหม้อน้ำตรงๆ......นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เวลาอากาศร้อนแล้วการระบายความร้อนไม่ดี (เพราะพออากาศร้อน แอร์ทำงานหนัก และเราก็อาจจะเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นอีกเพื่อสู้กับอากาศร้อนภายในห้องโดยสาร ก็ยิ่งทำให้คอมแอร์ทำงานหนักเข้าไปอีก ยิ่งคอมแอร์ทำงานหนัก คอยแอร์ก็ต้องยิ่งต้องการการระบายความร้อนมากขึ้นอีก ความร้อนไปไหนไม่ได้ เพราะหม้อใหม่ทำให้ช่องว่างที่จะระบายมันหายไป มันก็เลยเป่าลมร้อนใส่หม้อน้ำซะเลย)

ใช่ครับ....อันนี้เป็นสมมติฐานของผม...ที่ได้จากการคุยกับพี่นะ และลองเปิดกระจังหน้ามามองดู....มันไม่มีทฤษฎีรองรับ....แต่ในใจผมก็ยังไม่เชื่อว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้ความร้อนน้องเต่าขาวขึ้นไปถึง 105 ได้.....ใจผมยังปักใจเชื่อว่ามันต้องเป็นปัญหาที่หม้อน้ำใหม่แน่ๆ


 :L4386: :L4386:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 01:21:26
ตอนที่ 8 ควานหาตัวผู้ต้องหา

ใจผมนะ...คิดวนเวียนอยู่แค่ว่าต้องเป็นเพราะหม้อน้ำใหม่แน่ๆ.....บางครั้งก็นึกว่าจะเปลี่ยนหม้อน้ำเดิมกลับมาดีมั๊ยหนอ....คิดวนเวียนอยู่แบบนี้....ยังมืดมนหาทางออกกับไอ้ปัญหาความร้อนนี้ไม่ได้....เพราะทุกแหล่งที่ผมปรึกษาพูดเหมือนกันว่าถ้าเปลี่ยนหม้อน้ำแล้วจบ....พอไม่จบเลยไปไม่ถูกเลยทีนี้.......ใจผมยังย้ำอยู่ที่ว่าหม้อใหม่ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

ลองเลียบๆเคียงๆถามพี่กิตติ กับพี่นะ เรื่องหม้อใหม่ดู (เพราะเป็นผู้ที่เปลี่ยนหม้อไปแล้วเหมือนผม) ..... ถามพี่กิตติ อารมย์แกก็ประมาณว่าเฉยๆ หม้อใหม่ก็ทำให้ร้อนช้าลง ความร้อนไม่เดินเร็ว แต่ก็ไม่ได้ลดความร้อนลงได้จากเดิม....ส่วนพี่นะนี่อารมย์แกชอบหม้อใหม่นี่เลยหละ....ประมาณว่าระบายเร็วมาก...กดมามากๆ ยกแป๊บเดียว ความร้อนระบายไปเยอะเลย....ทั้ง 2 คันดูจะไม่มีปัญหาเลยฟระ.....สงสัยงานนี้หนูทดลองตัวแรกอย่างผมจะตายเดี่ยวซะละมั้ง  :L4386: :L4386:

ใจผมนี่ตั้งธงไว้เลยนะว่าหม้อน้ำใหม่นี่แหละเป็นผู้ต้องหาแน่ๆ.....แต่รถพี่กิตติกับพี่นะไม่มีปัญหา...เลยคิดว่าหรือจะเป็นที่หม้อน้ำลูกที่เปลี่ยนให้เราลูกเดียวที่มีปัญหา......ตอนผมเปลี่ยนหม้อน้ำ ไปเปลี่ยนพร้อมพี่นะ....มีหม้อน้ำวางอยู่ 2 ลูก....ลูกนึงช่างหยิบมาใส่รถผม อีกลูกหยิบไปใส่แมวป่า.....โอโห....โอกาส 50/50 กรูจะซวยปานนั้นเลยเหรอวะ ดันหยิบได้ลูกที่มีปัญหา......พอคิดทบทวนไปมา....ชักเอะใจ......เออวะ.....วันที่เปลี่ยนหม้อน้ำรถผมก็มีอาการแปลกๆ.....ในวันที่เปลี่ยนหม้อน้ำนั้น....รถผมเปลี่ยนก่อนแมวป่า.....เปลี่ยนเสร็จวิ่งไปลอง.....ออกจากร้านยังไม่ทันพ้น 500 เมตร ความร้อนขึ้นสูงมาก สมาร์ทเกทถึงขั้นร้องเตือน....ต้องรีบวนกลับมาที่ร้านใหม่.....ตอนนั้นคิดว่าไล่อากาศไม่ดีความร้อนถึงขึ้น (อาการคล้ายกับเวลาเช็ค 40000 โล เปลี่ยนถ่ายน้ำในหม้อน้ำ แล้วช่างไล่อากาศไม่ดี)......คิดไปคิดมา....เออวะ...รถเรามีอาการไม่ปกติจริงๆ ตั้งแต่วันเปลี่ยนหม้อน้ำแล้ว

อาการแรกที่พบ.....คือตอนไล่อากาศ.....ปกติเวลาไล่อากาศนั้น.....ต้องติดเครื่องไว้จนวาล์วน้ำเปิดซักพัก เพื่อให้ระบบน้ำมันวนเข้าไปในเครื่อง เพื่อไล่เอาอากาศออกมา.....ซึ่งการไล่อากาศครั้งแรกนั้น พอวาล์วน้ำเปิด มันจะดันอากาศออกมาเยอะเลย....และดูน้ำกลับเข้าไปเยอะเช่นกัน (การไล่อากาศตามแบบพี่นะนะครับ คือเอาขวดโค๊กใส่น้ำคว่ำไว้ที่ฝาหม้อน้ำ พอวาล์วน้ำเปิดมันจะดูดน้ำในขวดเข้าไปแทนอากาศเยอะเลย)......น้องปาเราวาล์วน้ำเริ่มเปิดที่อุณหภูมิ 82 องศา.....แต่รถผมวันที่เปลี่ยนหม้อ....พอไล่อากาศ...อุณหภูมิที่ 82 องศา.....วาล์วน้ำเปิด....แต่ไม่มีอาการดูน้ำเข้าไปเยอะๆเลย....มันเหมือนค่อยๆดูดทีละนิด ทีละนิด....ไม่ดูดเข้าไปทีเดียวเยอะๆ.....การไล่อากาศแบบนี้ผมก็เคยทำเองครับตอนที่เช็ค 40000 โลเสร็จ....กลับมาไล่ที่บ้าน พอความร้อนอยู่ที่ประมาณ 80 กว่าๆ.....มันก็ดูดน้ำเข้าไปเพียบเลย....แต่ตอนที่ไล่อากาศหลังจากเปลี่ยนหม้อแล้วไม่มีการดูดน้ำเข้าไป

อีกอาการที่พบคือตอนออกไปทดสอบขับหลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำ.....ช่างที่เปลี่ยนหม้อน้ำนั่งไปในรถด้วย....อาการที่พบและแปลกมาก ช่างก็บอกว่าแปลก....คือหลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำแล้วความร้อนก็ยังอยู่ในระดับเหมือนตอนยังไม่เปลี่ยนหม้อน้ำ....ไม่ได้ลดลง...อันนี้ไม่แปลกนะครับ....แต่ที่แปลกคืออาการขึ้นลงของความร้อน....คือความร้อนของรถผมหลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำแล้ว เวลาชลอรถ ความร้อนมันไม่ลงเร็วเหมือนกับที่ช่างเคยบอก...มันลงเหมือนกันแต่ลงช้าๆ.....แต่จะลงเร็วขึ้นเมื่อเหยียบคันเร่งอีกครั้งหลังจากชลอรถลงมา....ความร้อนมันจะลงไปนิดนึง...และถ้ากดคันเร่งต่อมันก็จะกลับขึ้นมาอีกเหมือนเดิม.....ทดสอบอยู่หลายรอบ...วิเคราะห์กันอยู่นาน....ช่างเองก็ยังงงๆ....พอกลับจากลองรถ พอดีที่ร้านหม้อน้ำมีคนมานั่งอยู่ 3-4 คน หนึ่งในนั้นน่าจะเป็นช่าง ถ้าผมจำไม่ผิดเป็นช่างของศูนย์โตโยต้า.....ช่างที่เปลี่ยนหม้อน้ำก็เอาอาการรถผมไปเล่าให้ฟัง.....ช่างโตโยต้าเขาตอบสวนมาว่า อาการคล้ายๆ พัดลมฟรีปั๊มจะเสียหรือทำงานไม่เต็มที่หรือเปล่า.....ช่างก็เลยลองเอามือไปหมุนๆพัดลมฟรีปั๊มดู....หมุนที่รถผม แล้วก็ไปหมุนที่แมวป่า....ช่างบอกว่าก็เหมือนกันนะ...พัดลมฟรีปั๊มไม่น่ามีปัญหา (ปกติการทดสอบพัดลมฟรีปั๊มคือการลองเอามือไปหมุนพัดลมตอนดับเครื่องอยู่ จะรู้สึกว่าพัดลมมันฝืดๆ เหนี่ยวๆ  นั่นคืออาการปกติ แต่ถ้าหมุนแล้วพัดลมมันหมุนไปง่ายๆ อันนี้มีปัญหาครับ เขาเรียกว่าพัดลมมันฟรีเกินไป)

หลังจากทบทวนเหตุการณ์แล้ว ผมเลยได้ผู้ต้องหามาอีก 2 คือ วาล์วน้ำ และพัดลมฟรีปั๊ม.....เอาวะ....ก่อนจะโทษหม้อน้ำ....ลองจัดการทดสอบกับไอ้ 2 ผู้ต้องหานี้ก่อนแล้วกัน....ใจผมคิดอย่างนั้นคือ....ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนหม้อน้ำเดิมกลับมาประจำการณ์....ขอลองจัดการกับไอ้ 2 ผู้ต้องหานี้ก่อน....ถ้าจัดการแล้วยังไม่ดีขึ้น สงสัยได้ฤกษ์ไปขอหม้อน้ำเดิมแมวป่ามาใส่แหงๆ
:L2754: :L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 01:25:09
ไม่ไหวละ หนีไปนอนก่อนนะครับ เมื่อคืนเกือบไม่ได้นอนทั้งคืน......ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ติดตามครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาว่ากันต่อครับ

 :L2734: :L2734: :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 06:04:12
ตอนที่3 เมื่อมารร้าย 2 ตัวมาพร้อมกัน

ผบ. นี่เธอไปทำอะไรกับรถ เดี๋ยวความร้อนขึ้น เดี๋ยวเกียร์ล็อค ตกลงไปแต่งรถให้ดีขึ้นหรือแย่ลง


ผมรู้ดีว่าคำนี้มีนัยยะว่าอะไร เพราะในรถผมก็มี เสียงคล้ายๆนี้เลย 5555 :L2905: :L2905: :L2905:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่จ่า Jatot ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 09:00:04
ตั้งแต่อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ อาการความร้อนขึ้นเป็นเพราะหม้อน้ำหนาเกินไป
ทำให้อากาศที่จะผ่านหม้อน้ำเพื่อซับความร้อนออกไปด้วยนั้นไปด้วยความช้ากว่าจะแทรกตัวออกไปได้
ต้องใช้เวลาเพราะความหนาของหม้อน้ำ ในเมื่ออากาศผ่านยากก็จะทำให้น้ำในหม้อน้ำสะสมความร้อน
จะสังเกตุได้จากความเร็วรอบเครื่องสูงจะร้อนมาก ถ้าเบาเครื่องความร้อนก็จะลดลง
ยืนยันว่าหม้อน้ำหนาขึ้นไม่สามารถระบายความร้อนได้ดี
 ส่วนหม้อน้ำชั้นเดียวอากาศสามารถผ่านได้โดยสะดวกก็สามารถจะเอาความร้อนออกไปด้วย
นั่นก็หมายความว่าความร้อนของน้ำก็จะระบายไปกับอากาศที่ผ่านตัวมันเอง
จากการที่เคยใช้หม้อน้ำประเภทนี้มาก่อนจึงรู้ว่าหม้อน้ำชั้นเดียวระบายความร้อนได้ดีกว่าสามชั้น
ลองดูจากรูปลองวิเคราะห์การผ่านของอากาศ
ผมฟันธงว่าเป็นเพราะความหนาของหม้อน้ำแน่นอน อย่าให้ ผบ.มาอ่านล่ะหม้อน้ำระเบิดแน่ๆๆๆ 555


(http://image.ohozaa.com/i/cb2/GVBW7l.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wP1Cr6azyAWW6rDC)
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 09:28:12
ดูจากภาพ ก็หน้าจะเป็น อย่างที่พี่จ่า วิเคาะห์ครับ  :L2900:

และก็มารอ พี่ตูมตาม ตอนต่อไปครับ :L4365: ชอบจริงๆอ่านแล้วได้ความรู้ที่เป็น จริง ใช้ จริง เอา :L6428: ไปเลย :L2888:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ปุ้ม-PUM_Winyoo ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 10:26:18
ใก้ลไคลแมกแล้ว :L2888:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 10:59:28

รอชมบทสรุปครับ,ความรู้เพียบ

 :L2900: :L2900: :L2758: :L2758:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 11:02:15
มาไวๆนะจ๊ะพี่จ๋า  น้องรออยู่ :L2897:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นาย-nine ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 13:12:38
สู้ๆ ครับพี่ตูมตาม ยอมรัีบเลยครับ  :L2900: เจอวิกฤตมากมาย ยังอึดสู้ ไม่ถอย รอชม ตอนอวสาน แบบ happy ending ครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 16:23:26
ตอนที่9 จับผู้ต้องหาตัวแรก

ใจผมคิดแบบพี่จ่าเลยครับตอนนั้น.....ถึงจะไม่ได้แน่ใจว่ามันเป็นเพราะมันหนาอากาศผ่านมาไม่ดีหรือเปล่า...แต่คิดว่าคงต้องมีปัญหาบางอย่าง....เพียงแต่ก่อนที่จะลงทุนไปรื้อหม้อออกมาวิเคราะห์ดูอีกครั้ง....ผมคิดว่าจะต้องทดสอบปัจจัยอื่นๆดูก่อน....ถ้าทุกปัจจัยนั้นมั่นใจแล้วว่าไม่ส่งผลถึงความร้อน....ก็คงต้องรื้อหม้อน้ำตัวนี้ออกมาวิเคราะห์กันอีกซักทีละครับ......ผมถึงฉุกคิดถึงอาการแปลกๆตอนเปลี่ยนหม้อน้ำ....และได้ผู้ต้องสงสัยมา 2 ที่ อย่างที่เล่าให้ฟังไปในตอนที่ 8 ครับ.....ก่อนจะรื้อเอาหม้อน้ำออกมาดู.....ขอ confirm เจ้า 2 ผู้ต้องหานี้ก่อนครับ

เป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะพอดี....รถผมถึงคราวต้องเช็คระยะ 60000 โล....ก็ไปเข้าที่ศูนย์เดิมที่ใช้ประจำ.....ต้องขอย้อนอดีตให้ฟังนิดนึงครับ....ที่ศูนย์นี้เป็นศูนย์ประจำที่ผมเข้าครับตั้งแต่ได้รับรถ.....หัวหน้าช่างชื่อพี่หน่อย...รู้จักกันพอสมควร....พี่หน่อยเคยนั่งรถผมไปทดสอบความร้อนด้วยกันตอนเช็ค 40000 โล.....ผมเล่าให้ฟังถึงอาการผิดปกติของความร้อน....พี่หน่อยเป็นคนนึงที่แนะนำผมว่า "เปลี่ยนหม้อน้ำน่าจะจบ"......ซึ่งก็เหมือนกับอีกหลายๆข้อมูลที่ผมได้รับมานั้นก็แนะนำว่า.....การเปลี่ยนหม้อน้ำน่าจะจบ

เข้าศูนย์คราวนี้.....หลังจากผู้ช่วยคุณน้ำผึ้ง ฝ่ายบริการลูกค้ามารับรถ ชี้แจงรายการเรียบร้อย....เหมือนทุกครั้ง....ผมไม่เคยนั่งรอในห้องรับรอง....เดินเข้าไปในส่วนช่างครับ....เจอพี่หน่อยกับลังง่วนอยู่กับเจ้าไทรทันที่มีเป็นคิวแรกของวันนี้......ผมก็เลยเดินเข้าไปทักทาย

ผม             หวัดดีครับพี่หน่อย
พี่หน่อย       สวัดดีครับ อ้าว วันนี้มาทำอะไร
ผม             มาเช็ค 60000 ครับพี่
พี่หน่อย       อ๋อ 60000 แล้วเหรอ เช็คไม่นานครับ เดี๋ยวให้ช่างจัดการให้
ผม             เออ....พี่หน่อย ผมไปเปลี่ยนหม้อน้ำมาแล้วนะพี่
พี่หน่อย       เหรอ...แล้วความร้อนเป็นไง
ผม             ไม่หายครับพี่ มันยังขึ้นอยู่ แต่แปลกครับพี่ มันขึ้นเฉพาะขับความเร็วสูงๆ เท่านั้นครับ
พี่หน่อย       อ้าว....แปลก.....ไหนขอดูหม้อน้ำใหม่ก่อน (พี่หน่อยละมือจากน้องตั้น มาที่รถผม ก้มๆเงยๆดูหม้อน้ำใหม่)

พี่หน่อย        หม้อใหม่ก็ทำมาดีนะ มีช่องน้ำมันเกียร์ด้วย ปกติร้านทั่วไปเขาไม่ทำกันนะ เขาแยกน้ำมันเกียร์ออกไปเลย
ผม              ครับพี่หน่อย....ร้านที่ไปทำนี่เช็คข้อมูลแล้วว่างานดีมากนะพี่....แต่ยังไม่หาย
พี่หน่อย        แล้วเวลาเดินเบา หรือรถติดไม่ร้อนเหรอ
ผม              ไม่ครับ เวลารถติดความร้อนก็ปกติ ไม่เคยขึ้น
พี่หน่อย        เดี๋ยวลองเช็คส่วนอื่นๆดูก่อน

ระหว่างที่คุยกัน พี่หน่อยก็เรียกช่างอีกคน (ช่างคนนี้เคยเป็นคนทำรถพี่กิตติ ตอนที่พี่กิตติเข้าศูนย์นี้ครั้งที่แล้ว) ช่างคนนี้ผมยังไม่รู้จักมากนัก เพราะเพิ่งมาใหม่ เข้าใจว่าย้ายมาจากอีกศูนย์นึงในเครือเดียวกัน.....พี่หน่อยสั่งให้ช่างลองเช็คดูว่ามันมีตรงไหนของระบบระบายความร้อนมีอาการแปลกๆไหม.....ผมไม่ได้บอก หรือเล่าให้ฟังถึงเจ้าผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้พี่หน่อยฟังเลยนะครับ....อยากลองดูการวิเคราะห์ของช่างศูนย์ดูว่าจะคิดเหมือนผมหรือเปล่า

อันดับแรกพี่หน่อยสั่งให้ช่างลองไปเช็คพัดลมฟรีปั๊มก่อน....พี่หน่อยแกบอกว่า....อาการความร้อนสูงตอนความเร็วสูงนี้อาจเป็นที่พัดลมฟรีปั๊มน้ำยาหมดได้เหมือนกัน....คือพัดลมมันฟรีเกินไป....เวลาเหยียบคันเร่ง แทนที่พัดลมมันจะหมุนมากขึ้นเร็วขึ้นตามรอบที่สูงขึ้น มันกลับหมุนเท่าเดิม คือมันฟรีแล้ว...น้ำยาอาจพร่องได้.......ช่างก็ไปลองจับพัดลมหมุนๆ ดู เหมือนกันที่ผมลองหมุนดูตอนอยู่ร้านหม้อน้ำ.....ช่างก็บอกว่ามันฝืดๆอยู่นะ ยังไม่น่าจะฟรี.......พี่หน่อยรีบบอก....เฮ้ย....พัดลมปาเจโร่เช็คอย่างงี้ไม่ได้ ไม่รู้หรอกว่าฟรีหรือเปล่า......อ้าว...เฮ้ย....ผมคิดในใจว่า...มันมีวิธีเช็ควิธีอื่นด้วยเหรอวะ....เห็นใครๆก็เช็คกันแบบนี้.....พี่หน่อยจัดการให้ช่างเช็คตามขั้นตอนที่แกสั่งทันที

วิธีการเช็คพัดลมฟรีปั๊มตามวิธีของพี่หน่อย หัวหน้าช่างที่ศูนย์ที่ผมเข้าประจำ.....แกให้สตาร์ทเครื่อง.....พอสตาร์ทเครื่องแล้วพัดลมฟรีปั๊มมันก็จะหมุน.....แกให้เหยียบคันเร่งไปที่ 2500 รอบ......เสร็จแล้วแกก็สั่งให้ "ดับเครื่อง"....คือพอเหยียบถึง 2500 รอบแล้ว....ให้ดับเครื่องทันที....แล้วลองดูที่พัดลมฟรีปั๊ม.......พี่หน่อยบอกว่า ถ้าพัดลมฟรีปั๊มทำงานปกติ.....พอดับเครื่องแล้วพัดลมต้องหยุดทันที....คือมันจะหมุนต่อไปอีกนิดเดียว นิดเดียวจริงๆครับ หมุนต่อไปไม่ถึงรอบ....พัดลมต้องหยุดหมุนสนิท......แต่รถผม....พอดับเครื่อง พัดลมฟรีปั๊มยังหมุนต่อไปอีกหลายรอบเลย....มันหมุนต่อไปแล้วค่อยๆช้าลงจนหยุด.....พี่หน่อยแกสรุปทันที น้ำยาพัดลมฟรีปั๊มพร่องแน่ๆ......แต่ผมยังไม่แน่ใจ....วิธีอะไรหว่า ไม่เห็นเคยได้ยิน....มั่วกรูหรือเปล่าฟระงานนี้

ผม            พี่หน่อย จริงๆหรือเปล่าพี่ วิธีนี้ผมไม่เห็นเคยได้ยิน มันมีวิธีเช็คอย่างงี้ด้วยเหรอ
พี่หน่อย      อ้าว....ไม่เชื่ออีก
ผม            แหม...ไม่ใช่ไม่เชื่อครับพี่...แต่เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละว่ามีวิธีเช็คพัดลมแบบนี้ด้วย
พี่หน่อย      เอาน่า เชื่อซิ.....ถ้าพัดลมปกติ มันต้องหยุดหมุนตอนดับเครื่องทันที
ผม            งั้นแสดงว่ารถคันอื่นถ้าเช็คแบบที่พี่บอกก็ต้องหยุดหมุนทันทีเหมือนกันซิ
พี่หน่อย      ใช่ เหมือนกัน
ผม             (ผมคิด) เออ....เว้ย....สงสัยจะไม่มั่วเรา ท้าแบบนี้แล้วยังมั่นใจ
ผม             งั้นพี่หน่อยลองให้ดูซักคันได้มั๊ย ปาเจโร่จอดอยู่ตั้งหลายคัน ลองให้ดูหน่อยซิพี่
พี่หน่อย       ได้...เดี๋ยวลองให้ดู

ว่าแล้วพี่หน่อยแกก็ไปเอากุญแจของน้องปาคันหนึ่ง ที่จอดรอส่งมอบอยู่ ยังไม่มีทะเบียน มีช่างฟิลม์กำลังติดฟิล์มกันอยู่.....กุญแจอยู่ที่เซล เพราะเซลต้องเปิดรถให้ช่างฟิล์ม....พี่หน่อยบอก เดี๋ยวลองคันนี้ให้ดู จะได้ไม่ต้องไปเอากุญแจที่หัวหน้าเซล ขอเซลลองง่ายกว่า......เซลโชว์รูมนี้ก็จำผมได้เกือบทุกคนครับ....เพราะผมคุ้นเคยกับฝ่ายอะไหล่กับฝ่ายบริการลูกค้า ปกติก็มานั่งคุยเล่นกับฝ่ายอะไหล่ประจำ.....เซลเดินไปเดินมาแถวๆนั้นก็จำผมได้....พี่หน่อยแกไปขอกุญแจจากเซล....เซลหันมามองผม....แล้วก็ให้กุญแจมาแต่โดยดี......ก็เลยได้เอามาลองกัน....ทำตามแบบเดิมเปี๊ยบเลย...สตาร์ทเครื่อง เร่งเครื่องไปที 2500 รอบ.....ดับเครื่องทันที.....มีเสียงดังแก๊ก.....พัดลมมันหยุดหมุนทันทีเลยเหมือนกัน.......เฮ้ย.....มันหยุดทันทีจริงๆนะครับ....จังหวะดับเครื่องปุ๊บ มันหมุนต่อไปนิดเดียวเอง แล้วมันก็หยุดหมุนเลย......ว้าาาาาาว amazing.....ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเช็คพัดลมฟรีปั๊มกันแบบนี้....เห็นใครๆก็ได้แต่เอามือหมุนๆดู....เอาเว้ย....ท่าจะจริงละทีนี้....พัดลมฟรีปั๊มน้องเต่าขาวท่าทางจะเดี้ยงจริงๆ

 :L4373: :L4373: :L4373: ผู้ต้องหารายที่ 1 ได้ตัวละ.....อย่าลืมนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าผมคิดว่ามันจะเสีย....เป็นการวิเคราะห์ของพี่หน่อยกับช่างที่ศูนย์บริการเอง....ซึ่งก็มาตรงกับสมมติฐานของผมพอดี......เสร็จละ ได้มา 1 ตัวละ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 16:24:14
สำหรับวิธีการเช็คพัดลมฟรีปั๊ม....พี่ๆที่สนใจเอาไปลองเช็คกับน้องปาได้ครับ....ลองดูแล้วผลเป็นอย่างไรลองมาแชร์กันครับ

 :L2736: :L2736: :L2734: :L2734:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 16:41:40
สำหรับวิธีการเช็คพัดลมฟรีปั๊ม....พี่ๆที่สนใจเอาไปลองเช็คกับน้องปาได้ครับ....ลองดูแล้วผลเป็นอย่างไรลองมาแชร์กันครับ

 :L2736: :L2736: :L2734: :L2734:
ขอบคุณ มากครับ พี่ตูมตาม  :L2900: เลย ผมต้องไปเช็คดูบ้างแล้ว ของผมวิ่งมา 53,000โลแล้ว :L2734:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 16:50:48
สำหรับวิธีการเช็คพัดลมฟรีปั๊ม....พี่ๆที่สนใจเอาไปลองเช็คกับน้องปาได้ครับ....ลองดูแล้วผลเป็นอย่างไรลองมาแชร์กันครับ

 :L2736: :L2736: :L2734: :L2734:
ไปเช็คเดียวนี่เลยดีก่า :sd23:
เรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้วครับหมุนติ้วเลย
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 16:56:02
ตอนที่10 จับผู้ต้องหารายที่2

เอาละครับ....ได้ผู้ต้องหารายที่ 1 แล้วครับ พัดลมฟรีปั๊ม.....ทีนี้มาผู้ต้องหารายที่2......สมมติฐานของผมคือวาล์วน้ำ.....เนื่องจากตอนไล่อากาศ อาการมันแปลกไป อย่างที่เล่าให้ฟังแล้วในตอนก่อนหน้านี้.....แต่เจ้าวาล์วน้ำนี่มันไม่ได้จับง่ายเหมือนพัดลม......ตัวพัดลมยังมีวิธีการทดสอบ....แต่วาล์วน้ำมันอยู่ข้างในท่อน้ำออกจากเครื่อง....มีรู้จะทดสอบยังงัย.....ผมก็เลยลองให้ข้อมูลพี่หน่อยแกเพิ่มอีกหน่อย....ดูว่าแกจะวิเคราห์ยังงัย

ผม         เออ....พี่หน่อย...เครื่องปาเจโร่นี่วาล์วน้ำเปิดที่ความร้อนเท่าไหร่ครับ
พี่หน่อย   ประมาณ 82
ผม          ผมว่ามันมีอาการแปลกๆครับพี่
พี่หน่อย    ยังงัย
ผม          ตอนเปลี่ยนหม้อน้ำเสร็จเติมน้ำใหม่....ผมไล่อากาศ....ความร้อน 80กว่าๆ แล้วมันยังไม่ดูดน้ำเข้าไปเลยครับพี่
พี่หน่อย    ไล่ยังงัยครับ
ผม          ผมก็เอาน้ำใส่ขวดโค๊ก แล้วคว่ำไว้ที่ฝาหม้อน้ำ...ผมเคยไล่อากาศเองทีนึงแล้วนะพี่....ความร้อน80 กว่ามันจะดูดน้ำเข้าไปเยอะเลย....แต่ตอนเปลี่ยนหม้อน้ำมันไม่ดูดน้ำเข้าไป
พี่หน่อย     แล้วมันมีอากาศออกมามั๊ย
ผม           มีครับพี่ แต่มันค่อยๆออกมากทีละหน่อย...มันไม่ดูดเข้าไปทีเดียวเยอะๆเหมือนที่เคยทำ
พี่หน่อย     ถ้าแบบนี้มีสิทธิ์วาล์วน้ำอาจจะเปิดได้ไม่เต็มที่ มันอาจจะติดหรือเสื่อม แต่ยังไม่น่าจะตายเพราะถ้าวาล์วน้ำตายรถคุณต้องฮีทไปแล้ว
ผม            (คิด) เอาวะ....เข้าเค้าละโว้ย....สงสัยจะได้ผู้ต้องหารายที่2

ผม           แล้วมันจะเช็คยังงัยละพี่
พี่หน่อย     เช็คไม่ได้ ต้องถอดออกมาดู แต่ดูก็ไม่รู้หรอก แต่วาล์วน้ำปาเจโร่นี่มันไม่ค่อยจะเสียนะ ไม่เคยเห็นมีใครมาเปลี่ยนวาล์วน้ำกันเลย
ผม           แล้วยังงัยดีครับพี่หน่อย จะทำยังงัยถึงจะรู้ละว่ามันเสียหรือเปล่า
พี่หน่อย     ก็ต้องลองเปลี่ยนดู
ผม           งั้นพี่หน่อยจัดการเลยได้มั๊ย เปลี่ยนไปเลยพี่ ผมอยากลองเหมือนกัน
พี่หน่อย     จะเคลมหรือจะสั่งมาเปลี่ยนเลยละ
ผม            มันตรวจไม่ได้ว่าเสียหรือเปล่า เคลมท่าจะลำบากมั้งพี่
พี่หน่อย      ลำบาก ไม่ค่อยมีใครเคลมกันหรอกตัวนี้เพราะมันดูยากว่าเสียหรือเปล่า
ผม            งั้นไม่ต้องยุ่งยากเคลมละพี่ เปลี่ยนไปเลยละกัน ตัวเท่าไหร่ครับ
พี่หน่อย      700-800 ละมั้ง จำไม่ได้
ผม             โหพี่ตัวละ 700-800 กับรถเป็นล้าน เปลี่ยนไปเลยพี่ไม่ต้องเคลม เดี๋ยวผมจ่ายเอง
พี่หน่อย       ok ได้ เดี๋ยวจัดการให้ แต่ต้องรอนะ ไม่มีอะไหล่หรอกตัวนี้ ต้องสั่ง

เอาละครับ มันเริ่มเข้าเค้าว่าไอ้เจ้าวาล์วน้ำนี่เป็นอีก 1 ผู้ต้องหาจากอาการที่ผมเล่าให้พี่หน่อยฟัง....แต่จับยากครับ...มันต้องลองเปลี่ยนเท่านั้น แล้วลองใช้ดูถึงจะรู้ว่ามันเสียหรือเปล่า.....ด้วยความต้องการที่จะพิสูจน์สมมติฐานของผม....เรื่องเคลมผมไม่สนใจครับ.....มัวแต่แจ้งเคลม...ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้.....เกิดมันเป็นปัญหาจริงๆ แล้วมันเกิดตายไปก่อน...รถไปฮีทกลางทาง....งานจะเข้าอีกหลายอย่าง......ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนไปเลยไม่ต้องทำเรื่องเคลม....700-800 บาท ไม่เป็นไรช่างมัน จะได้รู้ว่ามันเสียจริงๆหรือเปล่า......หลังจากตัดสินใจแล้ว และคุยกับพี่หน่อยเรียบร้อย....ผมก็เดินไปที่ฝ่ายอะไหล่...คุยกับฝ่ายอะไหล่ได้ความว่าของไม่มีต้องรอสั่ง......และได้ข้อมูลมาอีกว่าเจ้าวาล์วน้ำตัวนี้ไม่ค่อยได้ใช้ ทางศูนย์เลยไม่มีการเก็บสต็อกเอาไว้......ฝ่ายอะไหล่ยังงงๆ เห็นพี่หน่อยมาสั่งเจ้าวาล์วน้ำตัวนี้ เพราะไม่ค่อยได้เปลี่ยนให้ลูกค้าเลย....แต่เห็นพี่หน่อยมาสั่งไว้ เดี๋ยวจะสั่งให้....ผมขอให้ฝ่ายอะไหล่ลองเช็คดูว่าจะนานแค่ไหนกว่าจะได้อะไหล่......ได้ความมาว่า น่าจะหลายวันอยู่....เพราะอะไหล่ตัวนี้ไม่ค่อยมีใครสั่ง...ไม่แน่ใจว่าทางมิตซูจะมีของหรือเปล่าด้วยเหมือนกัน.....เหอๆๆๆๆ รออีกละ....นานละทีนี้

หลังจากเช็ค 60000 เสร็จเรียบร้อย....ก็ไปกำชับฝ่ายอะไหล่อีกที...ให้ช่วยเร่งให้หน่อย....รถมันยังพอใช้ได้ แต่อยากรีบเปลี่ยนมากกว่า....เกิดเป็นปัญหามากกว่านี้งานจะเข้า.....เครื่องเกิดฮีทขึ้นมาจะยุ่งกันใหญ่......สรุป....จากการเข้าศูนย์คราวนี้....ได้ 1 ผู้ต้องหา (พัดลม) และอีก 1 ผู้ต้องสงสัย (วาล์วน้ำ) ครับ......เดี๋ยวได้ของ....เปลี่ยนแล้วคงได้รู้กัน

 :L2734: :L2734:  :L2756: :L2756:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ชัย (wansasi) ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 17:12:29
มารอตอนต่อไปครับ ได้ความรู้มากมายเลยครับ  :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่จ่า Jatot ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 17:15:37
สรุปแล้วได้แพะมาสองตัว ถ้าหากไม่ใช่แพะก็ติดคุกฟรี
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 17:34:36
ตอนที่ 11 จับผู้ต้องหาทั้ง 2

เอาละครับ หลังจากผ่านไป 2 อาทิตย์.....ก็มีโทรศัพท์จากศูนย์.....เสียงหวานๆของฝ่ายบริการลูกค้าแจ้งมาว่าอะไหล่มาครบแล้ว....ว่างเมื่อไหร่ให้เข้ามาดำเนินการได้เลย......และเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็เลยโดดงานไปจัดซะเลยครับ....ไปแต่เช้า....ถึงศูนย์ 8.30.....ยังเป็นคิวที่ 3....เดี๋ยวนี้ศูนย์นี้รถชักจะเยอะแล้วนะ....เมื่อก่อนมา 8.30 นี่คิวแรกตลอด....วันนี้คิวที่ 3...แต่รอไม่นาน....ก็ได้เข้าประจำช่อง เตรียมผ่าตัดกันเลย

 (http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/1609CC6E-D52D-4EF6-BE51-1AC906A18E3C-820-0000003A1F399550_zps0dbd04bc.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/1609CC6E-D52D-4EF6-BE51-1AC906A18E3C-820-0000003A1F399550_zps0dbd04bc.jpg.html)

มาจัดการกับผู้ต้องสงสัยก่อนครับ....เอาวาล์วน้ำก่อนเลย.....ไม่คิดว่าจะต้องรื้อเยอะแยะขนาดนี้.....ต้องรื้อออกไปหลายอย่างเลยครับกว่าจะไปล้วงถอดท่อเพื่อเอาเจ้าวาล์วน้ำนี้ออกมาได้
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/8E0ACCEE-DD36-4332-9CE1-C5A7E44ED9D1-4034-0000014224E03350_zps8c492c4a.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/8E0ACCEE-DD36-4332-9CE1-C5A7E44ED9D1-4034-0000014224E03350_zps8c492c4a.jpg.html)

เจ้าวาล์วน้ำอยู่ในตำแหน่งนี้ครับ....เป็นท่อน้ำออกจากเครื่องมาแล้วไปเข้าที่หม้อน้ำครับ...อย่างที่พี่นะเคยโพสไว้แล้วว่าวาล์วน้ำของน้องปาเราอยู่ที่น้ำขาออก เหมือนกับเซ็นเซอร์วันความร้อนก็เช่นกัน อยู่ที่น้ำขาออกจากเครื่องครับ ดังนั้นสิ่งที่วัดจึงเป็นการวัด "น้ำร้อน" ที่มาจากเครื่อง ไม่ใช่ "น้ำเย็น" ที่มาจากหม้อน้ำ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/fb7718f6-cd3d-456f-8e98-ef452655748e_zps00a2cf5b.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/fb7718f6-cd3d-456f-8e98-ef452655748e_zps00a2cf5b.jpg.html)

เอาละครับได้มาแล้วผู้ต้องสงสัยของเรา หน้าตาก็ดูไม่น่ามีอะไรผิดปกติ...ถามช่าง ช่างก็บอกว่าดูด้วยตาเปล่ายากมากว่าเสียหรือไม่.....แต่ช่างบอกว่าอาจมีฝืดๆ เพราะเห็นรอยครูดตรงแกนกลาง...อาจเป็นไปได้ที่มีมีการกดหรือยันตรงช่วงแกนกลางทำให้มันเปิดไม่สะดวก.....เจ้าผู้ต้องสงสัยรายนี้ ผมพกกลับมาบ้านด้วยครับ....เดี๋ยวมีเวลาจะลองทดสอบดูว่ามันเป็นยังงัย....ด้วยการเอาไป "ต้ม" ซะเลย  :L2754: :L2754:
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/332A3079-85B2-478F-B5C1-B7296AB84589-820-0000003A080FADF6_zps27e00202.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/332A3079-85B2-478F-B5C1-B7296AB84589-820-0000003A080FADF6_zps27e00202.jpg.html)

จากนั้นก็มาที่พัดลมฟรีปั๊มครับ.....จัดการถอดออกมาเลย...ช่างขันน็อตล็อคตรงแกนมัน 4 ตัว ก็ถอดออกมาได้ละ (ขันยากอยู่เหมือนกันเพราะช่องมันแคบมาก) เสร็จแล้วก็เอาพัดลมออกมาแกะตรงแกนกลางมันออก
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/2AD6D5ED-ABBC-4ED4-BE5B-7047F9143C70-820-0000003A28718F62_zpsfa6d3008.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/2AD6D5ED-ABBC-4ED4-BE5B-7047F9143C70-820-0000003A28718F62_zpsfa6d3008.jpg.html)

จากนั้นก็จัดการเปิดเจ้าแกนกลางออก...แกนกลางนี้มันมีลักษณะเหมือนจาน 2 อันประกบกัน มีน็อตไขยึดอยู่ 4 ตัว....แต่แน่นมาก...ต้องเอาปากกาจับถึงจะขันน็อตออกได้....และขันน็อตออกหมดแล้วก็ยังเปิดไม่ได้ ต้องเอาฆ้อนตีตรงขอบเบาๆ ถึงจะหลุดออกจากกัน....เป็นเปิดออกแล้วก็จัดการเติมน้ำยาลงไป
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/D550EBBE-A2F8-4CEE-8747-AD54E8F60687-820-0000003A3283CA2F_zps69da861d.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/D550EBBE-A2F8-4CEE-8747-AD54E8F60687-820-0000003A3283CA2F_zps69da861d.jpg.html)

แต่แปลกครับ ผมก็นึกว่ามันจะเป็นน้ำยาแบบเป็นขวดๆ ที่ไหนได้ มันเป็นหลอดเล็กๆเองครับ....หลอดประมาณยาหยอดตาอะครับ....และที่แปลกกว่าคือมันเป็นน้ำยาของโตโยต้าด้วย.....ผมสอบถามช่าง...ช่างบอกว่าน้ำยาของมิตซูฯก็มี แต่มีเป็นขวดใหญ่ๆ ซื้อมาก็ไม่รู้จะได้ใช้อีกเมื่อไหร่....เลยสั่งของพี่โตมาแทน.....ผมก็เลยถามช่างว่าแสดงว่าไม่ค่อยมีใครเข้ามาทำอะซิ....ช่างบอกว่า เป็นช่างมาตั้งหลายปี เพิ่งจะได้ตามน้ำยาพัดลมนี้เป็นครั้งแรก....อ้าว...เฮ้ย....ครั้งแรกเลยเหรอ.....ช่างบอกว่าส่วนใหญ่คือมันจะฟรีจนมันเสียไปเลยถึงจะรู้ ดังนั้นส่วนใหญ่จะเปลี่ยนมากกว่าเติมน้ำยา.......เหอๆๆๆ....งงซิครับ....คือง่ายๆ แสดงว่าเวลาเช็ครถ ไม่มีการเช็คตัวพัดลมนี้ให้เรา.....เลยไม่รู้ว่าน้ำยามันหมด....พอนานๆไปมันเสียแล้วค่อยเปลี่ยน....เออ....ดีเนอะ  :L2739: :L2739:

ตัวน้ำยามันเป็น Oil Silicone นะครับ มันจะไม่ใช่น้ำมันหล่อลื่น...คือมันจะเหนียวๆ ไม่ลื่น...ผมเห็นช่างบีบนี่มันเหนียวเหมือนพวกกาวเลยครับ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/22A5375E-937B-4F80-A956-4CE5CA6C7A20-820-0000003A3CD21F76_zps569be1ed.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/22A5375E-937B-4F80-A956-4CE5CA6C7A20-820-0000003A3CD21F76_zps569be1ed.jpg.html)

พอเสร็จแล้วก็ประกอบกลับ....ตอนประกอบกลับนี่มันยุ่งๆหน่อย ด้วยช่างก็ไม่เคยแกะออกมา...พี่หน่อยหัวหน้าช่างเลยต้องมาช่วยด้วย...ไปๆมาๆ ช่างมารุมอยู่ที่การประกอบพัดลมกลับทั้ง 3 คน.....ช่วงนั้นลูกค้าคนอื่นคงหมั่นไส้น่าดู....รถคันนี้มันอะไรวะ...เจ้าของแม่งเดินคุยกับช่างเฉย ไม่มีใครไปไล่มันมานั่งในห้องพัก....แถมช่างก็ไปรุมอยู่แต่รถมัน  :L2754: :L2754: :L2754:
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/1A8EB304-08A4-4467-B34D-55263E51139D-820-0000003A5006B2F2_zpse3d0478f.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/1A8EB304-08A4-4467-B34D-55263E51139D-820-0000003A5006B2F2_zpse3d0478f.jpg.html)

เสร็จแล้วก็จัดการเติมน้ำเข้าหม้อน้ำ...ไล่อากาศ.....ตอนแรกๆช่างก็ไล่อากาศเหมือนเดิม คือสตาร์ทรถทิ้งไว้ เปิดฝาหม้อน้ำ รอให้น้ำมันยุบค่อยเติม....ผมก็เลยบอกช่างว่า....วิธีนี้มันไล่อากาศไม่หมดหรอก...เพราะคุณรอให้อากาศดันออกมา น้ำยุบลงไป จังหวะที่มันยุบลงไป มันก็ดูดอากาศเข้าไปด้วยซิ....ไล่แบบนี้ยังงัยก็ไม่หมดหรอก....แถมเล่าให้ฟังด้วยว่ารถเข้ามาที่ศูนย์นี้เช็ค 40000 มีหลายคันแล้วนะที่ออกไปแล้วความร้อนขึ้น ต้องไปไล่อากาศกันเองที่บ้านอีก ถึงจะปกติ.....แล้วก็เลยเล่าให้ช่างฟังถึงวิธีไล่น้ำที่ได้รับถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์นะรัชดา ..... ช่างเลยไปหากรวยมา เอาผ้าอุดรอบฝาหม้อน้ำไว้ แล้วตั้งกรวยไว้ ใส่น้ำยาหม้อน้ำลงไป ตามวิชาที่ผมได้เล่าให้ฟัง
(http://i1094.photobucket.com/albums/i446/tazz1211/Miscel/751D1FA3-4982-49BE-8D2C-738CDF8A3485-820-0000003A5A91562B_zpsb33c6525.jpg) (http://s1094.photobucket.com/user/tazz1211/media/Miscel/751D1FA3-4982-49BE-8D2C-738CDF8A3485-820-0000003A5A91562B_zpsb33c6525.jpg.html)

เอาละครับเสร็จงานของวันนี้ละ....เข้าศูนย์ไปตอน 8.30 ทำเสร็จตอน 11.00 ใช้เวลาพอสมควรเลยครับ...ที่นานก็นานตอนไล่อากาศด้วย.....หลังจากออกจากศูนย์ ผมก็ได้ลองทดสอบวิ่งจากพุทธมณฑล ไปศรีนครินทร์ ใช้เส้นทางวงแหวนกาญจนาฯ ไปกลับร่วม 200 กว่าโล......จากนั้นเมื่อวานได้ทดสอบวิ่งไป-กลับหัวหิน....ทดสอบการวิ่งทางยาวความเร็วสูงดูครับ.....ผลเป็นอย่างไร จบหรือไม่กับเจ้าความร้อน....พบกันตอนต่อไป

 :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 18:16:24
ได้รับข่าวล่าสุดจากพี่ลีโจ...นำวิธีทดสอบพัดลมฟรีปั๊มไปลอง.....ผลออกมาคือ พัดลมหมุน  :L2901: :L2901: ไม่ยอมหยุดเมื่อดับเครื่อง....เหมือนของผมเลย  :L2754: :L2754: :L2754:......แนะนำไปเรียบร้อยครับ.....คิดว่าเจ้าผู้ต้องหารายนี้คงไม่ได้มีแค่ผมกับพี่ลีโจแน่ๆ....พี่ๆที่สนใจก็ลองไปทดสอบดูนะครับ

 :L4399: :L4399: :L4398: :L4398:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่อาร์ต-Outdoor ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 18:47:21
รับ  :L6428: ที่ 44 ไปเลยครับพี่ตาม
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 19:14:08
ตอนที่12 อวสาน

หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำและเติมน้ำยาพัดลมฟรีปั๊มเรียบร้อยแล้ว......ผมก็ทดสอบทันที....บ่ายวันนั้นวิ่งจากพุทธมณฑล-ศรีนครินทร์...ใช้เส้นทางกาญจนาภิเษก ไปกลับ 200 โล....สภาพการจราจร รถมาก ทำความเร็วได้ไม่มากนักประมาณ 80-100 ได้ 120 บางช่วง....เส้นนี้กล้องเยอะมาก ไม่กล้าใช้ความเร็วเกิน 120โลเลย.....จากนั้นเมื่อวานนี้ ด้วยอารมย์เบื่อมาก...ลูกชายยังปิดเทอมนั่งเล่นโน่นเล่นนี่อยู่บ้าน...เลยหาเรื่องโดดงาน...อยากทดสอบรถ.....อยากลองวิ่งต่างๆจังหวัด ทางยาวๆ ทำความเร็วได้สูงๆ......จะลองดูว่าความร้อนจะเป็นยังงัย....เลยชวนลูกชายไปเล่นน้ำที่ Black Mountain หัวหิน..... :L2754: :L2754:....ผบ ถามเลยว่า คึกอะไรขึ้นมาอยู่ๆอยากพาลูกไปเล่นน้ำซะไกลถึงหัวหิน.......เลยตอบไปว่าก็อยากให้ลูกมีความสุข อยู่บ้านก็เบื่อ วันนี้เบื่อๆงาน อยากพัก เลยจะขับรถพาลูกไปเล่นน้ำ.....ผบ. ติดงาน ไม่ได้ไปด้วย เลยไปหวดทางยาวกับลูกชาย 2 คน

ผลของความร้อนหลังจากจับผู้ต้องหาทั้ง 2 แล้ว........ผลปรากฎจริงๆตั้งแต่อยู่ในศูนย์แล้วครับ....คือตอนระหว่างที่ไล่อากาศอยู่นั้น....สตาร์เครื่องเดินเบา รออากาศออกมาจากเครื่องผมสังเกตุความร้อนยืนพื้นมันมายืนอยู่ที่ 85-86 เท่านั้นเอง......โอว....Amazing.....ใช้รถคันนี้มาเกือบ 2 ปี ยังไม่เคยเห็นความร้อนยืนพื้นที่ 85 เลย ให้ตายซิ.....ในใจเริ่มดีใจครับว่าอย่างงี้มีโอกาสที่จะจบละ เพราะเดิมรถผม ต่อให้ติดเครื่องเดินเบาความร้อนก็อยู่ประมาณ 89-90 ถ้าเป็นตอนกลางคืนอาจมี 88 บ้าง แต่ไม่บ่อย....แต่นี่อากาศร้อนๆเดินเบายังได้ 85-86 ลดลงเห็นๆ

หลังจากออกจากศูนย์....ตีรถไปดู site งานที่ศรีนครินทร์.....ลองแบบปิดกล่องข้าวน้อยดูก่อน....ขอดูระดับความร้อนแบบรถปกติไม่ได้จูนมาก่อนเลย.......ขึ้นกาญจนาฯ ยิงยาวไปลง motorway ผลของความร้อนน่าตกใจมากมายครับ.......ความร้อนอยู่ที่ 88-90 เท่านั้น ในความเร็วกลางประมาณ 100....ถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับของเดิมที่จะอยู่ประมาณ 93-95 ที่ความเร็วเดียวกัน....เมื่อเติมคันเร่งไปที่ความเร็ว 120....ความร้อนก็ขึ้นมาที่ 91-92 เท่านั้น....และพอยกคันเร่งซักนิด...ความร้อนก็จะกลับลงมาวนเวียนอยู่แถว 89-90-91.....ทั้งหมดเป็นการขับแบบปกติ ไม่ได้เร่งมาก ไม่ได้กดมาก....กดคันเร่งแบบค่อยๆเติมตามจังหวะเท่านั้น......ขากลับลองกดแรงๆ อัดๆ ความร้อนก็มีขึ้นนะครับ ขึ้นค่อนข้างเร็ว....ลองกดแซงตอนความเร็ว60 กดแรงๆ ความเร็วขึ้นมาที่ 120 ความร้อนจะไปอยู่ที่ 96 ถือว่าเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยครับ......ปกติ 120 ต่อให้ขับแบบค่อยๆเติมคันเร่ง ความร้อนก็ยังไปอยู่แถว 97-98 แล้ว แต่นี่เต็มที่ก็อยู่ที่ 96 ถือได้ว่าดีมากๆ.....การทดสอบวันแรก ถือว่าพอใจมาก...คิดว่าน่าจะจบได้ละเรื่องนี้

วันรุ่งขึ้น.....ทดสอบวิ่งกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทางประมาณ 300กว่าโล สภาพการจราจร พอเลยช่วงสมุทรสาครไป รถน้อย ทำความเร็วได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งขากลับช่วง เพชรบุรี-วังมะนาว รถน้อยมาก...เพราะมีด่านตั้งอยู่แถวเลยตัวเมืองเพชรฯ มาหน่อย พอเลยด่านมารถเลยน้อยมาก ทำความเร็วได้ดีเลย.....ผลการทดสอบเหมือนตอนวิ่งไปศรีนครินทร์เลยครับ....ถ้าขับแบบค่อยๆเติม ความร้อนยืนพื้นจะอยู่ที่ประมาณ 88-89 พอความเร็วขึ้นสูงเกิน 120 ความร้อนถึงจะพ้น 92.....ลองทำความเร็วที่ 160 ความร้อนถึงจะไปถึง 97 ครับ.....แต่ถ้าขับแบบกดแรงๆ อัดๆ อันนี้ความร้อนก็มาไวครับ ความเร็ว 140 ความร้อนก็ไป 96-97 แล้ว......แต่ถ้าผ่อนคันเร่งความร้อนก็จะลงมาเร็วเลยทีเดียว.....ช่วงความร้อนที่เห็นมากที่สุดจะอยู่ประมาณ 88-91 ประมาณนี้ครับ ลดลงจากเดิมมากเลย......ความร้อนสูงสุดเท่าที่เห็น (อัดแรงบ้าง แต่ไม่มากถึงขนาดกดจนมิด) ความร้อนอยู่ที่ 98 องศา

ขากลับ....ลองของเลยครับ เปิดกล่องข้าวน้อย Mode Race 1 ...... ความร้อนสูงขึ้นบ้างแต่ไม่มากนัก ประมาณ 1 องศาทุกช่วง ถือได้ว่าดีมาก เพราะปกติแค่ Race1 นี่ความเร็ว 120 ความร้อนก็ไป 98 แล้ว แต่คราวนี้ความเร็ว 120 ความร้อนยังวนเวียนอยู่แถว 92-93 ลองกดเร่งแรงๆดูบ้าง ความร้อนก็ไปอยู่แถว 96-97 เท่านั้น...ลองวิ่งที่คราวเร็ว 140-160 ความร้อนสูงขึ้นอยู่แถวๆ 96-97 (ถ้าไม่ได้กดแรงนะครับ ขับแบบค่อยๆเร่ง ไปเรื่อยๆ)

จากการทดสอบมา 2 วัน เรียกได้ว่าจบแล้วครับสำหรับปัญหาเรื่องความร้อน.....วนหาสาเหตุอยู่นานมาก.....ตั้งแต่การจูน การทำท้ายราง....เรื่อยมาจนมาเปลี่ยนหม้อน้ำ.....และมาจบที่พัดลมและวาล์วน้ำ.....สำหรับวาล์วน้ำนั้นผมไม่เคยนึกถึงเลย....เพราะจากข้อมูลทั้งหมด ยังไม่เคยเห็นมีใครบอกว่า "วาล์วน้ำเสีย" ....ถ้ามีการพูดถึงวาล์วน้ำ จะเป็นการเปลี่ยนวาล์วน้ำตัวอุณหภูมิต่ำมาใช้มากกว่า (โดยมากจะใช้ของเซฟีโร่) .... แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงการเปลี่ยนเอาวาล์วน้ำสเปกเดิมมาใช้แล้วปัญหาความร้อนลดลง.....ทั้งหมดเป็นข้อสรุปจากการใช้งานจริง....เมื่อเปลี่ยนวาล์วน้ำและอัดน้ำยาพัดลมฟรีปั๊มแล้ว ปัญหาเรื่องความร้อนหายไปเลย....แต่วาล์วน้ำเดิมมันจะเสียหรือฝืดหรือไม่ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม....เดี๋ยวมีเวลาจะจัดการเอามันไปต้ม ดูการเปิดของมันที่ระดับอุณหภูมิต่างๆก่อน แล้วจึงจะสรุปได้อีกครั้งว่าวาล์วน้ำตัวนี้เสียอย่างไรครับ

ตอนนี้จบแล้วครับสำหรับปัญหาตัวร้อนของน้องปาออสซี่ (เต่าขาว) .... หลังจากเป็นมหากาพย์อยู่เกือบ 2 ปี

ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่ติดตาม ขอบคุณทุกกำลังใจ และขอบคุณทุกคำปรึกษา.....ขอบคุณเป็นพิเศษคือพี่นะ และพี่อ๊อด ที่คอยให้คำปรึกษาตลอด รวมถึงที่ปรึกษารั้วสังกะสีที่ให้ข้อมูลให้คำแนะนำมาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี

ขอบคุณและสวัสดีครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ปุ้ม-PUM_Winyoo ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 20:27:02
สงสัยต้องไปดูรถเราบ้างแล้วขอบคุณครับ :sd10: :L6428:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่เล็ก-หลังเขา ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 20:30:32
สุดยอดครับพี่ตาม ความรู้มากมาย :L6428: :L6428: :L6428: :L2900: :L2900: :L2900:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: บุญเลิศ ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 22:46:25
ใช่ ใช่ ได้ความรู้มากจริงๆ
นับถือ ที่ใจเย็น ไม่รีบร้อนเปลี่ยนหม้อน้ำเสียก่อน
 :L2900:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 22:51:39
บทส่งท้าย

จากปัญหาเรื่องความร้อนคราวนี้....ผมมีประเด็นอยากที่จะเตือนพี่ๆทุกท่านครับ.....ปัญหาของรถผมนั้นมีมานานแล้ว.....เริ่มต้นเมื่อไหร่ผมไม่รู้เหมือนกัน.....เข็มความร้อนมันไม่เคยขยับ.....ก็เลยคิดว่ามันปกติ ไม่เคยคิดว่ารถซื้อมาใหม่ๆมันจะมีปัญหา....และปัญหาเรื่องความร้อน....คิดดูนะครับ...ถ้าเข็มมันไม่ขยับเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันมีปัญหาอะไรบ้าง.....จากประสบการณ์ของผม ความร้อนสูงขนาด 105 หรือความร้อนต่ำขนาด 85 ต่างกัน 20องศานะครับ....เข็มที่มาตรวัดอยู่ที่เดิมตลอด....ดังนั้นถ้าระบบระบายความร้อน ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดมีปัญหาเราจะไม่มีทางรู้เลย......จะรู้อีกทีเมื่อปัญหาส่งผลให้เข็มความร้อนขยับ.....แล้วเข็มมันจะขยับเมื่อไหร่....เท่าที่ผมถามช่าง.....เข็มจะขยับเมื่อ "เครื่องฮีท" ครับ......นั่นแปลว่าถ้าตัวใดตัวหนึ่งในระบบระบายความร้อนมีปัญหา....ต้องรอให้เครื่องฮีท ถึงจะรู้.......แล้วถ้าเครื่องฮีทไปแล้ว...คงมีอีกหลายปัญหาตามมาครับ

พัดลมฟรีปั๊มนี่ไม่เท่าไหร่นะครับ มันอยู่ข้างนอก พอเห็นได้ พอทดสอบได้....แต่วาล์วน้ำนี่ซิครับ....ตั้งแต่ใช้รถมา 2 ปี...อยู่มาหลายบ้าน.....ผมไม่เคยเห็นว่ามีใครเลยซักคนที่จะมีอาการผิดปกติของวาล์วน้ำ.....เพราะถึงมีก็ไม่มีทางรู้หรอกครับ....จนเครื่องฮีท....แล้วเครื่องฮีทไปแล้ว ปัญหาที่ตามมาคงเยอะ....ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าคนที่รถเขาเครื่องฮีทกันนั้น จะมีสาเหตุมาจากเจ้าตัววาล์วน้ำนี่กันบ้างหรือเปล่า......และผมก็ไม่เห็นคนที่เครื่องฮีทแล้วจะสนใจหาสาเหตุกันซักเท่าไหร่.....ตั้งหน้าตั้งตาจะเคลมอย่างเดียว....ความสนใจอยู่ที่จะเคลมได้หรือเปล่า...จนลืมหาสาเหตุ หรือต้นเหตุของอาการฮีทไป.....เจ้าวาล์วน้ำตัวนี้ก็เลยอาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยที่ไม่เคยถูกจับได้ซักที

จากการผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้นะครับ.....2ปีกับความร้อน ผมบอกได้เลยว่า ที่ผมรอดมาได้ และมาแก้ปัญหาได้จนจบนั้น.....เพราะสิ่งเดียวเลยครับ.......Smart Gauge ครับ........เจ้าเครื่องนี้นี่แหละครับ...มันทำให้ผมจับอาการความร้อนได้ รู้ว่าเมื่อไหร่เร่งได้ เมื่อไหร่ต้องผ่อน.....จนมาสังเกตุเห็นอาการผิดปกติตอนเปลี่ยนหม้อน้ำ จนหลังเปลี่ยนหม้อน้ำ....และนำไปสู่การแก้ปัญหาทั้งหมด.....ผมแนะนำพี่ๆทุกท่านนะครับ.....หามาติดไว้ซักเครื่องครับ....จะเป็น Smart Gauge ก็ได้ หรือจะเป็น Gauge วัดยี่ห้ออื่นๆก็ได้ หรือจะเป็นตัว OBDII reader ตัวไหนก็ได้ครับ (iphone ก้ทำได้นะครับ) ที่สามารถอ่านค่าอุณหภูมิของน้ำได้ (Engine Coolant Temp.) หามาติดไว้ในรถเถอะครับ......แล้วเวลาขับรถไป ใช้รถไป ลองสังเกตุดูซักนิดว่ามีอาการความร้อนที่ไม่ปกติหรือไม่.....จะได้ดำเนินการตรวจอบและแก้ไขได้ทันท่วงที......smart gauge ตัวนึงไม่กี่พัน ....เพื่อป้องกันอาการผิดปกติของระบบระบายความร้อนครับ....ดีกว่าเครื่องฮีท....ค่าซ่อมแพงกว่าเยอะครับ

ถ้าพี่ท่านใดยังไม่มีตัววัดอุณหภูมินะครับ...แนะนำให้จัดหามาเลยครับ....ด้วยความปรารถนาดีครับผม
  :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่โต (1007) ที่ 10 พฤษภาคม 2013, 22:59:28
ยอดเยี่ยมมากครับพี่ตาม  :L2900: :L2900: :L2900:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: โอ นาเกลือ ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 03:34:21

   ดูจากข้อมูลที่พี่ตามเล่ามา วาวล์น้ำพี่ตามแทบจะไม่มีโอกาสได้ปิดเลย แทบเปิดตลอด  นอกจากตอน

สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ  อาจจะเป็นที่มาของสูตรบางสำนักที่ให้เปลี่ยนวาวล์น้ำกัน เพื่อให้น้ำมีโอกาส ได้ออกมา

ระบายความร้อนได้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการวอร์มอัฟของเครื่องยนต์  เพราะรายละเอียดเจ้าของรถ

อาจจะไม่มีข้อมูล  หรือว่าวาวล์น้ำเองมีข้อบกพร่องเหมือนกรณีพี่ตาม ก็เห็นมีคนบ่นกันเยอะ  เรื่องความร้อน

สูง  แต่ดีที่พี่ตามข่างสังเกต  และมีโอกาสได้เดินทางบ่อย  จึงได้ข้อมูลดีๆ มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ

ขอบคุณพี่ตามมาก สำ้หรับมหากาพย์ที่มีประโยขน์มากๆ  อ่านเพลินมากเลย

 
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 11 พฤษภาคม 2013, 06:15:38
    ดูจากข้อมูลที่พี่ตามเล่ามา วาวล์น้ำพี่ตามแทบจะไม่มีโอกาสได้ปิดเลย แทบเปิดตลอด  นอกจากตอน

สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ  อาจจะเป็นที่มาของสูตรบางสำนักที่ให้เปลี่ยนวาวล์น้ำกัน เพื่อให้น้ำมีโอกาส ได้ออกมา

ระบายความร้อนได้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการวอร์มอัฟของเครื่องยนต์  เพราะรายละเอียดเจ้าของรถ

อาจจะไม่มีข้อมูล  หรือว่าวาวล์น้ำเองมีข้อบกพร่องเหมือนกรณีพี่ตาม ก็เห็นมีคนบ่นกันเยอะ  เรื่องความร้อน

สูง  แต่ดีที่พี่ตามข่างสังเกต  และมีโอกาสได้เดินทางบ่อย  จึงได้ข้อมูลดีๆ มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ

ขอบคุณพี่ตามมาก สำ้หรับมหากาพย์ที่มีประโยขน์มากๆ  อ่านเพลินมากเลย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลพี่ตาม   เรื่องความร้อนนี้แบ่งเป็น 5 กรณีที่เราทดสอบ ทดลอง เพื่อให้ชัดเจนและเห็นผลแตกต่างกัน ดังนี้

1. หลังจากฟังข้อมูลจากรั้วสังกะสี(ที่ปรึกษาปามาเนีย)แล้ว  พวกเราไม่เปลี่ยนวาวล์น้ำรุ่นที่เปิดเร็วกว่าแน่นอน  ตามเหตุุผลที่ว่าวาว์ลน้ำ 2500 กับ 3200 เปิดที่ engine temp ต่างกัน
2. เรียนรู้ยอมรับว่าความร้อนเกิดจากการเสียดสีที่มากขึ้น อัตราเร่งที่ตอบสนองเร็วขึ้นจากการตกแต่งเครื่องยนต์ของปาเจโร่และเป็นทุกกล่องที่ทำงานลักษณะเดียวกัน
3. แก้ไขในจุดที่ควรแก้ไขคือ บาลานซ์การกำเนิดกับการระบายความร้อนและการระบายไอเสีย(เช่นการสร้างหม้อน้ำใหม่)
4. spec หม้อน้ำดัวส่งออกและตัวที่ใช้แถบประเทศอื่น  มีด้วยกันหลาย part และมีขนาดหลอดใหญ่กว่า 16มม ทั้งนั้นเลย
5. ช่วงต้นปีของปี2012 มีรถยนต์ปาเจโร่สปอต รุ่น 2500vg ได้รับหม้อน้ำ 19-22มม. ประมาณ 2-300 คัน  ทดแทนช่วงเปลี่ยน supplier และ part shortage ไม่ทันช่วง production

**เราจึงเดินหน้าทำตาม concept ที่วางไว้เป็นลำดับขั้นตอน  แต่กรณีพี่ตามเราพบความผิดปกติเรื่องไล่อากาศแล้ววาว์ลน้ำไม่ยอมเปิดหรือเปิดก็น้อยมาก  เร่งเครื่องจนเลย engine temp ก็ยังไม่ดูดน้ำลงไปแบบเคสไล่อากาศปกติ   และการทดลองใช้งานประจำวันผลการทดลองตรงข้ามกับผมและพี่กิตติ  ของผมจอดรถเดินเบาสูงกว่าเดิมเล็กน้อย  แต่พอรถเคลื่อนตัวจะลดลงเร็วกว่าเดิมยิ่งขับเร็วเห็นชัดเจนว่า temp ขึ้นช้าและระบายได้เร็วมาก   แต่การขับแบบเค้นอย่างที่เคยเขียยนในกระทู้ก่อนหน้านี้ว่าก็เกิดแบบเดิมเพียงแต่เรามาทำบาลานซิ่งให้ในเรื่องถ่านเท watertemp ก่อนเข้าเครื่องยนต์เท่านั้น  ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับ engine temp และ sensor ไม่มีการหลอกค่าใดๆ 

*พอพี่ตามมีผลตรงข้ามกับพวกผม พี่ตามก็เลยสงสัยที่วาวล์น้ำก่อนเลยและพอตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่าพัดลมฟรีปั๊มรอบตกด้วย  พอแก้ไข 2 จุดนี้  ก็ทำให้ผลจากการเปลี่ยนหม้อน้ำเป็นแบบเดียวกับรถของผมและพี่กิต  จึงสรุปให้เห็นว่าการที่เราไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์หรืออะไรเลยแต่หากเราหมั่นสังเกตุจับอาการบอกเล่าการเกิดของอาการได้  เราก็จะช่วยกันหาทางแก้ไขให้แบบถูกวิธีและมีหลักการ
พวกเราก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง แต่หากช่วยเหลือกันได้บ้างเราจะช่วยถามกับคนที่อาจจะช่วยให้แนวทางเราเดินหน้าแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง  พอจบเคสหนึ่งทำให้เรารู้มากขึ้นอีกและนำสิ่งเล่านั้นมาบอกมาเล่าต่อให้เพื่อนสมาชิกฟังเป็นข้อมูลอีกครั้งไงครับ

สุดท้ายนี้ขอแสดงความยินดีกับเสือขาวของเราด้วยครับ  ต่อไปก็เดินหน้าหาอะไรรองรับหลัง คอ ตูด และกระชับมือเพิ่มขึ้นอีกนะครับ    ตามมาแหกได้เรื่อยๆ  อิ  อิ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: < พีท > ChumphoN ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 01:17:43
อ่านถึงตอนที่ 11 แล้ว มาร์คไว้ก่อน ง่วงโครตๆ ขอตัวไปนอนก่อนคับ มันมากๆๆ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่แกะ (PKT) ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 07:11:32
 :L2900: :L6428: ได้ความรู้จิงๆ  :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 10:33:44
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 13:57:36
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:

แสดงว่าเข้าไปตามลายแทงที่บอกไว้ซิพี่ลีโจ.....เป็นไงบ้างศูนย์นี้.....ช่างน่าจะคล่องแล้วนะ...เพราะรถผมเคสแรก....ติวกันเข้มเลย  :L2754: :L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 14:02:55
    ดูจากข้อมูลที่พี่ตามเล่ามา วาวล์น้ำพี่ตามแทบจะไม่มีโอกาสได้ปิดเลย แทบเปิดตลอด  นอกจากตอน

สตาร์ทเครื่องใหม่ๆ  อาจจะเป็นที่มาของสูตรบางสำนักที่ให้เปลี่ยนวาวล์น้ำกัน เพื่อให้น้ำมีโอกาส ได้ออกมา

ระบายความร้อนได้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการวอร์มอัฟของเครื่องยนต์  เพราะรายละเอียดเจ้าของรถ

อาจจะไม่มีข้อมูล  หรือว่าวาวล์น้ำเองมีข้อบกพร่องเหมือนกรณีพี่ตาม ก็เห็นมีคนบ่นกันเยอะ  เรื่องความร้อน

สูง  แต่ดีที่พี่ตามข่างสังเกต  และมีโอกาสได้เดินทางบ่อย  จึงได้ข้อมูลดีๆ มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ

ขอบคุณพี่ตามมาก สำ้หรับมหากาพย์ที่มีประโยขน์มากๆ  อ่านเพลินมากเลย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลพี่ตาม   เรื่องความร้อนนี้แบ่งเป็น 5 กรณีที่เราทดสอบ ทดลอง เพื่อให้ชัดเจนและเห็นผลแตกต่างกัน ดังนี้

1. หลังจากฟังข้อมูลจากรั้วสังกะสี(ที่ปรึกษาปามาเนีย)แล้ว  พวกเราไม่เปลี่ยนวาวล์น้ำรุ่นที่เปิดเร็วกว่าแน่นอน  ตามเหตุุผลที่ว่าวาว์ลน้ำ 2500 กับ 3200 เปิดที่ engine temp ต่างกัน
2. เรียนรู้ยอมรับว่าความร้อนเกิดจากการเสียดสีที่มากขึ้น อัตราเร่งที่ตอบสนองเร็วขึ้นจากการตกแต่งเครื่องยนต์ของปาเจโร่และเป็นทุกกล่องที่ทำงานลักษณะเดียวกัน
3. แก้ไขในจุดที่ควรแก้ไขคือ บาลานซ์การกำเนิดกับการระบายความร้อนและการระบายไอเสีย(เช่นการสร้างหม้อน้ำใหม่)
4. spec หม้อน้ำดัวส่งออกและตัวที่ใช้แถบประเทศอื่น  มีด้วยกันหลาย part และมีขนาดหลอดใหญ่กว่า 16มม ทั้งนั้นเลย
5. ช่วงต้นปีของปี2012 มีรถยนต์ปาเจโร่สปอต รุ่น 2500vg ได้รับหม้อน้ำ 19-22มม. ประมาณ 2-300 คัน  ทดแทนช่วงเปลี่ยน supplier และ part shortage ไม่ทันช่วง production

**เราจึงเดินหน้าทำตาม concept ที่วางไว้เป็นลำดับขั้นตอน  แต่กรณีพี่ตามเราพบความผิดปกติเรื่องไล่อากาศแล้ววาว์ลน้ำไม่ยอมเปิดหรือเปิดก็น้อยมาก  เร่งเครื่องจนเลย engine temp ก็ยังไม่ดูดน้ำลงไปแบบเคสไล่อากาศปกติ   และการทดลองใช้งานประจำวันผลการทดลองตรงข้ามกับผมและพี่กิตติ  ของผมจอดรถเดินเบาสูงกว่าเดิมเล็กน้อย  แต่พอรถเคลื่อนตัวจะลดลงเร็วกว่าเดิมยิ่งขับเร็วเห็นชัดเจนว่า temp ขึ้นช้าและระบายได้เร็วมาก   แต่การขับแบบเค้นอย่างที่เคยเขียยนในกระทู้ก่อนหน้านี้ว่าก็เกิดแบบเดิมเพียงแต่เรามาทำบาลานซิ่งให้ในเรื่องถ่านเท watertemp ก่อนเข้าเครื่องยนต์เท่านั้น  ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับ engine temp และ sensor ไม่มีการหลอกค่าใดๆ 

*พอพี่ตามมีผลตรงข้ามกับพวกผม พี่ตามก็เลยสงสัยที่วาวล์น้ำก่อนเลยและพอตรวจสอบโดยละเอียดก็พบว่าพัดลมฟรีปั๊มรอบตกด้วย  พอแก้ไข 2 จุดนี้  ก็ทำให้ผลจากการเปลี่ยนหม้อน้ำเป็นแบบเดียวกับรถของผมและพี่กิต  จึงสรุปให้เห็นว่าการที่เราไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์หรืออะไรเลยแต่หากเราหมั่นสังเกตุจับอาการบอกเล่าการเกิดของอาการได้  เราก็จะช่วยกันหาทางแก้ไขให้แบบถูกวิธีและมีหลักการ
พวกเราก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่อง แต่หากช่วยเหลือกันได้บ้างเราจะช่วยถามกับคนที่อาจจะช่วยให้แนวทางเราเดินหน้าแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง  พอจบเคสหนึ่งทำให้เรารู้มากขึ้นอีกและนำสิ่งเล่านั้นมาบอกมาเล่าต่อให้เพื่อนสมาชิกฟังเป็นข้อมูลอีกครั้งไงครับ


สุดท้ายนี้ขอแสดงความยินดีกับเสือขาวของเราด้วยครับ  ต่อไปก็เดินหน้าหาอะไรรองรับหลัง คอ ตูด และกระชับมือเพิ่มขึ้นอีกนะครับ    ตามมาแหกได้เรื่อยๆ  อิ  อิ

เห็นด้วยกับพี่นะอย่างยิ่งครับ......ผมไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์อะไรเลย....จนมาใช้น้องปานี่แหละครับ....คันก่อนๆมีแต่งเครื่องบ้าง ก็ไม่เคยศึกษา....ใช้ระบบจ่ายตังค์ช่างทำ.....พอเสียหรือไม่ด๊ก็กลับไปทำใหม่....ไม่เคยศึกษาด้วยตัวเองมาก่อน.....พอมีน้องปา และได้รู้จักกับพี่ๆบ้านปามาเนีย....ก็มีการพูดคุย สอบถาม ขอคำแนะนำ บวกกับหวังพึ่งศูนย์บริการก็ไม่ได้ ส่วนช่างอื่นๆก็จะเน้นให้เราแรงอย่างเดียว....เลยตัดสินใจศึกษาเองด้วยการอ่านบ้าง สอบถามบ้าง ฟังพี่ๆเขาคุยกันบ้าง เก็บเล็กผสมน้อยไป.....ถึงไม่รู้ละเอียด....แต่ก็พอให้เข้าใจหลักการทำงานของเครื่องได้.....และเมื่อพอเข้าใจ ก็สามารถที่จะสั่งให้ช่างลองตรวจสอบ ลองทดสอบ ลองเปลี่ยนในตำแหน่งที่เราคิดว่ามีโอกาสที่จะเป็นปัญหาได้ครับ......ดีกว่าส่งรถเข้าไปให้ช่างรื้อๆๆๆๆๆๆดู....โดยที่ไม่มีจุดหมาย.....เพราะช่างไม่ได้ใช้รถทุกวัน เขาไม่รู้หรอกครับว่าอาการแท้จริงเป็นอย่างไร....เราเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าอาการเป็นยังงัยครับ  :L4399: :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 14:15:26
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:

แสดงว่าเข้าไปตามลายแทงที่บอกไว้ซิพี่ลีโจ.....เป็นไงบ้างศูนย์นี้.....ช่างน่าจะคล่องแล้วนะ...เพราะรถผมเคสแรก....ติวกันเข้มเลย  :L2754: :L2754: :L2754:
คล่องครับ ไม่หน้าเกินครึ่ง ชม.ในการถอนและใส่  ตัวฟรีปั้มเคาะ2ทีก็ออกแล้วครับ คุยกันอยู่แปบๆก็เสร็จแล้วครับ
แต่ขอบอกครับมีคนโทรมาเช็คราคาฟรีปั้มแต่เป็นไททันนะ 6,+++  เค้าชนมา นะครับเลยต้องเปลี่ยน

เปลี่ยนมาแล้วความร้อนโอเคขึ้นครับแต่งมีงงอยู่ ไว้รองยาวๆแล้วจะมาเล่าให้ฝัง
อาการพัดลมฟรีปั้มเริมมีปัญหาเป็นยังไง พี่นะกับพี่กิตได้ถ่ายคลิปรถผมไว้แล้วครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 14:36:46
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:

แสดงว่าเข้าไปตามลายแทงที่บอกไว้ซิพี่ลีโจ.....เป็นไงบ้างศูนย์นี้.....ช่างน่าจะคล่องแล้วนะ...เพราะรถผมเคสแรก....ติวกันเข้มเลย  :L2754: :L2754: :L2754:
คล่องครับ ไม่หน้าเกินครึ่ง ชม.ในการถอนและใส่  ตัวฟรีปั้มเคาะ2ทีก็ออกแล้วครับ คุยกันอยู่แปบๆก็เสร็จแล้วครับ
แต่ขอบอกครับมีคนโทรมาเช็คราคาฟรีปั้มแต่เป็นไททันนะ 6,+++  เค้าชนมา นะครับเลยต้องเปลี่ยน

เปลี่ยนมาแล้วความร้อนโอเคขึ้นครับแต่งมีงงอยู่ ไว้รองยาวๆแล้วจะมาเล่าให้ฝัง
อาการพัดลมฟรีปั้มเริมมีปัญหาเป็นยังไง พี่นะกับพี่กิตได้ถ่ายคลิปรถผมไว้แล้วครับ
เดี๋ยวผมขับไปให้ พี่ลีโจเช็คได้เปล่า :sd42:  :L2900: ครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 14:59:49
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:

แสดงว่าเข้าไปตามลายแทงที่บอกไว้ซิพี่ลีโจ.....เป็นไงบ้างศูนย์นี้.....ช่างน่าจะคล่องแล้วนะ...เพราะรถผมเคสแรก....ติวกันเข้มเลย  :L2754: :L2754: :L2754:
คล่องครับ ไม่หน้าเกินครึ่ง ชม.ในการถอนและใส่  ตัวฟรีปั้มเคาะ2ทีก็ออกแล้วครับ คุยกันอยู่แปบๆก็เสร็จแล้วครับ
แต่ขอบอกครับมีคนโทรมาเช็คราคาฟรีปั้มแต่เป็นไททันนะ 6,+++  เค้าชนมา นะครับเลยต้องเปลี่ยน

เปลี่ยนมาแล้วความร้อนโอเคขึ้นครับแต่งมีงงอยู่ ไว้รองยาวๆแล้วจะมาเล่าให้ฝัง
อาการพัดลมฟรีปั้มเริมมีปัญหาเป็นยังไง พี่นะกับพี่กิตได้ถ่ายคลิปรถผมไว้แล้วครับ
เดี๋ยวผมขับไปให้ พี่ลีโจเช็คได้เปล่า :sd42:  :L2900: ครับ
มาเดี่ยวนี้เลยนะพี่ดล จะเช็คให้  :L2905: :L2905: :L2905:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 17:01:07
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:

แสดงว่าเข้าไปตามลายแทงที่บอกไว้ซิพี่ลีโจ.....เป็นไงบ้างศูนย์นี้.....ช่างน่าจะคล่องแล้วนะ...เพราะรถผมเคสแรก....ติวกันเข้มเลย  :L2754: :L2754: :L2754:
คล่องครับ ไม่หน้าเกินครึ่ง ชม.ในการถอนและใส่  ตัวฟรีปั้มเคาะ2ทีก็ออกแล้วครับ คุยกันอยู่แปบๆก็เสร็จแล้วครับ
แต่ขอบอกครับมีคนโทรมาเช็คราคาฟรีปั้มแต่เป็นไททันนะ 6,+++  เค้าชนมา นะครับเลยต้องเปลี่ยน

เปลี่ยนมาแล้วความร้อนโอเคขึ้นครับแต่งมีงงอยู่ ไว้รองยาวๆแล้วจะมาเล่าให้ฝัง
อาการพัดลมฟรีปั้มเริมมีปัญหาเป็นยังไง พี่นะกับพี่กิตได้ถ่ายคลิปรถผมไว้แล้วครับ

ขออีกทีพี่ลีโจ....ระดับความร้อนของพี่ลีโจอยู่เท่าไหร่ครับ.......สงสัยจะต้องโดนยกชุดแบบผมซะละ....Combo Set วาล์วน้ำ+พัดลมฟรีปั๊ม  :L2754: :L2754:

แหม เข้าไปที่นี่ก็ไม่บอกซักคำ...จะได้ไปช่วยดู....เผื่อจะได้จัดวาล์วน้ำไปด้วยเลยครับพี่ลีโจ  :L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ต๋อง Fuddy ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 17:04:54
ของผม ความเร็ว 120 อยู่ระดับ 89-90 ถ้า 180+ มา 97 ยกคันเร่ง ลดประมาณ 1-2 อาศา ตัวร้อนป่าว พี่ตาม :L4387:
วันนี้ ไล่ อากาศ แบบ พี่ตามบอก วาล์วเปิดที่87
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 17:33:52
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:

แสดงว่าเข้าไปตามลายแทงที่บอกไว้ซิพี่ลีโจ.....เป็นไงบ้างศูนย์นี้.....ช่างน่าจะคล่องแล้วนะ...เพราะรถผมเคสแรก....ติวกันเข้มเลย  :L2754: :L2754: :L2754:
คล่องครับ ไม่หน้าเกินครึ่ง ชม.ในการถอนและใส่  ตัวฟรีปั้มเคาะ2ทีก็ออกแล้วครับ คุยกันอยู่แปบๆก็เสร็จแล้วครับ
แต่ขอบอกครับมีคนโทรมาเช็คราคาฟรีปั้มแต่เป็นไททันนะ 6,+++  เค้าชนมา นะครับเลยต้องเปลี่ยน

เปลี่ยนมาแล้วความร้อนโอเคขึ้นครับแต่งมีงงอยู่ ไว้รองยาวๆแล้วจะมาเล่าให้ฝัง
อาการพัดลมฟรีปั้มเริมมีปัญหาเป็นยังไง พี่นะกับพี่กิตได้ถ่ายคลิปรถผมไว้แล้วครับ

ขออีกทีพี่ลีโจ....ระดับความร้อนของพี่ลีโจอยู่เท่าไหร่ครับ.......สงสัยจะต้องโดนยกชุดแบบผมซะละ....Combo Set วาล์วน้ำ+พัดลมฟรีปั๊ม  :L2754: :L2754:

แหม เข้าไปที่นี่ก็ไม่บอกซักคำ...จะได้ไปช่วยดู....เผื่อจะได้จัดวาล์วน้ำไปด้วยเลยครับพี่ลีโจ  :L2754: :L2754:
อ้าววันนี้พี่ตามหยุดงานเหรอครับเสียดายจัง
ผมเข้าไปตั้งแต่ 8โมงกว่าๆอะครับ
ความร้อน ขอรองวิ่งดูก่อนครับ มีอะไรที่ยังงงอยู่ กดแบบทิบเลยปูดๆๆๆเรื่มความเร็วที่40-50ความเร็ว100-120ความร้อน87 ผ่อนคันเร่งตวามร้อนมา 90 เอาใหม่ กดอีก140ค้างไว้ ขึ้นไป92 แต่เหมื่อนมันจะไม่ขึ้นเกิน92องศาครับ แล้วจะมารายงานใหม่จ้า

ปล.กลัวSmart Gauge จะเสียครับ เคยมีบางครับวิ่งช้าเลย+รถติดอยู่ความรอ้นลงมา86เฉยงง
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 17:56:41
ผมเช็ดเรียบร้อยแล้วครับ เติมนำยาไป2หลอด ช่างบอกว่าขอพี่ตามใช้1หลอดเอง :L4398:

แสดงว่าเข้าไปตามลายแทงที่บอกไว้ซิพี่ลีโจ.....เป็นไงบ้างศูนย์นี้.....ช่างน่าจะคล่องแล้วนะ...เพราะรถผมเคสแรก....ติวกันเข้มเลย  :L2754: :L2754: :L2754:
คล่องครับ ไม่หน้าเกินครึ่ง ชม.ในการถอนและใส่  ตัวฟรีปั้มเคาะ2ทีก็ออกแล้วครับ คุยกันอยู่แปบๆก็เสร็จแล้วครับ
แต่ขอบอกครับมีคนโทรมาเช็คราคาฟรีปั้มแต่เป็นไททันนะ 6,+++  เค้าชนมา นะครับเลยต้องเปลี่ยน

เปลี่ยนมาแล้วความร้อนโอเคขึ้นครับแต่งมีงงอยู่ ไว้รองยาวๆแล้วจะมาเล่าให้ฝัง
อาการพัดลมฟรีปั้มเริมมีปัญหาเป็นยังไง พี่นะกับพี่กิตได้ถ่ายคลิปรถผมไว้แล้วครับ

ขออีกทีพี่ลีโจ....ระดับความร้อนของพี่ลีโจอยู่เท่าไหร่ครับ.......สงสัยจะต้องโดนยกชุดแบบผมซะละ....Combo Set วาล์วน้ำ+พัดลมฟรีปั๊ม  :L2754: :L2754:

แหม เข้าไปที่นี่ก็ไม่บอกซักคำ...จะได้ไปช่วยดู....เผื่อจะได้จัดวาล์วน้ำไปด้วยเลยครับพี่ลีโจ  :L2754: :L2754:
อ้าววันนี้พี่ตามหยุดงานเหรอครับเสียดายจัง
ผมเข้าไปตั้งแต่ 8โมงกว่าๆอะครับ
ความร้อน ขอรองวิ่งดูก่อนครับ มีอะไรที่ยังงงอยู่ กดแบบทิบเลยปูดๆๆๆเรื่มความเร็วที่40-50ความเร็ว100-120ความร้อน87 ผ่อนคันเร่งตวามร้อนมา 90 เอาใหม่ กดอีก140ค้างไว้ ขึ้นไป92 แต่เหมื่อนมันจะไม่ขึ้นเกิน92องศาครับ แล้วจะมารายงานใหม่จ้า

ปล.กลัวSmart Gauge จะเสียครับ เคยมีบางครับวิ่งช้าเลย+รถติดอยู่ความรอ้นลงมา86เฉยงง

ok...พี่ลีโจเก็บข้อมูลไปก่อนครับ.....ขอแบบละเอียดครับ...จะได้วิเคราะห์ถูก....พี่ลีโจเพิ่งเช็คระยะมาหรือเปล่าครับพี่ เช็คระยะเท่าไหร่ครับ....อย่าบอกนะว่าเช็ค 40000 :L2739: :L2739:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 21:27:15
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 21:56:35
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 21:58:57
ของผม ความเร็ว 120 อยู่ระดับ 89-90 ถ้า 180+ มา 97 ยกคันเร่ง ลดประมาณ 1-2 อาศา ตัวร้อนป่าว พี่ตาม :L4387:
วันนี้ ไล่ อากาศ แบบ พี่ตามบอก วาล์วเปิดที่87

ไม่น่าร้อนแล้วครับพี่ต๋อง....ได้ 180 ความร้อนยังไม่ทะลุ 100 ถือว่า ok แล้วหละครับ....แต่ยกคันเร่งแล้วลด 1-2 องศา นี่น้อยไปหน่อยสำหรับการขับ aggressive แบบพี่ต๋องนะ.....สงสัยต้องหม้อซักใบ  :L6419: :L6419: :L6415: :L6415:

วาล์วน้ำเราเริ่มเปิดที่ 82 เปิดเต็มที่น่าจะช่วง 87 อย่างที่พี่ต๋องบอกครับ  :L2734: :L2734:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 22:18:49
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 22:30:28
ของผม ความเร็ว 120 อยู่ระดับ 89-90 ถ้า 180+ มา 97 ยกคันเร่ง ลดประมาณ 1-2 อาศา ตัวร้อนป่าว พี่ตาม :L4387:
วันนี้ ไล่ อากาศ แบบ พี่ตามบอก วาล์วเปิดที่87

ไม่น่าร้อนแล้วครับพี่ต๋อง....ได้ 180 ความร้อนยังไม่ทะลุ 100 ถือว่า ok แล้วหละครับ....แต่ยกคันเร่งแล้วลด 1-2 องศา นี่น้อยไปหน่อยสำหรับการขับ aggressive แบบพี่ต๋องนะ.....สงสัยต้องหม้อซักใบ  :L6419: :L6419: :L6415: :L6415:

วาล์วน้ำเราเริ่มเปิดที่ 82 เปิดเต็มที่น่าจะช่วง 87 อย่างที่พี่ต๋องบอกครับ  :L2734: :L2734:
ยกคันเร่งแล้วลงปุ๊บเลยหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ผมหน้าจะโดดผู้ต้องหาตัวที่2เล่นงานแน่ๆ :L4374:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: กิต <Black Angel> ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 22:34:13
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:

ผมลงทุนสั่งอาหารที่ร้านผบ. ให้พี่ลีโจdeliveryได้เปล่าอะ  :L4384:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 22:52:58
 :L2905: :L2900:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: surut jantorn ที่ 13 พฤษภาคม 2013, 22:53:31
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:

ผมลงทุนสั่งอาหารที่ร้านผบ. ให้พี่ลีโจdeliveryได้เปล่าอะ  :L4384:
กู๊ดไอเดียครับพี่
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 11:24:31
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:

ผมลงทุนสั่งอาหารที่ร้านผบ. ให้พี่ลีโจdeliveryได้เปล่าอะ  :L4384:
กู๊ดไอเดียครับพี่
เอากันแบบนั้นจริงๆเหรอครับพี่  งั้นผมลาป่วยเลยดีก่า :L2905: :L2905: :L2905:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ต๋อง Fuddy ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 11:29:07
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:

ผมลงทุนสั่งอาหารที่ร้านผบ. ให้พี่ลีโจdeliveryได้เปล่าอะ  :L4384:
กู๊ดไอเดียครับพี่
เอากันแบบนั้นจริงๆเหรอครับพี่  งั้นผมลาป่วยเลยดีก่า :L2905: :L2905: :L2905:
เพิ่ม ผัก แบบ พิเศษ ให้ เจ้าของร้าน (ผู้ชาย) มาส่งที่ หนองมน  :L2901: :L2901: :L2901: :L2901:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่จ่า Jatot ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 18:33:27
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:

ผมลงทุนสั่งอาหารที่ร้านผบ. ให้พี่ลีโจdeliveryได้เปล่าอะ  :L4384:
กู๊ดไอเดียครับพี่
เอากันแบบนั้นจริงๆเหรอครับพี่  งั้นผมลาป่วยเลยดีก่า :L2905: :L2905: :L2905:
บ้านอยู่ กม.8 รามอินทราสั่งได้หรือเปล่า คร๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 19:23:05
60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:

ผมลงทุนสั่งอาหารที่ร้านผบ. ให้พี่ลีโจdeliveryได้เปล่าอะ  :L4384:
กู๊ดไอเดียครับพี่
เอากันแบบนั้นจริงๆเหรอครับพี่  งั้นผมลาป่วยเลยดีก่า :L2905: :L2905: :L2905:
บ้านอยู่ กม.8 รามอินทราสั่งได้หรือเปล่า คร๊าบบบบ

พี่ลีโจ ลูกค้ามาเพียบแล้ว.....จัด Delivery หน่อยเร็ว.....เริ่มเสาร์นี้ที่หนองมันเลยนะ  :L2736: :L2736:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 19:30:39
เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพี่ต้น....คู่ขา...เอ้ย...คู่หูพี่ลีโจ....ทราบมาว่าลองทดสอบพัดลมฟรีปั๊มแล้วมีอาการหมุน  :L2901: :L2901: :L2901: เหมือนกัน....เป็นอีกท่านนึงที่ต้องเข้าไปเติมน้ำยา  :L6419: :L6419:......ถ้าไปศูนย์เดียวกันอีก...ช่างที่ศูนย์คงบอกว่า...ผมไปทำคันนึงลูกค้าเข้าเพียบเลยทีนี้  :L2754: :L2754:

และรถพี่ต้นเท่าที่ฟังอาจมีอาการวาล์วน้ำไม่ปกติเหมือนผมด้วย....เพราะความร้อนอยู่ในระดับเดียวกันเลย.....ทำให้ผมเริ่มสงสัยละ......รถผม พี่ลีโจ พี่ต้น....เป็น 2500 VG ปี2011 เหมือนกันทั้งหมด....ทั้ง 3 คันดูเหมือนจะมีปัญหาความร้อน....แต่อาการหนักเบาไม่เท่ากัน.....รถผมเป็น 4WD โหลดเครื่องมากที่สุดและมีปัญหาความร้อนมากที่สุด.....พี่ลีโจกะพี่ต้นก็บ่นเรื่องปัญหาความร้อนอยู่เนืองๆเหมือนกัน......ทั้ง 3 คันมีปัญหาเรื่องพัดลมฟรีปั๊มเหมือนกันหมด.....ผมเลยสงสัยว่ามันเป็นที่ lot การผลิต lot นี้เพียง lot เดียวหรือไม่....อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ....เพราะรถทั้ง 3 คันนี้มี smart gauge ติดอยู่ด้วยทั้ง 3 คันทำให้รู้ว่าความร้อนสูงแค่ไหน.....แต่รถปี 2012 และ 2013 ผมว่าติด smart gauge กันไม่เยอะ...อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่มีใครบ่นเรื่องความร้อน (เพราะไม่รู้่)

แต่จะยังงัยก็แล้วแต่ รถ 3 คันที่เป็น 2500VG Y2011 มีอาการพัดลมไม่ปกติแล้วทั้ง 3 คัน.....ผมว่าพี่ๆท่านใดที่เป็นรถปี 2011 ก็ตรวจสอบกันด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 19:47:17
เรียน พี่ตาม ทราบ…
เพื่อเป็นข้อมูลครับ…

รถผม 4WD 2.5 VG 2012 ครับ ออกรถมาประมาณเดือนมิ.ย.ครับ
รถผมติดSmart Gauge ชอบดูเรื่องความร้อนอยู่ประจำครับ
ขับไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ เคยขับที่ความเร็ว >170 Km.แช่ได้ประมาณไม่เกิน 2 นาที
ความร้อนขึ้นไม่เกิน 95 องศา(ตั้งเตือนไว้ที่ 96ครับ)
อุณหภูมิปกตินะครับเท่าที่ดูจะอยู่ในช่วง 87-92 ครับ ความเร็วช่วง(100-120)
แต่ถ้าขับเรื่อยๆแบบเฉื่อยลมโชย(90-100) อุณหภูมิจะอยู่แค่ 87-88 เองครับ.


หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 20:08:44
เรียน พี่ตาม ทราบ…
เพื่อเป็นข้อมูลครับ…

รถผม 4WD 2.5 VG 2012 ครับ ออกรถมาประมาณเดือนมิ.ย.ครับ
รถผมติดSmart Gauge ชอบดูเรื่องความร้อนอยู่ประจำครับ
ขับไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ เคยขับที่ความเร็ว >170 Km.แช่ได้ประมาณไม่เกิน 2 นาที
ความร้อนขึ้นไม่เกิน 95 องศา(ตั้งเตือนไว้ที่ 96ครับ)
อุณหภูมิปกตินะครับเท่าที่ดูจะอยู่ในช่วง 87-92 ครับ ความเร็วช่วง(100-120)
แต่ถ้าขับเรื่อยๆแบบเฉื่อยลมโชย(90-100) อุณหภูมิจะอยู่แค่ 87-88 เองครับ.


ขอบคุณพี่ตุ้ยครับ.....ระดับความร้อนผมตอนนี้ใกล้เคียงกับพี่ตุ้ยเลยครับ....จะต่างกันนิดหน่อยที่ความเร็วสูงครับ....รู้สึกของผมน่าจะมากกว่าของพี่ตุ้ยนะครับ....ผมลองขับที่ความเร็ว 180 ความร้อนผมแตะ 99-100 ครับตอนนี้

สมมติฐานผมเริ่มจะใกล้เคียงขึ้นเรื่อยๆ....รถพี่ตุ้ยรุ่นเดียวกับผมเปะเลย แต่เป็นปี 2012....ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน.....รถพี่มีปัญหาเรื่องความร้อนกลับเป็นรถปี 2011 ทั้งหมด.........พัดลมก็ตัวนึงละ.....แต่ผมสงสัยเจ้าวาล์วน้ำที่เอามาใส่ให้ในการผลิตรถปี 2011 มากกว่าครับ......เกรงว่ามันจะมีปัญหามาตั้งแต่ประกอบรถเลยครับ
:L2761: :L2761:

กำลังพยายามยุให้พี่ต้นไปลองเปลี่ยนวาล์วน้ำดูครับ....ถ้าเปลี่ยนแล้วความร้อนลงมาอยู่ในระดับเดียวกับพี่ตุ้ยนี่....คง confirm อะไรได้มากขึ้นอีกเยอะเลยครับ  :L2759: :L2759:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 20:39:00
อ้อ…เกือบลืมไปครับ
มีเรื่องที่ผมแอบงงๆ ไม่หายครับคือว่า…
เมื่อประมาณช่วงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมาผมได้ขับรถไปทางเหนือครับ
จำได้ว่าเป็นช่วงจากเด่นชัยวิ่งเข้าลำปางครับ เส้นทางมีผ่านช่วงเขาบ้าง
ผมใช้ความเร็วอยู่ในช่วง 90-120 เท่านั้น แต่มางง กับอุณหภูมิเครื่องยนต์มากๆ
คือในช่วงที่รถไต่ระดับขึ้นเขา อุณหภูมิจะอยู่ในช่วง 90-93 พอลงเขาถ้าปล่อยไหล
หรือแตะคันเร่งเบาๆ อุณหภูมิแทนที่จะอยู่แค่ 87 กลับลดลงเหลือ 85 และบางทีลง
ไปต่ำถึง 83 องศาเลยทีเดียว แต่ยอมรับว่าอากาศช่วงนั้นยังไม่ร้อนเท่าตอนนี้ครับ
หลังจากนั้นอีก 1 เดือนเศษ ผมก็ผ่านไปทางเดิมอีกครั้ง(อยู่ในช่วงกลางเดือนมี.ค.)
เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกครับ…ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับ
ที่สงสัยคือว่า ทำไมอุณหภูมิมันถึงลงต่ำกว่าปกติจาก 87 ลงเหลือ 83 ครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 20:54:50
อ้อ…เกือบลืมไปครับ
มีเรื่องที่ผมแอบงงๆ ไม่หายครับคือว่า…
เมื่อประมาณช่วงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมาผมได้ขับรถไปทางเหนือครับ
จำได้ว่าเป็นช่วงจากเด่นชัยวิ่งเข้าลำปางครับ เส้นทางมีผ่านช่วงเขาบ้าง
ผมใช้ความเร็วอยู่ในช่วง 90-120 เท่านั้น แต่มางง กับอุณหภูมิเครื่องยนต์มากๆ
คือในช่วงที่รถไต่ระดับขึ้นเขา อุณหภูมิจะอยู่ในช่วง 90-93 พอลงเขาถ้าปล่อยไหล
หรือแตะคันเร่งเบาๆ อุณหภูมิแทนที่จะอยู่แค่ 87 กลับลดลงเหลือ 85 และบางทีลง
ไปต่ำถึง 83 องศาเลยทีเดียว แต่ยอมรับว่าอากาศช่วงนั้นยังไม่ร้อนเท่าตอนนี้ครับ
หลังจากนั้นอีก 1 เดือนเศษ ผมก็ผ่านไปทางเดิมอีกครั้ง(อยู่ในช่วงกลางเดือนมี.ค.)
เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกครับ…ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับ
ที่สงสัยคือว่า ทำไมอุณหภูมิมันถึงลงต่ำกว่าปกติจาก 87 ลงเหลือ 83 ครับ


เป็นทางลงเขาครับพี่ตุ้ย....เมื่อลงเขา....ความเร็วจากมากกว่าการกดคันเร่ง.....คือรถเคลื่อนที่เร็ว ในขณะที่เรากดคันเร่งน้อย....ดังนั้นเมื่อรถเคลื่อนที่เร็ว...ลมปะทะหน้าหม้อน้ำมาก...ก็ลดอุณหภูมิได้มากครับ....ประกอบกับการกดคันเร่งน้อย.....เครื่องก็ทำงานน้อย....ความร้อนก็เกิดน้อยด้วยครับ....เมื่อนำ 2 ปัจจัยมารวมกัน คือ ระบายความร้อนได้มาก + อัตราการเกิดความร้อนน้อย....ก็เลยทำให้อุณหภูมิมันลดลงมากครับ....ยิ่งถ้าอากาศเย็นด้วยนะครับ ยิ่งลดลงเร็วและมากขึ้นอีก....เป็นปกติครับสำหรับการลงเขา อุณหภูมิลดลงกว่าระดับต่ำสุดเวลาขับปกติ เป็นเรื่องปกติครับ

 :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 21:11:34
 :L2900: :L2900: :L2900: เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกแ้ล้ว ขอบคุณ พี่ตูมตาม และพี่ตุ้ย ด้วยครัีบ
ส่วน รถผม 2.5 VG ปี2011 สงสัยจะไม่รอด :L4386: ต้องขับระวังๆ :L4391:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 14 พฤษภาคม 2013, 21:46:32
ได้ความรู้มากๆเลย
ขอบคุณพี่ตามครับ


 :L2758: :sd23: :L2758: :sd23: :L2758: :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 17:27:33
เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพี่ต้น....คู่ขา...เอ้ย...คู่หูพี่ลีโจ....ทราบมาว่าลองทดสอบพัดลมฟรีปั๊มแล้วมีอาการหมุน  :L2901: :L2901: :L2901: เหมือนกัน....เป็นอีกท่านนึงที่ต้องเข้าไปเติมน้ำยา  :L6419: :L6419:......ถ้าไปศูนย์เดียวกันอีก...ช่างที่ศูนย์คงบอกว่า...ผมไปทำคันนึงลูกค้าเข้าเพียบเลยทีนี้  :L2754: :L2754:

และรถพี่ต้นเท่าที่ฟังอาจมีอาการวาล์วน้ำไม่ปกติเหมือนผมด้วย....เพราะความร้อนอยู่ในระดับเดียวกันเลย.....ทำให้ผมเริ่มสงสัยละ......รถผม พี่ลีโจ พี่ต้น....เป็น 2500 VG ปี2011 เหมือนกันทั้งหมด....ทั้ง 3 คันดูเหมือนจะมีปัญหาความร้อน....แต่อาการหนักเบาไม่เท่ากัน.....รถผมเป็น 4WD โหลดเครื่องมากที่สุดและมีปัญหาความร้อนมากที่สุด.....พี่ลีโจกะพี่ต้นก็บ่นเรื่องปัญหาความร้อนอยู่เนืองๆเหมือนกัน......ทั้ง 3 คันมีปัญหาเรื่องพัดลมฟรีปั๊มเหมือนกันหมด.....ผมเลยสงสัยว่ามันเป็นที่ lot การผลิต lot นี้เพียง lot เดียวหรือไม่....อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ....เพราะรถทั้ง 3 คันนี้มี smart gauge ติดอยู่ด้วยทั้ง 3 คันทำให้รู้ว่าความร้อนสูงแค่ไหน.....แต่รถปี 2012 และ 2013 ผมว่าติด smart gauge กันไม่เยอะ...อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่มีใครบ่นเรื่องความร้อน (เพราะไม่รู้่)

แต่จะยังงัยก็แล้วแต่ รถ 3 คันที่เป็น 2500VG Y2011 มีอาการพัดลมไม่ปกติแล้วทั้ง 3 คัน.....ผมว่าพี่ๆท่านใดที่เป็นรถปี 2011 ก็ตรวจสอบกันด้วยนะครับ


555 จากที่ลองวิ่งๆดูหน้าจะปกติแล้วครับความเร็ว120ความร้อน90 องศาจ้า(ยังมิได้ลองทางยาวนะ) พี่ตามครับยกคันเร่งแล้วความร้อนลงแบบไหนครับบอกหน่อยครับ หรืออยู่ที่ลมเข้าหน้าเครื่องจะทำให้ลงไว

60000แว้ว ยังเคยโทรไปถามความร้อนขึ้น40000โลกะพี่ตาม :L2905:ลืมสิอิอิ

มีคนโทรมาถามหลายคน...ผมแก่แล้วก็มีสับสนเป็นธรรมดาพี่ลีโจ

พี่ลีโจ....วันที่ 18 มาหน่อยซิครับ....อยากดูเรื่องความร้อน....จะลองขับดูซักหน่อยครับ  :L4399: :L4399:
ก็อยากไปครับ มีคิวจะต้องสลับยางดว้ย เสาร์ที่ผ่านมาก้อโดดไปเกือบหมดเวลางาน :L2754:คงต้องตามๆไปตอนเย็นแน่ๆเลย แล้วจะเจอพีี่ๆจักกี่คนวะเนียเรา :L4386:

ผมลงทุนสั่งอาหารที่ร้านผบ. ให้พี่ลีโจdeliveryได้เปล่าอะ  :L4384:
กู๊ดไอเดียครับพี่
เอากันแบบนั้นจริงๆเหรอครับพี่  งั้นผมลาป่วยเลยดีก่า :L2905: :L2905: :L2905:
บ้านอยู่ กม.8 รามอินทราสั่งได้หรือเปล่า คร๊าบบบบ

พี่ลีโจ ลูกค้ามาเพียบแล้ว.....จัด Delivery หน่อยเร็ว.....เริ่มเสาร์นี้ที่หนองมันเลยนะ  :L2736: :L2736:
:sd23:พี่ๆที่อยากให้Deliveryแต่ :L4386:ไปมะได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 18:38:28
 :sd23:พี่ๆที่อยากให้Deliveryแต่ :L4386:ไปมะได้จริงๆ



อ้าววววว…แล้วไม่มาเอาเบาะเหรอคร๊าบบบบ
ผมยังไม่ว่างไปกรุงเทพเลยอ่ะครับ พี่ลีโจ


 :sd21: :sd21: :L4386: :L4386:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 19:30:32
:sd23:พี่ๆที่อยากให้Deliveryแต่ :L4386:ไปมะได้จริงๆ



อ้าววววว…แล้วไม่มาเอาเบาะเหรอคร๊าบบบบ
ผมยังไม่ว่างไปกรุงเทพเลยอ่ะครับ พี่ลีโจ


 :sd21: :sd21: :L4386: :L4386:
มาเมื่อไหลก็เมื่อนั้นเลยครับพี่ตุ้ย :L2753:แต่ถ้านานจริงเดี่ยวผมไปหาที่ศรีราชา
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 19:34:31
มาแก้ไข้เรื่องความร้อนครับ :D ที่บอกไปว่า120ความร้อนขึ้น90cไม่ได้เปิดกล่องข้าวครับพอเปิดปุ๊บมาเลยวิ่งไม่ถึง100มา90cแล้วครับส่งใสจะโดแพกคู่แน่เลย
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 20:48:41
:sd23:พี่ๆที่อยากให้Deliveryแต่ :L4386:ไปมะได้จริงๆ



อ้าววววว…แล้วไม่มาเอาเบาะเหรอคร๊าบบบบ
ผมยังไม่ว่างไปกรุงเทพเลยอ่ะครับ พี่ลีโจ


 :sd21: :sd21: :L4386: :L4386:
มาเมื่อไหลก็เมื่อนั้นเลยครับพี่ตุ้ย :L2753:แต่ถ้านานจริงเดี่ยวผมไปหาที่ศรีราชา

ก็วันเสาร์บ่ายๆ ก็แว๊บงานมาซักนิดหน่อยก็ได้ครับพี่ลีโจ......วันเสาร์ไม่มาเดี๋ยววันอาทิตย์ต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงพวกผมด้วยนะ  :L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 20:56:16
เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพี่ต้น....คู่ขา...เอ้ย...คู่หูพี่ลีโจ....ทราบมาว่าลองทดสอบพัดลมฟรีปั๊มแล้วมีอาการหมุน  :L2901: :L2901: :L2901: เหมือนกัน....เป็นอีกท่านนึงที่ต้องเข้าไปเติมน้ำยา  :L6419: :L6419:......ถ้าไปศูนย์เดียวกันอีก...ช่างที่ศูนย์คงบอกว่า...ผมไปทำคันนึงลูกค้าเข้าเพียบเลยทีนี้  :L2754: :L2754:

และรถพี่ต้นเท่าที่ฟังอาจมีอาการวาล์วน้ำไม่ปกติเหมือนผมด้วย....เพราะความร้อนอยู่ในระดับเดียวกันเลย.....ทำให้ผมเริ่มสงสัยละ......รถผม พี่ลีโจ พี่ต้น....เป็น 2500 VG ปี2011 เหมือนกันทั้งหมด....ทั้ง 3 คันดูเหมือนจะมีปัญหาความร้อน....แต่อาการหนักเบาไม่เท่ากัน.....รถผมเป็น 4WD โหลดเครื่องมากที่สุดและมีปัญหาความร้อนมากที่สุด.....พี่ลีโจกะพี่ต้นก็บ่นเรื่องปัญหาความร้อนอยู่เนืองๆเหมือนกัน......ทั้ง 3 คันมีปัญหาเรื่องพัดลมฟรีปั๊มเหมือนกันหมด.....ผมเลยสงสัยว่ามันเป็นที่ lot การผลิต lot นี้เพียง lot เดียวหรือไม่....อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ....เพราะรถทั้ง 3 คันนี้มี smart gauge ติดอยู่ด้วยทั้ง 3 คันทำให้รู้ว่าความร้อนสูงแค่ไหน.....แต่รถปี 2012 และ 2013 ผมว่าติด smart gauge กันไม่เยอะ...อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่มีใครบ่นเรื่องความร้อน (เพราะไม่รู้่)

แต่จะยังงัยก็แล้วแต่ รถ 3 คันที่เป็น 2500VG Y2011 มีอาการพัดลมไม่ปกติแล้วทั้ง 3 คัน.....ผมว่าพี่ๆท่านใดที่เป็นรถปี 2011 ก็ตรวจสอบกันด้วยนะครับ


555 จากที่ลองวิ่งๆดูหน้าจะปกติแล้วครับความเร็ว120ความร้อน90 องศาจ้า(ยังมิได้ลองทางยาวนะ) พี่ตามครับยกคันเร่งแล้วความร้อนลงแบบไหนครับบอกหน่อยครับ หรืออยู่ที่ลมเข้าหน้าเครื่องจะทำให้ลงไว


เวลายกคันเร่ง.....ลมปะทะหน้าเครื่องจะยังเยอะอยู่ (เพราะรถยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่) และการเกิดความร้อนน้อย (เพราะไม่ได้กดคันเร่ง) เมื่อบวกทั้ง 2 อย่าง การระบายดี (ลมปะทะ) + การเกิดความร้อนน้อย = ความร้อนลดลง ครับ....สำหรับเวลามันลง มันก็ค่อยๆลงครับ ทีละนิด ไม่ได้ลงฮวบฮาบนะ

แต่ถ้าในกรณีที่จอดเฉยๆ แล้วความร้อนลดลง อันนั้นเกิดจากพัดลมฟรีปั๊ม + พัดลมไฟฟ้า (ถ้าความร้อนสูงพอ) ช่วยกันเป่าลมเข้าที่หม้อน้ำให้ระบายความร้อนออกไป

ส่วนรถพี่ลีโจ....เท่าที่ทราบ ระดับความร้อนยังไม่เยอะมาก วิ่งที่ 100 ความร้อน90 ... ใกล้เคียงกับรถผม มากกว่ารถผมเล็กน้อย แต่รถผมเปลี่ยนหม้อน้ำมาแล้ว การระบายเร็วกว่า ไม่แน่อาจเกิดจากหม้อน้ำก็ได้ที่ทำให้ความร้อนรถผมน้อยกว่าพี่ลีโจ....แต่จริงๆ อยากให้พี่ลีโจมาวันเสาร์ จะได้เอามาลองวิ่งดูครับ ถ้าได้ดูจาก smart gauge เอง น่าจะจับความรู้สึกได้ดีกว่าครับ


 :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่จ่า Jatot ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 21:24:06
ต้องหา smart gauge มาติดบ้างละ มีแต่เข็มไม่รู้ว่าร้อนแค่ไหน
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 21:55:51
ต้องหา smart gauge มาติดบ้างละ มีแต่เข็มไม่รู้ว่าร้อนแค่ไหน

ไปมิตติ้งครั้งนี้ต้องหาใส่สักตัว :D
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 22:05:35
ต้องหา smart gauge มาติดบ้างละ มีแต่เข็มไม่รู้ว่าร้อนแค่ไหน


จัดให้ไวเลยครับพี่จ่า....อันนี้น้องแนะนำเลยครับ  :L2734: :L2734:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 22:12:31
ต้องหา smart gauge มาติดบ้างละ มีแต่เข็มไม่รู้ว่าร้อนแค่ไหน

ไปมิตติ้งครั้งนี้ต้องหาใส่สักตัว :D
สว่ยใหญ่ที่ร้านsmgจะมาพร้อมกล่องนะครับถ้าของไม่หมด ใกล้ถึงสมุทสาครโทรหาผมนะพี่ หรือมหาชัยก็ได้ครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 16 พฤษภาคม 2013, 22:15:30
ขอคิดวิธีก่อนนะพี่ตามว่าจะหนีไปงัน :L4398:ไปได้คิดว่าคงเป็นเช้ากลับ11/เที่ยง
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 17 พฤษภาคม 2013, 06:44:08
ขอคิดวิธีก่อนนะพี่ตามว่าจะหนีไปงาน :L4398:ไปได้คิดว่าคงเป็นเช้ากลับ11/เที่ยง

มาเลยๆ จะได้เอาเบาะไปส่งให้ครับ
พับเบาะแถวสามเตรียมมาเลยครับ พี่ลีโจ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 17 พฤษภาคม 2013, 10:25:48
ขอคิดวิธีก่อนนะพี่ตามว่าจะหนีไปงาน :L4398:ไปได้คิดว่าคงเป็นเช้ากลับ11/เที่ยง

มาเลยๆ จะได้เอาเบาะไปส่งให้ครับ
พับเบาะแถวสามเตรียมมาเลยครับ พี่ลีโจ

พับรอไว้อยู่แล้วครับพี่
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 17 พฤษภาคม 2013, 15:59:06
ขอคิดวิธีก่อนนะพี่ตามว่าจะหนีไปงาน :L4398:ไปได้คิดว่าคงเป็นเช้ากลับ11/เที่ยง

มาเลยๆ จะได้เอาเบาะไปส่งให้ครับ
พับเบาะแถวสามเตรียมมาเลยครับ พี่ลีโจ

พับรอไว้อยู่แล้วครับพี่

เอาของเก่ามาขายด้วยนะ  ว่าแต่จะเอากลับกี่คู่ดีครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 17 พฤษภาคม 2013, 17:38:44
ขอคิดวิธีก่อนนะพี่ตามว่าจะหนีไปงาน :L4398:ไปได้คิดว่าคงเป็นเช้ากลับ11/เที่ยง

มาเลยๆ จะได้เอาเบาะไปส่งให้ครับ
พับเบาะแถวสามเตรียมมาเลยครับ พี่ลีโจ

พับรอไว้อยู่แล้วครับพี่

เอาของเก่ามาขายด้วยนะ  ว่าแต่จะเอากลับกี่คู่ดีครับ
กลัวว่าจะต้องเอากลับ2คู้สิครับพี่นะ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่โต้ง Tongsom ที่ 19 พฤษภาคม 2013, 19:39:40
พี่นะ 0 ศรีนครินทร์ จะทำ free pump เป็นไหม
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 11:06:48
ของผมที่ ชุมพร ช่างบอกถ้า เติมน้ำยา ฟรีปั้ม เวลาเร่งเครื่องเสียงเครื่องจะดังกว่าเดิมครับ ช่างบอกให้ผมดูที่ เกจ์ความร้อนหน้าปัดเป็นหลัก :L2739: ไม่ต้องไปทำอะไำร :L4387:  :L2739: ทำไงดีครับ ผมกลัว อาการน้ำดันจัง เพราะเครื่องมันร้อนนะ :sd06:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 14:35:37
ของผมที่ ชุมพร ช่างบอกถ้า เติมน้ำยา ฟรีปั้ม เวลาเร่งเครื่องเสียงเครื่องจะดังกว่าเดิมครับ ช่างบอกให้ผมดูที่ เกจ์ความร้อนหน้าปัดเป็นหลัก :L2739: ไม่ต้องไปทำอะไำร :L4387:  :L2739: ทำไงดีครับ ผมกลัว อาการน้ำดันจัง เพราะเครื่องมันร้อนนะ :sd06:

ขอเอาข้อมูลมาแชร์ให้พี่ดลและพี่ท่านอื่นๆที่ได้ลองเช็คพัดลมฟรีปั๊มในงานวันที่18 ที่ผ่านมานะครับ

ตอนนี้ในบ้านปามาเนียเรามีรถ2คันที่ได้ลองเติมน้ำนาพัดลมฟรีปั๊มไปแล้วคือรถผมกับรถพี่ลีโจ โดยรถผมเติม1หลอดและรถพี่ลีโจเติม2หลอด เมื่วันที่18 ผมกับพี่ลีโจได้เอารถพี่ลีโจออกไปขับทดสอบ และเมื่อวานนี้ วันที่19 นัดพี่ลีโจและพี่ต้นกินข้าวกัน คุยกันเรื่องพัดลมฟรีปั๊มพอจะสรุปข้อมูลได้ประมาณนี้ครับ

รถที่ทำการเติมน้ำยาฟรีปั๊มแล้ว พัดลมจะหนืดมากขึ้น ยิ่งถ้าเติม2หลอดแบบพี่ลีโจนี่จะหนืดมากมากจริงๆ มากกว่าเดิมๆในรถเยอะครับ ผมได้ลองทดสอบรถใหม่ป้ายแดงแล้ว พัดลมพี่ลีโจหนืดกว่าเยอะ เท่าที่ทดสอบและคุยสรุปกับพี่ลีโจ การเติมน้ำยาพัดลมฟรีปั๊มมีทั้งข้อดีและข้อเสียดังนี้ครับ

ข้อดี จุดหลักเลยคือพัดลมจะสามารถทำลมได้มากกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเร่งเครื่องที่รอบกลาง-สูง อันนี้เห็นได้ชัดเจนตอนทดสอบ รถที่อัดน้ำยาพัดลมฟรีปั๊มมาใหม่จะรู้สึกถึงลมที่มากกว่าเมื่อยืนอยู่หน้าเครื่องและเร่งรอบสูงๆ การทำลมได้มากกว่านี้เนื่องจากพัดลมมีความหนืด ทำให้เมื่อเร่งรอบสูงพัดลมจะไม่หมุนฟรี แต่จะหมุนเร็วขึ้นตามรอบ ส่งผลให้ได้ลมมากขึ้นเมื่อมีการเร่งเครื่อง ลมมากก็ระบายความร้อนได้ดีขึ้น

ข้อเสีย เนื่องจากพัดลมมีความหนืดสูงขึ้น เวลาเร่งเครื่องพัดลมก็หมุนเร็วขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือ เสียงครับ เสียงของพัดลมจะดังมากขึ้น ทั้งผมและพี่ลีโจรู้สึกได้ถึงความดังของเสียงพัดลม แต่มีอาการต่างกันนิดหน่อยคือรถผมที่ความเร็วประมาณ120 เสียงพัดลมจะเบาลง ส่วนของพี่ลีโจจะยังไิม่เบาลง ทั้งนี้ที่ต่างกันคือพี่ลีโจอัดน้ำยาเข้าไปเยอะกว่า มีความหนืดมากกว่า รถผมที่เสียงพัดลมเบาลงที่ความเร็ว120 น่าจะเนื่องจากรอบที่สูงประมาณนั้นพัดลมผมเริ่มฟรีแล้ว แต่ของพี่ลีโจยังไม่ฟรี จะฟรีที่รอบสูงกว่านั้นเนื่องจากพัดลมหนืดกว่า

ข้อเสียอีกข้อหนึ่ง มาจากความหนืดของพัดลมเช่นกันคือพัดลมจะหน่วงกำลังเครื่องมากขึ้น เนื่องจากเครื่องเสียกำลังไปหมุนพัดลมที่หนืดขึ้น ในกรณีนี้รู้สึกได้ครับแต่ไม่มากนัก รถผมเดิมใช้กล่องข้าวโหมด1+กล่องคันเร่งโหมดA วิ่งได้ดี หลังจากอัดน้ำยาพัดลมแล้วผมรู้สึกว่าอัตราเร่งไม่ดีเหมือนเดิม เมื่อวันที่18 ให้พี่นะลองเช็คสูตรผีบอกปรากฏว่าปกติ ดังนั้นคาดเดาได้ว่าพัดลมที่หนืดขึ้นจะกินกำลังเครื่องมากขึ้น

ดังนั้นการอัดน้ำยาพัดลมฟรีปั๊มมีทั้งข้อดีข้อเสียครับ ทำแล้วได้ลมมากขึ้นระบายความร้อนดีขึ้น แต่ต้องแลกมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นและการสูญเสียกำลังเครื่องไปนิดหน่อยครับ และจากที่ได้ทดสอบเมื่อวันที่18 ผมเห็นรถหลายคัน มีอาการพัดลมหมุนฟรี จนผมรู้สึกว่าอาจไม่ได้เกิดจากน้ำยาพร่อง แต่อาจเกิดจากการเซ็ทมาจากโรงงานก็เป็นได้เพราะเป็นกันเกือบทุกคัน ที่โรงงานเซ็ทมาแบบนี้เพื่อให้เครื่องเงียบลงบ้าง และไม่ไปกินกำลังเครื่องแต่ก็ต้องแลกกับการระบายความร้อนที่ลดลงครับ ดังนั้นพี่ๆที่กำลังคิดจะอัดน้ำยาพัดลมเพิ่มขอให้คิดเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียให้ดีครับ แต่สำหรับผมที่มีปัญหาเรื่องความร้อนขอบอกว่าแลกกันแล้วคุ้มครับ ขอตัวเย็นแต่ยอมทนเสียงดีกว่าตัวร้อนครับ แต่สำหรับพี่ท่านอื่นๆขอให้ลองชั่งน้ำหนักดูถึงข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจครับ


 :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 14:43:39
ของผมที่ ชุมพร ช่างบอกถ้า เติมน้ำยา ฟรีปั้ม เวลาเร่งเครื่องเสียงเครื่องจะดังกว่าเดิมครับ ช่างบอกให้ผมดูที่ เกจ์ความร้อนหน้าปัดเป็นหลัก :L2739: ไม่ต้องไปทำอะไำร :L4387:  :L2739: ทำไงดีครับ ผมกลัว อาการน้ำดันจัง เพราะเครื่องมันร้อนนะ :sd06:

พี่ดลช่วยเช็คให้หน่อยครับ ผมอยากทราบระดับความร้อนตอนเครื่องเดินเบา ประมาณว่าพี่ดลขับรถกลับบ้าน อย่าเพิ่งดับเครื่อง ให้ปิดแอร์ ปิดไฟ แลล้วทิ้งให้สตาร์ทเดินเบาไปเรื่อยๆครับ ความร้อนที่สมาร์ทเกทจะค่อยๆลดลง ผมอยากทราบระดับความร้อนที่ลดลงมาต่ำที่สุดระหว่างรอบเดินเบาครับ ประมาณว่าความร้อนไม่ลดลงแล้วหลังจากสตาร์ททิ้งไว้พักนึงครับ

รถพี่ดลปีเดียวกับรถผม รถพี่ต้น รถพี่ลีโจ รับรถใกล้ๆกัน เท่าที่ดูอาการรถพี่ต้นเมื่อวานสงสัยจะต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำด้วยครับ ยังงัยฝากพี่ดลช่วยสังเกตุให้นิดนึงครับ :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 15:03:01
ของผมที่ ชุมพร ช่างบอกถ้า เติมน้ำยา ฟรีปั้ม เวลาเร่งเครื่องเสียงเครื่องจะดังกว่าเดิมครับ ช่างบอกให้ผมดูที่ เกจ์ความร้อนหน้าปัดเป็นหลัก :L2739: ไม่ต้องไปทำอะไำร :L4387:  :L2739: ทำไงดีครับ ผมกลัว อาการน้ำดันจัง เพราะเครื่องมันร้อนนะ :sd06:

พี่ดลช่วยเช็คให้หน่อยครับ ผมอยากทราบระดับความร้อนตอนเครื่องเดินเบา ประมาณว่าพี่ดลขับรถกลับบ้าน อย่าเพิ่งดับเครื่อง ให้ปิดแอร์ ปิดไฟ แลล้วทิ้งให้สตาร์ทเดินเบาไปเรื่อยๆครับ ความร้อนที่สมาร์ทเกทจะค่อยๆลดลง ผมอยากทราบระดับความร้อนที่ลดลงมาต่ำที่สุดระหว่างรอบเดินเบาครับ ประมาณว่าความร้อนไม่ลดลงแล้วหลังจากสตาร์ททิ้งไว้พักนึงครับ

รถพี่ดลปีเดียวกับรถผม รถพี่ต้น รถพี่ลีโจ รับรถใกล้ๆกัน เท่าที่ดูอาการรถพี่ต้นเมื่อวานสงสัยจะต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำด้วยครับ ยังงัยฝากพี่ดลช่วยสังเกตุให้นิดนึงครับ :L4399: :L4399:
พี่ ตูมตาม ครับ เมื่อวานตอนขับกลับ ผมสังเกตุความร้อน มาตลอดครับ ส่วน ของผมรอบ เดินเบาจอดหลังจากขับมาไกลๆ
 จะอยู่ที่ 89 ครับ จะไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว และใช้ความร้อนสูงสุดอยู่ ที่ 98 ครับ  :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 15:16:37
ของผมที่ ชุมพร ช่างบอกถ้า เติมน้ำยา ฟรีปั้ม เวลาเร่งเครื่องเสียงเครื่องจะดังกว่าเดิมครับ ช่างบอกให้ผมดูที่ เกจ์ความร้อนหน้าปัดเป็นหลัก :L2739: ไม่ต้องไปทำอะไำร :L4387:  :L2739: ทำไงดีครับ ผมกลัว อาการน้ำดันจัง เพราะเครื่องมันร้อนนะ :sd06:

พี่ดลช่วยเช็คให้หน่อยครับ ผมอยากทราบระดับความร้อนตอนเครื่องเดินเบา ประมาณว่าพี่ดลขับรถกลับบ้าน อย่าเพิ่งดับเครื่อง ให้ปิดแอร์ ปิดไฟ แลล้วทิ้งให้สตาร์ทเดินเบาไปเรื่อยๆครับ ความร้อนที่สมาร์ทเกทจะค่อยๆลดลง ผมอยากทราบระดับความร้อนที่ลดลงมาต่ำที่สุดระหว่างรอบเดินเบาครับ ประมาณว่าความร้อนไม่ลดลงแล้วหลังจากสตาร์ททิ้งไว้พักนึงครับ

รถพี่ดลปีเดียวกับรถผม รถพี่ต้น รถพี่ลีโจ รับรถใกล้ๆกัน เท่าที่ดูอาการรถพี่ต้นเมื่อวานสงสัยจะต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำด้วยครับ ยังงัยฝากพี่ดลช่วยสังเกตุให้นิดนึงครับ :L4399: :L4399:
พี่ ตูมตาม ครับ เมื่อวานตอนขับกลับ ผมสังเกตุความร้อน มาตลอดครับ ส่วน ของผมรอบ เดินเบาจอดหลังจากขับมาไกลๆ
 จะอยู่ที่ 89 ครับ จะไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว และใช้ความร้อนสูงสุดอยู่ ที่ 98 ครับ  :L4399:

อาการคล้ายผมครับ งานนี้สงสัยต้องลองเปลี่ยนวาล์วน้ำดูก่อนครับ หลังเปลี่ยนวาล์วน้ำความร้อนผมลดลงเหลือ 87-93 เดินเบาลงมาอยู่85 ครับ แต่รถผมหม้อน้ำใหม่ด้วย ถ้าพี่ดลเปลี่ยนวาล์วน้ำความร้อนน่าจะลงมาอีกแต่อาจลงมาไม่เท่าผมครับ :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ดล (2523) ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 18:28:37
ของผมที่ ชุมพร ช่างบอกถ้า เติมน้ำยา ฟรีปั้ม เวลาเร่งเครื่องเสียงเครื่องจะดังกว่าเดิมครับ ช่างบอกให้ผมดูที่ เกจ์ความร้อนหน้าปัดเป็นหลัก :L2739: ไม่ต้องไปทำอะไำร :L4387:  :L2739: ทำไงดีครับ ผมกลัว อาการน้ำดันจัง เพราะเครื่องมันร้อนนะ :sd06:

พี่ดลช่วยเช็คให้หน่อยครับ ผมอยากทราบระดับความร้อนตอนเครื่องเดินเบา ประมาณว่าพี่ดลขับรถกลับบ้าน อย่าเพิ่งดับเครื่อง ให้ปิดแอร์ ปิดไฟ แลล้วทิ้งให้สตาร์ทเดินเบาไปเรื่อยๆครับ ความร้อนที่สมาร์ทเกทจะค่อยๆลดลง ผมอยากทราบระดับความร้อนที่ลดลงมาต่ำที่สุดระหว่างรอบเดินเบาครับ ประมาณว่าความร้อนไม่ลดลงแล้วหลังจากสตาร์ททิ้งไว้พักนึงครับ

รถพี่ดลปีเดียวกับรถผม รถพี่ต้น รถพี่ลีโจ รับรถใกล้ๆกัน เท่าที่ดูอาการรถพี่ต้นเมื่อวานสงสัยจะต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำด้วยครับ ยังงัยฝากพี่ดลช่วยสังเกตุให้นิดนึงครับ :L4399: :L4399:
พี่ ตูมตาม ครับ เมื่อวานตอนขับกลับ ผมสังเกตุความร้อน มาตลอดครับ ส่วน ของผมรอบ เดินเบาจอดหลังจากขับมาไกลๆ
 จะอยู่ที่ 89 ครับ จะไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว และใช้ความร้อนสูงสุดอยู่ ที่ 98 ครับ  :L4399:

อาการคล้ายผมครับ งานนี้สงสัยต้องลองเปลี่ยนวาล์วน้ำดูก่อนครับ หลังเปลี่ยนวาล์วน้ำความร้อนผมลดลงเหลือ 87-93 เดินเบาลงมาอยู่85 ครับ แต่รถผมหม้อน้ำใหม่ด้วย ถ้าพี่ดลเปลี่ยนวาล์วน้ำความร้อนน่าจะลงมาอีกแต่อาจลงมาไม่เท่าผมครับ :L4399:
ขอบคุณ พี่ตูมตามครับ ผมจะหาทางไปเปลี่ยนให้ได้ครับ วาล์วน้ำ วันนี้แจ้งฝ่ายอะไหล่ไปแล้วครับ :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 19:34:30
ของผมที่ ชุมพร ช่างบอกถ้า เติมน้ำยา ฟรีปั้ม เวลาเร่งเครื่องเสียงเครื่องจะดังกว่าเดิมครับ ช่างบอกให้ผมดูที่ เกจ์ความร้อนหน้าปัดเป็นหลัก :L2739: ไม่ต้องไปทำอะไำร :L4387:  :L2739: ทำไงดีครับ ผมกลัว อาการน้ำดันจัง เพราะเครื่องมันร้อนนะ :sd06:

พี่ดลช่วยเช็คให้หน่อยครับ ผมอยากทราบระดับความร้อนตอนเครื่องเดินเบา ประมาณว่าพี่ดลขับรถกลับบ้าน อย่าเพิ่งดับเครื่อง ให้ปิดแอร์ ปิดไฟ แลล้วทิ้งให้สตาร์ทเดินเบาไปเรื่อยๆครับ ความร้อนที่สมาร์ทเกทจะค่อยๆลดลง ผมอยากทราบระดับความร้อนที่ลดลงมาต่ำที่สุดระหว่างรอบเดินเบาครับ ประมาณว่าความร้อนไม่ลดลงแล้วหลังจากสตาร์ททิ้งไว้พักนึงครับ

รถพี่ดลปีเดียวกับรถผม รถพี่ต้น รถพี่ลีโจ รับรถใกล้ๆกัน เท่าที่ดูอาการรถพี่ต้นเมื่อวานสงสัยจะต้องเปลี่ยนวาล์วน้ำด้วยครับ ยังงัยฝากพี่ดลช่วยสังเกตุให้นิดนึงครับ :L4399: :L4399:
พี่ ตูมตาม ครับ เมื่อวานตอนขับกลับ ผมสังเกตุความร้อน มาตลอดครับ ส่วน ของผมรอบ เดินเบาจอดหลังจากขับมาไกลๆ
 จะอยู่ที่ 89 ครับ จะไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว และใช้ความร้อนสูงสุดอยู่ ที่ 98 ครับ  :L4399:

อาการคล้ายผมครับ งานนี้สงสัยต้องลองเปลี่ยนวาล์วน้ำดูก่อนครับ หลังเปลี่ยนวาล์วน้ำความร้อนผมลดลงเหลือ 87-93 เดินเบาลงมาอยู่85 ครับ แต่รถผมหม้อน้ำใหม่ด้วย ถ้าพี่ดลเปลี่ยนวาล์วน้ำความร้อนน่าจะลงมาอีกแต่อาจลงมาไม่เท่าผมครับ :L4399:
ขอบคุณ พี่ตูมตามครับ ผมจะหาทางไปเปลี่ยนให้ได้ครับ วาล์วน้ำ วันนี้แจ้งฝ่ายอะไหล่ไปแล้วครับ :L4399:

ลองวาล์วน้ำก่อนก็ได้ครับพี่ดล....แล้วลองดูว่าความร้อนยืนพื้นลดลงไหม....ส่วนพัดลมช่างข้างนอกก็ทำได้ครับ...วันนั้นตอนเย็นคุยกับน้าปิง น้าปิงก็บอกว่าที่ Toppower ก็ทำให้ได้ครับ....แต่พี่ดลอยู่ไกล หาอู่แถวๆนั้นก็น่าจะพอทำได้ครับ....แต่ลองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียก่อนนะครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่า ลมมากขึ้น แลกกับเสียงดังขึ้น + เสียกำลังเครื่องไปหน่อยนึงครับ  :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: กิต <Black Angel> ที่ 20 พฤษภาคม 2013, 23:18:46
งั้นถ้าใส่สักครึ่งหลอดละ  :L2761:

สมัยก่อนตอนแต่งรถเก่งเคยเปลี่ยนใบพัดหม้อนํ้าที่มันกินลมได้มากขึ้น ผลปรากฏว่าใบพัดหักที่รอบสูงๆ แต่ส่วนหนึ่งอาจเป็นที่คุณภาพของใบพัดด้วยก็ได้ :sd06:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 21 พฤษภาคม 2013, 10:40:07
เอามาให้ดูครับ…
ขับกลับมาบ้าน,จอดติดเครื่อง และปิดแอร์ทิ้งไว้ 5 นาที

(http://i1251.photobucket.com/albums/hh557/TuiYindee/null-15.jpg)

ภาพนี้จอดรถรอตากแดดเปิดแอร์ครับ

(http://i1251.photobucket.com/albums/hh557/TuiYindee/null-17.jpg)
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 21 พฤษภาคม 2013, 10:45:10
เอามาให้ดูครับ…
ขับกลับมาบ้าน,จอดติดเครื่อง และปิดแอร์ทิ้งไว้ 5 นาที

(http://i1251.photobucket.com/albums/hh557/TuiYindee/null-15.jpg)

ภาพนี้จอดรถรอตากแดดเปิดแอร์ครับ

(http://i1251.photobucket.com/albums/hh557/TuiYindee/null-17.jpg)

แจ่มเลยครับพี่ตุ้ย....วาล์วน้ำพี่ปกติครับ...ความร้อนระดับเดียวกับรถผมที่เปลี่ยนวาล์วน้ำมาใหม่แล้วครับ  :L4399: :L4399: :L2736: :L2736: :L2734: :L2734:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 21 พฤษภาคม 2013, 10:50:09
รับทราบ,ขอบคุณครับ

 :L2758: :sd23: :L2758: :sd23: :L2758: :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์ ที่ 28 พฤษภาคม 2013, 12:06:59
รถผม 2.5vg 2011 4wd ออกรถ มิ.ย. 55 ความร้อนเท่ากับพี่ดลครับ  วาล์วน้ำไปแล้วเหรอเนีย ติด SMG มา อัด 160-170 ระยะทาง 5 กม. ความร้อนประมาณ 100 ครับ แบบปิดแอร์ สตาร์ท รอเครื่องเย็น 92  ไม่เคยสัมผัส หน้าจอที่บอกความร้อนต่ำกว่า 92 เลยครับพี่น้อง....   ไม่มีการดันราง หรือ กล่องคันเร่ง แต่อย่างใด....
แต่มาคิดอีกที เครื่องร้อน ๆ บางทีมันอาจจะดีก็ได้นะครับ แต่ดันมีคันอื่นที่เย็นกว่าเรา ยอมไม่ได้ซะแล้วคราวนี้

 :sd23: :sd23: :sd23: ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ครับ ต้องโทรสั่ง วาล์วน้ำ ซะแล้วล่ะคราวนี้
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ปรี บางบ่อ ที่ 28 พฤษภาคม 2013, 16:13:50
ไม่เคยนั่งอ่านอะไรได้นานขนาดนี้เลย....มันเยี่ยมมากๆเลยครับพี่ตาม ความรู้เต็มๆเลย  :L2900: :L2900: :L2900:
แต่ของผม VG2.5 ขับ2 ปี12 จะไม่ค่อยมีปัญหาความร้อนเท่าไร  มีครั้งเดียวที่ฮีท จนทะลุ100 ร้องตีสๆ
ตอนขึ้นเขาปักธงชัยนั่นแหละ ดันไปตั้ง ไว้ที่โหมด3 เพราะขับทางตรงมันจัดเกินไป พอขึ้นเขาไม่ได้ปรับเป็นใหมด ECO
ก็ร้องเตือนที่100นั่นแหละ   :L2905: :L2905:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ปุ้ย ที่ 28 พฤษภาคม 2013, 21:12:45
ขอบคุณครับพี่ตูมตาม ได้ความรู้ดีมากๆ  :sd23:

ปาผม VG ขับสี่ ปี 2011 ครับ
ปกติก็ไม่ค่อยได้ดูเรื่องความร้อนเท่าไหร่ จะดูบ้างก็ตอนวิ่งทางไกลครับ (ไม่มี smart guage ผมใช้ Android ดูจาก OBD-II)
วิ่ง 120 นี่ความร้อนอยู่แถวๆ 90-92
พอไป 140-150 ขึ้นเร็วครับ ไป 95-96 เลย (วิ่งกลางวัน อากาศร้อน) พอลดความเร็วความร้อนก็ลดลงเร็วด้วย
เกิน 150 ไม่เคยดูครับ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ความเร็วแบบนั้นด้วย (ขับทางไกลปกติไม่เกิน 120 มี 140 บ้างแค่บางช่วงครับ)
แบบนี้ระบบระบายความร้อนปาผมน่าจะยังปกติดีใช้ไหมครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 28 พฤษภาคม 2013, 22:22:19
ขอบคุณครับพี่ตูมตาม ได้ความรู้ดีมากๆ  :sd23:

ปาผม VG ขับสี่ ปี 2011 ครับ
ปกติก็ไม่ค่อยได้ดูเรื่องความร้อนเท่าไหร่ จะดูบ้างก็ตอนวิ่งทางไกลครับ (ไม่มี smart guage ผมใช้ Android ดูจาก OBD-II)
วิ่ง 120 นี่ความร้อนอยู่แถวๆ 90-92
พอไป 140-150 ขึ้นเร็วครับ ไป 95-96 เลย (วิ่งกลางวัน อากาศร้อน) พอลดความเร็วความร้อนก็ลดลงเร็วด้วย
เกิน 150 ไม่เคยดูครับ ไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ความเร็วแบบนั้นด้วย (ขับทางไกลปกติไม่เกิน 120 มี 140 บ้างแค่บางช่วงครับ)
แบบนี้ระบบระบายความร้อนปาผมน่าจะยังปกติดีใช้ไหมครับ

พี่ปุ้ย ความร้อนตอนเครื่องเดินเบา (วิ่งมาแล้วจอดซักพัก) อยู่ประมาณเท่าไหร่ครับ......เท่าที่ดูข้อมูลก็น่าจะปกตินะครับ แต่น้องปาปี 2011 ก็ระวังไว้หน่อยครับ....ดูเหมือนมีอาการวาล์วน้ำแปลกๆกันหลายคัน....กำลังร่วมกับพี่ๆอีกหลายท่านที่ใช้น้องปาปี 2011 เก็บรวบรวมข้อมูลกันอยู่ครับ  :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 28 พฤษภาคม 2013, 22:25:14
รถผม 2.5vg 2011 4wd ออกรถ มิ.ย. 55 ความร้อนเท่ากับพี่ดลครับ  วาล์วน้ำไปแล้วเหรอเนีย ติด SMG มา อัด 160-170 ระยะทาง 5 กม. ความร้อนประมาณ 100 ครับ แบบปิดแอร์ สตาร์ท รอเครื่องเย็น 92  ไม่เคยสัมผัส หน้าจอที่บอกความร้อนต่ำกว่า 92 เลยครับพี่น้อง....   ไม่มีการดันราง หรือ กล่องคันเร่ง แต่อย่างใด....
แต่มาคิดอีกที เครื่องร้อน ๆ บางทีมันอาจจะดีก็ได้นะครับ แต่ดันมีคันอื่นที่เย็นกว่าเรา ยอมไม่ได้ซะแล้วคราวนี้

 :sd23: :sd23: :sd23: ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ครับ ต้องโทรสั่ง วาล์วน้ำ ซะแล้วล่ะคราวนี้

ความร้อนพี่ชินดูจะสูงไปหน่อยนะครับ.....เดินเบาที่ 92 นี่สูงมากครับ....อย่างงี้ใส่กล่องเข้าไปไม่ต้องขับกันพอดีครับพี่ ทะลุ 100 แหงๆ.......ลองเริ่มทดสอบจากการเปลี่ยนวาล์วน้ำก่อนก็ได้ครับพี่......อาการตัวร้อนนี่ต้องยอมรับเลยครับว่าไม่มีสูตรสำเร็จในการแก้ปัญหาครับ....ต้องทดลอง ทดสอบ หาสาเหตุไปเรื่อยๆครับ.....ลองเริ่มจากวาล์วน้ำก่อนครับ เพราะความร้อนยืนพื้นรอบเดินเบาของรถพี่ชินมันสูงมากไปหน่อย....ไม่น่าเกี่ยวกับพัดลมฟรีปั๊มนะครับ....น่าจะเกี่ยวกับวาล์วน้ำมากกว่าครับ....ถ้าลองที่วาล์วน้ำแล้วยังไม่ลดลง คงต้องมาดูที่ระบบไหลเวียนของน้ำ พวกท่อ หรือมอร์เตอร์ อะไรประมาณนี้แล้วหละครับ  :L4399: :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 29 พฤษภาคม 2013, 14:49:11
(http://upic.me/i/b0/3478_386081308143156_1867322260_n.jpg)

ตกใจ!กันใหญ่  อย่าตื่นตะหนกกันซิครับ   อย่าตกใจเรื่องความร้อนแต่ให้เข้าใจเรื่องความร้อน

*วาว์ลน้ำที่แนะนำให้เปลี่ยน  คือวาว์ลน้ำแบบเดิมนะครับ   อย่าเอาวาว์ลน้ำผิดสเปคเปิดเร็วมาใส่เพื่อหวังผลด้านความร้อนที่ลดลง

*ที่แนะนำให้เปลี่ยนเพราะมีเรื่อง defect part อยู่บางล็อตแต่ไม่มีผลต่อการใช้่รถตามกฏจราจรทั่วไปอย่างแน่นอน   และหากพลาดพลั่งขึ้นมาทางศูนย์พร้อมดูแล

* SMG response เร็วกว่า sensor และ เข็มหน้าปัด  3-5 องศาในช่วงสวิงแต่จะเทียบเท่าในช่วงต่อเนื่อง     แต่เข็มหน้าปัดคอนโซลเป็นแบบแผ่นเหล็กรับความร้อนจึงมัปฏิกิริยากับขดสปริงในการขยับตัวหมุน   แต่จะถึงจุดนั้นมันจะทำงานเมื่อตอนถึงจุดเดือนของน้ำหล่อเย็นคือที่มากกว่า  120+ water temp

* รถคันไหนที่เดินเบาหรือออกตัวธรรมดา  แล้ว engine temp อยู่ที่ช่วง 89-92 , พอช่วงรอบเค้น 1200-2500 rpm. ความร้อนมาอยู่ที่  96-98  , พอรอบยืนพื้นที่  2500 rpm ความร้อนตกลง  93-95 , พอเร่งความเร็วที่  160-170 ความร้อนขึ้นไป 98-102    อาการแบบนี้ขอเคลมวาว์ลน้ำเลย (แต่หากไม่อยากเสียรมณ์กับการสรุปตรวจเช็คของศูนย์  ก็ ซื้อใหม่ครับ 7-800 บาท)

* เรื่องการเปลี่ยนหม้อน้ำที่ใหญ่กว่าเดิม  แนะนำครับเพื่อถ่ายเทให้เร็ว   แต่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้ไม่ร้อน   แต่ทำให้ร้อนช้าฟังดูดีกว่า


* น้ำยาฟรีปั๊มไว้ที่หลัง    เดี๋ยวเล่าให้ฟัง
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์ ที่ 29 พฤษภาคม 2013, 15:06:54
ตกใจรูปที่พี่นะลงนี่ละครับ หายง่วงเลย
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่อิฐ ที่ 29 พฤษภาคม 2013, 23:05:19
ตกใจรูปที่พี่นะลงนี่ละครับ หายง่วงเลย

เห็นด้วยครับพี่ชิน  ตกใจรูปมากกว่า ความร้อนขึ้น  :sd42: :sd42:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 29 พฤษภาคม 2013, 23:07:36
ตกใจรูปที่พี่นะลงนี่ละครับ หายง่วงเลย

เห็นด้วยครับพี่ชิน  ตกใจรูปมากกว่า ความร้อนขึ้น  :sd42: :sd42:

เห็นรูปแล้วหวานไปตามๆกัน  หายร้อนขึ้นมาทันที 5555
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ชัย (wansasi) ที่ 10 มิถุนายน 2013, 09:31:55
ขอปรึกษาครับ 3.2GT เดิมๆ ใช้งานมา 3 ปีครึ่งครับ
ควรจะตั้งเตือน ค่าความร้อนไว้ที่เท่าไหร่ดีครับ

วันนี้ขับจากระยองมาโรงพยาบาลสัตว์เกษตร รถติดมากกว่าปกติ smart gauge ร้องลั่นช่วงหน้า ม.เกษตร ครับ
smart gauge โชว์ค่าที่ 92 ครับ ตั้งเตือนที่ 90 ปกติค่าไม่เคยขึ้นเกิน 90 เลยครับ

ควรจะปรับค่าเตือนสักเท่าไหร่ดีครับ ตรวจเช็คน้ำหล่อเย็นก็ยังมีครับ

 :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 10 มิถุนายน 2013, 10:17:35
ขอปรึกษาครับ 3.2GT เดิมๆ ใช้งานมา 3 ปีครึ่งครับ
ควรจะตั้งเตือน ค่าความร้อนไว้ที่เท่าไหร่ดีครับ

วันนี้ขับจากระยองมาโรงพยาบาลสัตว์เกษตร รถติดมากกว่าปกติ smart gauge ร้องลั่นช่วงหน้า ม.เกษตร ครับ
smart gauge โชว์ค่าที่ 92 ครับ ตั้งเตือนที่ 90 ปกติค่าไม่เคยขึ้นเกิน 90 เลยครับ

ควรจะปรับค่าเตือนสักเท่าไหร่ดีครับ ตรวจเช็คน้ำหล่อเย็นก็ยังมีครับ

 :sd23:

ส่วนใหญ่เห็นเครื่อง 3.2 จะตั้งเตือนกันไว้ที่ 96 นะครับ...แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นนี่รถไม่เดิมซักคัน....เลยไม่แน่ใจว่าเดิมๆควรจะตั้งเท่าไหร่เหมือนกันครับ.....แต่ตั้งที่ 90 นี่มันน่าจะน้อยไปหน่อยครับพี่ชัย...มีโอกาสที่จะเกินถ้ารถติดๆ อากาศร้อนๆ....หรือเหยียบหนักๆครับ  :L4399: :L4399: สำหรับพี่ชัยรถเดิมๆ ผมว่าก็น่าจะตั้ง 96 ได้นะ....ต่ำกว่า96 ถือว่ายังอยู่ใน zone ปลอดภัยไร้กังวลครับ  :L2904:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ชัย (wansasi) ที่ 10 มิถุนายน 2013, 11:13:26
ขอปรึกษาครับ 3.2GT เดิมๆ ใช้งานมา 3 ปีครึ่งครับ
ควรจะตั้งเตือน ค่าความร้อนไว้ที่เท่าไหร่ดีครับ

วันนี้ขับจากระยองมาโรงพยาบาลสัตว์เกษตร รถติดมากกว่าปกติ smart gauge ร้องลั่นช่วงหน้า ม.เกษตร ครับ
smart gauge โชว์ค่าที่ 92 ครับ ตั้งเตือนที่ 90 ปกติค่าไม่เคยขึ้นเกิน 90 เลยครับ

ควรจะปรับค่าเตือนสักเท่าไหร่ดีครับ ตรวจเช็คน้ำหล่อเย็นก็ยังมีครับ

 :sd23:

ส่วนใหญ่เห็นเครื่อง 3.2 จะตั้งเตือนกันไว้ที่ 96 นะครับ...แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นนี่รถไม่เดิมซักคัน....เลยไม่แน่ใจว่าเดิมๆควรจะตั้งเท่าไหร่เหมือนกันครับ.....แต่ตั้งที่ 90 นี่มันน่าจะน้อยไปหน่อยครับพี่ชัย...มีโอกาสที่จะเกินถ้ารถติดๆ อากาศร้อนๆ....หรือเหยียบหนักๆครับ  :L4399: :L4399: สำหรับพี่ชัยรถเดิมๆ ผมว่าก็น่าจะตั้ง 96 ได้นะ....ต่ำกว่า96 ถือว่ายังอยู่ใน zone ปลอดภัยไร้กังวลครับ  :L2904:

ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: สุภัทร (Pat) ที่ 10 มิถุนายน 2013, 13:02:24
ผมตั้งที่่ 95 ครับ พี่ชัย รถรุ่นเดียวกัน
แต่ใช้มาก็ยังไม่เคยผ่าน 90 เลย

ผมคิดว่า พี่ชัยน่าจะลองตรวจเช็คระบบหล่อเย็นดีมั้ยครับ
สงสัยว่า ทำไมอยู่ดีๆ จึงพรวดพราดข้าม 90 มาได้
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ชัย (wansasi) ที่ 10 มิถุนายน 2013, 13:55:13
ผมตั้งที่่ 95 ครับ พี่ชัย รถรุ่นเดียวกัน
แต่ใช้มาก็ยังไม่เคยผ่าน 90 เลย

ผมคิดว่า พี่ชัยน่าจะลองตรวจเช็คระบบหล่อเย็นดีมั้ยครับ
สงสัยว่า ทำไมอยู่ดีๆ จึงพรวดพราดข้าม 90 มาได้

เพิ่งเช็ค 80,000 กิโลไปเมื่อกลางเดือนที่แล้วครับ น้ำหล่อเย็นเปลี่ยนแล้วครับ
ขากลับระยอง ความร้อนขึ้นสูงสุดแค่ 87 ครับ
คิดว่าน่าจะมาจากความร้อนสะสม เมื่อเช้าเริ่มติดตั้งแต่ยังไม่ขึ้นทางด่วนที่ศรีนครินทร์ ติดยาวนานมากครับจนถึงเกษตรครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ  :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ไซ ที่ 11 มิถุนายน 2013, 00:57:17
พี่ตามครับรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับเรื่องความร้อน
http://www.thaitritonclub.com/forum/showthread.php?t=24143
(http://upic.me/i/gu/temp..jpg)
จาก web ด้านบนเห็นมีการเปลี่ยนวาลว์น้ำเป็นของ A31 (Temp. วาลว์เปิดอยู่ที่ประมาณ 76)
Temp. โดยภาพรวมต่ำกว่าปกติหลังจากเปลี่ยน
พี่ตามหรือพี่ๆท่านอื่นๆมีใครเคยเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้บ้างป่าวครับ
แล้วมันมีผลกระทบอื่นๆตามมาบ้างป่าวครับ
ถ้าเราเปลี่ยนมาแล้วมันจะดีจริงหรือเปล่าอ่ะครับพี่
รบกวนด้วยครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 11 มิถุนายน 2013, 14:37:58
พี่ตามครับรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับเรื่องความร้อน

จาก web ด้านบนเห็นมีการเปลี่ยนวาลว์น้ำเป็นของ A31 (Temp. วาลว์เปิดอยู่ที่ประมาณ 76)
Temp. โดยภาพรวมต่ำกว่าปกติหลังจากเปลี่ยน
พี่ตามหรือพี่ๆท่านอื่นๆมีใครเคยเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้บ้างป่าวครับ
แล้วมันมีผลกระทบอื่นๆตามมาบ้างป่าวครับ
ถ้าเราเปลี่ยนมาแล้วมันจะดีจริงหรือเปล่าอ่ะครับพี่
รบกวนด้วยครับ
สวัสดีครับพี่ไซ

น้าวุฒิแห่งบ้านไทรทัน  เขาก็มีประสบการณ์และชำนาญเกี่ยวกับรถไทรทันทั้งเครื่อง3200และ2500  และการแก้ไขของเขานั้นก็เป็นแนวทางเฉพาะของเขาที่เขาแนะนำสมาชิกให้ลองดูแบบไม่ได้บังคับและเห็นผลของ output ตามที่เขาทดสอบ   ด้วยเหตุผลที่เขาได้อธิบายไว้ ก็ถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่ปาเจโร่ใช้วิธีการแบบนั้นและได้ผลตามที่เขาทดสอบกัน

ส่วนที่ปามาเนียนี้เราอาจจะไม่ได้ใช้แนวทางนั้นเพราะเราอยากหาต้นตอและวิเคราะห์หาสาเหตุจริงๆของรถและการออกแบบว่ามีเงื่อนไขอะไรและหลบเลี่ยงได้ไหม  หรือหากหลบเลี่ยงได้แล้วทำไมปล่อยให้เกิดแบบนี้   จนเราพบหลายประเด็นและได้เริ่มแก้ไขในบางรุ่นจนเห็นผลชัดเจน    แนวทางของปามาเนียอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าในการทดสอบและต้องการเข้าใจในเรื่องที่ทดสอบเพื่ออยากรู้ อยากลอง  จนเห็นผลการทดลองด้วยวิธีการของเรา

*ส่วนโอกาสและความเสี่ยงของการทดลองนั้น  ต้องพิจารณาจากข้อมูลด้วยตนเองนะครับและลองหาข้อมูลที่ impact กับรถในด้านต่างๆหรือประวัติการซ่อมในเรื่องดังกล่าวดูอีกที   อาจจะมีหรือไม่มีหรือยังไม่เกิด  ก็สามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 แนวทาง ครับ

ลองดูข้อมูลที่ผมลงไว้เกี่ยวกับความร้อน 2 ตอนนี้  เผื่อสามารถต่อยอดอะๆไรได้บ้าง
ตอน2 http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,83.0.html (http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,83.0.html)

ตอน 3 http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.0.html (http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.0.html)
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 11 มิถุนายน 2013, 15:06:01
 :L4399: :L4399: ขออภัยพี่ไซที่มาตอบช้านะครับ...อ่านตั้งกะเช้า แต่ต้องอยู่ในห้องประชุมทั้งวัน เพิ่งได้แว๊บออกมา

เรื่องของวาล์วน้ำตัวที่เปิดที่อุณหภูมิต่ำกว่า (โดยมาจะให้ใช้ของเซฟีโร่) นั้นเป็นที่นิยมกันมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาแรงทั้งหลาย เพราะจูนกันเยอะ เครื่องสร้างความร้อนได้มาก ใช้วาล์วน้ำตัวนี้จะได้ช่วยลดความร้อนลงไปได้มากครับ

แต่การพิจารณาจะใช้วาล์วน้ำตัวไหน (ตัวที่เปิดอุณหภูมิสูงกว่า หรือต่ำกว่า) นั้น.....อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนเลยครับว่า.....เครื่องยนต์นั้นสึกหรอมากทั้งในอุณหภูมิที่สูงเกินไป หรือ ต่ำเกินไปครับ

ผมได้เคยมีโอกาสสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับความร้อนและวาล์วน้ำตัวนี้จากผู้รู้หลายๆท่านนะครับ...ทั้งพี่นะพี่อ๊อดในบ้านเรา ทั้งช่างซ่อมจากอู่เทพ ทั้งนักขับรถแข่ง ผมสรุปใจความให้ฟังแบบนี้นะครับ

ในอุณหภูมิที่สูงเกินไป (Overheat Hazard) นั้นสร้างความเสียหายแก่เครื่องโดยตรง ตั้งแต่การทำให้โลหะมีความแข็งแกร่งที่ลดลง อุปกรณ์ชิ้นส่วนที่เป็นยางสึกหรอเร็วมาก รวมถึงการบิดตัวงอตัวของชิ้นส่วนต่างๆไม่ปกติ และยิ่งไปกว่านั้นความร้อนที่สูงมากจะทำลายความสามารถในการหล่อลื่นและทำความสะอาดของน้ำมันเครื่องด้วยครับ

ส่วนอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป (Low Temp. Hazard) นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะดีกับเครื่องนะครับ มันก็สร้างความเสียหายให้แก่เครื่องด้วยเช่นกัน เพราะอุณหภูมิที่น้อยเกินไปนั้นจะทำให้น้ำมันเครื่องไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การหล่อลื่นลดลง ไม่สามารถเข้าไปหล่อลื่นได้ทุกจุด (เพราะหนืดเกินไป ต้องให้ความร้อนช่วยในการทำให้มันมีความหนืดน้อยลง) และยังทำให้การจุดระเบิดไม่สามารถทำได้เต็มที่ ดังนั้นที่อุณหภูมิที่ต่ำเกินไปจะทำให้รถมีอาการกินน้ำมันมากขึ้น (เพราะการจุดระเบิดยังไม่ได้ประสิทธิภาพเต็มที่) และในน้องปาเราที่ใช้ความร้อนในการทั้งอุ่นน้ำมันเกียร์ (เวลามันเย็น) และระบายความร้อนน้ำมันเกียร์ (เวลาที่มันร้อน) ที่อุณหภูมิต่ำก็จะไปมีผลต่อการสึกหรอของเกียร์มากขึ้นอีก

แล้วควรจะใช้รถที่อุณหภูมิไหนละ...สูงไปก็ไม่ดี...ต่ำไปก็ไม่ได้??
คำตอบคือควรใช้รถในอุณหภูมิที่เหมาะสมครับ ไม่สูงไป ไม่ต่ำไป.....เป็นอุณหภูมิที่วิศวกรรมยานยนต์ของรถรุ่นนั้นๆได้ออกแบบและทดสอบมาแล้วว่าที่อุณหภูมิช่วงนี้แหละที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีการสึกหรอน้อยที่สุด......ซึ่งรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อมีระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมแตกต่างกันครับ แล้วแต่การออกแบบและการทดสอบของแต่ละยี่ห้อที่เขาทำกัน

แล้วในน้องปาละอุณหภูมิเหมาะสมที่ว่านั้นอยู่ที่ระดับเท่าไหร่
อย่างที่บอกครับอุณหภูมิที่เหมาะสมของรถแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อนั้นแตกต่างกัน....แต่การหาข้อมูลว่าเท่าไหร่ที่ออกแบบมานั้นทำได้ไม่ง่ายนักครับ....เพราะมันไม่ได้เป็นข้อมูลที่เขาเอามาเปิดเผย....ในรถก็ไม่เคยมีเกจวัดอุณหภูมิที่เป็นตัวเลข Digital ถ้าจะมีก็เป็นเข็ม....ยิ่งเดี๋ยวนี้บางรุ่นไม่มีเลยด้วยซ้ำ มีแค่สัญญาณเตือนเวลามันร้อนไปหรือเย็นไปเท่านั้น....แต่ถึงจะไม่มีใครเอาข้อมูลมาเปิดเผย....เราก็อาจจะสังเกตุจากการทำงานของอุปกรณ์บางตัวก็ได้ครับ.....ก็จะสามารถประมาณการณ์ได้ว่าอุณหภุมิที่เหมาะสมอยู่ประมาณเท่าไหร่

ในน้องปานะครับ.....อันดับแรกที่ควรสังเกตุเลยคือ "ตัววาล์วน้ำ" ครับ....สังเกตุไม่ได้ เพราะมันอยู่ในเครื่อง ต้องบอกว่าดูรายละเอียดของวาล์วน้ำ......วาล์วน้ำตัวมาตรฐานของน้องปาเป็นวาล์วน้ำที่เริ่มเปิดที่อุณหภูมิ 82 องศา....และเปิดเต็มที่ประมาณ 85-86 องศา.......แค่ข้อมูลตัวนี้ก็พอทราบแล้วครับว่า เขาออกแบบมาให้อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ไม่ต่ำกว่า 85-86 องศาแน่นอน.......แต่สูงสุดยังไม่แน่ใจว่าควรจะเป็นเท่าไหร่......มีอุปกรณ์อีกตัวนึงที่พอจะสังเกตุได้ครับ....คือพัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่อง....ตัวที่เป็นพัดลมแอร์ ที่จะทำงานตามการทำงานของคอมแอร์นั่นแหละครับ....พัดลมตัวนี้มี 2 หน้าที่ คือช่วยระบายความร้อนให้คอยแอร์เวลาคอมแอร์ทำงาน และอีกอย่างนึงคือช่วยระบายความร้อนของน้ำด้วย......ลองสังเกตุอย่างงี้ครับ......ง่ายๆ เวลากลับบ้านนะครับ......พอถึงบ้าน.....อย่าเพิ่งดับเครื่อง......ให้ปิดแอร์.....เมื่อเราปิดแอร์...พัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่องควรหยุดทำงานใช่ไหมครับ...เพราะโดยปกติมันจะทำงานตามคอมแอร์.....แต่ในน้องปา ถ้าเครื่องยังไม่เย็นลง มันจะไม่หยุดครับ....มันยังจะทำงานต่อ...จนอุณหภูมิลงถึงระดับหนึ่งแล้วมันจะหยุด......รถที่มี SMG ก็จะสามารถรู้ได้ว่าที่อุณหภูมิเท่าไหร่ที่มันหยุดทำงาน......เท่าที่ผมทดสอบดูนะครับในน้องปาเราพัดลมไฟฟ้าเริ่มหรือหยุดทำงานที่ 91 องศา

เอาละครับ ได้เลขมา 2 ตัวคือวาล์วน้ำเปิดเต็มที่ที่ 85-86 พัดลมหยุดหรือเริ่มทำงานที่ 91.....ประมาณการณ์จากตัวเลข 2 ชุดนี้พอจะสรุปได้ว่าเขาออกแบบมาให้อุณหภูมิที่เหมาะสมน่าจะอยู่ในช่วง 80ปลายๆ - 90ต้นๆ นะครับ.....เพราะอุณหภูมิที่เหมาะสมควรจะอยู่สูงกว่าอุณหภูมิที่วาล์วน้ำเปิดสุด และคร่อมช่วงอุณหภูมิที่สั่งให้พัดลมทำงานหรือหยุดทำงานครับ.....ถ้าให้ผมสมมติเลขขึ้นมาซักชุด ความร้อนที่เหมาะสมน่าจะประมาณ 88-92 ประมาณนี้แหละครับ...(อาจมีบวกลบนิดหน่อยนะครับ)

แล้วถ้างั้นการเอาวาล์วน้ำตัวเปิดที่อุณหภูมิต่ำมาใช้งานจะเกิดอะไรขึ้น
อันดับแรกเลยต้องเข้าใจก่อนว่าวาล์วน้ำคืออุปกรณ์ที่ใส่ไว้เพื่อควบคุมการหมุนเวียนของน้ำเพื่อทั้งสะสมความร้อน และระบายความร้อนนะครับ...ไม่ได้เอาไว้ระบายความร้อนอย่างเดียว....คือเมื่อเริ่มเดินเครื่องรถ เครื่องยนต์จะอยู่ที่อุณหภูมิต่ำ...ในลักษณะนี้วาล์วน้ำจะไม่เปิด...เพื่อให้น้ำในเครื่องยนต์เก็บสะสมความร้อนให้ได้ระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานให้ได้เร็วที่สุด....ย้ำนะครับ เร็วที่สุด....หลังจากนั้นเมื่อความร้อนเริ่มเข้าใกล้เคียงระดับที่เหมาะสมแล้ว....วาล์วน้ำก็จะค่อยๆเปิด เพื่ออนุญาติให้น้ำหมุนเวียนเพื่อระบายความร้อนออกไปบ้าง...จนอุณหภูมิเข้าช่วงที่เหมาะสมวาล์วน้ำก็จะเปิดเต็มที่ให้ระบบระบายความร้อนได้ทำงานเต็มที่....ดังนั้นการเอาวาล์วน้ำที่เปิดที่อุณหภูมิต่ำมาใช้ก็จะทำให้ระบบน้ำไหลเวียนระบายความร้อนทำงานเร็วขึ้น....ทำงานก่อนอุณหภูมิจะถึงระดับที่เหมาะสมในการใช้งาน...ซึ่งมีโอกาสจะเกิดความสึกหรอขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิของเครื่องต่ำเกินไปนั่นเองครับ

แสดงว่าการเอาวาล์วน้ำที่เปิดอุณหภูมิต่ำมาใช้ในน้องปาก็ไม่เหมาะสม
ไม่ครับ....ไม่สามารถตอบเช่นนั้นได้ 100%....ทั้งนี้ต้องดูรถที่จะเอาไปใส่ประกอบด้วยครับ....ถ้าให้เอาไปใส่ในรถเดิมๆที่ไม่ได้ทำอะไรมา....ไม่ได้แต่งอะไรมาเลย..ปัญหาความร้อนไม่มี...อุณหภูมิใช้งานอยู่ในระดับปกติ....อันนี้ตอบได้ว่าไม่เหมาะสมครับ.....แต่รถส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนมาใช้วาล์วน้ำตัวอุณหภูมิต่ำนี้เป็นรถที่มีการทำเครื่องมาบ้าง แต่งเครื่องมาบ้าง และการแต่งเครื่องนั้นๆ มันมีผลต่อระดับความร้อนที่ใช้งาน ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น จนเลยจุดที่เหมาะสมไป...เขาก็เอาวาล์วน้ำแบบนี้มาใช้เพื่อลดระดับอุณหภูมิทีใช้งานลงมาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม.....คือง่ายๆ ถ้าแต่งจนมันร้อนมากๆ..เอาวาล์วน้ำแบบเปิดที่อุณหภูมิต่ำมาใส่เพื่อลดอุณหภูมิลงมาให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมตามการออกแบบไว้แต่ต้น....อันนี้สามารถทำได้ครับ


เดี๋ยวมาต่อครับ .... :L2901:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 11 มิถุนายน 2013, 15:29:34
ถ้าอย่างงั้นรถแต่งเครื่องมาก็เหมาะที่จะเอาวาล์วน้ำตัวอุณหภูมิต่ำนี้ไปใส่??
ก็ไม่จำเป็นเสมอไปอีกเช่นกันครับ.....ต้องพิจารณาระดับการแต่ง ระดับการจูนของรถคันนั้นๆด้วยครับ....ต้องดูว่าการแต่งหรือจูนนั้นทำให้เกิดผลกระทบอย่างไรต่ออุณหภูมิใช้งานของเครื่องยนต์ด้วยครับ.....คือถ้าแต่งมาก จูนมาก ผลกระทบทำให้ความร้อนขึ้นสูงมาก เลยช่วงที่เหมาะสมไป....อันนี้เอามาใส่ก็สามารถทำได้ครับ....แต่ถ้าแต่งไม่มากนัก จูนพอประมาณ ส่งผลกระทบต่อความร้อนบ้าง ไม่มาก.....ยังสามารถคงระดับความร้อนอยู่ในช่วงเหมาะสมได้....อันนี้อาจไม่จำเป็นต้องเสี่ยง...เพราะหากนำมาใช้ก็จะเสี่ยงกับอาการ Low Temp. Hazard ครับ......ดังนั้นการจะนำวาล์วน้ำตัวเปิดอุณหภูมิต่ำนี้มาใช้หรือไม่ ไม่ได้ดูที่แต่งหรือไม่นะครับ.....ดูที่แต่งแล้วมีผลต่ออุณหภูมิใช้งานหรือไม่ต่างหาก

งั้นทำไมรถในปามาเนียถึงไม่มีใครใช้วาล์วน้ำตัวนี้กัน เห็นรถก็แต่งๆกันมาทั้งนั้น??
ก็นั่นแหละครับ......อย่างที่บอก....มันขึ้นกับการแต่งการจูนนั้นมีผลกระทบต่อระดับความร้อนมากน้อยแค่ไหน....ในปามาเนีย แนวทางการแต่งรถนั้นถูกวางไว้โดยให้อยู่ในกรอบของ Safety Factor ที่เครื่องยนต์ถูกออกแบบมา....ไม่ได้แต่งมากมาย หรือจูนเยอะแยะ.....ยังคงเป็นการแต่งปรับจูนโดยคำนึงถึงว่าเป็นรถครอบครัว รถใช้งานที่ต้องใช้ทุกวัน ใช้เป็นประจำ......ดังนั้นการปรับแต่งปรับจูนที่ทำกันในปามาเนียจะให้อยู่ภายใต้ Safety Factor .... แต่งจูนเพื่อลดจุดด้อยของรถ ...เพื่อให้ใช้งานได้ดีในชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่ต้องมีการ maintenance สูงกว่ารถปกติ....ง่ายๆคือเพิ่มเติม แก้ไขจุดอ่อนของรถสแตนดาร์ดครับ.....ที่ว่าแรงๆๆๆๆในบ้านปามาเนีย...เอาเข้าสนามแข่ง...โน่นแหละครับรั้งอยู่ท้ายๆ...เพราะการแต่งจูนไม่ได้ทำมาแข่งขัน....ดังนั้นเท่าที่ได้เห็นมาการแต่งการจูนที่ทำในระดับของปามาเนียนี้....วาล์วน้ำตัวเดิมบวกกับระบบระบายความร้อนเดิมของรถยังสามารถทำงานได้ สามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้แล้วครับ......เลยไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนครับ.........ส่วนการปรับแต่งปรับจูนที่ที่อื่นๆเขาทำนั้น...อาจทำให้แรงได้มากกว่า อันนี้แล้วแต่เจ้าของรถจะชอบครับ...และหากการปรับแต่งนั้นมีผลทำให้อุณหภูมิมันสูงขึ้นมาก...การเอาวาล์วน้ำตัวเปิดต่ำนี้มาใช้ก็เหมาะสมแล้ว


หลักการประมาณนี้แหละครับพี่ไซ....ยาวไปหน่อยขออภัยครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ไซ ที่ 11 มิถุนายน 2013, 22:17:44
พี่ตามครับรบกวนสอบถามเพิ่มเติมหน่อยครับเรื่องความร้อน

จาก web ด้านบนเห็นมีการเปลี่ยนวาลว์น้ำเป็นของ A31 (Temp. วาลว์เปิดอยู่ที่ประมาณ 76)
Temp. โดยภาพรวมต่ำกว่าปกติหลังจากเปลี่ยน
พี่ตามหรือพี่ๆท่านอื่นๆมีใครเคยเปลี่ยนมาใช้ตัวนี้บ้างป่าวครับ
แล้วมันมีผลกระทบอื่นๆตามมาบ้างป่าวครับ
ถ้าเราเปลี่ยนมาแล้วมันจะดีจริงหรือเปล่าอ่ะครับพี่
รบกวนด้วยครับ
สวัสดีครับพี่ไซ

น้าวุฒิแห่งบ้านไทรทัน  เขาก็มีประสบการณ์และชำนาญเกี่ยวกับรถไทรทันทั้งเครื่อง3200และ2500  และการแก้ไขของเขานั้นก็เป็นแนวทางเฉพาะของเขาที่เขาแนะนำสมาชิกให้ลองดูแบบไม่ได้บังคับและเห็นผลของ output ตามที่เขาทดสอบ   ด้วยเหตุผลที่เขาได้อธิบายไว้ ก็ถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่ปาเจโร่ใช้วิธีการแบบนั้นและได้ผลตามที่เขาทดสอบกัน

ส่วนที่ปามาเนียนี้เราอาจจะไม่ได้ใช้แนวทางนั้นเพราะเราอยากหาต้นตอและวิเคราะห์หาสาเหตุจริงๆของรถและการออกแบบว่ามีเงื่อนไขอะไรและหลบเลี่ยงได้ไหม  หรือหากหลบเลี่ยงได้แล้วทำไมปล่อยให้เกิดแบบนี้   จนเราพบหลายประเด็นและได้เริ่มแก้ไขในบางรุ่นจนเห็นผลชัดเจน    แนวทางของปามาเนียอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าในการทดสอบและต้องการเข้าใจในเรื่องที่ทดสอบเพื่ออยากรู้ อยากลอง  จนเห็นผลการทดลองด้วยวิธีการของเรา

*ส่วนโอกาสและความเสี่ยงของการทดลองนั้น  ต้องพิจารณาจากข้อมูลด้วยตนเองนะครับและลองหาข้อมูลที่ impact กับรถในด้านต่างๆหรือประวัติการซ่อมในเรื่องดังกล่าวดูอีกที   อาจจะมีหรือไม่มีหรือยังไม่เกิด  ก็สามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 แนวทาง ครับ

ลองดูข้อมูลที่ผมลงไว้เกี่ยวกับความร้อน 2 ตอนนี้  เผื่อสามารถต่อยอดอะๆไรได้บ้าง
ตอน2 http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,83.0.html (http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,83.0.html)

ตอน 3 http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.0.html (http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,84.0.html)

ขอบคุณครับพี่นะ
ผมว่าเป็นการดีล่ะครับการแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่เพิ่งแค่แก้ให้จบเหตุ
กระจ่างครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ไซ ที่ 11 มิถุนายน 2013, 22:19:47
ขอบคุณครับพี่ตาม
ถามนิดเดียวแต่ขนเอาความรู้มาให้เพียบเลย
แอบศึกษารอไว้ก่อนครับถ้าได้มีโอกาศดันรางกะเค้าบ้างจะได้เตรียมรับมือได้ทันท่วงทีครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: กิต <Black Angel> ที่ 11 มิถุนายน 2013, 22:39:27
สุดยอดมากครับพี่ตาม และขอบคุณที่ช่วยพูดยํ้าถึงเรื่องแนวทางการแต่งรถ  :sd23:

ตั้งแต่ต้น แนวทางการแต่งรถสไตร์แก็งค์กระเป๋าแหกเลยมาจนถึงสไตร์ปามาเนียในทุกวันนี้ คำที่จะได้ยินจากในกลุ่มบ่อยๆ คือแต่งแรงแบบบ้านๆ หรือที่พี่นะแจงอย่างสวยหรูว่า แต่งให้อยู่ในกรอบ safety factor :L2736:

จึงอยากให้พี่ๆสมชปามาเนียทุกท่าน ชัดเจนในแนวทางก่อนการแต่งรถกันนะครับ  :L4399:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่อิฐ ที่ 11 มิถุนายน 2013, 22:44:54
ข้อมูลเป็นประโยชน์มาก ๆ เลย พี่ตาม  :L2900: :L2900:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นาย-nine ที่ 12 มิถุนายน 2013, 18:09:47
ผมถือคติ "เดินตามผมใหญ่ หมาไม่กัด" ณ ตอนนี้ น้องปาผมจะเข้าใกล้ 1 แสนกิโลแล้วครับ ยังขับมัน ได้ดังใจ เพราะการแนะนำจากทางพี่ๆ ผู้ก่อตั้งบ้านปามาเนียทุกท่าน ขอบพระคุณมากครับ  :sd23:





หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 12 มิถุนายน 2013, 19:33:36
ผมถือคติ "เดินตามผมใหญ่ หมาไม่กัด" ณ ตอนนี้ น้องปาผมจะเข้าใกล้ 1 แสนกิโลแล้วครับ ยังขับมัน ได้ดังใจ เพราะการแนะนำจากทางพี่ๆ ผู้ก่อตั้งบ้านปามาเนียทุกท่าน ขอบพระคุณมากครับ  :sd23:

แสนโลแล้ว......ต้องได้เวลาเปลี่ยนสายพานแล้วนะพี่นาย.....ถ้าให้ดีอย่ารอให้ถึงแสนโลนะครับ...เปลี่ยนก่อนนิดหน่อยจะปลอดภัยกว่า....วันก่อนไปที่ศูนย์ พึ่งเห็นน้องปา 9หมื่นกว่าโล เกือบแสน......สายพานขาด....ลามไปจนเครื่องกระจุย

คุยกับช่าง...ช่างบอกว่า...ให้ดีเปลี่ยนก่อนอย่ารอแสนโลจะดีกว่า...โดยเฉพาะพวกติดกล่องแต่งเครื่อง....(นี่พูดถึงกรูนี่หว่า)  :L2739: :L2739: :L2739:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ตุ้ย_Yindee ที่ 12 มิถุนายน 2013, 19:52:34
ขอบคุณพี่ตาม ได้ความรู้มากมายจริงๆครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: เอ๊ะnakhonpathom ที่ 12 มิถุนายน 2013, 20:08:15
 :sd23: :sd23: :sd23:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 มิถุนายน 2013, 13:11:24
เปลี่ยนวาล์วน้ำแล้วครับใช้ของ0นะครับออกมาวิ่งก็เห็นผลเลยครับวิ่งเลื่อยๆไม่เกิน 60-70 ความร้อน 86 องศาซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขนี้นานมากๆแล้วครับ คิดว่าช่างไล่อากาศมาได้ดีขับออกมาไม่มีเสียงปี้ดเหมือนตอนเปลี่ยนน้ำในหม้อน้ำตอน40,000โล เบื่องต้นรายงานแค่นี้ก่อนนะครับยังมีเรื่องคาใจอยู่นิดๆ อีก2 วันมาอัพเดท :L4398:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์ ที่ 13 มิถุนายน 2013, 15:09:50
เปลี่ยนวาล์วน้ำแล้วครับใช้ของ0นะครับออกมาวิ่งก็เห็นผลเลยครับวิ่งเลื่อยๆไม่เกิน 60-70 ความร้อน 86 องศาซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขนี้นานมากๆแล้วครับ คิดว่าช่างไล่อากาศมาได้ดีขับออกมาไม่มีเสียงปี้ดเหมือนตอนเปลี่ยนน้ำในหม้อน้ำตอน40,000โล เบื่องต้นรายงานแค่นี้ก่อนนะครับยังมีเรื่องคาใจอยู่นิดๆ อีก2 วันมาอัพเดท :L4398:

ของพี่ลีโจ นี่เติมน้ำยาฟรีปั๊มด้วยหรือเปล่าครับ  ผมไม่เคยเจอความร้อนระดับ 86 เลย จอดรถเปิดแอร์ไปเรื่อย ๆ ได้แค่ 88 ถือว่าต่ำสุดแล้ว แต่หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำ ความร้อนใช้งาน ลดลง 5 องศา ครับ....  แต่รอบเดินเบาน่าจะมาจากพัดลมฟรีปั๊มของผมมัน ฟรีเกินไป แต่ก็ยังไม่อยากเติม กลัวเครื่องอืดครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: สุภัทร (Pat) ที่ 13 มิถุนายน 2013, 17:13:35
ผมถือคติ "เดินตามผมใหญ่ หมาไม่กัด" ณ ตอนนี้ น้องปาผมจะเข้าใกล้ 1 แสนกิโลแล้วครับ ยังขับมัน ได้ดังใจ เพราะการแนะนำจากทางพี่ๆ ผู้ก่อตั้งบ้านปามาเนียทุกท่าน ขอบพระคุณมากครับ  :sd23:

แสนโลแล้ว......ต้องได้เวลาเปลี่ยนสายพานแล้วนะพี่นาย.....ถ้าให้ดีอย่ารอให้ถึงแสนโลนะครับ...เปลี่ยนก่อนนิดหน่อยจะปลอดภัยกว่า....วันก่อนไปที่ศูนย์ พึ่งเห็นน้องปา 9หมื่นกว่าโล เกือบแสน......สายพานขาด....ลามไปจนเครื่องกระจุย

คุยกับช่าง...ช่างบอกว่า...ให้ดีเปลี่ยนก่อนอย่ารอแสนโลจะดีกว่า...โดยเฉพาะพวกติดกล่องแต่งเครื่อง....(นี่พูดถึงกรูนี่หว่า)  :L2739: :L2739: :L2739:

ถ้่าสายพานเครื่อง พี่นายไม่ต้องเปลี่ยนนิ เครื่อง 3.2 เป็นโซ่ แค่ปรับตั้งลูกรอกก็พอคร้าบบบบบบบบบบบบ ;) ;) ;)
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 13 มิถุนายน 2013, 17:17:08
เปลี่ยนวาล์วน้ำแล้วครับใช้ของ0นะครับออกมาวิ่งก็เห็นผลเลยครับวิ่งเลื่อยๆไม่เกิน 60-70 ความร้อน 86 องศาซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขนี้นานมากๆแล้วครับ คิดว่าช่างไล่อากาศมาได้ดีขับออกมาไม่มีเสียงปี้ดเหมือนตอนเปลี่ยนน้ำในหม้อน้ำตอน40,000โล เบื่องต้นรายงานแค่นี้ก่อนนะครับยังมีเรื่องคาใจอยู่นิดๆ อีก2 วันมาอัพเดท :L4398:

ของพี่ลีโจ นี่เติมน้ำยาฟรีปั๊มด้วยหรือเปล่าครับ  ผมไม่เคยเจอความร้อนระดับ 86 เลย จอดรถเปิดแอร์ไปเรื่อย ๆ ได้แค่ 88 ถือว่าต่ำสุดแล้ว แต่หลังจากเปลี่ยนวาล์วน้ำ ความร้อนใช้งาน ลดลง 5 องศา ครับ....  แต่รอบเดินเบาน่าจะมาจากพัดลมฟรีปั๊มของผมมัน ฟรีเกินไป แต่ก็ยังไม่อยากเติม กลัวเครื่องอืดครับ
เคยเติม2หลอดครับพี่ชิน แต่วันนี้เอาออกไปบ้างแล้วครับเพราะเสียงพัดลมมันดังม๊ากแล้วรู้สึกว่าจะเร่งมะค่อยออกด้วยมันมาแต่เสียงครับ :L2754: ตอนเติมน้ำยาก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลเท่าไหลนะครับ รถผม ขับ2 VGปี11
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่ลีโจ ที่ 1 กรกฎาคม 2013, 13:29:43
เปลี่ยนวาล์วน้ำแล้วครับใช้ของ0นะครับออกมาวิ่งก็เห็นผลเลยครับวิ่งเลื่อยๆไม่เกิน 60-70 ความร้อน 86 องศาซึ่งไม่เคยเห็นตัวเลขนี้นานมากๆแล้วครับ คิดว่าช่างไล่อากาศมาได้ดีขับออกมาไม่มีเสียงปี้ดเหมือนตอนเปลี่ยนน้ำในหม้อน้ำตอน40,000โล เบื่องต้นรายงานแค่นี้ก่อนนะครับยังมีเรื่องคาใจอยู่นิดๆ อีก2 วันมาอัพเดท :L4398:
ขออภัยด้วยครับที่บอกว่า 2 วันจะมารายงานผล

รถผมปี 2011 VG 2wd ล้อ 275/55R20 กล่องข้าวน้อย2 กล่องผีบอก

หลังจากที่เปลี่ยนวาล์วน้ำมาได้ 10 กว่าวัน(เติมนำยาฟรีปั้มมาแล้วก่อนหน้านี้แต่ไม่เห็นผลเท่าเปลี่ยนวาล์วน้ำ) ผลคือความร้อนขึ้นช้ากว่าเดิม วิ่งที่ความเร็ว120+บางที่ยังขึ้นไม่ถึง 90 องศา เหียบแบบเลื้อยนะครับ ก่อนเปลี่ยนถ้าวิ่งแบบนี้  ความเร็ว100 กม/ชม ก้อ90องศาแล้ว และที่ 120จะขึ้นไป 94 องศาครับและความร้อนลงช้ามากๆเติมคันเร่งเมื่อไหลความร้องก็ตามเท้าเราเลย

ตอนนี้เหียบแบบกดๆก็เพิ่มแค่ 1 องศาของแบบเลื่อย ความร้อนขึ้นช้าแต่ลงเร็วครับ ความร้อนตอนนี้ที่เจอจะไม่เกิน 92 องศานอกจากกดๆจริงแล้วไม่มีการถอนคันเร่งเลยที่ความเร็ว 140-160 ก็จะเกิน 92 องศา วิ่งชิวๆเลื่อย140-160ก็ไม่เกิน 92 องศา


ย้อนความไปหน่อยตั้งแต่ที่ได้ติดกล่องข้าวน้อน2+SMG ทั้งเปิดกล่องและปิดกล่อง วิ่งรถติดไหลเลื่อย40-80ความร้อน จะวนอยู่ที่ 87-89 องศาแต่ปัจจุบันบางทีห็นความร้อนลงมาอยู่ที่ 85-86 องศาก้อมี จอดติดไฟแดง 85-86 องศา

1.วาล์วน้ำอาจจะมีปัญญาหามาจากโรงงานเลยก็ได้ เพราะชั่วนั้นเป็นช่วนน้ำทว่มแต่รถผมวาล์วน้ำแสดงปัญญาหาไม่ชัดเจนต่างจากรถของพี่ตาม  พี่ชิน และพี่ต้น ความร้อนขึ้นเร็วมากๆๆและลงช้า
2.เหตุที่ทำให้พบว่าวาล์วมีปัญหามากคิดว่า มีช่วงนึ่งไม่ได้ใช้รถเลยจอดสนิดครับเป็นระยะเวลา 7 วันเต็ม พอกลับมาใช้ก้อเกินความผิดปกติเรื่องความร้อนเลย
   
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พีชิน ปาดำ บุรีรัมย์ ที่ 1 กรกฎาคม 2013, 15:08:03
มาเพิ่มเติมต่อจาก พี่ลิโจหน่อยครับ

สรุปข้อมูลแล้ว  เดินเบาผมอยู่น้อยที่สุด 87 องศา จอดแบบเปิดแอร์ 5 นาทีเป็นอย่างน้อย
วิ่งช้า ไปเรื่อย ๆ ชิว ๆ ไม่เกิน 93 
เหยิียบเอาเป็น แต่ไม่เอาตาย  :sd42: 160-170 กดคันเร่งแบบจิบเบียร์บ้าง รินชาบ้าง ไม่เคยเกิน 95
เมื่อก่อนนะเหรอ ทะลุ 100  :sd21:

วาล์วน้ำแน่ ๆ ส่วนช่วงเดินเบา   พัดลมฟรีปั๊มผมน่าจะฟรี กว่าพี่ ๆ แต่ผมไม่ซีเรียส  ซีเรียสแต่ หอยเยิ้มลูกที่ 2 นี่ล่ะ  :sd42:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม ที่ 1 กรกฎาคม 2013, 18:54:42
ขอบคุณพี่ลีโจ และพี่ชิน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ....ยินดีกับพี่ๆด้วยครับที่ตัวไม่ร้อนแล้ว  :L2734: :L2734: :L2734:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่อาร์ต-Outdoor ที่ 21 กรกฎาคม 2013, 21:53:19
วาวล์น้ำนี้ปกติอายุการใช้งานมันควรอยู่ที่ประมาณกี่ปีหรือกี่กิโลเมตรกันละครับพี่ ที่ถามนี่จะได้ประเมินได้ถูกว่าเมื่อไหร่จะต้องสมควรเปลี่ยน?
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: พี่นะ [Na ratchada] ที่ 22 กรกฎาคม 2013, 06:36:18
วาวล์น้ำนี้ปกติอายุการใช้งานมันควรอยู่ที่ประมาณกี่ปีหรือกี่กิโลเมตรกันละครับพี่ ที่ถามนี่จะได้ประเมินได้ถูกว่าเมื่อไหร่จะต้องสมควรเปลี่ยน?

ถ้ารถพี่อาร์ทเป็นรุ่นปีที่ซื้อในช่วงปี 11-12   แนะนำให้เปลี่ยนใหม่เลยครับ
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: อาท Workkind ที่ 18 มิถุนายน 2018, 07:54:07
ปัจจุบัน ตั้งเตือนเพื่อให้สบายใจ 2.5 vg 4wd เซตที่ 110 องศา  ( เมื่อก่อน 105 ร้องลั่นร้องตลอดจนรำคาญ ).....แต่ก็ยังมีร้อง

เป็นระยะเมื่อได้ยินก็ยกคันเร่งปล่อยไหล โดยยังไม่เจอกับคำว่าพังคาทีนนน และก็ยังใช้งานตามปกติมาถึงทุกวันนี้ 5555 จนเลขไมล์

200,000 ++ ไปแล้ว

รับสภาพพร้อมทำใจกับรถและเท้าตัวเองครับ รอบเดินเบา 88 ขับใช้งานปกติ 120-140 อยู่ที่ 95-100 เป็นประจำ

ป.ล.เปลี่ยนวาล์วน้ำและหม้อน้ำอลูมิเนียมมาแล้ว พกกล่องพ่วง ecu shop 2 ใบ (คันเร่งไฟฟ้าและดัน-ยก)

 :L2760: :L2754: :L2754: :L2754:
หัวข้อ: Re: บทสุดท้ายของมหากาพย์เรื่องความร้อนครับ......ตอนอวสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ติ ที่ 25 พฤศจิกายน 2018, 11:35:54
จัดการเปลี่ยนวาล์วน้ำเรียบร้อยครับ ผลการเปลี่ยนอุณหภูมิ น้ำหล่อเย็นลดลงอย่างชัดเจนครับ จากที่เคยรอบเดินเบาประมาณ 88 องศาตอนนี้รอบเดินเบาไปอยู่ที่ 85 องศา และที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จาก 93 94 95 เป็น 86 87 89 ขอบคุณพี่ๆมากครับ