(เครดิต ทีมที่ปรึกษา รั้วสังกะสี)ตอน14-ข้อสงสัยเรื่องทำไมเกียร์เหมือนทำงานไม่ตรงความต้องการ  เหมือนเกียร์ค้าง  ในบางครั้ง ?? 
จากระบบเกียร์ IGS ( intelligent gear system ) ที่เราเรียกกันเสมอๆนั้น   มีการออกแบบที่มีเงื่อนไขซับซ้อนอยู่พอสมควร  ซึ่งในแต่ละเงื่อนไขนั้นเป็นการออกแบบการทำงานของระบบให้สอดคล้องกับประเภทรถ  ประเภทการใช้งาน  และประเภทการดูแลรักษา  รวมถึงความนุ่มนวลในการทำงาน
ในเกียร์ของปาเจโร่ สปอต รุ่นที่เป็นระบบออโตเมติก  นั้นออกแบบมาสำหรับการใช้งานทั่วไป  เน้นการตอบสนองที่นุ่มนวล  ไม่มีแรงกระตุกหรือกระชากระหว่างการเปลี่ยนเกียร์  สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่ออุณหภูมิน้ำมันเกียร์สูงได้ระดับพร้อมใช้งาน  น้ำมันเกียร์จะถูกอุ่นจากความร้อนของหม้อน้ำและจะใช้ความร้อนของหม้อน้ำรักษา temp ของ oil gear และใช้ลมอากาศพัดผ่านเสื้อเกียร์ช่วยระบายความร้อนจากข้อดีที่รถสูง   เมื่อน้ำมันเกียร์มีอุณหภูมิสูงพร้อมใช้งานจะมีแรงดันจากน้ำมันกียร์มาช่วยให้ระบบทำงานได้ดีขึ้น   แรงดันและอุณหภูมิของน้ำมันเกียร์ในรุ่นที่ไม่มี oil gear ให้สังเกตุจาก engine temp หรือ water temp (ค่าที่เหมาะสมคือช่วงประมาณ   185-205 องศา F หรือประมาณ  83-96 องศา C ) สำหรับเครื่อง 4D56 Ti (Turbo intercooler)   และทนแรงบิดสูงสุดใช้งานได้มากกว่า  600 Nm  ในรอบใช้งานปกติ   แต่ไม่ได้หมายถึงว่าพอแรงบิดสูงกว่า 600 Nm แล้วจะพังในทันทีนะครับ  ยังมีตัวแปรอื่นๆอีก
แต่จากการทดสอบและใช้งานจริง  จะมีตัวแปรเรื่องความเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์  คุณภาพของน้ำมันหล่อลื่น   น้ำหนักบรรทุก  จากดูแลรักษา   ความร้อนสะสม  การตกแต่งสมถนะเครื่องยนต์มาเป็นตัวแปรร่วมด้วยมากมาย   
หากจะปรับแต่งกล่องอะไรก็แล้วแต่   ให้ระวังเรื่องผลจากกาปรับแต่งให้มาก  ว่าวางเป้าหมายไว้ที่อะไรและคาดหวังอะไรในการปรับแต่ง  และหากต้องการปรับจริงแนะนำให้ปรับแต่งจากแรงบิดเดิมในรุ่นดังเดิม (140แรงม้า)หรือรุ่น Turbo ธรรมดา   ไม่เกิน  70%  และในรุ่นที่ปรับแต่งเครื่องยนต์มาจากโรงงาน(178แรงม้า)  ไม่เกิน 35 %   ทั้งนี้ให้ระวังเรื่องแรงบิดในรอบต่ำไม่ควรเกิน  520-580 Nm  ในช่วงรอบไม่เกิน  1400 - 2100 rpm และระวังเรื่องการออกรถด้วยแรงบิดสูงๆในรอบต่ำบ่อยๆจะสร้างความเสียหายให้กับระบบเกียร์อย่างมากคราวนี้มาเข้าปัญหาเรื่องการใช้งานเกียร์ในเงื่อนไขของการทำงานของเครื่องยนต์ที่มีความแตกต่างจากการใช้งานปกติ  ในสภาวะต่างๆ  1.   เมื่อความกดอากาศมีการเปลี่ยนแปลง  อุณหภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลง   การทำงานของเกียร์กับความสัมพันธ์ของรอบเครื่องอาจมีความผิดปกติอันเนื่องมาจาก  ตัวแปรภายนอก   บ้างแต่อาจไม่มากนัก   วิ่งสักพักจนเครื่องร้อน   อาการจะดีขึ้น
2.   การใช้รถบนทางลาดชัน  ด้วยเกียร์ D โดยการขับด้วยรอบเครื่องที่ต่ำและเพิ่มความเร็วคันเร่งในขณะที่รถอยู่ในลักษณะการฉุดลากเครื่องยนต์   หรือน้ำหนักบรรทุกเยอะหรือกำลังไต่ทางชันที่มีระยะทางยาว   จนมีผลทำให้ในหนึ่งช่วงเวลาอัตราตอบสนองของเกียร์และรอบเครื่องห่างกันมาก    ระบบจะรู้ทันทีว่าขณะนี้รถกำลังอยู่ในสภาวะต้องการแรงฉุดลากจึงคงเกียร์นั้นไว้   แต่หากเราไปเพิ่มความเร็วด้วยการกดคันเร่ง    ระบบจะพยายามเร่งเครื่องเพื่อเปลี่ยน step gear แต่ด้วยเงื่อนไขนั้นคงอยู่ระบบ gear จึงยังไม่เปลี่ยน( gear hold to safe mode)   บางคนชอบเรียกว่าเกียร์ล็อค   บางทีถึงกับเอ๋อ  งง ไปเลยก็มี    ผลคือมีการตอบสนองแต่รอบเครื่องแต่เครื่องเร่งไม่ไป    แต่หากวิ่งมาด้วยรอบเครื่องที่สูงกว่าพอประมาณและนิ่งจะได้ความสัมพันธ์ของเกียร์กับแรงฉุดลากในรอบต่ำขณะเข้าเกียร์ D ได้การตอบสนองที่ดีกว่า   แต่ความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือป่าว  ต้องอยู่ที่จังหวะและโอกาศเท่านั้น  ( วิธีแก้ไข : หากพบอาการนี้  ให้เปลี่ยน Gear มาที่ select mode แล้วลดลง 1 step  เครื่องจะกลับมามีแรงทรงตัวขับเคลื่อนขึ้นไปได้  ด้วยการคงที่รอบเครื่องไว้  จนพ้นทางลาดชันนั้น)
ระบบนี้จะเอาเงื่อนไขจาก speed sensor กับ รอบเครื่องยนต์ มาเข้าเป็นเงื่อนไขกับช่วง 1 หน่วยเวลา    โดยลักษณะการเกิดจากการใช้งานจริงจะมีลักษณะดังนี้
                      2.1  รถกำลังไต่ขึ้นทางชัน  ความเร็วต่ำ  รอบเครื่องสูง   ห่างกันเกินไป (สาเหตุจากการเร่งส่งเพราะกลัวไม่ขึ้น  กลัวรถไหล)
                      2.2  ใช้เกียร์ D ขึ้นทางชันมา  หากความเร็วพอจะไปได้แต่หากความเร็วไม่พอ รอบเครื่องตกจึงจำเป็นเร่งส่ง  พอไม่ขึ้นสับเกียร์เป็น +/-  โอกาสที่จะเกิด
                             การ hold gear ก็ยังเกิดขึ้นได้เพราะรถรับรู้เงื่อนไขแล้ว 
                      2.3  ใช้เกียร์ +/- ก่อนขึ้นทางชัน   แต่เร่งจนรอบสูงไม่สัมพันธ์กับความเร็วก็อาจจะเกิดอาการได้  แต่โอกาสน้อยกว่ามาก
                      2.4  รถที่ติดตั้งกล่องคันเร่ง  แต่จังหวะแบบนี้แล้วกดคันเร่งจะยิ่งเป็นการเพิ่มระยะห่างของความสัมพันธ์  โอกาสเกิดง่ายมาก  ต้องประคองจังหวะดีๆ 
                      2.5  รถรุ่น 4wd หากใช้  4hi   4low  ก็รักษาระดับความเร็วกับรอบให้รถมีกำลังก็สามารถขึ้นได้ด้วยเกียร์ D  แต่หากแรงตกรอบสูงเมื่อไหร่  ลดเกียร์ด้วย
                             ระบบ +/- ได้ 1-2 step   อาจไม่พบอาการดังกล่าว   เพราะรถมีแรงหน่วงรอบจากการขับเคลื่อน 4 ล้อ
                      2.6  รถกำลังลงทางชัน   ความเร็วดีกว่า  รอบเครื่องต่ำลง  (แบบนี้ไม่ค่อยเกิด  แต่ระวังเบรคเฟด  อย่ากดเบรคบ่อย   หากรู้ว่าเบรคไหลอย่าตกใจ  ใช้เบรค 
                             มือช่วยประคองได้โดยการกดปุ่มที่ปลายก้านค้างไว้  แล้วดึงขึ้นเป็นจังหวะ  ทดแทนแบบประคอง)
                      2.7  ให่พิจารณาเลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสม  ก่อนเข้าหาอุปสรรค รับรองจะไม่เจออาการดังกล่าว                             
3.   หลังจาก  ผ่านอุปสรรคในข้อ 2 แล้วลงมาบนพื้นราบหรือแนวระนาบ   หากพบหรือมีอาการเกียร์ค้างไม่ยอมเปลี่ยน  อย่าเพิ่งตกใจ   เพราะเครื่องยนต์จะไม่รู้ว่าคุณยังต้องการสภาวะฉุดลากอยู่หรือป่าว  ให้ทำดังนี้
                a.   ขับไปปกติแบบนั้นแหละ  ใช้รอบเครื่องปกติ  วิ่งด้วยระยะทางยาวสักนิด  อย่าเร่งมาก  เดี๋ยวระบบจะคืนกลับมาเอง
                b.   ขับด้วยรอบเครื่องนิ่งๆไปสักพัก  อย่าเร่งมาก  ระบบจะกลับสู่สภาวะปกติ
                c.   หรือจอดรถเข้าเกียร์ N ปล่อยเดินเบาสักพัก   ค่อยเข้า Gear D ออกตัวไป
                d.   หรือจอดรถดับเครื่อง   สักพักแล้วค่อย start ใช้งานใหม่  
                e.   หรือให้เลือกตัดสินใจใช้เกียร์ให้ถูกต้อง  ก่อนเข้าสู่อุปสรรค