ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราควรทำอย่างไร  (อ่าน 10113 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราควรทำอย่างไร
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2014, 19:18:45 »
เพื่อนผมส่งมาให้ ผมก็ลงมาให้อ่าน ถ้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ก็ลบทิ้งได้ทันทีคราบพี่เหน่ง

ไม่ว่าเรื่องที่เอามาลงจะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเรื่องแต่งตามที่สงสัยกันใน Pantip มันก็มีประโยชน์ครับพี่ปุ้ย อย่างน้อยก็ทำให้พวกเราได้คิด ได้วิเคราะห์ ว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับเรา เราจะทำอย่างไร เราอาจจะทำแบบในเรื่องที่เล่ามาในบางประการ บางอย่างที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องทำ  นี่ละครับประโยชน์ อย่างน้อยก็ได้คิดวิเคราะห์กันครับ ถ้าพี่ปุ้ยไม่เอามาลงก็คงไม่ได้มาคิดวิเคราะห์กันหรอกครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่มาจุดประกายให้ใช้ความคิดกันครับ

 :sd23: :sd23: :sd23:
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ หม่อง Pamania

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 847
  • Like: 8
  • เพศ: ชาย
Re: เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราควรทำอย่างไร
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2014, 20:11:54 »
 :sd23: :sd23: :sd23:
อบอุ่น สุขใจไปกับปามาเนีย..

ออฟไลน์ เหน่ง V6

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 954
  • Like: 56
  • เพศ: ชาย
Re: เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราควรทำอย่างไร
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2014, 20:20:54 »
เพื่อนผมส่งมาให้ ผมก็ลงมาให้อ่าน ถ้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ก็ลบทิ้งได้ทันทีคราบพี่เหน่ง

พี่ปุ้ย อย่าเข้าใจเจตนาผมผิดนะครับ การพิมพ์อาจไม่ได้สื่อเจตนาตรงๆของผม

จริงๆ แล้ว มันมีประโยชน์มากครับ เพียงแต่ผมเคยเจอเหตุการณ์คล้ายกัน เลยแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง

ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเรารู้สาเหตุและเข้าใจวิธีแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง มันก็ช่วยรักษาชีวิตของเราไว้ได้ครับ

ที่ผมติดใจเป็นที่เนื้อหาที่คลาดเคลื่อนในความเข้าใจ กระชากเบรกมือด้วยอีก 2 ครั้ง ขณะ รถวิ่ง130 ถ้าไม่ขับรถเก่งจริงๆ หรือมีสติมาก รอดอยากครับ

ซึ้งผมเกรงว่าถ้าเกิดเหตุการณ์จริงแล้วมีคนนำวิธีนี้ไปใช้จริงจะมีอัตรายถึงชีวิตได้

แล้วที่ผมพิมพ์ไปนั้น เพราะพี่ปุ้ยตั้งหัวข้อว่า "เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราควรทำอย่างไร" ขอชี้แจงตรงนี้นะครับ ผมก็ไม่ได้ขับรถเก่งมากมายอะไร แค่แชร์ประสบการณ์ และพยายามตั้งข้อสงสัยในเรื่องที่คิดว่ามันไม่น่าจะทำได้ เพื่อที่จะได้ต่อยอดความคิดที่ได้อ่านจากบทความที่พี่ปุ้ยนำมาแบ่งปันว่า สิ่งไหนทำได้จริง สิ่งไหนควรระวัง ไม่ควรทำครับ

หวังว่าพี่ปุ้ยคงเข้าใจในเจตนาของผมมากขึ้นนะครับ ถ้าทำให้ขุ่นเคืองจากกการพิมพ์อะไรที่ไม่ครอบคุม ก็ขออภัยด้วยนะครับ  :sd23:


ออฟไลน์ พี่นะ [Na ratchada]

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 14,896
  • Like: 435
  • นิยามของคำว่าพักผ่อน "กระเป๋าแหก"
Re: เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราควรทำอย่างไร
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2014, 21:06:30 »
"สำหรับคนใช้รถเกียร์ AUTO"
บทความนี้อยากส่งต่อให้ทุกคนที่ขับรถอ่าน กรุณาอ่านให้จบนะคะ. เพื่อความปล อดภัยและมีสติ...
 เป็นวันที่ผมมิอาจลืมได้ ในชีวิตนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. ผมได้ขับรถขึ้นทางด่วนพิเศษจาก ถนนจันทน์ มุ่งหน้าไปถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อที่จะไปทำบุญบริจาคสิ่งของ ที่บ้านเด็กอ่อนพญาไท ติด ถ.แจ้งวัฒนะ- ปากเกร็ด

ขณะขับรถไปได้ประมาณ 20 นาที และมองไปที่คันเร่ง เห็นหน้าจอ ที่ 140 กม.ผมก็ได้ถอนคันเร่งและแตะเบรก 2 ครั้งเพื่อลดความเร็ว
แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมได้ลองใหม่อีก 3 ครั้ง คราวนี้กระชากเบรกมือด้วยอีก 2 ครั้ง เบรกเท้าอีกก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ความเร็วอยู่ที่ 130 กม/ชม. ผมได้พยายามกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนสนิทที่นัดแนะไปทำบุญด้วยกัน
เพื่อนแนะให้ลดเกียร์ จาก D เป็น 2 และ L ความเร็วลดจาก 130/ชม. เป็น 120- 110 ซึ่งลดลงได้เพียงเท่านี้

ความพยายามในการชะลอรถมากกว่า 10 นาที และลองเกียร์ว่าง 1 ครั้ง ไม่มีผลเลย ผมคิดว่าคงอาจจบชีวิตบนการทางพิเศษแล้ว

เพื่อนได้แนะอีกครั้ง และสมาธิเริ่มรวบรว ม ความพยายามประมาณครั้งที่ 7 โยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่างแล้วดับเครื่อง
 คราวนี้รถได้ชะลอความเร็วลงมาก ผมได้ประคองขับรถต่อไปอีกประมาณ 5 กม.. กว่ารถจะหยุดได้ ซึ่งผมก็สามารถหยุดชิดขอบทางได้ เหมือนรอดตายพ้นนรก ผมรีบโทรบอกที่บ้านเพราะตอนแรกนึกว่าคงไม่ได้โทรสั่งเสียหรือสั่งลา ผมได้เดินอีกประมาณ 100 เมตรไปบอกเจ้าหน้าที่เก็บเงินที่ ด่านเก็บเงินใกล้แจ้งวัฒนะเพื่อขอความช่วยเหลือ
 รอประมาณ 10 นาที ก็มาช่วย ผลปรากฏว่าสาเหตุที่คันเร่งค้าง เพราะกล่องสัญญาณกันขโมยซึ่งหนักประมาณเกือบครึ่งกิโลไปทับอยู่ที่ ก้านของคันเร่งและเกิดการล็อคขึ้น

ได้สอบถามกับอู่รถแล้ว อู่แจ้งว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่คันเร่งค้างจากสาเหตุดังกล่าว เนื่องจากกล่องสัญญาณกันขโมยจะติดตั้งอยู่เหนือคันเร่งติดตัวถังรถสิ่งที่ควรกระทำคือ ตั้งสติแล้วโยกเกียร์มาที่ช่อง N เป็นเกียร์ว่าง จากนั้นปิดสวิทช์กุญแจดับเครื่องยนต์และเปิดไฟฉุกเฉิน รถก็ยังวิ่งอยู่แล้วค่อย ๆ เหยียบเบรคเป็นระยะ ๆ ความเร็วรถจะค่อยลดลง จนสามารถจอดรถได้
การปิดสวิทช์กูญแจรถยนต์ดับเครื่องเลยในขณะที่เกียร์รถไม่อยู่ที่ N รถก็ยังวิ่งอยู่เครื่องยนต์และระบบเกียร์จะเสียหายมากกว่าที่อยู่ช่อง N ครับ
ขอเพิ่มเติมให้อีกหน่อยครับ ถ้าวิธีนี้ใช้ได้จริง
ดับเครื่องเฉย ๆ นะครับ อย่าดึงกุญแจออกจากรูกุญแจ เดี๋ยวพวงมาลัยล็อค จะยิ่งแย่เข้าไปอีก เพราะถ้าดับเครื่องโดยที่กุญแจยังเสียบอยู่ เรายังบังคับเลี้ยวได้
พวงมาลัยจะไม่ล็อค เราจะเปลี่ยนเลนเพื่อหลบรถคันหน้าได้
ไม่รู้ว่าซำ้หรือเปล่า ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลบทิ้งได้ทันทีนะคราบ
พอดีเพื่อนส่งมาทาง line ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ได้คราบ
 :sd23: :sd23: :sd23:

ขอขอบคุณข้อมูลครับพี่ปุ้ย  จากเหตุการณณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าเชื่อได้ว่าคนขับรถคันนี้ไม่ใช่มือใหม่เพราะลักษณะการเหยีบบยาวขึ้นทางด่วนจนไมล์แจะ140นั้นไม่ใช่มือใหม่อย่างแน่นอน   แต่มาเหยีบบเบรค 2 ครั้งเพื่อชลอความเร็วลงนั้นจุดนี้ไม่ต้องแตะเบรคก็ได้เพราะส่วนใหญ่แค่ยกคันเร่งก็ลงแล้ว(ยกเว้นรถคันนี้คันเร่งค้างมาตั้งแต่กดชขึ้นทางด่วนและรถวิ่งไปเรื่อยๆจนความเร็วสูงขุึ้นจนเจ้าของรถต้องลดความเร็ว)   แต่จากที่บอกว่าขณะเกิดเหตุนั้นมีการโทรหาเพื่อน จุดนี้ต่างหากที่บอกว่าไม่น่าใช่มือใหม่แน่นอน  ลำพังมือเก่าๆอย่างพวกเราก็คงไม่มีอารมณ์ละมือและสายตาในการประคองรถมากดโทรศัพท์โทรหาใครหรอก  (ยหกเว้นรถหยุดแล้ว จึงใส่ไข่อีก2ฟอง)

เอาน่าจะอะไรก็ตาม   จากคนโพสที่แนะนำเรื่องสิ่งแรกที่ควรทำนั้น  ผมขอแนะนำทับว่าอย่าทำเช่นนั้นเช่นดับเครื่องยนต์ที่ gear N เพราะ

- คุณจะกดเบรคได้ไม่เกิน 3 ครั้ง  ลมเบรคจะหมดและเบรคจะหนักต้านแรงกดและตื้อมากๆ  เพราะระบบเบรคถูกตัดแรงดันน้ำมันเบรค  จนคุณตกใจแน่ๆ
- พวงมาลัยจะบังคับลำบากเพราะจะหนักแรงเพราะน้ำมันเพาว์เวอร์ไม่มีปั๊มช่วยส่งแรงอัดน้ำมันในระบบ   ประคองรถไม่ได้อีก
- หากดึงกุญแจออก   พวงมาลัยอาจจะล็อคแกนได้
- การควบคุมรถจะลำบากมากๆ   ไม่เหมาะกับมือใหม่อย่างแน่นอน

วิธีแนะนำหากบังเอิญเกิดเหตุคล้ายๆกันนี้
1. ตัดกำลังส่งเครื่องยนต์  ด้วยการดันปลดเกียรมาที่ N (ปกติจาก D มา N จะดันได้ทุกขณะโดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ)
2. ถ้ากดเบรคแล้วรถไม่มีแรงเสียดทานจากระบบเบรค   ให้เอามือซ้ายจับคันเบรคมือแล้วเอานิ้วหัวแม่มือกดปุ่มปลายคันเบรคมือค้างไว้แล้วเหนี่ยวเบรคขึ้นเป็นระยะๆสู้แรงเสียดทานพร้อมเท้ากดช่วยแรงๆ ย้ำๆ  (อย่าปล่อยนิ้วหัวแม่มือนะ)
3. ถ้าคันเร่งค้างจริง  จะมีเสียงเครื่องยนต์ดังลั่นๆ  ช่างมันอย่าไปสนใจหรือห่วงว่ามันจะพัง  ห่วงตัวเราก่อนรีบประคองรถเข้าข้างทาง  (และอย่าลืมเปิดไฟเลี้ยว   หากสามารถเปิดกระจกยื่นมือไปนอกรถแล้วยกมือชี้ไปทางอ้อมหัวไปทางซ้าย  เพื่อส่งสัญญานขอจอดซ้ายด่วน) ....เลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินตอนอยู่กลางถนนเพราะรถหลังจะเดาไม่ได้ว่าเราจะเอาอย่างไร  ส่วนใหญ่จะคิดว่ารถเสียจอด
4. หากรถเข้าเลนซ้ายได้ก็เอื้อมปิดกุญแจได้เลย   แต่ระวังว่าพวงมาลัยจะหนัก (ฉะนั้นควรเข้าเลนซ้ายให้เรียบร้อยก่อน)
5. หลังเครื่องดับ  เบรคจะหนักๆ  สามารถกดได้เต็มแรงจะค่อยๆชะลอรถลงได้ด้วย

 :L2739:
ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกท่าน เรียนรู้ปามาเนีย โปรดอ่านที่linkด้านล่าง
http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php/topic,1688.0.html

ออฟไลน์ เด่น บางนา

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 65
  • Like: 0
  • เพศ: ชาย
Re: เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ เราควรทำอย่างไร
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2014, 21:07:28 »
ขอบคุณครับ สำหรับ ข้อมูล :sd23:

แต่รู้สึกว่า เมื่อปีก่อน ในพันทิป ก็เคยมีคนเอามาลงแล้ว  :sd10:


ที่เค้าสรุปว่า น่าจะเป็นเรื่องแต่ง เพราะข้อมูลมันขัดแย้งกันครับ :sd21:

เช่นขับรถบนท่างด่วน แต่คันเร่งค้าง ความเร็วประมาณ 130-140 แต่กดโทรหาเพื่อน ผมว่า ความเร็วขนาดนั้น กับสภาพถนน มันไม่สามารถหละสายตา หรือมือจากพวงมาลัยได้เลยน๊ะครับ

ถ้าคันเร่งค้างจริงๆ เข้าเกียร์ว่าง แล้วเหยียบเบรก หรือค่อยๆ ดึงเบรกมือยังไง ความเร็วก็ต้องลดครับ เพราะเครื่องยนต์ ไม่สามารถถ่ายทอดกำลังไปยังเกียร์ได้แล้ว ความเร็วจะต้องค่อยๆ ลดลง ถึงไม่ได้เหยียบเบรกก็ตาม แล้วยิ่งเหยียบเบรก นี้ยังงัยก็ต้องหยุด


ความคิดเห็นส่วนตัวน๊ะครับ ผิดถูกต้องขออภัย :sd23: