ผู้เขียน หัวข้อ: เปลี่ยนร่าง แปลงโฉม ปาออสซี่.....โครงการต่อไป Next Step!!!  (อ่าน 76325 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ พี่ชัย (wansasi)

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 940
  • Like: 15
  • เพศ: ชาย
  • Love me love my dog
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: 29 กันยายน 2012, 16:21:05 »
การซื้อรถของพี่ตามกลับกันกับของผมเกือบทุกอย่างเลย
 
  1.ผมเลือกสีขาว ผบ.ไม่อนุมัติ แล้วก็อธิบายว่าไม่ถูกฉโลกกับวันเกิดผมครับ
  2.ผมเลือก ขับสอง รุ่นท๊อป ผบ.ไม่อนุมัติ แล้วก็อธิบายว่าถ้าจะซื้อต้องรุ่นท๊อป 3.2 ขับสี่ เท่านั้น เหตุผลคือไม่ต้องมาบ่นว่า รู้เงี้ยออกรุ่นท๊อปดีกว่า ขาดนู่นขาดนี่ แล้วก็เรื่องเกียร์ขับสี่อีกว่า มีแต่ไม่ค่อยได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีครับ
  3.ถ้าไม่รับข้อเสนอแนะ ก็ไม่ต้องออก ผบฺ. จะไปออก Fortuner Sportivo แทนครับก็เลยตามใจท่าน ผบ. ครับ
  4.ผบ. บอกนี่ขนาดออกรุ่นท๊อป ผมยังแอบใส่โน่นใส่นี่แบบที่ ผบ. มารู้ที่หลังอีกหลายอย่างเลยโดนเหน็บว่า ถ้าออกรุ่นต่ำกว่ามิต้องแต่งมากกว่านี้อีกเหรอครับ

ก็เลยใช้เจ้าปาได้อย่างสบายใจ แถมเป็นรุ่น limited อีกครับ ปล.อยากเป็น ปาดำออสซี่ ด้วยครับ
 ;D ;D ;D

พี่ตามมีของแต่งออสซี่เหลือมั๊ย ลูกค้ามาเคาะประตูถึงหน้าบ้านแล้ว  :sd42: :sd42: :sd42:

ต้องใส่ของที่ไม่มีก่อน ถ้าต้องเปลี่ยนที่ใส่อยู่แล้วเนี่ยคงต้องอธิบายนานเลยครับ
 :D :-X :'(

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: 1 ตุลาคม 2012, 21:34:12 »
วันแรกกับน้องปาเจโร่สปอร์ต

มาต่อกันกับตอนต่อไปเลยครับ......หลังจากเหลาให้ฟังในเรื่องของการขออนุมัติงบประมาณ การเลือกรุ่นมาแล้ว.....ทีนี้ก็มาถึงช่วงที่จะได้รถกันต่อ

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2554 (วันที่เท่าใดจำไม่ได้)......น้องเซลที่ท่าทางเธอจะเป็นปอดบวม เพราะแถวๆนั้นมันบวมมาก  ;).....โทรมาบอกว่า "รถของพี่จะมาแล้วนะคะ"...... ทุกครั้งที่ผมซื้อรถ เมื่อรถมาถึงโชว์รูมปุ๊บ ผมจะขอเข้าไปตรวจสอบรถก่อนทันทีว่ามีปัญหาใดๆหรือไม่ ก่อนที่จะให้ทางโชว์รูมลงมือติดอุปกรณ์ของแถมต่างๆ.......เพราะถ้ามีปัญหาใดๆ ในตอนที่ยังไม่ได้ทำอะไรกับรถนั้น จริงๆแล้วเราพอจะเจรจาขอเขาเปลี่ยนคันได้ ถึงแม้จะต้องใช้กำลังภายในนิดหน่อย.......สำหรับน้องปาเจโร่สปอร์ตคันนี้ ได้ข้อมูลมาจากบ้าน society แล้วว่ามีอะไรต้องตรวจเช็คบ้าง......หลายรายการครับ......เหลาเดี๋ยวจะยาว......รายละเอียดหาอ่านได้ในกระทู้พี่นะ ตาม Link นี้ไปได้เลยนะครับ http://www.pajerosportmania.com/forum/index.php?topic=19.0

เอาเฉพาะประเด็นหลักๆครับ....ช่วงที่ผมจะได้รถ อาการขึ้นชื่อของน้องปาเลยครับคือ
1. โช๊คเทพ.....แตก/รั่วตั้งแต่รับรถ......คือมาจากโรงงานก็มีซึมๆมาแล้ว
2. น้องหนิม.....สนิมกินตั้งแต่ยังไม่รับรถ......อันนี้จะเป็นตามขอบตามซอกต่างๆครับ.....ต้องเอาไฟฉายไปส่องๆดู
3. ซีลรั่ว.......อันนี้น่ากลัวและ serious ที่สุด.....คือช่วงนั้นมีข่าวว่ารถหลายคันเป็นคือ ช่วงหัวเพลากลางซึ่งจะมีซีลอยู่ ซีลนั้นรั่ว ทำให้น้ำมันเกียร์รั่วออกมาตามรอยแตกของซีล......ถ้าไม่ตรวจ น้ำมันเกียร์อาจรั่วจนหมด......ถ้าถึงขั้นเกียร์พังละงานเข้าแน่ๆครับ

อันนี้รูปชิ้นส่วนตรงหัวเพลาขับที่ต้องตรวจสอบซีลครับ


หลังจากตรวจสอบแล้ว....โช๊คเทพ เทพยังไม่สิง....ซีลหัวเพลาไม่รั่ว......น้องหนิม เท่าที่เจอมีเพียงจุดเดียว.....สำหรับผมถือเป็นประเด็น Minor ครับ รับได้.....เดี๋ยวเอามาแก้ไขกันได้......ก็เลยอนุมัติให้น้องเซลปอดบวมจัดอุปกรณ์ของแถมลงได้เลย.....สำหรับของแถมผมขอมาไม่กี่อย่าง.....ผมขอเป็นส่วนลดเงินสดมาแทน.....กะว่าจะเอามาแต่งเองดีกว่า  :D

หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ก็ถึงเวลาไปรับน้องปาออกมาโฉบเฉี่ยวครับ.......วันที่รับรถนี่ผมจำไม่ได้แล้วว่าวันที่เท่าไหร่......ผมไม่ค่อยถือเรื่องฤกษ์ยาม......เพื่อความสบายใจของ ผบ. ก็เลยเอาวันที่ผมสะดวกไปให้ ผบ. เปิดปฏิทินจีนเช็ควันดีวันไม่ดี......ไม่ได้ให้หมอให้พระที่ไหนดูวันหรอกครับ......ก็ไอ้ปฏิทินจีนที่หนาๆ แบบโบราณๆ ที่กระดาษแผ่นนึงก็ 1 วัน พอผ่านไปก็ฉีกแผ่นนั้นออก......ปฏิทินพวกนี้จะมีบอกว่าเป็นดีหรือไม่ดีเหมาะจะทำอะไรและไม่เหมาะจะทำอะไร......ผบ. ก็ไปเปิดๆดู.....แล้วก็เลือกมาให้ 1 วัน.....จำไม่ได้ละว่าวันที่เท่าไหร่.....ประมาณช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนั่นแหละครับ  ;D

วันรับรถ.....ผมไปคนเดียว ฉายเดี่ยวเลยครับ......บอกน้องเซลปอดบวมว่าจะมีรับแต่เช้าเลยนะ......ผมไปถึงโชว์รูมตั้งแต่ 8.00 โชว์รูมยังไม่เปิด.....แต่น้องเซลก็มารออยู่แล้ว......พอไปถึงก็ตรวจความเรียบร้อยของน้องปาอีกเที่ยว......ตรวจดูความเรียบร้อยงานติดตั้งอุปกรณ์ติดฟิลม์ต่างๆ......วัดลมยาง.....โรงงานจัดมาตั้ง 40 กว่าเกือบ 50......ปล่อยออกให้เหลือแค่ 32.......จัดการกับตัวรถเสร็จก็ไปจัดการงานเอกสาร......เบ็ดเสร็จประมาณซัก 10.30 ก็เอาน้องปาออกมาโฉบเฉี่ยวเป็นครั้งแรก.......พอออกมาปุ๊บ ที่แรกที่แวะคือ ปั้มน้ำมัน.......ไฟสัญญาณเตือนน้ำมันหมดขึ้นโชว์ตั้งแต่อยู่ในโชว์รูม......ผมได้ของแถมมาเป็นบัตรเติมน้ำมัน 1000 บาทที่ปั๊มแถวๆนั้นด้วย ก็เลยจัดการเติมไปซะ  :)


จากนั้นที่หมายแรกที่ไปคือ........ไปหา ผบ. ที่ที่ทำงาน........ต้องเอาไปโชว์เจ้าของงบประมาณซักหน่อย  ;)......รับ ผบ. ไปทานกลางวันกัน ฉลองได้น้องปามาครอบครอง.......ทานข้าวเสร็จราวๆบ่ายโมง......กลับไปส่ง ผบ. ที่ที่ทำงาน.......แล้วผมก็......ว่าง

ช่วงบ่ายไม่มีงาน.....ผบ. ก็ติดประชุมถึงเย็น.......อยู่กับน้องปาแค่ 2 คน.........จะทำอะไรละคับ........ก็กระเป๋าแหกซิครับพี่น้อง  :sd44: :sd44:

คิดอยู่ตั้งแต่ตอนกินข้าวว่าจะไปแหกที่ไหนดี........เอาใกล้ๆ......และต้องไม่เด่นเกิน เดี๋ยว ผบ. จับได้ว่าแหกตั้งแต่วันออกรถ.....กล่องข้าวน้อยก็ใกล้ดี....แต่เอาไว้รอ meeting ดีกว่า  ;D ....... เปิดดูสมุดที่จดรายการแหกกระเป๋าเอาไว้......แล้วก็ไปเจอเข้ากับรายการนึง  :-*......ไม่รอช้าครับ......ออกจากที่ทำงานผบ. ก็รีบไปเลย.....อยู่ไม่ไกลที่ทำงาน ผบ. ครับ แค่แยกไฟแดงเดียว  ;)

ร้านที่ไปแหกตั้งแต่วันแรกคือ SV AUTO ที่ PATA ปิ่นเกล้า........ไปถึงหัวหน้าช่างยังงงๆ ถามผมว่า พี่เอาจริงหรือ.....รับรถมาวันแรกจะผ่าเลยเหรอ.......ผมเลยบอกว่า จัดไปพี่ อย่าช้า เดี๋ยวผบ.ประชุมเสร็จก่อนงานจะเข้า.......ก็เลยเริ่มบรรเลงเลยครับ



รายการวันนั้นที่แหกไป.......
1. ไฟวงแหวน CCFL อันนี้ต้องถอดโคมหน้าไป ผ่าโคม ติดไฟวงแหวน.......เดิมคิดจะให้พ่นโคมดำด้วย......แต่เกรงว่าผบ. จับได้แน่นอน......เลยเอาแค่วงแหวนละกัน......เจ๊แกสังเกตุไม่เห็นหรอก  ;)

2. Daytime Running Light......ไหนๆ ก็ทำไฟวงแหวนเป็น BMW แล้ว.......Daytime ก็เลยจัดทรง Benz มาใส่ซะเลย......เผื่อจะดูมีราศีเป็นรถยุโรปไฮโซกะเขามั่ง  ;)

3. ไฟ Logo หลัง.....อันนี้ทดลองครับ.....เจ้าของร้านให้มาลองแบบไม่ต้องจ่ายตังค์ เพราะเป็นสินค้าตัวอย่างที่เขาไปสั่งทำมา......คือไฟ Logo ของ น้องปาเราที่ด้านหลัง ไม่มีขายทั่วไปในตลาดครับ ลองไปเดินดูแถวคลองถมได้ หาไม่เจอ.....คือขนาด logo มันเล็กกว่าของ Lancer เล็กน้อย.....ที่เขาทำมาขายกันยึด logo Lancer เป็นหลัก น้องปาเราเลยใส่บ่อได้......พอดีเจ้าของร้านเห็นน้องปาขายดี เลยลองไปสั่งทำ เผื่อจะ work......ผมก็เลยขอมาลองใส่ดูซะเลย.......ปัจจุบันมันก็ยังอยู่ที่ท้ายรถผมครับ แต่ไม่ work เลยหละ

4. กระจกข้างพับอัตโนมัติเมื่อ lock.......อันนี้ช่างที่ร้านแนะนำ.....มา upsale อีก......สงสัยกลัวยอดไม่ถึง......แต่ก็มีประโยชน์ดีนะครับ.....คือพอเรากดล็อครถ กระจกข้างก็จะพับเอง.......มีประโยชน์ตรงที่เราจะได้ไม่ลืมกด.......และที่สำคัญ มันเอาไว้ดูว่าเราล็อครถหรือยัง......ผมเป็นโรค ล็อคโฟเบีย......กลัวลืมล็อครถ.....บางทีล็อคแล้ว เดินออกมาแป๊บนึง ก็มานึกว่า ล็อคหรือยัง.......ต้องเดินกลับไปลองกดรีโมทดูอีกที......เป็นบ่อยครับ เป็นมานาน......ไอ้กระจกพับนี่มีประโยชน์ตรงที่ผมไม่ต้องเดินกลับไปใกล้ๆรถเพื่อกด remote........แต่ใช้ดูเอาจากกระจกข้างได้เลย......คือพอนึกว่าล็อกหรือยัง ก็หันไปลองมองกระจกข้าง ถ้ามันพับอยู่ก็แสดงว่าล็อคแล้ว  ;D ;D ...... อันนี้ชอบเลยครับ.....มีประโยชน์สำหรับคนใกล้เป็นอาวไซเมอร์อย่างผม  ;D ;D

5. กระจังหน้าแบบรังผึ้ง.......อันนี้เห็นมาจากในบ้าน Society แหละครับ......มีคนใส่ สวย แปลกดี (โดยที่ลืมคิดไปว่า มันจะทำให้น้องปาเราหน้าตาไปละม้ายคล้ายพี่ไตรตั้น).......ลองถามที่โชว์รูมขอเบิกของแท้......ปรากฏว่าช่วงนั้นไม่ให้ขายในประเทศซะละ (คือมันมีขายเป็นบางช่วง และบางโชว์รูมอะครับ)......ด้วยความอยากได้ และขี้เกียจตามหาตามโชว์รูม.......search ข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้วว่าที่ RStyle มาบุญครองมีขาย...... ;D ;D......จัดมาเลยครับ.....ไม่ได้ไปมาบุญครองนะครับ......ให้เจ้าของร้าน SV AUTO โทรไปสั่ง แล้วให้พนักงานแว้นมาส่งให้ที่ร้านเลย......ที่ร้านเขาก็ติดให้ครับ เพราะไหนๆก็รื้อออกมาทั้งหน้าแล้ว......ก็ใส่อันใหม่ซะเลย........ดังนั้นกระจังหน้าที่มากับรถเลยถอดเก็บตั้งแต่วันแรก......สภาพใหม่มากๆตอนเอาออกมาใส่อีกที  ;D ;D

สรุปวันนั้น แหกไปหลักหมื่นตั้งแต่วันแรกที่ออกรถ.........ใช้เวลานานเกินคาด.......กะว่าเสร็จซัก 6 โมง ชิลด์ๆ......กว่าจะเสร็จปาเข้าไป 2 ทุ่ม........โดน ผบ. สอบไปยกใหญ่.......ได้ชื่อเพื่อนบางคนมาอ้าง เอาตัวรอดจากความตายมาได้หวุดหวิด  :D ;)

ภาพหลังจากเสร็จแล้วสำหรับรายการแหกตั้งแต่วันแรก






ถ่ายภาพคู่กับพี่ FD ซะหน่อย......ก่อนที่จะจากกันกับพี่ FD ไปตลอดกาล :'(
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ พี่ชัย (wansasi)

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 940
  • Like: 15
  • เพศ: ชาย
  • Love me love my dog
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: 1 ตุลาคม 2012, 21:47:36 »
พี่ตามออกรถศูนย์ไหนครับ ชักอยากเห็นน้องเซลล์ที่เป็นโรคปอดน่ะครับ  :-*

ออฟไลน์ กิต <Black Angel>

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 8,947
  • Like: 175
  • เพศ: ชาย
  • There is a will, there is a way!
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: 1 ตุลาคม 2012, 21:50:58 »
อ่านเพลินดีเหมือนเดิม ;D
ดูฤกษ์จากปฏิทินจีนเป็น ก็แสดงว่าผบ.อ่านภาษาจีนได้สิ หรืออ่านภาษาไทยที่อยู่ด้านล่าง  ;)

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: 1 ตุลาคม 2012, 21:51:52 »
พี่ตามออกรถศูนย์ไหนครับ ชักอยากเห็นน้องเซลล์ที่เป็นโรคปอดน่ะครับ  :-*

ผมออกศูนย์ราชพฤกษ์ครับ......น้องเซลเป็นโรคปอดนี่ผมแนะนำให้พี่ดูตั้งแต่ช่วงปอดลงไปนะครับ ส่วนนี้นี่เกรด A ....... แต่ส่วนอื่น  ??? :-X :-X :-X
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: 1 ตุลาคม 2012, 21:52:58 »
อ่านเพลินดีเหมือนเดิม ;D
ดูฤกษ์จากปฏิทินจีนเป็น ก็แสดงว่าผบ.อ่านภาษาจีนได้สิ หรืออ่านภาษาไทยที่อยู่ด้านล่าง  ;)

อ่านภาษาไทยครับ.....แล้วให้คุณแม่ผบ. แปลภาษาจีนให้ฟังอีกทีเพื่อความชัวร์  ;D ;D
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ กิต <Black Angel>

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 8,947
  • Like: 175
  • เพศ: ชาย
  • There is a will, there is a way!
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: 1 ตุลาคม 2012, 21:54:19 »
อ่านเพลินดีเหมือนเดิม ;D
ดูฤกษ์จากปฏิทินจีนเป็น ก็แสดงว่าผบ.อ่านภาษาจีนได้สิ หรืออ่านภาษาไทยที่อยู่ด้านล่าง  ;)

อ่านภาษาไทยครับ.....แล้วให้คุณแม่ผบ. แปลภาษาจีนให้ฟังอีกทีเพื่อความชัวร์  ;D ;D

รอบครอบอีกแล้วครับท่าน  ;D ;D ;D

ออฟไลน์ พี่ชัย (wansasi)

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 940
  • Like: 15
  • เพศ: ชาย
  • Love me love my dog
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: 1 ตุลาคม 2012, 21:55:05 »
พี่ตามออกรถศูนย์ไหนครับ ชักอยากเห็นน้องเซลล์ที่เป็นโรคปอดน่ะครับ  :-*

ผมออกศูนย์ราชพฤกษ์ครับ......น้องเซลเป็นโรคปอดนี่ผมแนะนำให้พี่ดูตั้งแต่ช่วงปอดลงไปนะครับ ส่วนนี้นี่เกรด A ....... แต่ส่วนอื่น  ??? :-X :-X :-X

มีรูปให้ดูมั๊ยเนี่ย น้องเซลล์ที่ผมไปออกปาอยู่ MAC ศรีนครินทร์ หุ่นตรงข้ามกันเลย  :-X

ออฟไลน์ พี่บอย-81

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 139
  • Like: 3
  • เพศ: ชาย
  • แต่งรถแล้วสนุุก ได้ดั่งใจ ปลอดภัย แต่งตามสไตล์แก์งกระเป๋าแหก
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: 2 ตุลาคม 2012, 18:39:42 »
อ่านเพลินจิงๆๆคับพี่ตาม  รอมาฟังตอนต่อไปคับ  ;D

surut jantorn

  • บุคคลทั่วไป
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: 2 ตุลาคม 2012, 20:43:05 »
อยู่ว่างๆมานั่งพิจารณาปาออสซี่ของพี่ตามดีกว่า

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: 4 ตุลาคม 2012, 16:45:34 »
อยู่ว่างๆมานั่งพิจารณาปาออสซี่ของพี่ตามดีกว่า
มาดูปาออสซี่พี่ตามครับ

สวัสดีครับพี่อ้วน พี่กุ้งครับ ยังไม่มีโอกาสไปกล่าวต้อนรับหรือทักทายพี่ๆเลยอะครับ ช่วงนี้ยุ่งมากๆครับ งานเยอะ แต่ก็พยายามหาเวลาเข้ามาในบ้านทุกครั้งที่มีโอกาสครับ เดี๋ยวจะรีบหาเวลามาเหลาให้ฟังต่อครับ จัดไปเยอะเรื่องเล่าก็แยะตามไปด้วยอะครับ ขอบคุณพี่ๆที่ติดตามรับชมครับผม :)
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: 6 ตุลาคม 2012, 00:01:25 »
สวัสดีครับพี่ตาม น้องแจ๊คครับ...^^ ;D

สวัสดีครับพี่แจ๊ค.....ต้องขอโทษครับ ยุ่งมากๆครับช่วงนี้ เลยไม่ได้เข้ามาต้อนรับครับ.....ขอบคุณที่มาเยี่ยมชมปาออสซี่....และขอต้อนรับพี่แจ๊คสู่ปามาเนียเลยนะขอรับ  :) :)
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: 6 ตุลาคม 2012, 00:49:13 »
เล็กๆน้อยๆกับน้องปา ตอนที่1 โช๊คค้ำฝากระโปรง

พอมีเวลาว่างอีกหน่อยมาเหลากันต่อ กับของที่อยู่ในน้องปาออสซี่ของกระผม.....ตอนนี้ให้ชื่อตอนว่า "เล็กๆน้อยๆกับน้องปา" หมายถึงอุปกรณ์แต่ง อุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพน้องปา ที่เล็กๆน้อยๆนี่หมายถึง ราคาเล็กๆครับ.....แต่ประโยชน์นี่เกินราคา (สำหรับผมนะ).....ในน้องปาออสซี่มีอยู่หลายอย่างครับ ส่วนใหญ่ผมก็หาเอาจากในอินเตอร์เน็ตนี่แหละครับ....ราคาไม่แรง คุณภาพใช้ได้ ประโยชน์เกินราคา.....ชอบมากเลยหละครับ ของแบบนี้

ตอนที่ 1 สำหรับอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆนี่ผมขอเริ่มจาก โช๊คค้ำฝากระโปรงก่อนเลยละกันครับ.......ถ้าว่าจำเป็นมั๊ย ก็ไม่ถึงขนาดจำเป็น แต่ผมมีธุระที่จะต้องเปิดฝากระโปรงหน้าน้องปาอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์อยู่ 2 อย่าง

1. เปิดเพื่อเช็ค ตรวจสอบทั่วไปสำหรับเครื่องน้องปา ก็ไม่มีอะไรมากครับ ส่วนใหญ่ก็ดูระดับน้ำมันเครื่อง เช็คน้ำมันเกียร์ น้ำมันพาวเวอร์ น้ำกลั่น น้ำฉีดกระจก และน้ำในหม้อน้ำครับ......อันนี้ถ้าชีวิตผมไม่ยุ่งเกินไปผมจะทำทุกวันเสาร์ช่วงเช้า.....พอดีเป็นช่วงเวลาที่ลูกเรียนพิเศษที่บ้าน มีครูมาสอน......ช่วงนี้ผมก็จะสาละวนอยู่กับน้องปานี่แหละครับ

2. เปิดเพื่อระบายความร้อน....อันนี้ไม่บ่อยครับ....เฉพาะเวลาเดินทางไกลหน่อย.....น้องปาออสซี่ของผม เป็นเครื่อง 2.5 VG Turbo ตัวขับเคลื่อน 4 ล้อ.....อุณหภูมิเครื่องยนต์ค่อนข้างสูงกว่าตัวขับเคลื่อนสองล้อ หรือตัวเครื่อง 3.2ครับ (จะรู้อุณหภูมิว่าสูงกว่าได้ต้องมีตัว Smart Gauge หรืออุปกรณ์อ่านค่าอุณหภูมิที่เป็นแบบ Digital นะครับ ถ้าดูเฉพาะเข็มวัดความร้อนที่หน้าปัด จะดูไม่รู้เลยว่าสูงกว่า).......คือเวลาเดินทางไกล หรือขับมาด้วยความเร็วพอสมควร เวลาเข้าจอด เกือบทุกครั้งความร้อนจะอยู่ในระดับที่สูง สังเกตุง่ายๆ คือจะได้ยินเสียงพัดลมระบายความร้อนทำงานอยู่......ส่วนใหญ่ผมจะจอดรอจนกว่าเจ้าพัดลมนี้จะหยุดทำงานแล้วถึงดับเครื่อง....และวิธีการหนึ่งที่เจ้าความร้อนจะลดลงเร็วหน่อย พัดลมจะได้หยุดทำงานเร็วขึ้น ไม่ต้องสตาร์ทรถเผาน้ำมันเล่นไว้นานๆ ก็คือ เปิดฝากระโปรงครับ.....ดังนั้นหลายโอกาสพอผมขับรถมาถึงที่หมาย จะจอดรถแล้วเปิดฝากระโปรงไว้ซัก 2 นาที รอให้พัดลมระบายความร้อนหยุดทำงาน แล้วค่อยดับเครื่อง

ด้วยความที่เปิดฝากระโปรงหน้าบ่อยๆ และฝากระโปรงหน้าน้องปาก็ไม่ใช่เบาๆ......ก็เลยเห็นประโยชน์ของเจ้าโช๊คค้ำฝากระโปรงขึ้นมาครับ.......และยอมรับตรงๆว่า มันดูเท่ห์ดี......เหมือนพวกรถยุโรปดี.....มีประโยชน์ และทำให้รถดูดีมีราคา......ก็เลยกระเป๋าแหกไปตามระเบียบ.......ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าโช๊คนี่ตั้งแต่ยังไม่ได้รถ.....เห็นมาตั้งแต่บ้าน Society เคยจดเบอร์คนขายไว้......พอได้รถมาประมาณซักเดือนนึง ผมก็เลยจัดมาเลย.......ราคาประมาณ 1100 หรือ 1300 นี่แหละครับ ผมจำไม่ได้ ยี่ห้อก็จำไม่ได้ จำได้แต่คนขายชื่อพี่ชัยวัฒน์......ซื้อมาติดตั้งเองครับ ง่ายๆ....แต่สำหรับผมลำบากนิดหน่อย  :D

หน้าตาอุปกรณ์ของเจ้าโช๊คนี่ครับ


ไม่รอช้าได้ของมาก็ติดตั้งไปเลย.....ด้านซ้ายตัวยึดจะยึดกับตัวถังตรงตำแหน่งที่อยู่ใกล้ๆกับกล่อง ABS


ด้านขวาตัวยึดกับตัวถึงจะอยู่ใกล้ๆกับปั๊ม/กรองโซล่า


ติดแล้วใช้งานดี.....น้องปาดูดีมีราคาขึ้นหน่อย  ;)


โช๊คค้ำฝากระโปรงนี่ที่ขายๆกันมีหลายยี่ห้อ หลายเจ้ามากๆครับ แต่สิ่งที่แนะนำสำหรับการเลือกซื้อเจ้าโช๊คค้ำฝากระโปรงนี่คือขอให้ดูที่ตัวล็อคครับ คือเจ้าตัวล็อคที่ยึดกับตัวถังรถนะครับ.....ถ้าให้ดีควรมีจุดยึดข้างละ 2 จุด สำหรับด้านซ้ายนั้น จุดยึด 2 จุด จุดหนึ่งจะอยู่บริเวณขอบตัวถัง อีกจุดนึงจะมุดเข้าไปยึดกับตัวถังข้างๆกล่อง ABS (ด้านใน โดนกล่อง ABS ยังอยู่)


ส่วนด้านขวาก็จะมีจุดยึด 2 จุดเช่นกันครับ จุดนึงที่ขอบตัวถัง และอีกจุดจะไปยึดกับน็อตยึดปั๊ม/กรองโซล่าไว้


ผมเคยลองซื้ออีกยี่ห้อในราคาประมาณ 700-800 บาทมาลองใช้.....พอดียี่ห้อที่ซื้อมีจุดยึดด้านละ 1 จุด ผมลองเอามาใส่ดูแล้ว พอเปิดผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยมั่นคงครับ ฝากระโปรงมันเหมือนจะขยับไปมาได้ เหมือนมันกระพือหน่อย.....กลัวว่ามันจะหล่นลงมาทับหัวเวลามุดดูโน่นดูนี่อยู่ ก็เลยเปลี่ยนออกเอาอันที่มีจุดยึด 2 จุดมาใส่ไว้แทน รู้สึกมันมั่นคงกว่าแยะเลยครับ ;D

อีกเรื่องหนึ่งที่เตือนสำหรับผู้ที่ซื้อเจ้าโช๊คนี่มาแล้วติดตั้งเอง.......ตอนขันน็อตกลับเข้าไปเพื่อยึดนี่ระวังหน่อยนะครับ......ขันแค่พอตึงมือก็พอ......ผม ด้วยความไม่รู้กลัวไม่แน่น......เอาประแจบ๊อกมาไข กะเอาให้แน่นหนาชัวร์ๆ.....ปรากฏว่าน้อตขาดเลยครับ......หัวขาด ตัวเกลียวคาอยู่ข้างใน......... :'( :'( :'(......งานเข้าครับ.....กว่าจะเอาไอ้เกลียวที่คาอยู่ออกได้เกือบ 2 ชั่วโมง....... ??? ???.....แทนที่จะเป็นงานติดตั้งง่ายๆ 10 นาทีเสร็จ......ผมเลยกลายเป็นงานยาก งานเหนื่อย กว่าจะเสร็จจัดไป 2 ชั่วโมง.......ถึงบอกว่าสำหรับผม ติดตั้งเจ้านี่มันลำบากนิดหน่อยอะครับ  :D :D ;D ;D

เอารูปน็อตที่ขาดมาให้ชมด้วยหละ


และมีอีก 1 คำเตือนสำหรับท่านที่มีเจ้าโช๊คนี้อยู่แล้ว.....คือพอเปิดฝากระโปรงแล้ว เรายังควรที่จะเอาเจ้าเหล็กค้ำฝากระโปรงขึ้นมายันฝากระโปรงไว้ตามปกตินะครับ......ไม่งั้นถ้าเจ้าโช๊คเป็นไรขึ้นมา ฝาจะได้ไม่มาหล่นทับหัว......อย่าล้อเล่นไปนะครับ.....เคยมีข่าวมาแล้วขนาดรถยุโรปยี่ห้อดังๆ ยังเคยมีที่โช๊คค้ำฝากระโปรงเสีย ฝาหล่นมาทับช่างที่ทำงานอยู่..เจ็บกันไปตามระเบียบ  :D :D :-X :-X :-\ :-\
จบแล้วครับสำหรับโช๊คค้ำฝากระโปรง.....ใครชอบก็ไปหามาใส่ครับ  :)......รอชมตอนต่อไปนะครับว่าในน้องปาออสซี่จะมีอะไรอีก  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 6 ตุลาคม 2012, 00:58:10 โดย ตูมตาม »
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ พี่ชัย (wansasi)

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 940
  • Like: 15
  • เพศ: ชาย
  • Love me love my dog
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: 6 ตุลาคม 2012, 12:36:14 »
อยากเห็นข้างใน ปาออสซี่ นะครับ ขอ review ด้วยครับ  ;D

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2012, 00:32:40 »
เล็กๆน้อยๆกับน้องปาออสซี่ ตอนที่2 เหตุเกิดเพราะขี้เกียจเปลี่ยนยาง

สำหรับตอนนี้ จะเหลาถึงอุปกรณ์ตัวนึงที่อยู่ในน้องปาออสซี่ของผมครับ จริงๆแล้วเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ผมซื้อมาสำหรับน้องปาเลยครับ เรียกว่าจริงๆแล้วเจ้านี่แหละที่พาผมเริ่มแหก เพราะผมสั่งตั้งแต่ยังไม่ได้รถ เจ้าของชิ้นนี้มานอนรอน้องปาอยู่ที่บ้านผมร่วมเดือน

เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาตั้นแต่ตอนผมไปดูน้องปาที่โชว์รูมเพื่อจะจอง.....ตามสูตร น้องเซลต้องมาบอกข้อดีโน่นนี่นั่น.....และข้อดีข้อหนึ่งที่น้องเซลนำมาพรีเซ็นต์ให้ฟังก็คือ.....ที่ล็อกยางอะไหล่ที่อยู่ด้านใน...คุณเธอบอกว่าปลอดภัยแน่นอน (5555 พอเอาเข้าจริงหายกันเพียบ).....ผมก็เลยสงสัย และถามไปว่า "แล้วมันถอดยังงัยอะน้อง"..... เท่านั้นแหละครับเป็นเรื่องเลย.....คุณน้องเซลทำหน้างงๆ เอ๋อไปประมาณ สิบวินาทีแล้วก็หันมาบอกว่า.....แป๊บนึงนะพี่.....คุณเธอวิ่งหายแว๊บเข้าไปในประตูที่เขียนว่า Staff Only.....ผ่านไปซัก 5 นาที คุณเธอก็กลับมาพร้อมช่าง.....โอโห ถามว่าถอดยางอะไหล่ยังงัย ถึงกับต้องเรียกช่างเลยหรือเนี่ย.....เอาๆ เอาไงเอากัน......พี่ช่างมาถึงก็อธิบายเป็นฉากๆ.....สารภาพตามตรง....ฟังแมร่งไม่รู้เรื่องเลย.....ผมก็เลยบอกช่างว่า...."เอางี้พี่ พี่ถอดยางอะไหล่ออกมาให้ผมดูหน่อยดิ"...... ช่างมันทำหน้ายังกะผมไปด่าพ่อมัน......แต่มันก็ต้องทำตามที่ผมขอ 555555 เพราะผมบอกมันว่า "ไม่งั้นไม่จอง".......คุณพี่ช่างก็เลยจัดการถอดยางอะไหล่ออกมา โชว์การถอดทุกขั้นตอน......ถอดออกมาเสร็จ.....ผมก็มาติดใจว่าแล้วตอนเก็บนี่มันไม่ยากหรือไง....ก็เลยให้คุณพี่ช่างเก็บยางอะไหล่ให้ดูอีกที.......ขอบอกว่าขนาดเป็นช่าง ทำคนเดียวเหงื่อพี่แกยังแตกท่วม......ผมรู้สึกว่ามันยากตั้งแต่ยังไม่เริ่มถอดแล้วครับ คือถ้าของเต็มๆท้ายรถ หรือท้ายรถรกๆอย่างผม แค่เก็บกวาดของท้ายรถนี่ก็เหนื่อยแล้ว....และที่น่าจะเหนื่อยอีกอย่างคือตอนเก็บครับ ตอนที่ดึงให้ยางมันลอยขึ้นมาจนเข้าที่........ท่าจะเหนื่อย :D :D

ทั้งหมดจึงทำให้ผมเกิดความขี้เกียจเปลี่ยนยางเองครับ.....แต่เป็นผู้ชาย ขับรถลุย ถ้าต้องเรียกแท็กซี่มาช่วยเปลี่ยนยางนี่มันจะยังงัยๆอยุ่นะ ...... ก็เลยไปนั่งหาข้อมูลครับ หาไปเรื่อยๆ ก็มาเจอกับเจ้านี่เข้า......ถูกใจใช่เลยครับ มันคือเจ้า TPMS หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Tyre Monitoring .... จริงๆที่ขายๆกันบนเน็ตก็มีอยู่หลายยี่ห้อครับ หน้าตาคล้ายๆกัน ฟังชั่นก็คล้ายๆกัน....เผลอๆมันจะผลิตโรงงานเดียวกันซะด้วยซ้ำ......ยี่ห้อที่ผมเลือกคือ TYREDOG ครับ ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้ จำได้แต่คนขายเป็นเจ้าของร้านทองอยู่ลพบุรี  ;D


(เครดิตภาพจาก www.tyredog.com.au)

เจ้า TPMS ที่ผมเลือกมานี่จะมีตัว monitor ติดอยู่ในรถ และติดต่อกับ sensor สำหรับวัดค่าต่างๆของยาง (คือไอ้ตัวกลมๆในรูป) ทั้งสองอย่างติดต่อกันด้วยระบบ Bluetooth ตัว monitor นั้นจะเปิดด้วยระบบสั่นสะเทือน เช่นพอปิดประตูรถมันก็จะติดขึ้นมาเพราะตัวรถสะเทือน ถ้าจอดรถอยู่เฉยๆซักพักมันก็จะดับครับ เป็นการประหยัดพลังงาน สำหรับตัว sensor นั้นมีแหวนล็อคสำหรับกันขโมย ตัวแหวนต้องไขด้วย 6เหลี่ยมจนหลวมก่อนถึงจะถอดเซ็นเซอร์ออกได้ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันช่วยยังงัย คือถ้าโจรมันมี 6เหลี่ยมมันก็ถอดได้อยู่ดี  ::)

สำหรับฟังชั่นที่ใช้งาน ก็มีการวัด 2อย่างหลักๆ (ผมจำไม่ได้ว่ามันวัดได้กี่อย่าง แต่ใช้อยู่แค่ 2 อย่าง จริงๆมันมีมากกว่านั้นหรือเปล่าจำไม่ได้นะครับ) คือ วัดแรงดันลมยาง กับวัดอุณหภูมิของยางครับ ค่าทั้งแรงดันและอุณหภูมิจะส่งจาก sensor มาขึ้นที่หน้าจอ สามารถตั้งค่าให้เตือนได้ทั้งสูงและต่ำ สำหรับตัวที่ผมใช้งานอยู่่นั้นการวัดค่าแรงดันลมยางไม่แม่นยำเท่าไหร่ คือพอเติมที่ 35 ตัวเลขที่โชว์มันจะขึ้นประมาณ 38 ถ้าเติม 32 มันจะขึ้นประมาณ 35 คือจะเกินอยู่ประมาณ 3psi ตลอด แต่ถึงแม้ไม่แม่นยำ แต่ก็สามารถใช้งานได้นะครับ เพราะสิ่งที่เราดูไม่ใช่ตัวเลข แต่ที่เราดูคือ trend ของตัวเลขต่างหาก คือถ้าตัวเลขแสดงค่าแรงดันลมยางมีค่าลดลงเรื่อยๆแสดงว่ายางมีปัญหาแน่นอนครับ ดังนั้นการวัดก็ไม่ถึงขนาดต้องแม่นยำครับ ผมใช้ดูแค่ trend ก็เลยไม่ได้ซีเรียสที่จะต้องไปเคลมหรือเปลี่ยน แต่ผมเคยถามหลายคนที่ใช้ยี่ห้อนี้อยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอย่างผมนะครับ อาจเป็นที่ผมเครื่องเดียวก็ได้  :'( :'(

สำหรับประโยชน์จากการใช้งาน....ผมติดเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มาตั้งแต่ได้รถวันแรก......จนถึงวันนี้มันช่วยให้ผมไม่ต้องจอดเปลี่ยนยางอะไหล่มาแล้ว 4 ครั้ง จากการโดนตะปูตำทั้งหมดตั้งแต่ใช้รถมา 5 ครั้ง....พอยางโดนตะปูตำ ลมรั่วออก แรงดันลมยางลดลงต่ำกว่าระดับที่ตั้งเตือน (ผมตั้งเตือนไว้ที่ 26) เครื่องก็จะร้องเตือนซึ่งขณะนั้นยางยังพอมีแรงดันลมเพียงพอที่จะวิ่งได้อยู่เพื่อไปหาร้านปะยาง.....ดังนั้นทั้ง 4 ครั้งนั้่นผมไม่ต้องจอด ลงมาเปลี่ยนยางอะไหล่เลยครับ.....แค่พยายามหาร้านปะยางใกล้ ตามปั๊มน้ำมันก็มี.....เข้าไปให้พนักงานร้านจัดการก็เรียบร้อย ;D ;D :)

มันช่วยไว้ได้ 4 จาก 5 ครั้ง.....แล้วอีกครั้งนึงละ......อีกครั้งนึงผมก็ไม่ได้เปลี่ยนยางอะไหล่มาใช้นะครับ....เพียงแต่ผมต้องใช้แผนสำรอง..เรื่องของเรื่องก็คือ เจ้า TYREDOG นี่มันเตือนครับ แต่มันเตือนตอนที่ผมอยู่ระหว่างทางในต่างจังหวัด.....ตอนนั้นจะไปเที่ยวบ้านกรูด อยู่ระหว่างทาง Bypass หัวหิน มันร้องเตือน....แถวนั้นไม่มีร้านปะยาง.....ถ้าจะเอาเร็วก็คงต้องตัดเข้าตัวเมืองหัวหิน ไปหาเอาในเมือง.....แต่คงเสียเวลามาก ต้องวันเข้าเมือง กว่าจะทำเสร็จ กว่าจะออกจากเมือง.......ผมก็เลยดูที่ลมยางครับ ตัวเลขที่โชว์อยู่ที่หน้าปัดคือ 25 ถ้าเทียบกับอาการที่ค่ามันเพี้ยน แรงดันลมยางผมน่าจะเหลือประมาณ 20 ไม่เกิน 22 ..... มันก็ยังพอวิ่งได้นะครับ ถ้ายังมีแรงดันลมยางระดับนี้ตลอด......แต่ถ้ามันรั่วออกไปเรื่อยๆ คงไม่รอด.....ผมก็เลยต้องงัดเอาแผนสำรองมาใช้ครับ.....แผนสำรองผมก็คือเจ้านี่ครับ

 

เจ้านี่คือแผนสำรองครับ.....ผมมีติดรถไว้ทุกคัน.....เจ้าตัวนี้มันจะเป็นกระป๋องสำหรับอัดโฟมเข้าไปในยางครับ.....ทั้งทำให้ยางมีแรงดันลมเพิ่มขึ้นนิดหน่่่อย (ผมเคยใช้ตอนยางแบนไปเลยนะครับในรถคันเก่า อัดเข้าไปยางจะพองตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง ให้รถพอวิ่งได้ครับ ตอนนั้นพอไปถึงร้านปะยาง ผมลองให้เด็กที่ร้านลองวัดแรงดันลมให้ ปรากฏว่ามันสร้างแรงดันลมจากยางแบนไปเลยได้ถึงเกือบ 20 psi เลยครับ) นอกจากนั้นพออัดเจ้าโฟมนี่เข้าไป ตัวโฟมมันจะไปช่วยอุดรอยรั่วให้ลมออกจากยางน้อยกว่าเดิมครับ......ครั้งนั้นผมก็เลยเอาเจ้านี่อัดเข้าไปในยางครับ.....ผลปรากฏว่าผมขับต่อไปอีกเกือบ 40กิโลเมตรครับกว่าจะไปเจอร้านปะยาง.....รถวิ่งได้ไม่มีปัญหาครับ.....ตกลงตั้งแต่ใช้น้องปามาปีกว่า โดนตะปูไป 5 ครั้ง (ซวยจริง) เพราะมีเจ้าอุปกรณ์ 2 ตัวนี้ ผมไม่เคยต้องมาเปลี่ยนยางอะไหล่เลยซักครั้งครับ  ;D ;D อ้อ....ลืมบอกไป เจ้ากระป๋องแผนสำรองผมนี่ ใช้ได้ครั้งเดียวนะครับ อัดแล้วต้องอัดจนหมดกระป๋อง.....ทิ้งแล้วซื้อใหม่เลยครับ......ราคาก็ไม่ถูกครับ กระป๋องนึงประมาณ 700-800 ครับ.....แพงเอาการอยู่ครับ......แต่พอมี TyreDog ผมก็ไม่ต้องใช้เจ้ากระป๋๋๋๋องนี่บ่อยครับ ประหยัดไปได้พอควร  ;D ;D

นี่แหละครับ....ทั้งหมดมาจากความขึ้เกียจ....ก็เลยได้กระเป๋าแหกมากับเจ้าอุปกรณ์ 2 ตัวนี้  ;) ;)
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.

ออฟไลน์ กิต <Black Angel>

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 8,947
  • Like: 175
  • เพศ: ชาย
  • There is a will, there is a way!
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: 10 ตุลาคม 2012, 10:38:00 »
เล็กๆน้อยๆกับน้องปาออสซี่ ตอนที่2 เหตุเกิดเพราะขี้เกียจเปลี่ยนยาง

สำหรับตอนนี้ จะเหลาถึงอุปกรณ์ตัวนึงที่อยู่ในน้องปาออสซี่ของผมครับ จริงๆแล้วเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ผมซื้อมาสำหรับน้องปาเลยครับ เรียกว่าจริงๆแล้วเจ้านี่แหละที่พาผมเริ่มแหก เพราะผมสั่งตั้งแต่ยังไม่ได้รถ เจ้าของชิ้นนี้มานอนรอน้องปาอยู่ที่บ้านผมร่วมเดือน

เรื่องของเรื่องมันเริ่มมาตั้นแต่ตอนผมไปดูน้องปาที่โชว์รูมเพื่อจะจอง.....ตามสูตร น้องเซลต้องมาบอกข้อดีโน่นนี่นั่น.....และข้อดีข้อหนึ่งที่น้องเซลนำมาพรีเซ็นต์ให้ฟังก็คือ.....ที่ล็อกยางอะไหล่ที่อยู่ด้านใน...คุณเธอบอกว่าปลอดภัยแน่นอน (5555 พอเอาเข้าจริงหายกันเพียบ).....ผมก็เลยสงสัย และถามไปว่า "แล้วมันถอดยังงัยอะน้อง"..... เท่านั้นแหละครับเป็นเรื่องเลย.....คุณน้องเซลทำหน้างงๆ เอ๋อไปประมาณ สิบวินาทีแล้วก็หันมาบอกว่า.....แป๊บนึงนะพี่.....คุณเธอวิ่งหายแว๊บเข้าไปในประตูที่เขียนว่า Staff Only.....ผ่านไปซัก 5 นาที คุณเธอก็กลับมาพร้อมช่าง.....โอโห ถามว่าถอดยางอะไหล่ยังงัย ถึงกับต้องเรียกช่างเลยหรือเนี่ย.....เอาๆ เอาไงเอากัน......พี่ช่างมาถึงก็อธิบายเป็นฉากๆ.....สารภาพตามตรง....ฟังแมร่งไม่รู้เรื่องเลย.....ผมก็เลยบอกช่างว่า...."เอางี้พี่ พี่ถอดยางอะไหล่ออกมาให้ผมดูหน่อยดิ"...... ช่างมันทำหน้ายังกะผมไปด่าพ่อมัน......แต่มันก็ต้องทำตามที่ผมขอ 555555 เพราะผมบอกมันว่า "ไม่งั้นไม่จอง".......คุณพี่ช่างก็เลยจัดการถอดยางอะไหล่ออกมา โชว์การถอดทุกขั้นตอน......ถอดออกมาเสร็จ.....ผมก็มาติดใจว่าแล้วตอนเก็บนี่มันไม่ยากหรือไง....ก็เลยให้คุณพี่ช่างเก็บยางอะไหล่ให้ดูอีกที.......ขอบอกว่าขนาดเป็นช่าง ทำคนเดียวเหงื่อพี่แกยังแตกท่วม......ผมรู้สึกว่ามันยากตั้งแต่ยังไม่เริ่มถอดแล้วครับ คือถ้าของเต็มๆท้ายรถ หรือท้ายรถรกๆอย่างผม แค่เก็บกวาดของท้ายรถนี่ก็เหนื่อยแล้ว....และที่น่าจะเหนื่อยอีกอย่างคือตอนเก็บครับ ตอนที่ดึงให้ยางมันลอยขึ้นมาจนเข้าที่........ท่าจะเหนื่อย :D :D

ทั้งหมดจึงทำให้ผมเกิดความขี้เกียจเปลี่ยนยางเองครับ.....แต่เป็นผู้ชาย ขับรถลุย ถ้าต้องเรียกแท็กซี่มาช่วยเปลี่ยนยางนี่มันจะยังงัยๆอยุ่นะ ...... ก็เลยไปนั่งหาข้อมูลครับ หาไปเรื่อยๆ ก็มาเจอกับเจ้านี่เข้า......ถูกใจใช่เลยครับ มันคือเจ้า TPMS หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Tyre Monitoring .... จริงๆที่ขายๆกันบนเน็ตก็มีอยู่หลายยี่ห้อครับ หน้าตาคล้ายๆกัน ฟังชั่นก็คล้ายๆกัน....เผลอๆมันจะผลิตโรงงานเดียวกันซะด้วยซ้ำ......ยี่ห้อที่ผมเลือกคือ TYREDOG ครับ ราคาเท่าไหร่จำไม่ได้ จำได้แต่คนขายเป็นเจ้าของร้านทองอยู่ลพบุรี  ;D


(เครดิตภาพจาก www.tyredog.com.au)

เจ้า TPMS ที่ผมเลือกมานี่จะมีตัว monitor ติดอยู่ในรถ และติดต่อกับ sensor สำหรับวัดค่าต่างๆของยาง (คือไอ้ตัวกลมๆในรูป) ทั้งสองอย่างติดต่อกันด้วยระบบ Bluetooth ตัว monitor นั้นจะเปิดด้วยระบบสั่นสะเทือน เช่นพอปิดประตูรถมันก็จะติดขึ้นมาเพราะตัวรถสะเทือน ถ้าจอดรถอยู่เฉยๆซักพักมันก็จะดับครับ เป็นการประหยัดพลังงาน สำหรับตัว sensor นั้นมีแหวนล็อคสำหรับกันขโมย ตัวแหวนต้องไขด้วย 6เหลี่ยมจนหลวมก่อนถึงจะถอดเซ็นเซอร์ออกได้ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันช่วยยังงัย คือถ้าโจรมันมี 6เหลี่ยมมันก็ถอดได้อยู่ดี  ::)

สำหรับฟังชั่นที่ใช้งาน ก็มีการวัด 2อย่างหลักๆ (ผมจำไม่ได้ว่ามันวัดได้กี่อย่าง แต่ใช้อยู่แค่ 2 อย่าง จริงๆมันมีมากกว่านั้นหรือเปล่าจำไม่ได้นะครับ) คือ วัดแรงดันลมยาง กับวัดอุณหภูมิของยางครับ ค่าทั้งแรงดันและอุณหภูมิจะส่งจาก sensor มาขึ้นที่หน้าจอ สามารถตั้งค่าให้เตือนได้ทั้งสูงและต่ำ สำหรับตัวที่ผมใช้งานอยู่่นั้นการวัดค่าแรงดันลมยางไม่แม่นยำเท่าไหร่ คือพอเติมที่ 35 ตัวเลขที่โชว์มันจะขึ้นประมาณ 38 ถ้าเติม 32 มันจะขึ้นประมาณ 35 คือจะเกินอยู่ประมาณ 3psi ตลอด แต่ถึงแม้ไม่แม่นยำ แต่ก็สามารถใช้งานได้นะครับ เพราะสิ่งที่เราดูไม่ใช่ตัวเลข แต่ที่เราดูคือ trend ของตัวเลขต่างหาก คือถ้าตัวเลขแสดงค่าแรงดันลมยางมีค่าลดลงเรื่อยๆแสดงว่ายางมีปัญหาแน่นอนครับ ดังนั้นการวัดก็ไม่ถึงขนาดต้องแม่นยำครับ ผมใช้ดูแค่ trend ก็เลยไม่ได้ซีเรียสที่จะต้องไปเคลมหรือเปลี่ยน แต่ผมเคยถามหลายคนที่ใช้ยี่ห้อนี้อยู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอย่างผมนะครับ อาจเป็นที่ผมเครื่องเดียวก็ได้  :'( :'(

สำหรับประโยชน์จากการใช้งาน....ผมติดเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มาตั้งแต่ได้รถวันแรก......จนถึงวันนี้มันช่วยให้ผมไม่ต้องจอดเปลี่ยนยางอะไหล่มาแล้ว 4 ครั้ง จากการโดนตะปูตำทั้งหมดตั้งแต่ใช้รถมา 5 ครั้ง....พอยางโดนตะปูตำ ลมรั่วออก แรงดันลมยางลดลงต่ำกว่าระดับที่ตั้งเตือน (ผมตั้งเตือนไว้ที่ 26) เครื่องก็จะร้องเตือนซึ่งขณะนั้นยางยังพอมีแรงดันลมเพียงพอที่จะวิ่งได้อยู่เพื่อไปหาร้านปะยาง.....ดังนั้นทั้ง 4 ครั้งนั้่นผมไม่ต้องจอด ลงมาเปลี่ยนยางอะไหล่เลยครับ.....แค่พยายามหาร้านปะยางใกล้ ตามปั๊มน้ำมันก็มี.....เข้าไปให้พนักงานร้านจัดการก็เรียบร้อย ;D ;D :)

มันช่วยไว้ได้ 4 จาก 5 ครั้ง.....แล้วอีกครั้งนึงละ......อีกครั้งนึงผมก็ไม่ได้เปลี่ยนยางอะไหล่มาใช้นะครับ....เพียงแต่ผมต้องใช้แผนสำรอง..เรื่องของเรื่องก็คือ เจ้า TYREDOG นี่มันเตือนครับ แต่มันเตือนตอนที่ผมอยู่ระหว่างทางในต่างจังหวัด.....ตอนนั้นจะไปเที่ยวบ้านกรูด อยู่ระหว่างทาง Bypass หัวหิน มันร้องเตือน....แถวนั้นไม่มีร้านปะยาง.....ถ้าจะเอาเร็วก็คงต้องตัดเข้าตัวเมืองหัวหิน ไปหาเอาในเมือง.....แต่คงเสียเวลามาก ต้องวันเข้าเมือง กว่าจะทำเสร็จ กว่าจะออกจากเมือง.......ผมก็เลยดูที่ลมยางครับ ตัวเลขที่โชว์อยู่ที่หน้าปัดคือ 25 ถ้าเทียบกับอาการที่ค่ามันเพี้ยน แรงดันลมยางผมน่าจะเหลือประมาณ 20 ไม่เกิน 22 ..... มันก็ยังพอวิ่งได้นะครับ ถ้ายังมีแรงดันลมยางระดับนี้ตลอด......แต่ถ้ามันรั่วออกไปเรื่อยๆ คงไม่รอด.....ผมก็เลยต้องงัดเอาแผนสำรองมาใช้ครับ.....แผนสำรองผมก็คือเจ้านี่ครับ

 

เจ้านี่คือแผนสำรองครับ.....ผมมีติดรถไว้ทุกคัน.....เจ้าตัวนี้มันจะเป็นกระป๋องสำหรับอัดโฟมเข้าไปในยางครับ.....ทั้งทำให้ยางมีแรงดันลมเพิ่มขึ้นนิดหน่่่อย (ผมเคยใช้ตอนยางแบนไปเลยนะครับในรถคันเก่า อัดเข้าไปยางจะพองตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง ให้รถพอวิ่งได้ครับ ตอนนั้นพอไปถึงร้านปะยาง ผมลองให้เด็กที่ร้านลองวัดแรงดันลมให้ ปรากฏว่ามันสร้างแรงดันลมจากยางแบนไปเลยได้ถึงเกือบ 20 psi เลยครับ) นอกจากนั้นพออัดเจ้าโฟมนี่เข้าไป ตัวโฟมมันจะไปช่วยอุดรอยรั่วให้ลมออกจากยางน้อยกว่าเดิมครับ......ครั้งนั้นผมก็เลยเอาเจ้านี่อัดเข้าไปในยางครับ.....ผลปรากฏว่าผมขับต่อไปอีกเกือบ 40กิโลเมตรครับกว่าจะไปเจอร้านปะยาง.....รถวิ่งได้ไม่มีปัญหาครับ.....ตกลงตั้งแต่ใช้น้องปามาปีกว่า โดนตะปูไป 5 ครั้ง (ซวยจริง) เพราะมีเจ้าอุปกรณ์ 2 ตัวนี้ ผมไม่เคยต้องมาเปลี่ยนยางอะไหล่เลยซักครั้งครับ  ;D ;D อ้อ....ลืมบอกไป เจ้ากระป๋องแผนสำรองผมนี่ ใช้ได้ครั้งเดียวนะครับ อัดแล้วต้องอัดจนหมดกระป๋อง.....ทิ้งแล้วซื้อใหม่เลยครับ......ราคาก็ไม่ถูกครับ กระป๋องนึงประมาณ 700-800 ครับ.....แพงเอาการอยู่ครับ......แต่พอมี TyreDog ผมก็ไม่ต้องใช้เจ้ากระป๋๋๋๋องนี่บ่อยครับ ประหยัดไปได้พอควร  ;D ;D

นี่แหละครับ....ทั้งหมดมาจากความขึ้เกียจ....ก็เลยได้กระเป๋าแหกมากับเจ้าอุปกรณ์ 2 ตัวนี้  ;) ;)

เป็นการแหกที่คุ้มค่ามากครับ สงสัยต้องขอลอกการบ้านบ้างแล้วครับ  ;)

ออฟไลน์ พี่เจมส์

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 2,694
  • Like: 78
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: 12 ตุลาคม 2012, 16:23:46 »

หวัดดีคับท่าน ท่านตูมตามมะมาต่อล่ะคับ  ;D ;D ;D เค้ารออยู่น้า

ออฟไลน์ พี่ชัย (wansasi)

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 940
  • Like: 15
  • เพศ: ชาย
  • Love me love my dog
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2012, 21:26:12 »
แวะมารอตอนต่อไปครับ  ;)

ออฟไลน์ ย้ง

  • Full Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 137
  • Like: 2
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2012, 21:56:17 »
อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย ต้องลอกการบ้านด้วยอีกคนแล้ว :sd23: :sd23:

ออฟไลน์ ตูมตาม

  • Founder Member
  • Pa Mania
  • *
  • กระทู้: 6,865
  • Like: 260
  • เพศ: ชาย
Re: กว่าจะมาเป็น ปาออสซี่
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2012, 00:13:58 »
อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย ต้องลอกการบ้านด้วยอีกคนแล้ว :sd23: :sd23:

สวัสดีครับพี่ย้ง...... :L4399: :L4399:....คิดถึงพี่ย้งเช่นกันครับ เห็นพี่ต้นพี่ลีโจล่วงหน้ามาก่อน ทิ้งพี่ย้งไว้คนเดียวรู้สึกผิดจริงๆครับ  :L2753: :L2753: ...... เดี๋ยวชดเชยด้วยการพาพี่ย้งไปทุก meeting เลยนับจากนี้ครับ  :L2754: :L2754:
We are put in situations to build our characters, not to destroy us.